แต่ครั้งนี้ซูเหวินฮวาไม่ได้ทำตัวยโสมากนัก จริง ๆ แล้ว เขาเพิ่งค้นพบปัญหามากมายกับซูหลิน และกำลังจะจัดการกับบุคคลนี้แต่ในสายตาของคนอื่น ๆ พวกเขารู้สึกถึงท่าทางที่น่ากลัวและทรงอำนาจของนายน้อยซูทุกคนตกใจมากโดยเฉพาะเกาเสียง“ตระกูลเกาใช่ไหม? ผมจะคิดดอกเบี้ยก่อน ขอบอกล่วงหน้าเลยแล้วกัน ภายในสามวันตระกูลเกาจะถูกทำลาย หากทำไม่ได้ ตัวอักษรซูนี่ผมจะเขียนมันกลับหัวซะ”ซูเหวินฮวากล่าวอย่างเย็นชาที่เขาทำแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นการแก้สถานการณ์ให้เย่เทียนหยู่ดู เพราะยังไงพี่เย่ก็โทรหาเขาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง“สำหรับคุณ เกาเสียง คุณควรขอร้องให้พี่เย่ยกโทษให้คุณซะ”“ไม่อย่างนั้น วันนี้ของปีหน้า จะเป็นวันครบรอบวันตายของคุณ!”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ตกใจและตกตะลึงนี่มันอันตรายถึงชีวิตจริง ๆ !เพื่อนร่วมชั้นหลายคนอดไม่ได้ที่จะหน้าซีด และหลายคนก็ตัวสั่นเล็กน้อยในทางตรงกันข้ามจางซวนซึ่งอยู่ข้าง ๆ เกาเสียงกลับมีความหวังในดวงตาของเขาหากเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่ต้องรับโทษทรมานจากเกาเสียงอีกแล้วส่วนเกาเสียงในตอนนี้ตัวแข็งราวกับเป็นอัมพาตเพราะความกลัว แล้ววยังมี ของเหลวสีเหลือ
ภาพเบื้องหน้าทำให้เฉินเค่อรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย เป็นเพราะเกาเสียงอยู่ในสภาพน่าสังเวช มีรอยฝ่ามือชัดเจนบนแก้มและมีคราบเลือดบนหน้าผากน่าสงสารจับใจทุกคนตกตะลึง กังวลและหวาดหวั่นกับทุกเรื่องที่เกิดในวันนี้ในเวลานี้ เมื่อทุกคนมองไปที่เฉินเค่อซิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความยำเกรงและความอิจฉา ไม่มีสายตาดูถูกอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปส่วนกับเย่เทียนหยู่ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและหวาดหลัว“เฉินเค่อซิน ได้โปรด ได้โปรดเถอะนะ!”เกาเสียงเห็นความเมตตาของเฉินเค่อซิน และโค้งคำนับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินเค่อซินทนดูไม่ไหวอีกแล้ว เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “เอาล่ะ คุณอย่าเพิ่งคำนับ พูดกันดี ๆ ก่อน”“ได้สิ ได้ ขอแค่คุณปล่อยผมไป ผมจะทำทุกอย่าง จะให้ผมเป็นหมูเป็นหมาผมก็ยอม”เกาเสียงรีบกล่าวในขณะนี้ เขาไร้ซึ่งท่าทางสง่าผ่าเผยอย่างแต่ก่อน อย่าว่าแต่ท่าทางสูงส่งไม่สนใจใครเลย“ไม่ต้องพูดซะอนาถขนาดนั้นหรอก ฉันถามคุณว่าพี่จางมีเรื่องอะไร?” เฉินเค่อคิดกับตัวเองจางซวนกำลังรู้สึกตกใจกับพลังของเย่เทียนหยู่และสงสัยว่าเค่อซินมีวิธีช่วยเธอจริงหรือไม่หากพวกเขาช่วยคืนเงินได้ แล้วเธอยอมทำงานหนักเยี่ยงวัวเยี่ยงควายห
แม้ว่าครอบครัวของเกาเสียงจะพอทำเงินได้ แต่มันก็ไม่ได้วิเศษวิโสนัก ยิ่งไปกว่านั้น แน่นอนว่ามันเกินขีดความสามารถ“ตระกูลเกามีเงินแค่นี้เองเหรอ? เห็นตอนแรกคุณผยองมาก ผมเลยนึกไปว่าตระกูลของคุณมีเงินหลายร้อยล้านซะอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ความผิดที่คุณก่อเองก็แก้ด้วยตัวเองเถอะ”“สำหรับเงินหกล้านนั่น บังเอิญคืนนี้ที่นายเลี้ยงก็มีค่าใช้จ่ายประมาณนั้นล่ะ ผมจะเป็นคนจ่ายมื้อนี้เอง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“อ่า……”เกาเสียงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะกระซิบ “แต่ว่า มื้อนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น”แต่หลังจากพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดหัวเล็กน้อย และพูดอย่างรวดเร็วต่อว่า “ใช่ครับ แน่นอนว่าราคาประมาณนี้เลยครับ เมื่อครู่ผมพูดจาเหลวไหลเอง”“เอาล่ะ คุณไม่ต้องกังวลนักหรอก เพราะผมเป็นคนมีเหตุผล”“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ งั้นก็ให้เจ้าของร้านเข้ามาคำนวณดู ว่าผมรังแกคุณหรือเปล่า”เย่เทียนหยู่เรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาแล้วพูดอย่างใจเย็น “คิดเงินหน่อยครับ แต่ห้ามลดราคาเด็ดขาด และห้ามแถมอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดนี่ให้จ่ายราคาเต็ม”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาเสียงก
หลี่ว์เหมิงจ้องมองทุกอย่างด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้เธอประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งมันก็ยังเกินความคาดเดาของเธอก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเป็นเพราะเส้นสายของเกาเสียงเสียอีกติงอิ่งยิ้มแห้ง เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด ดูเหมือนก่อนหน้าเธอจะคิดน้อยเกินไป แถมยังเข้าใจว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้เรื่องแต่เย่เทียนหยู่คนนี้มีอารมณ์คงที่มาก เธอพูดจาน่าเกลียดไปก็มาก แต่เขาไม่ทำอะไรเลยแต่เมื่อทุกคนรอบวิเคราะห์ดูแล้ว นี่คงเป็นเพราะเค่อซินถ้าไม่ใช่เพราะเค่อซิน เกรงว่าเขาคงไม่พูดกับพวกเขาเลยแม้แต่คำเดียวทุกคนรอบตัวเขาถอนหายใจ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มีแต่ความพลิกผัน แต่ไม่ว่าพลิกผันยังไง ทั้งหมดล้วนพิสูจน์ความสามารถของเย่เทียนหยู่ส่วนเกาเสียงกลายเป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์แบบเย่เทียนหยู่ไม่สนใจสีหน้าของทุกคน และพูดกับประธานเหยาด้วยเสียงเรียบ “งั้นก็ถูกแล้วครับ ครั้งนี้เขาเป็นคนจ่ายบิล แล้วก็เป็นคนที่ผมเกลียดมาก เพราะงั้นคิดเงินเลยไม่ต้องเกรงใจ”“ได้ครับ ใครก็ได้ เข้ามาคิดเงินซะ”เหยากวนกลับมาได้สติทันทีหลังจากคำนวณเงินเสร็จ ราคารวมหกล้านห้าแสนห้าหมื่นบาททุกคนตก
คิดไม่ถึงว่าประธานหยางจะมอบแบล็คการ์หลงเถิงให้เขา!สำหรับพวกเขา แบล็คการ์หลงเถิงเป็นเพียงตำนานเท่านั้นถ้าเหยากวนไม่พูดขึ้นมา พวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำเย่เทียนหยู่คนนี้คือใครกันแน่ ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้กลับเปิดเผยว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสามในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเทียนไห่ หรือกระทั่งตระกูลหลักทั้งสามนี้ก็ดูเหมือนจะประจบประแจงเขามากในบรรดาสามตระกูลหลัก นอกจากตระกูลซูและตระกูลหยางแล้ว ก็เป็นเทียนมู่กรุ๊ปที่เข้ามาแทนที่ตระกูลซาอันที่จริงเหยากวนก็ตั้งใจที่จะทำเช่นนี้ และพูดทันทีว่า “ได้ครับ ผมจะไปชำระบิลให้ด้วยตนเอง อีกสักครู่ผมจะกลับมาครับ”ถ้าเขาไปเอง หมายความว่าเขาไม่มีทางคิดราคาเต็มแน่นอน แต่จะคิดราคาเพียงครึ่ง แถมเขายังต้องถามความเห็นเบื้องบนก่อนว่าจะมอบไวน์ขวดที่แพงที่สุดนั่นให้ฟรีหรือไม่แต่พอถามแล้วพวกเขาก็บอกว่าไม่ต้องใส่ใจ เพราะเงินจากแบล็คการ์หลงเถิงนั้นมีไว้ให้เย่เทียนหยู่นำไปใช้ได้ตามใจอยู่แล้ว จะใช้เท่าไรตระกูลหยางก็เป็นคนออกตอนนี้เมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ไม่ถือเอาความรับผิดชอบจากเกาเสียงอีกต่อไป และปล่อยให้เกาเสียงจากไปได้เกาเสียงมีความสุขมาก แต
พวกผู้หญิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง และอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวมชุดเดรสชีฟองระดับไฮเอนด์ที่ถูกปรับให้เข้ากับรูปร่างของเธอ ซึ่งเน้นรูปร่างของเธอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบรูปร่างหน้าตาของเธอช่างละเอียดลออได้รูปราวกับเทพีบนสรวงสวรรค์เพียงแต่ออกจะเย็นชาไปเสียหน่อย แถมตอนนี้ก็ดูกำลังโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู จางซวนก็ตกตะลึงและรู้สึกงุนงงเล็กน้อยติงอิ่งดูหงุดหงิดเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชา “เรากำลังพูดถึงแฟนของเพื่อนเรา เกี่ยวอะไรกับคุณ?”“แฟนที่พวกคุณเรียกคือสามีจดทะเบียนของฉันค่ะ ยังไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่อีกหรือเปล่าคะ?”หลินหว่านหรูตอบกลับอย่างเย็นชาเธอไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้เธอแค่อยากเปิดตัวเดิมทีพวกเขากำลังจะหย่ากัน เธอควรออกไปที่นี่หากเกิดเรื่องแบบนี้แต่ว่าเธออดไม่ได้ที่จะแสดงความเป็นเจ้าของติงอิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เป็นไปไม่ได้ นี่คือภรรยาของเย่เทียนหยู่อย่างนั้นเหรอภรรยาของเขาสวยมาก แล้วทำไมเขาถึงยังคอยไปมาหาสู่กับเค่อซิน?จางซวนยิ่งตกตะลึง เธอไม่คาดคิดว่าเฉินเค่อซินจะคบกับชายที่แต่งงานแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ไม่เป็นไรได้ยังไงคะ ฉันเห็นนะว่าเธอเศร้ามาก คุณไม่กลัวจะเกิดเรื่องกับเธอเหรอคะ?” เฉินเค่อซินพูด“ไม่ขนาดนั้นหรอก”เย่เทียนหยู่ลังเลเล็กน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของหลินหว่านหรูมันไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้ามีซูถิงอยู่ด้วย ก็ไม่แน่“ไม่ขนาดนั้นอะไรอีก รีบไปดูเถอะค่ะ”เฉินเค่อซินจับมือเย่เทียนหยู่แล้วพูดแม้ว่า เย่เทียนหยู่จะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่เฉินเค่อซินรู้สึกได้ว่า ไม่ว่ามันจะแค่ข้อตกลงหรือไม่ แต่เย่เทียนหยู่รักภรรยาคนนี้มาก“ได้ ผมจะไปดู”เย่เทียนหยู่กล่าวเมื่อมองดูเย่เทียนหยู่จากไป เฉินเค่อก็รู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ติงอิ่งก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เค่อซิน ในเมื่อพวกเขาเป็นแค่สามีภรรยาตามข้อตกลง แล้วเธอก็ชอบเย่เทียนหยู่ด้วย ให้พวกเขาหย่ากันไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมเธอต้องพยายามโน้มน้าวเขาด้วย!”“ไม่ได้นะ!”“พี่เย่ชอบเธอ ฉันจะทำเรื่องที่พี่เย่ไม่มีความสุขไม่ได้” เฉินเค่อซินตอบโต้ทันที“ยัยเด็กโง่เอ้ย”ติงอิ่งกล่าวอย่างช่วยไม่ได้จางซวนสับสนเล็กน้อยต่อสถานการณ์นี้เฉินเค่อซินเห็นดังนั้นจึงอธิบายว่า “พี่เย่แค่เห็นฉันเหมือนน้องสาวน
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซูถิงก็แสดงท่าทีสงสารและพูดว่า “หว่านหรู เธอก็รู้ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับเธอที่จะอยู่กับเย่เทียนหยู่ตั้งแต่แรก ถ้าเธอถามฉัน ฉันไม่สนับสนุนมันอย่างแน่นอน”“เพราะเรารู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่เทียนหยู่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น อนาคตเขาต้องไปพัวพันกับผู้หญิงพวกนั้นแน่ แล้วเธอจะทนได้เหรอ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะมีภาพที่เย่เทียนหยู่ที่กำลังอยู่กับผู้หญิงอีกคนอยู่ฉายอยู่ในใจ และเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเลย“แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไมคนมากมายถึงต่อต้านไม่ให้พวกเธอคบกัน”“เพราะว่าโลกนี้ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันยังไงละ เธอสามารถทำทุกอย่างเพื่อความรักได้ แต่พอแต่งงานแล้วมันก็จะมีปัญหามากขึ้น” ซูถิงกล่าว“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจแล้วละ ตอนนี้ฉันเลิกสนไปแล้ว แต่ฉันยอมรับไม่ได้ที่เขาไปคบกับผู้หญิงคนอื่น”“เฮ้อ เธอจะไม่สนใจเรื่องนี้ก็ได้นะ แต่พ่อ แม่กับปู่ของเธอล่ะ? เธออยากจะแตกหักกับทุกคนเหรอ?”“เท่าที่ฉันรู้ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สนับสนุนเรื่องที่เธอกับเย่เทียนหยู่คบกันนะ”ซูถิงถามอย่างมีชั้นเชิง“ใช่ ทุกคนไม่สนับสนุน ฉันเป็นคนเดียวที่ทำงานหนักและพยายามอย่างเต็มท
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง
เธอถึงขั้นตั้งใจสืบเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ และพบว่าตระกูลหนานกงเป็นถึงหนึ่งในตระกูลอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรมังกร พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้เลยพี่เย่เก่งกาจมากก็จริง หากเป็นแค่ตระกูลทั่วไปในเมืองตะวันออก เธอก็อาจจะลองเสี่ยงดวงดู แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้เลย“คุณเย่จะมาเหรอคะ?” จางผิงถามด้วยความประหลาดใจ“อือ ฉันเชิญเขามาชมคอนเสิร์ตของฉันในคืนนี้ และเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย” เมื่อพูดถึงเย่เทียนหยู่ ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยก็แสดงถึงความปิติขึ้นมา“ได้ค่ะ!”จางผิงพยักหน้า แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้คุณเย่รู้เรื่องที่พี่เฟยเฟยกำลังถูกรังแกโดยเธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนพูดดีไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงมักคิดว่าตัวตนของคุณเย่นั้นไม่ธรรมดาบางที เขาอาจจะมีวิธีรับมือจริง ๆ ก็ได้เหอฉุนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเองก็อยากที่จะพบกับบุคคลในตำนานคนนี้เหมือนกัน ดูว่าเขาโดดเด่นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงไหมแน่นอน หากดูจากเหตุการณ์ของปาร์คดาฮยอนก่อนหน้านี้แล้ว คนคนนี้น่าจะพอมีความสามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหลินหว่านหรูก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา ยังไงอีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาแล้วและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามกีฬาคนหนึ่งคือเฉินเฟยเฟย นักร้องชื่อดังจากอาณาจักรมังกร ตอนนี้เฉินเฟยเฟยกำลังโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะต้องแบกรับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วอีกคนคืออดีตผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟย ซึ่งปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่แทนคือจางผิงคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ที่มีใบหน้างดงาม หุ่นค่อนข้างสูง ทั้งหน้าอกและบั้นท้ายดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่และก็เป็นเพราะไม่สามารถทนต่อการคุกคามจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเดิมได้ เธอจึงถูกบังคับให้ลาออก นอกจากนี้ก็เป็นเพราะได้รู้จักกับเฉินเฟยเฟย เฉินเฟยเฟยที่เดิมทีไม่ต้องการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ดังนั้นสตูดิโอส่วนตัวของเธอเองจึงต้องการผู้จัดการด้วยเช่นกันเหอฉุนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบแต่เพราะค