การดำรงตำแหน่งนี้ ยังทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ต้องการคำอธิบายตามมาอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้มีการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนี้แต่อย่างใดก่อนอื่นเลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในครั้งที่แล้ว แต่เย่เทียนหยู่ก็เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้มีส่วนร่วมในการช่วยบริษัทเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงและที่สำคัญเลยอย่างที่สองคือ บริษัทที่ต่อต้านหลินหว่านหรูเกือบทั้งหมดถูกกำจัดไปหมดแล้วบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งเป็นเขานั่นเองที่คอยช่วยหลินหว่านหรูมาโดยตลอดหลินหว่านหรูในทุกวันนี้เพราะได้เย่เทียนหยู่คอยหนุนหลัง ทำให้เธอมีอำนาจมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่อำนาจภายในบริษัทก็อาจจะมีมากว่าปู่ของเธอเสียอีกเย่เทียนหยู่ไม่แปลกใจที่หลิวสุ่ยได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เขาเพียงแค่อธิบายถึงสิ่งที่หลิวสุ่ยต้องคอยให้ความสนใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากรับเนื่องจากหลิวสุ่ยยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทหลังจากที่เย่เทียนหยู่อธิบายทุกอย่างเสร็จเขาก็เลิกงานตั้งแต่เช้าตรู่และจากไปด้วยความสบายใจ โดยลืมคำเตือนของหลินหว่
ต่อให้เป็นฉันก็คงยากที่จะเอาชนะได้นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า โดยปกติแล้วเขาคงจะไม่ยอมแพ้แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็หายไปจากตรงนั้นในทันทีทันใดนั้นก็มีแสงวาบปรากฏขึ้นหลายครั้งต่อหน้าเย่เทียนหยู่ กริชสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากอากาศแววตาของเย่เทียนหยู่แสดงถึงความชื่นชม แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงได้ตายแน่นอนเพียงเขาโบกมือเล็กน้อยก็ทำให้นักฆ่าหมายเลขต้องเจ็ดถอยกลับไปได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่ทั้งการใช้ฝีเท้าของนักฆ่าหรือศิลปะแห่งการฆ่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่เลวเลยนักฆ่าหมายเลขเจ็ดถอนหายใจเบาๆ ตามที่คาดไว้เลย การเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้แสดงการคุกคามต่อนายน้อยแต่อย่างใด มันเหมือนกับเด็กที่เล่นไปรอบๆ เสียมากกว่าแต่ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่งต้องพยายามเย่เทียนหยู่พอใจพยักหน้าในความสามารถของเขา “เยี่ยมมาก จงฝึกฝนต่อไป รอให้นายสามารถบรรลุเข้าสู่เขตแดนของระดับปรมาจารย์ได้เมื่อไหร่ก็จะมีแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะสามารถรอดพ้นจากการลอบสังหารของนายได้”“รวมถึงนายน้อยด้วยหรือ?” นักฆ่าหมายเลขเจ็ดถาม“นายต้องการฆ่าฉันหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เคยเห็นคนที่รนหาที่ตายก็จริงแต่ก็ไม่เคยเห็นใครรนหาที่ตายแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่นักฆ่าหมายเลขเจ็ดที่ปกติเป็นคนจริงจังไม่ยิ้มและเยือกเย็น ก็ยังอดไม่ได้จนมุมปากจะกระตุกเล็กน้อยขั้นกลางระดับพลังผลัดเปลี่ยนคนหนึ่งไม่นึกว่าจะแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าพวกเขา โดยเฉพาะต่อหน้านายน้อยผู้เฒ่าหวังมองดูคนเหล่านี้รู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อย แต่เพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ที่สำคัญเลยคือเขายังอ่อนแอกว่าขั้นกลางระยะพลังผลัดเปลี่ยน จึงทำให้มองไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่และคนอื่นๆเขาแสดงสีหน้าโกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “แกยังยิ้มได้อีกหรือ เดิมทีฉันว่าจะเตรียมฝังศพให้แกแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เห็นแก่ความอาวุโสของแก ฉันจะให้โอกาสแกได้มีชีวิต”“รีบไสหัวไปตอนนี้เสีย บอกกงซุนจื้อด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเสียใจ”“จองหองนัก!”“ดูเหมือนพวกแกคงไม่อยากตายสบายๆ กันสินะ คงอยากทุกข์ทรมานมากใช่ไหม”คำพูดของเย่เทียนหยู่ทำให้ผู้เฒ่าหวังโกรธมาก ตระกูลกงซุนของพวกเขาค
แย่แล้ว!เขายังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไป คลื่นพลังที่รุนแรงก็วนกลับมาอีกครั้งอ๊าก!แม้เขาจะมีพละกำลังอันน่าสะพรึง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะคลื่นพลังที่รุนแรงนั้น มือข้างหนึ่งของเขากระตูกแตกและไหล่หัก ทำให้เขาไม่สามารถกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดได้อีกต่อไปเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ผั่วจวินก็ไม่ทันสนใจ เพราะที่นี่คือบ้านของตน หากรอเก็บกวาดภายหลังจะยุ่งยากเสียเปล่าเพียงแค่สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เลือดที่กระจายไปทั่วก็ถูกเก็บกวาดเข้าด้วยกันแล้วก็ถูกโยนทิ้งถังขยะทันทีนักฆ่าหมายเลขเจ็ดตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้เป็นอย่างดี“แก แกทำได้ยังไงกัน!”ผู้เฒ่าหวังพยายามห้ามเลือดอยู่หลายครั้ง พร้อมกับมองไปที่หยางผั่วจวินอย่างไม่เชื่อสายตาเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเพียงแค่ยกมือขึ้น ก็มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน!หยางผั่วจวินส่ายหัวและพูดด้วยความรังเกียจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสั่งไว้ ไม่มีทางที่ฉันจะใช้พลังแค่สามส่วนหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น
“แก ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่?”ผู้เฒ่าหวังเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว“มาถามเอาตอนนี้จะมีประโยชน์หรือไง?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อฉันให้โอกาสแกได้มีชีวิต แต่แกกลับปฏิเสธมันด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”เมื่อได้ยิน ผู้เฒ่าหวังก็ถึงกับหน้าถอดสีเขารู้ตัวว่าอีกฝ่ายต้องฆ่าเขาจริงๆ แน่ ทันใดนั้นก็มีปืนปรากฏอยู่ในมือของเขา แล้วเล็งไปที่เย่เทียนหยู่พร้อมตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมดอย่าขยับ”“ปืนพกของฉันกระบอกนี้ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ ทั้งความแรงและความเร็วดีกว่าปืนพกธรรมดาหลายเท่า ในระยะใกล้แค่นี้ ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ก็คงไม่รอดเหมือนกัน”ที่ทำให้เขาถึงกับหวั่นใจเลยคือ แม้ต้องเผชิญกับปืนพกที่อยู่เบื้องหน้า แต่เย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงข้ามกันกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูสงบนิ่งและเยือกเย็นเหมือนเดิมในอีกด้าน หยางผั่วจวินแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแกกล้าแตะต้องคุณชาย รับรองเลยว่าฉันจะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ แน่นอน”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดมีท่าทีจริงจังและจ้องไปที่ผู้เฒ่าหวังอย่างไม่ลดละ อยากจะใช้ความเร็วขอ
เสียเวลามามากพอแล้ว เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วช่วงนี้กงซุนจื้อสร้างเรื่องมากมายขนาดนี้ ผู้เฒ่าหวังคงเป็นคนคอยเก็บกวาดให้เขาสินะอย่างไรเสีย ตระกูลกงซุน เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าหวังก็โกรธขึ้นมาทันที ก็ดี ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในพลังปืนของตนเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นก็จะให้พวกเขาได้เห็นอานุภาพของมันเสียเลยเขารีบเหนี่ยวไกปืนในทันทีเมื่อเหนี่ยวไกปืน ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา กระสุนพุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าเร็ว เร็วมากจริงๆ!แต่เย่เทียนหยู่สงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้น ยื่นออกไปสบายๆ ผู้เฒ่าหวังตกใจเล็กน้อย เจ้าหนุ่มนี่ ปัญญาอ่อนหรือไง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆแต่เพียงชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสายตาตัวเอง ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเพราะว่าเขาเห็นเย่เทียนหยู่ใช้มือเปล่าจับกระสุนที่มีทั้งความเร็วและพลังเหนือกว่าทั่วกระสุนไปมากเอาไว้ได้นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เสียอีกได้ยินมาว่าปรมาจารย์สามารถจับกระสุนได้ด้วยมือปล่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่กระสุนธรรมดา ไม่ใช่กระสุนพิเศษที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลังกว่าหลายเท่าแบบของตนเมื่
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเตือนแกไว้ก่อน”“ครั้งหน้าถ้าคิดจะฆ่าฉัน ไม่ต้องหาคนกระจอกงอกง่อยแบบนี้มาหรอก หาคนที่เก่งกว่านี้หน่อยสิ”“ไม่อย่างนั้น มันก็น่าเบื่อแย่เลยสิ”เย่เทียนหยู่เปิดปากพูดเบาๆ“แก แกหมายความว่ายังไง?”กงซุนจื้อถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ผู้เฒ่าหวังก็ยังทำไม่สำเร็จแต่ว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงนั่นคือยอดฝีมือผู้ที่มีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางเลยนะ เจ้าเย่เทียนหยู่ ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กันจากข้อมูลที่ตนได้สืบค้นมาก่อนหน้านี้ เย่เทียนหยู่เพิ่งจะลงจากเขามา เดิมทีเขาไม่มีภูมิหลังอะไรเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ทักษะกังฟูที่พอจะเป็นการเป็นงานหน่อย แต่นับประสาอะไรกับกังฟูลูกแมวพวกนั้น ที่แทบจะไม่มีประโยชน์เลย“ไม่มีอะไร ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์กงซุนจื้อโทรไปที่มือถือของผู้เฒ่าหวังในทันที แต่ไม่ว่าจะโทรสักกี่รอบ ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย ณ เวลานี้ ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เลยในตอนนี้ เขาก็คิดได้ ว่าตนดูถูกฝีมือของเขาจนเกินไป เพราะคิดว่าสามารถบดขยี้เย่เทียนหยู่ให้ตายได้ แต่กลับไม่ง่ายอย่าง
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นคำสั่งของคุณชาย ทั้งสองคนพาผู้เฒ่าหวังไปที่ห้องน้ำ โปรยผงเล็กน้อยตามที่เย่เทียนหยู่สั่งไว้ไม่นานก็เกิดสิ่งที่น่าหน้าอัศจรรย์ขึ้นไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินออกมา แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ของนี่มาจากไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำขึ้นมามันมีประโยชน์กับนักฆ่าอย่างพวกเขาจริงๆ“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?”“อืม!”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า แต่ก็ทนไม่ไหวที่จะถาม “คุณชาย นี่คือ?”“ฉันยังพอมีอยู่ อันนั้นนายเก็บไว้เถอะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ดังนั้นจึงขี้เกียจปลุงมัน คราวหลัง ฉันจะปรุงมันเพิ่มอีกเสียหน่อยก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่พูดเบาๆ“หืม คุณชาย อันนี้คุณทำขึ้นมาเองหรือ”“อืม มีแค่ชิ้นเดียว”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดยิ้มเจื่อน ความสามารถของคุณชายนี่เกินกว่าที่ตนเองจินตนาการไปมากจริงๆหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย“ว่าไง!”“แกคือเย่เทียนหยู่ใช่ไหม?” อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป จนฟังสำเนียงเดิมแทบไม่ออก“ฉันเอง”“’งั้นก็ถูกคนแล้ว เฉินเข่อซินอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว”“แกหมายความว่ายังไง?”เย่เทียนหยู่สีหน้
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง
เธอถึงขั้นตั้งใจสืบเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ และพบว่าตระกูลหนานกงเป็นถึงหนึ่งในตระกูลอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรมังกร พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้เลยพี่เย่เก่งกาจมากก็จริง หากเป็นแค่ตระกูลทั่วไปในเมืองตะวันออก เธอก็อาจจะลองเสี่ยงดวงดู แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้เลย“คุณเย่จะมาเหรอคะ?” จางผิงถามด้วยความประหลาดใจ“อือ ฉันเชิญเขามาชมคอนเสิร์ตของฉันในคืนนี้ และเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย” เมื่อพูดถึงเย่เทียนหยู่ ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยก็แสดงถึงความปิติขึ้นมา“ได้ค่ะ!”จางผิงพยักหน้า แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้คุณเย่รู้เรื่องที่พี่เฟยเฟยกำลังถูกรังแกโดยเธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนพูดดีไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงมักคิดว่าตัวตนของคุณเย่นั้นไม่ธรรมดาบางที เขาอาจจะมีวิธีรับมือจริง ๆ ก็ได้เหอฉุนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเองก็อยากที่จะพบกับบุคคลในตำนานคนนี้เหมือนกัน ดูว่าเขาโดดเด่นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงไหมแน่นอน หากดูจากเหตุการณ์ของปาร์คดาฮยอนก่อนหน้านี้แล้ว คนคนนี้น่าจะพอมีความสามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหลินหว่านหรูก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา ยังไงอีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาแล้วและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามกีฬาคนหนึ่งคือเฉินเฟยเฟย นักร้องชื่อดังจากอาณาจักรมังกร ตอนนี้เฉินเฟยเฟยกำลังโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะต้องแบกรับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วอีกคนคืออดีตผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟย ซึ่งปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่แทนคือจางผิงคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ที่มีใบหน้างดงาม หุ่นค่อนข้างสูง ทั้งหน้าอกและบั้นท้ายดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่และก็เป็นเพราะไม่สามารถทนต่อการคุกคามจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเดิมได้ เธอจึงถูกบังคับให้ลาออก นอกจากนี้ก็เป็นเพราะได้รู้จักกับเฉินเฟยเฟย เฉินเฟยเฟยที่เดิมทีไม่ต้องการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ดังนั้นสตูดิโอส่วนตัวของเธอเองจึงต้องการผู้จัดการด้วยเช่นกันเหอฉุนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบแต่เพราะค