ดูท่าแล้ว หมอนี่คงไม่ได้เรื่องทั้ง ๆ ที่มีภรรยาสวยล่มเมืองขนาดนี้แต่กลับไม่ได้ทำอะไรเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง!การที่ต้องลดตัวลงมายื้อแย่งกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ มันทำให้เขาดูต่ำต้อยไปด้วยแต่ก็เพื่อคนสวยคนนี้ เขาทำได้แค่เพียงทำตัวเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก แล้วก็จัดการไอ่คนไร้ประโยชน์คนนี้หน่อยแล้วกันแต่ต่อหน้าเธอก็ยังคงต้องรักษาท่าทางไว้ก่อน กงซุนจื้อยิ้มอ่อนๆ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่เก่งรอบด้านแบบประธานหลิน คุณชายเย่ก็ยอมปล่อยมือ ผมอดจะตกใจไม่ได้จริงๆ““เขาอยากจะตัดใจที่ไหนล่ะ เป็นเพราะว่าพวกเราไม่อยากได้เขาก็เท่านั้นเอง เขาเหมาะกับหว่านหรูที่ไหนกันล่ะ ก็มีแค่คนหนุ่มๆอย่างคุณชายกงซุนนี่แหละถึงจะเหมาะกันกับหว่านหรู“หลิวอวิ๋นซิ่วรีบพูด“ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าหลิวเจี๋ยหรอกหรอที่เหมาะสมที่สุด?” เย่เทียนหยู่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถามกลับหลิวเจี๋ยอีกแล้ว หลิวอวิ๋นซิ่วเกือบจะแสดงท่าทีโมโหออกมา“หลิวเจี๋ยคือใครครับ?”กงซุนจื้ออดไม่ได้ที่จะถามออกมาอย่างสงสัยหลิวอวิ๋นซิ่วรีบอธิบาย “เป็นแค่คนที่เคยตามจีบหลินหว่านหรูเมื่อก่อน แต่ว่าวางใจได้เลยค่ะ หว่านหรูไม่สนใจเขาด้
“ทำไมเมื่อกี้ดูอารมณ์ดีแต่ตอนนี้เหมือนไม่มีความสุขแล้วล่ะ?”เย่เทียนหยู่เป็นคนช่างสังเกต แค่มองก็รู้แล้วว่าอารมณ์ของหลินหว่านหรูเปลี่ยนไป“เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ!”หลินหว่านหรูตอบอย่างอารมณ์เสีย ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องหย่าเลย“คุณเป็นภรรยาของผม จะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง?”“ใครบอก นายอย่าลืมนะว่าใกล้ถึงวันที่เราจะหย่ากันแล้ว พอถึงตอนนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แค่นี้เองหรอ? ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ เราไม่หย่ากันได้ไหม?”เย่เทียนหยู่ถามส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่าทีของหลินหว่านหรูในวันนี้ได้ใจของเขา โดยเฉพาะตอนที่แนะนำเขาให้กงซุนจื้อรู้จัก มันทำให้เขาสบายใจมากหลินหว่านหรูฟังจบในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด มุมปากอดจะยกยิ้มไม่ได้ แต่กลับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “หึ ฝันไปเถอะ!”“มันก็ต้องฝันบ้างสิ ไม่อย่างนั้นจะอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขได้ยังไง”“เอาเถอะ เรื่องนั้นถึงเวลาค่อยคุยกันพวกเราไปหาที่ทานข้าวกันก่อนเถอะ”ยังจะพูดอีก แบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าหลินหว่านหรูไม่อยากหย่า เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกดีใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “ได้สิ ผมรู้จักร้านนึงอยู่ รสชาติดีใช้ได้เลย เดี๋ยวผมพาไปลองชิม
“พูดอะไรของนาย ถ้าไม่กินข้าวจะมาทำไม?” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“นั่นสินะ เชิญด้านในเลยครับ พวกคุณทานกันตามสบายเดี๋ยวผมจ่ายเงินเอง” คุณชายเย่มาทานข้าวกับผู้หญิงใครจะกล้าเข้าไปยุ่งถึงแม้ว่าเขาจะอยากเข้าใกล้คุณชายเย่มากสักแค่ไหน อยากจะพูดคุยแล้วถือโอกาสใกล้ชิดสักเท่าไหร่และก็เป็นการให้คำอธิบายกับพ่อของเขาด้วยไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาทางเข้าใกล้คุณชายเย่ให้ได้พอมาคิดดู คนที่สามารถทำให้ประธานหยางสามารถเคารพได้ จะต้องน่ากลัวสักเท่าไหร่กันเชียวที่จริงก็ไม่ใช่แค่เขา ซูเหวินหวาเองก็รอโอกาสนี้อยู่เหมือนกันพอพูดจบ ซ่งหยางก็รีบไปอีกทาง คงจะต้องโอกาสหน้าแล้วเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ไม่อยากจะสนใจเขา ตอนนี้จึงได้แต่พาหลินหว่านหรูเข้าไปนั่งด้านในยังไม่ทันได้สั่งอาหาร หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่ ซ่งหยางเป็นถึงคุณชายตระกูลซ่งทำไมถึงได้เคารพนายขนาดนี้ล่ะ?”เธอสงสัยมากจริงๆเย่เทียนหยู่ยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พวกเรามาสั่งอาหารก่อน”หลินหว่านหรูหมดคำจะพูด แต่ก็ยังอดทน รอจนสั่งอาหารเสร็จก็พูดต่อ “พอที รีบๆบอกเหตุผลฉันมา”“เธอจะฟังความจริงหรือเปล่าล่ะ?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไอ่บ
“ได้สิ นายเรียกมาสิเดี๋ยวฉันจะถามเขาต่อหน้าเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันถามนายห้ามแอบกระซิบอะไรนะ” หลินหว่านหรูเองก็เป็นคนฉลาด“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำหรอก”เย่เทียนหยู่มองไปทางซ่งหยางที่ยังแอบมองเขาจากไกลๆก่อนจะกวักมือเรียกอย่างเหนื่อยใจ ไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำซ่งหยางเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้ามาทำเอาหญิงสาวที่มาด้วยกันกับเขามองมาอย่างไม่เข้าใจคิดว่าคุณชายซ่งที่มาด้วยกันกับเธอเปลี่ยนคนแล้วหรือเปล่าไม่อย่างนั้นแล้วจะดูมีท่าทีอ่อนน้อมขนาดนี้ได้อย่างไรนี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด“คุณชายเย่มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ซ่งหยางถามด้วยสีหน้านอบน้อมเห็นท่าทางของซ่งหยาง หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกเหนื่อยใจ นี่ใช่คุณชายซ่งที่โอ้อวดบ้าอำนาจคนนั้นหรือเปล่า ทำไมตอนนี้เหมือนกับลูกแมวขนาดนั้นล่ะ“ไม่มีอะไร ภรรยาฉันมีเรื่องจะถามนายก็เท่านั้น เธอถามว่าทำตอนนั้นที่เรามีเรื่องกันทำไมนายถึงหนีไปก่อน” เย่เทียนหยู่ถามออกมาซ่งหยางได้ยินก็ตกใจ“วางใจเถอะ ไม่ได้จะหาเรื่องนาย ภรรยาของฉันก็แค่อยากจะรู้เรื่องให้ชัดเจน”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ให้พูดตามจริงเลยใช่ไหมครับ?”“ให้ตายเถอะ ก็ต้องพูดความจริงสิ” เย่เทียนหย
อีกฝ่ายเกรงใจและให้ความร่วมมือขนาดนี้ เย่เทียนอวี่เองก็คิดว่าตัวเองไม่ควรจะเกินไปนัก ก็เลยพูดเสริมเข้าไปอีกหนึ่งคำ ยังไงเรื่องที่จะต้องช่วยก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ“ครับ ขอบคุณคุณชายเย่มาก!”ต่อให้จะมีโอกาสแค่ครั้งเดียว แต่ซ่งหยางก็ตื่นเต้นมากๆ แม้แต่ตอนเดินกลับยังตัวสั่นไม่หยุด สิ่งที่ทำมาตั้งมากมายก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้หรือไง แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการซื้อประกันชั้นดีให้กับตัวเองเลยสักนิดหลินหว่านหรูกลับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เห็นว่าซ่งหยางเดินไปไกลแล้ว ก็พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “นายไปรับคำคนอื่นมั่วๆแบบนี้ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจริงๆล่ะ พอถึงตอนนั้นนายจะทำยังไง”“ผมก็ช่วยเค้าแก้ไขน่ะสิ เขาดูจะเกรงอกเกรงใจขนาดนั้น” เย่เทียนหยู่ตอบกลับ“แก้ไข นายจะเอาอะไรมาช่วยแก้ไข นายคิดว่าตัวเองกับประธานหยางเป็นพวกเดียวกันหรือไง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมประธานหยางถึงให้การ์ดนี้กับนาย แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งกาจเหมือนประธานหยางนี่”ตระกูลซ่งมีอำนาจขนาดนั้น ถ้าหากซ่งหยางยังจัดการไม่ได้มันก็คงเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ นอกจากว่าเขาจะเป็นประธานหยาง ไม่อย่างนั้นจะจัดการได้ยังไง“เอ่อ ที่คุณพูดมันก็ถูกน
จริงๆแล้วช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่ใช่ว่าหยางเฉียนเฉียนไม่เคยนัดให้เย่เทียนหยู่ออกมาเจอกัน แต่เย่เทียนหยู่เป็นใครกัน เขาไม่มีเวลามาคอยดูแลน้องสาวหรอก ถ้าไม่ปฏิเสธก็จะตัดสายโทรศัพท์ไปเลยทำให้หยางเฉียนเฉียนรู้สึกเสียหน้า เธอโกรธจนแทบจะบุกมาหาเขาที่บ้านไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้บุกบ้าน วันนี้ก็ได้เจอกันที่นี่แล้ว หยางเฉียนเฉียนจึงมีแต่ความตกใจประดับอยู่เต็มใบหน้า“เอ่อ เธอเองหรอ!”เห็นว่าหลบไม่ได้แล้วเย่เทียนหยู่จึงได้แต่ยิ้มรับ ไม่ว่าจะพูดยังไงหยางเฉียนเฉียนก็ดีกับเขามากและยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นช่วยเขาก่อนด้วย“ทำไมคะ เห็นฉันแล้วพี่ไม่มีความสุขหรอ ช่วงกี่วันมานี้พี่ไปแอบที่ไหนมา ทำไมไม่เจอเลย”ในสายตาของหยางเฉียนเฉียนมองไม่เห็นเลยว่ายังมีคนอื่นยืนอยู่ด้วย“ก็ยุ่งอยู่นี่ไง” เย่เทียนหยู่ตอบแบบขอไปที“ยุ่งอะไรกัน ฉันจะบอกพี่เลยนะคะคืนพรุ่งนี้พี่ต้องไปกับฉัน” หยางเฉียนเฉียนตั้งใจเอาไว้แล้วต่อให้วันนี้จะต้องบุกบ้านอีกฝ่ายจริงๆแต่คืนพรุ่งนี้เขาจะต้องไปด้วยกันกับเธอหลินหว่านหรูที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นว่าทั้งสองคนทั้งพูดทั้งหัวเราะกัน แล้วยังพูดอีกว่าคืนพรุ่งนี้ต้องอยู่ด้วย มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีมา
ไอ้บ้านี่มีเมียอยู่ที่บ้านทั้งคนยังออกไปวุ่นวายอยู่ข้างนอกกินอยู่กับปากยังเอาแต่ไปคิดถึงของที่ยังค้างในหม้อ เกินไปจริง ๆเย่เทียนหยู่เห็นว่าหลินหว่านหรูขึ้นรถแล้วตั้งท่าจะเดินตามไปแต่ใครจะรู้ว่าหลินหว่านหรูจะเหยียบคันเร่งออกไปเร็วขนาดนั้น ทำเอาเย่เทียนหยู่ตกใจจนแทบแย่แต่ว่าเมื่อมองดูจากไกลๆเห็นว่ารถกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหยางเฉียนเฉียนเองก็ตกใจ พูดเสียงเบา “พี่เย่นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? แต่ว่าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่”“ไม่โทษเธอหรอก เป็นปัญหาของฉันเอง ฉันคงทำอะไรผิดไป”“อ่อ พี่เย่ก็ไม่ต้องกังวลไป ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ชอบโวยวายเดี๋ยวพี่สะใภ้ก็หายเอง” หยางเฉียนเฉียนปลอบ“อืม!”“งั้นคืนพรุ่งนี้ล่ะคะ?”“ฉันไม่ว่างจริง ๆ!”“พี่เกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอคะ ฉันทำผิดอะไรล่ะ พี่ไม่สนใจฉันมาตั้งนานแล้วนะ แค่ให้มาช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันพี่ก็ไม่ยอมน่ะ?” หยางเฉียนเฉียนพูดพลางน้ำตาก็ไหลลงมา“เดี๋ยวก่อนสิ เธออย่าร้องไห้สิ”เย่เทียนหยู่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ที่สุด“ฉันก็ไม่ได้อยากร้อง แต่ฉันเสียใจนี่คะในใจฉันมันเจ็บปวดไปหมด พี่เย่ถ้าพี่จะเกลียดฉันขนาดนี้ฉันก็ไม่อยา
เมื่อเห็นว่าถูกหลินหว่านหรูตัดสายอีกครั้งเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้โทรกลับไปอีก เพราะยังไงการคุยผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ชัดเจนในตอนนี้โทรศัพท์เขาดังขึ้น เป็นหลิวสุ่ยที่โทรมา“พี่เย่!”“มีอะไร?”“ทางนี้มียอดค้างสิบล้าน ทางนั้นค้างมาครึ่งปีแล้ว นัดกันไว้แล้วว่าวันนี้หัวหน้าโหยวจะเป็นคนไปคุย” หลิวสุ่ยเริ่มพูด“นายไปแทนฉันก็แล้วกัน!”“เห็นทีจะไม่ได้ อีกฝ่ายให้เงื่อนไขมาว่าหัวหน้าทีมต้องเป็นคนไปถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่ให้เงินยอดนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า “เอาเถอะ ฉันกำลังจะกลับไปที่บริษัท เดี๋ยวเจอกันค่อยคุย”“ครับ!”หลิวสุ่ยตัดสายหนึ่งชั่วโมงถัดมา เย่เทียนหยู่ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่บริษัท แต่ว่าเขาไม่ได้ไปที่แผนกการขาย เพราะเมื่อเขากลับเข้ามาก็ไปที่ห้องทำงานของท่านประธานก่อนเลยเขาเคาะประตู!“เข้ามาได้!”ด้านในมีเสียงบาดแก้วหูของหลินหว่านหรูดังลอดออกมา ถึงจะฟังดูเย็นชาแต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่ามีความโมโหปนอยู่เย่เทียนหยู่เปิดประตูออกก่อนจะเดินเข้าไป มองดูหลินหว่านหรูที่ยังคงยุ่งอยู่เหมือนเดิมก่อนจะปิดประตูลง“มีเรื่องอะไร?”หลินหว่านหรูไม่ได้เงยหน้ากลับถามออกมาเลย“เรื่อ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป