หลังจากได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็เห็นด้วยในความเป็นจริง เขาเองก็ไม่เต็มใจ แต่หลินหว่านหรูยืนกรานและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำขอของเธอ นอกจากนี้การเป็นรองประธานยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาดอีกด้วยหลังจากที่ไม่ได้ไปแสดงตัวอยู่หลายวัน เย่เทียนหยู่ก็ไปปรากฏตัวที่บริษัทอีกครั้ง ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลายคนแพร่ข่าวลือว่า เย่เทียนหยู่หยิ่งขึ้นระยะหลังมานี้ หลังจากประสบความสำเร็จเล็กน้อย จนทำให้ประธานหลินโกรธและอยากไล่เขาออกสิ่งสำคัญคือในขณะนี้ ทุกคนได้รับอีเมลแจ้งว่าเย่เทียนหยู่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำทีมขาย และหลิว ซือซือเข้ามารับตำแหน่งผู้นำทีมขายแทนวินาทีแรกที่จางเหยียนเห็นอีเมลนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อยแม้ว่าหลิวซือซือจะพูดเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาหลายวันแล้ว ยิ่งเป็นเพราะมีข่าวลือไม่พึงประสงค์มากมายเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่ เธอก็เลยเริ่มสงสัยว่าหรือแผนกถูกยุบแต่คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเขาก็มาที่บริษัท เมื่อมองดูหลิวซือซือที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็พูดว่า “ซือซือยินดีด้วยนะ ต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นหัวหน้าของฉันแล้ว”
“หึ ไม่มีใครเกลียดนายหรอก แต่พวกผู้หญิงตาบอดชอบนายกันหมด เราเลยทนดูต่อไปไม่ไหว”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดอย่างใจเย็น “ผมไม่คิดว่าพวกเธอตาบอด ตรงกันข้าม เหมือนคนตาบอดจะเป็นพวกคุณนะ”“หลิวสุ่ย ไปที่แผนกทรัพยากรบุคคล แล้วไล่พวกเขาออกให้หมด”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกันพี่เย่ ตามปกติจะไล่คนออกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งแล้วในตอนแรกคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ จากนั้นจึงเยาะเย้ยทันที “เหอะ อวดดีอะไรอยู่? คิดว่าตัวเองยังเป็นหัวหน้าเย่ผู้เก่งกาจคนนั้นอยู่อีกหรือไง?”“ใช่ ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเย่อีกต่อไปแล้ว”“แต่ผมกำลังจะเป็นผู้อำนวยการเย่ของแผนกขายเร็วๆ นี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“อะไรนะ มันเป็นไปไม่ได้!” หลายคนตกใจกลัวหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก พี่เย่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ”ในขณะนี้เอง หลิวซือซือเข้ามาและพูดอย่างเย็นชา “เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่เย่ มาหาฉันเองและขอให้ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าทีม เพราะเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย”“เป็นไปไม่ได
เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของกงซุนจื้ออีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกงซุนจื้อได้ เพียงแต่ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจติดตามเหมือนกับช้างที่ไม่ต้องกังวลแผนการของคนที่เป็นมดปลวกแบบเขาเมื่อเห็นความสง่างามและทรงอำนาจของเย่เทียนหยู่ หลิวซือซือก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่หล่อมากโดยเฉพาะ รูปร่างหน้าตาที่ทรงอำนาจของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อแต่เป็นเพราะเพิ่งถูกจางเหยียนพูดจาล้อเล่น เธอเลยอดเชื่อมตัวเองคู่กับเย่เทียนหยู่ไม่ได้เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เธอก็พูดอย่างมีความสุขทันที “พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”“อือ หลายวันมานี้ลำบากพวกคุณมากเลยนะ”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของหลิวซือซือ ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ“ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่พี่เย่ไม่มาบริษัท ฉันก็เลยกังวลนิดหน่อย” หลิวซือซือพูดพร้อมสายตาที่เผยความพิเศษบางอย่างออกมาใครที่ไม่ได้ปัญญาอ่อนก็คงมองความหมายของเธอออกอย่าว่าแต่เย่เทียนหยู่เลย เพียงแต่เขาไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับหลิวซือซือ ดังนั้นเขาจึงพูดทันที
“ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”หลี่ซินเยว่รีบกล่าว“แล้วทำไมเธอถึงต้องทำท่ามีความสุขขนาดนั้นด้วย”“ห้ามพูดคำอ้อมค้อมละ เพราะฉันอยากได้ยินความจริง เธอคงไม่ได้ชอบเย่เทียนหยู่หรอกใช่ไหม?”“ไม่ ไม่ใช่นะคะ” หลี่ซินเยว่ปฏิเสธทันควัน แต่ใบหน้ากลับปรากฏความเขินอายอย่างไม่อาจควบคุม เพราะเธอเคยถามตัวเองแล้ว และแน่นอนว่าเธอรู้สึกกับเย่เทียนหยู่ต่างออกไปถ้าเย่เทียนหยู่จีบเธอ เธอจะตอบตกลงไหมนะ?ทันทีที่คำถามนี้ปรากฏขึ้น คำตอบที่ถือเป็นการยืนยันก็ปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อหลิวเหวินเห็นท่าทีของหลี่ซินเยว่ เธอก็เดาว่าอาจเป็นเรื่องจริง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ซินเยว่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ เย่เทียนหยู่เก่งกาจมากจริง ๆ แต่เธอห้ามคิดเกินเลยกับเขา”“ทำไมคะ คุณหลิวรู้จักเขาเหรอ” หลี่ซินเยว่ถามด้วยความสงสัย จริงๆ แล้วเธออยากรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใครกันแน่“ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว”หลิวเหวินอธิบายว่า เย่เทียนหยู่นั้นโดดเด่นมาก ยังหนุ่มยังแน่นแล้วก็หล่อมาก จนแม้แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดถ้าไม่ใช่ว่าเดาความสัมพันธ์ระหว่างประธานหลินกับเย่เทียนหยู่ออก เธอเองคงอยากลองดู
การดำรงตำแหน่งนี้ ยังทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ต้องการคำอธิบายตามมาอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้มีการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนี้แต่อย่างใดก่อนอื่นเลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในครั้งที่แล้ว แต่เย่เทียนหยู่ก็เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้มีส่วนร่วมในการช่วยบริษัทเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงและที่สำคัญเลยอย่างที่สองคือ บริษัทที่ต่อต้านหลินหว่านหรูเกือบทั้งหมดถูกกำจัดไปหมดแล้วบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งเป็นเขานั่นเองที่คอยช่วยหลินหว่านหรูมาโดยตลอดหลินหว่านหรูในทุกวันนี้เพราะได้เย่เทียนหยู่คอยหนุนหลัง ทำให้เธอมีอำนาจมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่อำนาจภายในบริษัทก็อาจจะมีมากว่าปู่ของเธอเสียอีกเย่เทียนหยู่ไม่แปลกใจที่หลิวสุ่ยได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เขาเพียงแค่อธิบายถึงสิ่งที่หลิวสุ่ยต้องคอยให้ความสนใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากรับเนื่องจากหลิวสุ่ยยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทหลังจากที่เย่เทียนหยู่อธิบายทุกอย่างเสร็จเขาก็เลิกงานตั้งแต่เช้าตรู่และจากไปด้วยความสบายใจ โดยลืมคำเตือนของหลินหว่
ต่อให้เป็นฉันก็คงยากที่จะเอาชนะได้นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า โดยปกติแล้วเขาคงจะไม่ยอมแพ้แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็หายไปจากตรงนั้นในทันทีทันใดนั้นก็มีแสงวาบปรากฏขึ้นหลายครั้งต่อหน้าเย่เทียนหยู่ กริชสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากอากาศแววตาของเย่เทียนหยู่แสดงถึงความชื่นชม แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงได้ตายแน่นอนเพียงเขาโบกมือเล็กน้อยก็ทำให้นักฆ่าหมายเลขต้องเจ็ดถอยกลับไปได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่ทั้งการใช้ฝีเท้าของนักฆ่าหรือศิลปะแห่งการฆ่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่เลวเลยนักฆ่าหมายเลขเจ็ดถอนหายใจเบาๆ ตามที่คาดไว้เลย การเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้แสดงการคุกคามต่อนายน้อยแต่อย่างใด มันเหมือนกับเด็กที่เล่นไปรอบๆ เสียมากกว่าแต่ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่งต้องพยายามเย่เทียนหยู่พอใจพยักหน้าในความสามารถของเขา “เยี่ยมมาก จงฝึกฝนต่อไป รอให้นายสามารถบรรลุเข้าสู่เขตแดนของระดับปรมาจารย์ได้เมื่อไหร่ก็จะมีแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะสามารถรอดพ้นจากการลอบสังหารของนายได้”“รวมถึงนายน้อยด้วยหรือ?” นักฆ่าหมายเลขเจ็ดถาม“นายต้องการฆ่าฉันหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เคยเห็นคนที่รนหาที่ตายก็จริงแต่ก็ไม่เคยเห็นใครรนหาที่ตายแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่นักฆ่าหมายเลขเจ็ดที่ปกติเป็นคนจริงจังไม่ยิ้มและเยือกเย็น ก็ยังอดไม่ได้จนมุมปากจะกระตุกเล็กน้อยขั้นกลางระดับพลังผลัดเปลี่ยนคนหนึ่งไม่นึกว่าจะแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าพวกเขา โดยเฉพาะต่อหน้านายน้อยผู้เฒ่าหวังมองดูคนเหล่านี้รู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อย แต่เพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ที่สำคัญเลยคือเขายังอ่อนแอกว่าขั้นกลางระยะพลังผลัดเปลี่ยน จึงทำให้มองไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่และคนอื่นๆเขาแสดงสีหน้าโกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “แกยังยิ้มได้อีกหรือ เดิมทีฉันว่าจะเตรียมฝังศพให้แกแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เห็นแก่ความอาวุโสของแก ฉันจะให้โอกาสแกได้มีชีวิต”“รีบไสหัวไปตอนนี้เสีย บอกกงซุนจื้อด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเสียใจ”“จองหองนัก!”“ดูเหมือนพวกแกคงไม่อยากตายสบายๆ กันสินะ คงอยากทุกข์ทรมานมากใช่ไหม”คำพูดของเย่เทียนหยู่ทำให้ผู้เฒ่าหวังโกรธมาก ตระกูลกงซุนของพวกเขาค
แย่แล้ว!เขายังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไป คลื่นพลังที่รุนแรงก็วนกลับมาอีกครั้งอ๊าก!แม้เขาจะมีพละกำลังอันน่าสะพรึง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะคลื่นพลังที่รุนแรงนั้น มือข้างหนึ่งของเขากระตูกแตกและไหล่หัก ทำให้เขาไม่สามารถกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดได้อีกต่อไปเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ผั่วจวินก็ไม่ทันสนใจ เพราะที่นี่คือบ้านของตน หากรอเก็บกวาดภายหลังจะยุ่งยากเสียเปล่าเพียงแค่สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เลือดที่กระจายไปทั่วก็ถูกเก็บกวาดเข้าด้วยกันแล้วก็ถูกโยนทิ้งถังขยะทันทีนักฆ่าหมายเลขเจ็ดตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้เป็นอย่างดี“แก แกทำได้ยังไงกัน!”ผู้เฒ่าหวังพยายามห้ามเลือดอยู่หลายครั้ง พร้อมกับมองไปที่หยางผั่วจวินอย่างไม่เชื่อสายตาเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเพียงแค่ยกมือขึ้น ก็มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน!หยางผั่วจวินส่ายหัวและพูดด้วยความรังเกียจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสั่งไว้ ไม่มีทางที่ฉันจะใช้พลังแค่สามส่วนหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น
การสนทนาเช่นนี้ ทำให้หนานกงเล่อรู้สึกตกใจอย่างสิ้นเชิงเสียงของป้าดังมาก แล้วก็โกรธมากด้วย แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็ยังได้ยินเสียงที่ค่อนข้างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้น เขายังตั้งใจเปิดโหมดลำโพงอีกด้วย เพราะเขาต้องการให้พวกเฉินเฟยเฟยได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของตระกูลหนานกง ทำให้พวกเธอรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังแต่คิดไม่ถึงเลยว่า การสนทนาจะเป็นแบบนี้ไปได้แม้จะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นมีพลังที่ไม่ธรรมดา แต่ก็มักจะรู้สึกว่านั่นเป็นเพราะตนคิดมากไปเท่านั้น เลยเข้าใจผิด ยังไงซะ ใครบ้างที่ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของอำนาจตระกูลหนานกงยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่ป้าโกรธมากขนาดนั้น แล้วทำไมป้ายังต้องการพูดกับอีกฝ่ายให้ได้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะสั่งสอนอีกฝ่าย กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเนื้อหาที่พูดคุยกันจะเป็นแบบนี้แต่ฟังดูสิ เขาพูดว่าอะไร เขาแทบไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตระกูลหนานกงจะขุ่นเคืองรึเปล่า แถมยังจะใช้ฝ่ามือเดียวจัดการอีกต่างหากเขาไม่เห็นตระกูลหนานกงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยหากคำพูดเช่นนี้ถูกพูดต่อหน้าเขาก็ช่างเถอะ แต่นี่คือป้าของเขา เธอถือเป็นตัวแทนคนสำคัญของตระกูลหนานกงเชียวนะ เขากล้าพูดแบบนั้นไปได้ยังไง
“มันเป็นใครกันแน่?”หนานกงย่าเปิดเผยตัวตนออกมาอย่างสมบูรณ์ ตงลงแล้วเป็นใครกันแน่ ถึงลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนี้“เป็นเขา เขาเป็นคนทำ” หนานกงเล่อที่อยู่ภายใต้ความสิ้นหวังและความโกรธ เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกกลัวเย่เทียนหยู่เลยด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโหมดเป็นกล้องถ่ายรูป และบันทึกภาพเย่เทียนหยู่เอาไว้เหอฉุนรู้สึกตกใจ ก่อนจะรีบพูดเตือนขึ้นว่า “คุณเย่คะ รีบหลบไปสิคะ!”“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องหลบด้วย”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูน่าเกลียดมาก ไม่เพียงแต่ไม่หลบเท่านั้น แต่ถึงขั้นเดินหน้าไปอีกสองสามก้าว เพื่อให้ตัวเองถูกถ่ายรูปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วยเหอฉุนพูดอะไรไม่ออกโดยสิ้นเชิง นี่คุณเย่รู้จริง ๆ รึเปล่า ว่าตระกูลหนานกงนั้นน่ากลัวมากแค่ไหนในตอนนั้นเอง หนานกงเล่อก็รู้สึกงงงวยอีกครั้ง และตกตะลึงไปชั่วขณะเขากำลังจะถูกกำจัดแท้ ๆ ไอ้เด็กนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หยิ่งผยอง และแปลกประหลาดได้มากขนาดนี้สิ่งที่ทำให้หนานกงเล่อตกใจยิ่งกว่าก็คือ เมื่อเขาพลิกโทรศัพท์กลับมา ก็สังเกตเห็นว่าป้า ซึ่งเป็นคนที่รักเขามากที่สุด ก็กำลังรู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกันสีหน้าของหนานกงย่าดูไม่ดีมากนั
เสียงร้องที่เจ็บปวดของหนานกงเล่อดังขึ้นอย่างน่าสงสาร!อ้าก!เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองนี้ แสดงให้เห็นว่าหนานกงเล่อได้ก้าวเข้าสู่วงการขันทีอย่างเป็นทางการแล้ว เขานั่งกองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเซียว และเลือดก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องทำไมกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!หรือนี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่เมื่อก่อนตนเคยทำร้ายผู้หญิงมามากมายอย่างนั้นน่ะเหรอ?สิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานและสิ้นหวังมากที่สุดคือ เขาไม่เพียงแต่ถูกตอนธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการตัดตอนแบบถอนรากถอนโคน จนไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้อีกแล้วหากว่ามันไม่ได้หนักเหมือนตอนนี้ หากว่าเขาสามารถไปถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา บางทีอาจจะพอมีทางรักษาได้ แต่อีกฝ่ายกลับทำลายความหวังของเขาไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้ หนานกงเล่อเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเจ็บปวด เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยสีหน้าแสดงโกรธแค้นและเกลียดชัง ราวกับว่าต้องการให้เขาถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ณ เดี๋ยวนั้นเลยสีหน้าของเหอฉุนดูซีดเซียว เดิมเธอคิดว่าเย่เทียนหยู่อาจแค่ต้องการขู่หนานกงเล่อเท่านั้นแต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือ เขากล้าที่จะทำมันจริง ๆเราจบเห่แน่!พวกเราคงต้องจบเห่แ
ตระกูลหนานกงนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ ความสามารถของคุณนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับตระกูลหนานกงก็ได้นี่คะ”เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจออกไปว่า “งั้นตามที่เธอพูด การที่มันทำเรื่องเลวทรามขนาดนี้ รังแกเฟยเฟยขนาดนี้ ก็คิดจะปล่อยมันไปง่าย ๆ เลยอย่างนั้นน่ะเหรอ?”“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เราสามารถให้คุณชายหนานกงทำการชดเชยบางอย่างได้นี่คะ” เหอฉุนกล่าวอย่างไร้หนทางแต่ยิ่งเหอฉุนทำแบบนี้มากเท่าไหร่ หนานกงเล่อก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังดูไม่ฟังคำพูดของเหอฉุนอยู่เลย ตอนนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงจะต้องถูกความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของตระกูลหนานกงทำให้ตกใจแล้วแน่ ๆ ดังนั้นหนานกงเล่อจึงพูดด้วยท่าทีใด้ใจขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องชดใช้แล้วล่ะมั้ง เมื่อกี้คุณชายเย่ก็เพิ่งจะตบหน้าฉันไป ก็ถือว่าเป็นการชดใช้เลยก็แล้วกัน”เหอฉุนที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปทันที ไม่เห็นรึไงว่าอารมณ์ของคุณเย่คนนี้แทบจะระเบิดออกมาเต็มกลืนแล้ว ฉันพยายามแทบตายกว่าจะทำให
เมื่อมองไปยังสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ หนานกงเล่อก็รู้สึกว่าตนอาจจะตัดสินใจผิดไป ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ต้องการเจรจากับเขาจริง ๆเขาต้องการที่จะทำลายไอ้นั่นของตนจริง ๆแม้ไอ้นั่นของเขาที่อยู่หว่างขาจะสั้นและไม่มีประโยชน์ และมักจะต้องพึ่งยาอยู่เสมอแต่อย่างน้อยก็ยังใช้การได้อยู่ จะให้มันหายไปไม่ได้ครั้งนี้หนานกงเล่อตกใจมากจริง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว จนต้องเดินถอยหลัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คะ คุณชายเย่ อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ ผมผิดไปแล้ว คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง บอกผมมาได้เลยครับ ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมให้ได้ ไม่ว่าอะไรผมก็จะให้คุณทุกอย่าง!”“แกให้ไม่ได้หรอก”เย่เทียนหยู่พูดพลางส่ายหัว“ให้ได้สิครับ ขอแค่คุณเอ่ยออกมา ผมก็ให้ได้ทั้งนั้น” หนานกงเล่อรู้สึกลนลานมากจริง ๆ“ถ้าฉันบอกว่าต้องการทั้งตระกูลหนานกงล่ะ แกให้ได้ไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาพอจะรู้เรื่องที่ตระกูลหนานกงกดดันตระกูลเย่มาอยู่บ้างบวกกับเรื่องที่คนของตระกูลหนานกงเพิ่งจะมาหาเรื่องหลินหว่านหรูไป ตอนนี้ก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกสำหรับตระกูลหนานกงแล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกดีด้ว
บนใบหน้าไม่ได้มีแค่รอยนิ้วมือที่ชัดเจนปรากฏเท่านั้น แต่ยังบวมขึ้นมาอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงมือครั้งนี้นั้นหนักหนาสาหัสเพียงใดหนานกงเล่อพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่ใบหน้าอย่างมาก เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธ ไม่ใช่ว่าแกควรจะกลัวตระกูลหนานกง และคิดหาวิธีแกไขปัญหารึไงวะแต่แกกลับลงมือรุนแรงขนาดนี้ แล้วแกจะให้ฉันเจรจากับแกได้ยังไง?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังไม่ทันจะยืนขึ้น เย่เทียนหยูก็เดินเข้ามาอีกครั้ง หนานกงเล่อรู้สึกตกใจ ไอ้เด็กนี่มันไม่เล่นตามกฎเลยจริง ๆสีหน้าของเหอฉุนเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเมื่อต้องการที่จะเจรจา อาจจะต้องมีการข่มขู่กันบ้าง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง เธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะฉลาด และคิดวิธีออกแล้วเสียอีกแต่กลับยังคงเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้นเธออยากที่จะเตือน แต่ก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จะพูด เพราะตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับเขา เธอยังไม่เคยพูดคุยกับเขาเลยสักประโยค ความสัมพันธ์ก็ยังไม่มี จะให้เธอพูดยังไงแต่หากไม่รีบสอนเด็กหนุ่มคนนี้ล่ะก็ เขาอาจจะเผลอทำเรื่องผิดพลาดก็ได้เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา หนานก
เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย ว่าตอนนี้ในหัวเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ช่างเถอะ ยังไงก็ควรแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นสองสาวที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็คือเหอฉุนและจางผิงเห็นว่าพวกเธอถูกมัดโดยเอามือไขว้หลังเอาไว้อยู่ และปากก็ถูกปิดด้วยเทปกาว พวกเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้เลยตนเข้ามาก็นานพอสมควร แต่ก็กลับลืมช่วยพวกเธอแก้มัดเสียอย่างนั้น อันที่จริงมันก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็สะบัดมือขวา ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำยังไง เชือกที่ผูกมือของทั้งสองสาวก็ขาดออกได้ในทันทีสองสาวดูตกใจเล็กน้อย พวกเธอสัมผัสได้ว่าเชือกมันขาดไปแล้ว ทั้งแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับวิธีการอันมหัศจรรย์ของเย่เทียนหยู่ก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจพี่ชาย ในที่สุดคุณก็จำได้เสียที ว่ายังมีพวกเราอยู่ด้วย!พวกเราถูกเชือกมัดเอาไว้อยู่ตลอด แค่จะพูดก็ยังทำไม่ได้ แถมยังต้องมานั่งดูพวกคุณแสดงความรักต่อกันอีกเย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่นิดหน่อยจริง ๆ ก่อนที่จะถามออกไปว่า “พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเย่ พวกเราโอเค ขอบคุณมากนะคะ”จางผิงพูดด้วย
หนานกงเล่อหน้าซีด เขาหยุดเดินแทบจะในทันที และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะมองเขา เพียงแค่ก้มหน้าปลอบใจเฉินเฟยเฟย “เอาล่ะ พี่เย่มาแล้ว จะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกแน่นอน พี่เย่จะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง”“อืม!”หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกว่าอารมณ์คงที่ขึ้นมาก ถึงได้สังเกตเห็นว่าตนเองยังคงกอดพี่เย่เอาไว้แน่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าบางจุดของเธอที่ตอนนี้กำลังเปิดอยู่ จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกใกล้ชิดกันกว่าปกติ เธอรู้สึกหน้าแดงจนต้องรีบปล่อยมือออกทันทีถึงแม้ว่าเธออยากที่จะกอดอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่แต่ในตอนนี้เอง เฉินเฟยเฟยก็นึกถึงคู่ต่อสู้อย่างหนานกงเล่อ สีหน้าซีดเผือกทันที ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นขึ้นว่า “พี่เย่คะ เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลหนานกง มีฐานะที่ไม่ธรรมดา”“พี่รู้”เย่เทียนหยู่ยิ้มพลางพูดออกไปว่า “วางใจเถอะ พี่ไม่กลัวตระกูลหนานกงหรอก”เมื่อคำนี้หลุดออกมา เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกงงงวยทันทีพี่เย่เก่งกาจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แม้แต่ตระกูลหนานกงก็ยังไม่กลัว หรือเขาแค่พูดปลอบใจตนกันนะหนานกงเล่อยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเข
จางผิงและเหอฉุนต่างก็มองกันตาค้าง ในสายตาของพวกเธอ พลังของบอดี้การ์ดวัยกลางคนเมื่อสักครู่นี้ ก็ถือว่าน่าตกใจและน่ากลัวมากพอสำหรับพวกเธออยู่แล้วแต่หากไม่มีการเปรียบเทียบก็คงไม่รู้ผลลัพธ์ เมื่อเทียบกับเย่เทียนหยู่แล้ว แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำสมแล้วที่เป็นถึงคุณเย่!เขาก็เป็นคนที่หล่อเท่แบบนี้แหละ!เป็นคนที่เก่งกาจมากจริง ๆ!จางผิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ครั้งนี้คงรอดแล้วจริง ๆเหอฉุนรู้สึกดีใจที่เย่เทียนหยู่มีความสามารถ แต่ก็กลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนจางผิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคนนั้นก็เป็นถึงคุณชายรองแห่งตระกูลหนานกง ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง เขาคงจบไม่สวยแน่ ๆอย่างไรก็ตาม วิกฤตชั่วคราวตอนนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับวิกฤตที่น่ากลัวหลังจากนี้อย่างไรดีเฉินเฟยเฟยยืนมองทุกอย่างด้วยความงงงวย จนกระทั่งเย่เทียนหยู่ก้าวเท้าเดินตรงมาหาเธอ เธอก็กลับยังคงไม่มีการตอบสนองใด ๆไม่นานหลังจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็เดินมาถึงตัวของเฉินเฟยเฟยส่วนหนานกงเล่อ เขาถูกทำให้ตกใจจนต้องยืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หากเป็นพี่ใหญ่ของเขา บางที