แย่แล้ว!เขายังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไป คลื่นพลังที่รุนแรงก็วนกลับมาอีกครั้งอ๊าก!แม้เขาจะมีพละกำลังอันน่าสะพรึง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะคลื่นพลังที่รุนแรงนั้น มือข้างหนึ่งของเขากระตูกแตกและไหล่หัก ทำให้เขาไม่สามารถกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดได้อีกต่อไปเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ผั่วจวินก็ไม่ทันสนใจ เพราะที่นี่คือบ้านของตน หากรอเก็บกวาดภายหลังจะยุ่งยากเสียเปล่าเพียงแค่สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เลือดที่กระจายไปทั่วก็ถูกเก็บกวาดเข้าด้วยกันแล้วก็ถูกโยนทิ้งถังขยะทันทีนักฆ่าหมายเลขเจ็ดตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้เป็นอย่างดี“แก แกทำได้ยังไงกัน!”ผู้เฒ่าหวังพยายามห้ามเลือดอยู่หลายครั้ง พร้อมกับมองไปที่หยางผั่วจวินอย่างไม่เชื่อสายตาเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเพียงแค่ยกมือขึ้น ก็มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน!หยางผั่วจวินส่ายหัวและพูดด้วยความรังเกียจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสั่งไว้ ไม่มีทางที่ฉันจะใช้พลังแค่สามส่วนหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น
“แก ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่?”ผู้เฒ่าหวังเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว“มาถามเอาตอนนี้จะมีประโยชน์หรือไง?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อฉันให้โอกาสแกได้มีชีวิต แต่แกกลับปฏิเสธมันด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”เมื่อได้ยิน ผู้เฒ่าหวังก็ถึงกับหน้าถอดสีเขารู้ตัวว่าอีกฝ่ายต้องฆ่าเขาจริงๆ แน่ ทันใดนั้นก็มีปืนปรากฏอยู่ในมือของเขา แล้วเล็งไปที่เย่เทียนหยู่พร้อมตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมดอย่าขยับ”“ปืนพกของฉันกระบอกนี้ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ ทั้งความแรงและความเร็วดีกว่าปืนพกธรรมดาหลายเท่า ในระยะใกล้แค่นี้ ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ก็คงไม่รอดเหมือนกัน”ที่ทำให้เขาถึงกับหวั่นใจเลยคือ แม้ต้องเผชิญกับปืนพกที่อยู่เบื้องหน้า แต่เย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงข้ามกันกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูสงบนิ่งและเยือกเย็นเหมือนเดิมในอีกด้าน หยางผั่วจวินแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแกกล้าแตะต้องคุณชาย รับรองเลยว่าฉันจะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ แน่นอน”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดมีท่าทีจริงจังและจ้องไปที่ผู้เฒ่าหวังอย่างไม่ลดละ อยากจะใช้ความเร็วขอ
เสียเวลามามากพอแล้ว เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วช่วงนี้กงซุนจื้อสร้างเรื่องมากมายขนาดนี้ ผู้เฒ่าหวังคงเป็นคนคอยเก็บกวาดให้เขาสินะอย่างไรเสีย ตระกูลกงซุน เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าหวังก็โกรธขึ้นมาทันที ก็ดี ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในพลังปืนของตนเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นก็จะให้พวกเขาได้เห็นอานุภาพของมันเสียเลยเขารีบเหนี่ยวไกปืนในทันทีเมื่อเหนี่ยวไกปืน ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา กระสุนพุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าเร็ว เร็วมากจริงๆ!แต่เย่เทียนหยู่สงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้น ยื่นออกไปสบายๆ ผู้เฒ่าหวังตกใจเล็กน้อย เจ้าหนุ่มนี่ ปัญญาอ่อนหรือไง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆแต่เพียงชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสายตาตัวเอง ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเพราะว่าเขาเห็นเย่เทียนหยู่ใช้มือเปล่าจับกระสุนที่มีทั้งความเร็วและพลังเหนือกว่าทั่วกระสุนไปมากเอาไว้ได้นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เสียอีกได้ยินมาว่าปรมาจารย์สามารถจับกระสุนได้ด้วยมือปล่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่กระสุนธรรมดา ไม่ใช่กระสุนพิเศษที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลังกว่าหลายเท่าแบบของตนเมื่
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเตือนแกไว้ก่อน”“ครั้งหน้าถ้าคิดจะฆ่าฉัน ไม่ต้องหาคนกระจอกงอกง่อยแบบนี้มาหรอก หาคนที่เก่งกว่านี้หน่อยสิ”“ไม่อย่างนั้น มันก็น่าเบื่อแย่เลยสิ”เย่เทียนหยู่เปิดปากพูดเบาๆ“แก แกหมายความว่ายังไง?”กงซุนจื้อถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ผู้เฒ่าหวังก็ยังทำไม่สำเร็จแต่ว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงนั่นคือยอดฝีมือผู้ที่มีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางเลยนะ เจ้าเย่เทียนหยู่ ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กันจากข้อมูลที่ตนได้สืบค้นมาก่อนหน้านี้ เย่เทียนหยู่เพิ่งจะลงจากเขามา เดิมทีเขาไม่มีภูมิหลังอะไรเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ทักษะกังฟูที่พอจะเป็นการเป็นงานหน่อย แต่นับประสาอะไรกับกังฟูลูกแมวพวกนั้น ที่แทบจะไม่มีประโยชน์เลย“ไม่มีอะไร ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์กงซุนจื้อโทรไปที่มือถือของผู้เฒ่าหวังในทันที แต่ไม่ว่าจะโทรสักกี่รอบ ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย ณ เวลานี้ ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เลยในตอนนี้ เขาก็คิดได้ ว่าตนดูถูกฝีมือของเขาจนเกินไป เพราะคิดว่าสามารถบดขยี้เย่เทียนหยู่ให้ตายได้ แต่กลับไม่ง่ายอย่าง
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นคำสั่งของคุณชาย ทั้งสองคนพาผู้เฒ่าหวังไปที่ห้องน้ำ โปรยผงเล็กน้อยตามที่เย่เทียนหยู่สั่งไว้ไม่นานก็เกิดสิ่งที่น่าหน้าอัศจรรย์ขึ้นไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินออกมา แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ของนี่มาจากไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำขึ้นมามันมีประโยชน์กับนักฆ่าอย่างพวกเขาจริงๆ“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?”“อืม!”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า แต่ก็ทนไม่ไหวที่จะถาม “คุณชาย นี่คือ?”“ฉันยังพอมีอยู่ อันนั้นนายเก็บไว้เถอะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ดังนั้นจึงขี้เกียจปลุงมัน คราวหลัง ฉันจะปรุงมันเพิ่มอีกเสียหน่อยก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่พูดเบาๆ“หืม คุณชาย อันนี้คุณทำขึ้นมาเองหรือ”“อืม มีแค่ชิ้นเดียว”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดยิ้มเจื่อน ความสามารถของคุณชายนี่เกินกว่าที่ตนเองจินตนาการไปมากจริงๆหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย“ว่าไง!”“แกคือเย่เทียนหยู่ใช่ไหม?” อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป จนฟังสำเนียงเดิมแทบไม่ออก“ฉันเอง”“’งั้นก็ถูกคนแล้ว เฉินเข่อซินอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว”“แกหมายความว่ายังไง?”เย่เทียนหยู่สีหน้
ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เพราะอีกฝ่ายย้ายตำแหน่งอยู่เรื่อย ๆ เย่เทียนหยู่จึงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็มาถึงที่หมายในที่สุดนี่คืออาคารร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรที่สำคัญเลยคือวิศัยทัศน์รอบด้านโล่งแจ้ง ไม่มีแม้แต่ที่จะให้หลบซ่อน และยังทำให้ไม่สามารถเตรียมอะไรพื้นฐานได้มากนักเมื่อรถมาถึงยังหน้าประตู ยามที่อยู่หน้าประตูก็รีบให้เขาลงจากรถทันทีจากนั้นยามคนหนึ่งก็ตรวจร่างกายดูว่าเขาถือของอะไรมาด้วยไหม ส่วนอีกคนพลิกตรวจดูรอบๆ รถ ไม่พบปัญหาอะไร และไม่มีใครตามมาด้วยหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ยามคนหนึ่งพาเขาเข้าไปข้างใน มีแค่คนเดียวที่ดูประตูอยู่จากนั้นไม่นานนัก เย่เทียนหยู่ก็ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่สวมหน้ากากอยู่ ข้าง ๆ เขาเอง ก็ยังมีชายอีกหลายคน ทั้งหมดล้วนแต่สวมหน้ากาก ไม่เห็นหน้าเย่เทียนหยู่มองไปรอบๆ มองไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินเข่อซินด้วยซ้ำ“ไม่ต้องหาหรอก เฉินเข่อซินไม่ได้อยู่ที่นี่” หัวหน้าของอีกฝ่ายพูด น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแส“แกเป็นใครกัน เพราะอะไรถึงต้องจับตัวเธอ?”เย่เทียนหยู่พยายามให้ตัวเองสงบสติลง ไม่ถามว่าเฉินเข่อซินเป็นยังไง ยิ่งเขาให้ความสนใจมากเท่าไ
ความเจ็บปวดของเขาในปีนั้น จะไม่ให้โกรธแค้นได้ยังไง“ดูเหมือน แกจะแค้นมากสินะ” ชายนิรนามช่างสังเกตมาก “ถ้าฉันพูดไม่ผิด แกน่าจะมีชื่ออื่นอีก เย่เสี่ยวเทียน แกว่าฉันพูดถูกไหม?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา เฉินเข่อซินคือคนที่ตกใจที่สุดเธอตะลึงอยู่ครู่หนึ่งพี่เย่ จะใช่คนเดียวกันกับเสี่ยวเทียนที่ตนตามหาจริงๆ เหรอ?ไม่ อาจจะไม่ใช่พี่เย่อาจจะไม่รู้ว่าตนตามหาพี่เสี่ยวเทียนอยู่ งั้นถ้าเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริง เขาน่าจะยอมรับไปนานแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปกปิดเลยสักนิดในครั้งนี้ เย่เทียนหยู่ไม่คิดที่จะปิดบัง เพราะเขาเองก็อยากรู้ความจริงเมื่อปีนั้น เขาพูดช้าๆ “ไม่ผิด ฉันคือเย่เสี่ยวเทียน เมื่อปีนั้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉันโชคดีที่ยังชีวิต และรอดออกมาได้”ทันทีที่พูดออกไป เฉินเข่อซินก็ตกใจสุดขีด ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองพี่เย่ คือคนเดียวกันกับพี่เสี่ยวเทียนจริงๆเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริงๆ!ในขณะเดียวกัน แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน แม้ว่าจะไม่รู้จักพี่เย่มาก่อน แต่เธอก็ไม่ได้โทษใคร แค่หาพี่เสี่ยวเทียนเจอจริงๆ จะทำอย่างไรก็ยอมหมดแต่ว่า นี่คือเรื่องจริงเหรอ“เป็นแกจริงๆ ด้วย!
เฉินเข่อซินตะลึงไปหมด แต่ในเมื่อเย่เทียนหยู่เปลี่ยนไปแบบนี้ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม และทำตามสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ตั้งใจ“ฮ่าฮ่า......”“เคยเห็นคนปัญญาอ่อนมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”“อืม เกรงว่าเขาจะยังไม่รู้ ว่าพวกเราเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับพลังผลัดเปลี่ยนก็ตามที เมื่อพวกเราร่วมมือกัน ยังไงก็ตายอย่างแน่นอน”“ในเมื่อเขารนหาที่ตายขนาดนี้ พวกเราก็จะสงเคราะห์ให้เขาเอง”ขณะที่พูด หนึ่งในนั้นก็พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ ใช้กริชที่อยู่ในมือฟาดฟันไปยังที่คอของเย่เทียนหยู่ แต่วินาทีต่อมา เขาแค่รู้สึกเจ็บลำคอนิดหน่อย ความหวาดกลัวเกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ พูดอะไรไม่ออกแล้วทรุดตัวลงไปกองอยู่กับพื้นจนเสียชีวิตเขาไม่เห็นเย่เทียนหยู่ลงมือเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมกริชของตัวเองถึงไปอยู่ที่มือของอีกฝ่ายได้อย่างไรชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าถึงกับหน้าถอดสี ไม่น่าเชื่อ นี่คือนักสู้ยอดฝีมือ แล้วจึงพูดด้วยความโกรธ “ทุกคนระวังให้ดี!”แต่ก็สายเกินไปแล้ว เย่เทียนหยู่ปลดปล่อยพลังในร่าง คนทั้งคนเปรียบเหมือนเงาลวงตา พุ่งผ่านทุกคน และเชือดคอทุกคน
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก