ในขณะนี้ เธอกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำให้เธอเต็มใจรับฟังได้มากขึ้นทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น เมื่อเธอมองดูก็เห็นว่าคนที่โทรมาคือซูถิงส่วนตัวซูถิงเองในเวลานี้กำลังโกรธจัดเมื่อคืน เพราะหวงเหมาได้รับบาดเจ็บ หวงเหมาเลยไม่ได้ขอมีอะไรกับเธอ แต่ก็ยังถูกเขาบังคับให้ใช้ปากครั้งหนึ่งในโรงพยาบาลเรื่องนี้ทำให้ซูถิงรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก เธอกลับไปบ้วนปากนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังรู้สึกแย่แทบทนไม่ไหวเธอรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ต้องโทษเย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรูถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่เข้ามาขัดจังหวะ หลินหว่านหรูกับกงซุนจื้อก็คงจะได้กันไปแล้ว และเธอก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ถ้าหลินหว่านหรูไม่ทิ้งเธอไว้ตามลำพัง เธอคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น“ถิงถิง เธอโอเคไหม? ยังเจ็บหน้าอยู่หรือเปล่า?” หลินหว่านหรูถามด้วยความห่วงใย ซูถิงพยายามสุดชีวิตเพื่อจะช่วยเธอเมื่อคืนนี้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของซูถิงแสดงความขุ่นเคือง แต่เธอก็ยังตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว แล้วเธอล่ะ เมื่อคืนเย่เทียนหยู่ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”“ไม่ได้ทำ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” หลิน
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็เห็นด้วยในความเป็นจริง เขาเองก็ไม่เต็มใจ แต่หลินหว่านหรูยืนกรานและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำขอของเธอ นอกจากนี้การเป็นรองประธานยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาดอีกด้วยหลังจากที่ไม่ได้ไปแสดงตัวอยู่หลายวัน เย่เทียนหยู่ก็ไปปรากฏตัวที่บริษัทอีกครั้ง ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลายคนแพร่ข่าวลือว่า เย่เทียนหยู่หยิ่งขึ้นระยะหลังมานี้ หลังจากประสบความสำเร็จเล็กน้อย จนทำให้ประธานหลินโกรธและอยากไล่เขาออกสิ่งสำคัญคือในขณะนี้ ทุกคนได้รับอีเมลแจ้งว่าเย่เทียนหยู่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำทีมขาย และหลิว ซือซือเข้ามารับตำแหน่งผู้นำทีมขายแทนวินาทีแรกที่จางเหยียนเห็นอีเมลนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อยแม้ว่าหลิวซือซือจะพูดเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาหลายวันแล้ว ยิ่งเป็นเพราะมีข่าวลือไม่พึงประสงค์มากมายเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่ เธอก็เลยเริ่มสงสัยว่าหรือแผนกถูกยุบแต่คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเขาก็มาที่บริษัท เมื่อมองดูหลิวซือซือที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็พูดว่า “ซือซือยินดีด้วยนะ ต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นหัวหน้าของฉันแล้ว”
“หึ ไม่มีใครเกลียดนายหรอก แต่พวกผู้หญิงตาบอดชอบนายกันหมด เราเลยทนดูต่อไปไม่ไหว”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดอย่างใจเย็น “ผมไม่คิดว่าพวกเธอตาบอด ตรงกันข้าม เหมือนคนตาบอดจะเป็นพวกคุณนะ”“หลิวสุ่ย ไปที่แผนกทรัพยากรบุคคล แล้วไล่พวกเขาออกให้หมด”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกันพี่เย่ ตามปกติจะไล่คนออกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งแล้วในตอนแรกคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ จากนั้นจึงเยาะเย้ยทันที “เหอะ อวดดีอะไรอยู่? คิดว่าตัวเองยังเป็นหัวหน้าเย่ผู้เก่งกาจคนนั้นอยู่อีกหรือไง?”“ใช่ ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเย่อีกต่อไปแล้ว”“แต่ผมกำลังจะเป็นผู้อำนวยการเย่ของแผนกขายเร็วๆ นี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“อะไรนะ มันเป็นไปไม่ได้!” หลายคนตกใจกลัวหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก พี่เย่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ”ในขณะนี้เอง หลิวซือซือเข้ามาและพูดอย่างเย็นชา “เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่เย่ มาหาฉันเองและขอให้ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าทีม เพราะเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย”“เป็นไปไม่ได
เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของกงซุนจื้ออีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกงซุนจื้อได้ เพียงแต่ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจติดตามเหมือนกับช้างที่ไม่ต้องกังวลแผนการของคนที่เป็นมดปลวกแบบเขาเมื่อเห็นความสง่างามและทรงอำนาจของเย่เทียนหยู่ หลิวซือซือก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่หล่อมากโดยเฉพาะ รูปร่างหน้าตาที่ทรงอำนาจของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อแต่เป็นเพราะเพิ่งถูกจางเหยียนพูดจาล้อเล่น เธอเลยอดเชื่อมตัวเองคู่กับเย่เทียนหยู่ไม่ได้เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เธอก็พูดอย่างมีความสุขทันที “พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”“อือ หลายวันมานี้ลำบากพวกคุณมากเลยนะ”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของหลิวซือซือ ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ“ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่พี่เย่ไม่มาบริษัท ฉันก็เลยกังวลนิดหน่อย” หลิวซือซือพูดพร้อมสายตาที่เผยความพิเศษบางอย่างออกมาใครที่ไม่ได้ปัญญาอ่อนก็คงมองความหมายของเธอออกอย่าว่าแต่เย่เทียนหยู่เลย เพียงแต่เขาไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับหลิวซือซือ ดังนั้นเขาจึงพูดทันที
“ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”หลี่ซินเยว่รีบกล่าว“แล้วทำไมเธอถึงต้องทำท่ามีความสุขขนาดนั้นด้วย”“ห้ามพูดคำอ้อมค้อมละ เพราะฉันอยากได้ยินความจริง เธอคงไม่ได้ชอบเย่เทียนหยู่หรอกใช่ไหม?”“ไม่ ไม่ใช่นะคะ” หลี่ซินเยว่ปฏิเสธทันควัน แต่ใบหน้ากลับปรากฏความเขินอายอย่างไม่อาจควบคุม เพราะเธอเคยถามตัวเองแล้ว และแน่นอนว่าเธอรู้สึกกับเย่เทียนหยู่ต่างออกไปถ้าเย่เทียนหยู่จีบเธอ เธอจะตอบตกลงไหมนะ?ทันทีที่คำถามนี้ปรากฏขึ้น คำตอบที่ถือเป็นการยืนยันก็ปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อหลิวเหวินเห็นท่าทีของหลี่ซินเยว่ เธอก็เดาว่าอาจเป็นเรื่องจริง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ซินเยว่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ เย่เทียนหยู่เก่งกาจมากจริง ๆ แต่เธอห้ามคิดเกินเลยกับเขา”“ทำไมคะ คุณหลิวรู้จักเขาเหรอ” หลี่ซินเยว่ถามด้วยความสงสัย จริงๆ แล้วเธออยากรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใครกันแน่“ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว”หลิวเหวินอธิบายว่า เย่เทียนหยู่นั้นโดดเด่นมาก ยังหนุ่มยังแน่นแล้วก็หล่อมาก จนแม้แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดถ้าไม่ใช่ว่าเดาความสัมพันธ์ระหว่างประธานหลินกับเย่เทียนหยู่ออก เธอเองคงอยากลองดู
การดำรงตำแหน่งนี้ ยังทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ต้องการคำอธิบายตามมาอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้มีการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนี้แต่อย่างใดก่อนอื่นเลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในครั้งที่แล้ว แต่เย่เทียนหยู่ก็เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้มีส่วนร่วมในการช่วยบริษัทเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงและที่สำคัญเลยอย่างที่สองคือ บริษัทที่ต่อต้านหลินหว่านหรูเกือบทั้งหมดถูกกำจัดไปหมดแล้วบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งเป็นเขานั่นเองที่คอยช่วยหลินหว่านหรูมาโดยตลอดหลินหว่านหรูในทุกวันนี้เพราะได้เย่เทียนหยู่คอยหนุนหลัง ทำให้เธอมีอำนาจมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่อำนาจภายในบริษัทก็อาจจะมีมากว่าปู่ของเธอเสียอีกเย่เทียนหยู่ไม่แปลกใจที่หลิวสุ่ยได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เขาเพียงแค่อธิบายถึงสิ่งที่หลิวสุ่ยต้องคอยให้ความสนใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากรับเนื่องจากหลิวสุ่ยยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทหลังจากที่เย่เทียนหยู่อธิบายทุกอย่างเสร็จเขาก็เลิกงานตั้งแต่เช้าตรู่และจากไปด้วยความสบายใจ โดยลืมคำเตือนของหลินหว่
ต่อให้เป็นฉันก็คงยากที่จะเอาชนะได้นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า โดยปกติแล้วเขาคงจะไม่ยอมแพ้แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็หายไปจากตรงนั้นในทันทีทันใดนั้นก็มีแสงวาบปรากฏขึ้นหลายครั้งต่อหน้าเย่เทียนหยู่ กริชสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากอากาศแววตาของเย่เทียนหยู่แสดงถึงความชื่นชม แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงได้ตายแน่นอนเพียงเขาโบกมือเล็กน้อยก็ทำให้นักฆ่าหมายเลขต้องเจ็ดถอยกลับไปได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่ทั้งการใช้ฝีเท้าของนักฆ่าหรือศิลปะแห่งการฆ่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่เลวเลยนักฆ่าหมายเลขเจ็ดถอนหายใจเบาๆ ตามที่คาดไว้เลย การเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้แสดงการคุกคามต่อนายน้อยแต่อย่างใด มันเหมือนกับเด็กที่เล่นไปรอบๆ เสียมากกว่าแต่ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่งต้องพยายามเย่เทียนหยู่พอใจพยักหน้าในความสามารถของเขา “เยี่ยมมาก จงฝึกฝนต่อไป รอให้นายสามารถบรรลุเข้าสู่เขตแดนของระดับปรมาจารย์ได้เมื่อไหร่ก็จะมีแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะสามารถรอดพ้นจากการลอบสังหารของนายได้”“รวมถึงนายน้อยด้วยหรือ?” นักฆ่าหมายเลขเจ็ดถาม“นายต้องการฆ่าฉันหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เคยเห็นคนที่รนหาที่ตายก็จริงแต่ก็ไม่เคยเห็นใครรนหาที่ตายแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่นักฆ่าหมายเลขเจ็ดที่ปกติเป็นคนจริงจังไม่ยิ้มและเยือกเย็น ก็ยังอดไม่ได้จนมุมปากจะกระตุกเล็กน้อยขั้นกลางระดับพลังผลัดเปลี่ยนคนหนึ่งไม่นึกว่าจะแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าพวกเขา โดยเฉพาะต่อหน้านายน้อยผู้เฒ่าหวังมองดูคนเหล่านี้รู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อย แต่เพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ที่สำคัญเลยคือเขายังอ่อนแอกว่าขั้นกลางระยะพลังผลัดเปลี่ยน จึงทำให้มองไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่และคนอื่นๆเขาแสดงสีหน้าโกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “แกยังยิ้มได้อีกหรือ เดิมทีฉันว่าจะเตรียมฝังศพให้แกแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เห็นแก่ความอาวุโสของแก ฉันจะให้โอกาสแกได้มีชีวิต”“รีบไสหัวไปตอนนี้เสีย บอกกงซุนจื้อด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเสียใจ”“จองหองนัก!”“ดูเหมือนพวกแกคงไม่อยากตายสบายๆ กันสินะ คงอยากทุกข์ทรมานมากใช่ไหม”คำพูดของเย่เทียนหยู่ทำให้ผู้เฒ่าหวังโกรธมาก ตระกูลกงซุนของพวกเขาค