“ได้สิ นายเรียกมาสิเดี๋ยวฉันจะถามเขาต่อหน้าเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันถามนายห้ามแอบกระซิบอะไรนะ” หลินหว่านหรูเองก็เป็นคนฉลาด“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำหรอก”เย่เทียนหยู่มองไปทางซ่งหยางที่ยังแอบมองเขาจากไกลๆก่อนจะกวักมือเรียกอย่างเหนื่อยใจ ไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำซ่งหยางเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้ามาทำเอาหญิงสาวที่มาด้วยกันกับเขามองมาอย่างไม่เข้าใจคิดว่าคุณชายซ่งที่มาด้วยกันกับเธอเปลี่ยนคนแล้วหรือเปล่าไม่อย่างนั้นแล้วจะดูมีท่าทีอ่อนน้อมขนาดนี้ได้อย่างไรนี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด“คุณชายเย่มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ซ่งหยางถามด้วยสีหน้านอบน้อมเห็นท่าทางของซ่งหยาง หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกเหนื่อยใจ นี่ใช่คุณชายซ่งที่โอ้อวดบ้าอำนาจคนนั้นหรือเปล่า ทำไมตอนนี้เหมือนกับลูกแมวขนาดนั้นล่ะ“ไม่มีอะไร ภรรยาฉันมีเรื่องจะถามนายก็เท่านั้น เธอถามว่าทำตอนนั้นที่เรามีเรื่องกันทำไมนายถึงหนีไปก่อน” เย่เทียนหยู่ถามออกมาซ่งหยางได้ยินก็ตกใจ“วางใจเถอะ ไม่ได้จะหาเรื่องนาย ภรรยาของฉันก็แค่อยากจะรู้เรื่องให้ชัดเจน”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ให้พูดตามจริงเลยใช่ไหมครับ?”“ให้ตายเถอะ ก็ต้องพูดความจริงสิ” เย่เทียนหย
อีกฝ่ายเกรงใจและให้ความร่วมมือขนาดนี้ เย่เทียนอวี่เองก็คิดว่าตัวเองไม่ควรจะเกินไปนัก ก็เลยพูดเสริมเข้าไปอีกหนึ่งคำ ยังไงเรื่องที่จะต้องช่วยก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ“ครับ ขอบคุณคุณชายเย่มาก!”ต่อให้จะมีโอกาสแค่ครั้งเดียว แต่ซ่งหยางก็ตื่นเต้นมากๆ แม้แต่ตอนเดินกลับยังตัวสั่นไม่หยุด สิ่งที่ทำมาตั้งมากมายก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้หรือไง แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการซื้อประกันชั้นดีให้กับตัวเองเลยสักนิดหลินหว่านหรูกลับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เห็นว่าซ่งหยางเดินไปไกลแล้ว ก็พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “นายไปรับคำคนอื่นมั่วๆแบบนี้ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจริงๆล่ะ พอถึงตอนนั้นนายจะทำยังไง”“ผมก็ช่วยเค้าแก้ไขน่ะสิ เขาดูจะเกรงอกเกรงใจขนาดนั้น” เย่เทียนหยู่ตอบกลับ“แก้ไข นายจะเอาอะไรมาช่วยแก้ไข นายคิดว่าตัวเองกับประธานหยางเป็นพวกเดียวกันหรือไง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมประธานหยางถึงให้การ์ดนี้กับนาย แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งกาจเหมือนประธานหยางนี่”ตระกูลซ่งมีอำนาจขนาดนั้น ถ้าหากซ่งหยางยังจัดการไม่ได้มันก็คงเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ นอกจากว่าเขาจะเป็นประธานหยาง ไม่อย่างนั้นจะจัดการได้ยังไง“เอ่อ ที่คุณพูดมันก็ถูกน
จริงๆแล้วช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่ใช่ว่าหยางเฉียนเฉียนไม่เคยนัดให้เย่เทียนหยู่ออกมาเจอกัน แต่เย่เทียนหยู่เป็นใครกัน เขาไม่มีเวลามาคอยดูแลน้องสาวหรอก ถ้าไม่ปฏิเสธก็จะตัดสายโทรศัพท์ไปเลยทำให้หยางเฉียนเฉียนรู้สึกเสียหน้า เธอโกรธจนแทบจะบุกมาหาเขาที่บ้านไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้บุกบ้าน วันนี้ก็ได้เจอกันที่นี่แล้ว หยางเฉียนเฉียนจึงมีแต่ความตกใจประดับอยู่เต็มใบหน้า“เอ่อ เธอเองหรอ!”เห็นว่าหลบไม่ได้แล้วเย่เทียนหยู่จึงได้แต่ยิ้มรับ ไม่ว่าจะพูดยังไงหยางเฉียนเฉียนก็ดีกับเขามากและยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นช่วยเขาก่อนด้วย“ทำไมคะ เห็นฉันแล้วพี่ไม่มีความสุขหรอ ช่วงกี่วันมานี้พี่ไปแอบที่ไหนมา ทำไมไม่เจอเลย”ในสายตาของหยางเฉียนเฉียนมองไม่เห็นเลยว่ายังมีคนอื่นยืนอยู่ด้วย“ก็ยุ่งอยู่นี่ไง” เย่เทียนหยู่ตอบแบบขอไปที“ยุ่งอะไรกัน ฉันจะบอกพี่เลยนะคะคืนพรุ่งนี้พี่ต้องไปกับฉัน” หยางเฉียนเฉียนตั้งใจเอาไว้แล้วต่อให้วันนี้จะต้องบุกบ้านอีกฝ่ายจริงๆแต่คืนพรุ่งนี้เขาจะต้องไปด้วยกันกับเธอหลินหว่านหรูที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นว่าทั้งสองคนทั้งพูดทั้งหัวเราะกัน แล้วยังพูดอีกว่าคืนพรุ่งนี้ต้องอยู่ด้วย มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีมา
ไอ้บ้านี่มีเมียอยู่ที่บ้านทั้งคนยังออกไปวุ่นวายอยู่ข้างนอกกินอยู่กับปากยังเอาแต่ไปคิดถึงของที่ยังค้างในหม้อ เกินไปจริง ๆเย่เทียนหยู่เห็นว่าหลินหว่านหรูขึ้นรถแล้วตั้งท่าจะเดินตามไปแต่ใครจะรู้ว่าหลินหว่านหรูจะเหยียบคันเร่งออกไปเร็วขนาดนั้น ทำเอาเย่เทียนหยู่ตกใจจนแทบแย่แต่ว่าเมื่อมองดูจากไกลๆเห็นว่ารถกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหยางเฉียนเฉียนเองก็ตกใจ พูดเสียงเบา “พี่เย่นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? แต่ว่าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่”“ไม่โทษเธอหรอก เป็นปัญหาของฉันเอง ฉันคงทำอะไรผิดไป”“อ่อ พี่เย่ก็ไม่ต้องกังวลไป ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ชอบโวยวายเดี๋ยวพี่สะใภ้ก็หายเอง” หยางเฉียนเฉียนปลอบ“อืม!”“งั้นคืนพรุ่งนี้ล่ะคะ?”“ฉันไม่ว่างจริง ๆ!”“พี่เกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอคะ ฉันทำผิดอะไรล่ะ พี่ไม่สนใจฉันมาตั้งนานแล้วนะ แค่ให้มาช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันพี่ก็ไม่ยอมน่ะ?” หยางเฉียนเฉียนพูดพลางน้ำตาก็ไหลลงมา“เดี๋ยวก่อนสิ เธออย่าร้องไห้สิ”เย่เทียนหยู่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ที่สุด“ฉันก็ไม่ได้อยากร้อง แต่ฉันเสียใจนี่คะในใจฉันมันเจ็บปวดไปหมด พี่เย่ถ้าพี่จะเกลียดฉันขนาดนี้ฉันก็ไม่อยา
เมื่อเห็นว่าถูกหลินหว่านหรูตัดสายอีกครั้งเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้โทรกลับไปอีก เพราะยังไงการคุยผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ชัดเจนในตอนนี้โทรศัพท์เขาดังขึ้น เป็นหลิวสุ่ยที่โทรมา“พี่เย่!”“มีอะไร?”“ทางนี้มียอดค้างสิบล้าน ทางนั้นค้างมาครึ่งปีแล้ว นัดกันไว้แล้วว่าวันนี้หัวหน้าโหยวจะเป็นคนไปคุย” หลิวสุ่ยเริ่มพูด“นายไปแทนฉันก็แล้วกัน!”“เห็นทีจะไม่ได้ อีกฝ่ายให้เงื่อนไขมาว่าหัวหน้าทีมต้องเป็นคนไปถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่ให้เงินยอดนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า “เอาเถอะ ฉันกำลังจะกลับไปที่บริษัท เดี๋ยวเจอกันค่อยคุย”“ครับ!”หลิวสุ่ยตัดสายหนึ่งชั่วโมงถัดมา เย่เทียนหยู่ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่บริษัท แต่ว่าเขาไม่ได้ไปที่แผนกการขาย เพราะเมื่อเขากลับเข้ามาก็ไปที่ห้องทำงานของท่านประธานก่อนเลยเขาเคาะประตู!“เข้ามาได้!”ด้านในมีเสียงบาดแก้วหูของหลินหว่านหรูดังลอดออกมา ถึงจะฟังดูเย็นชาแต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่ามีความโมโหปนอยู่เย่เทียนหยู่เปิดประตูออกก่อนจะเดินเข้าไป มองดูหลินหว่านหรูที่ยังคงยุ่งอยู่เหมือนเดิมก่อนจะปิดประตูลง“มีเรื่องอะไร?”หลินหว่านหรูไม่ได้เงยหน้ากลับถามออกมาเลย“เรื่อ
แต่ครั้งนี้เธอเอาแต่พูดเรื่องการเซ็นใบหย่า มันทำให้เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันเอาเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกันเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไรแต่หมุนตัวกลับไปทางประตูหลินหว่านหรูชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ยิ่งเห็นท่าทีผิดหวังของเย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่นายอย่าคิดมากนะ ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”“อืม ผมรู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลินหว่านหรูสีหน้าไม่ดี ในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวด นี่เธอเป็นอะไรไป ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะหรือว่าเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้ว?แต่ว่าเธอกับเขามันคนละชนชั้นเขาห่างไกลจากเธอเกินไป อยู่ด้วยกันจะมีความสุขจริงๆหรอ?หลังจากออกมา เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่แผนกการขายหลิวสุ่ยเห็นเข้าก็รีบเข้ามาอธิบายสถานการณ์อีกฝ่ายเป็นเจ้าของโรงงาน ได้ยินมาว่าเป็นคนพาล ให้เขาพยายามเข้าหน่อย ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมให้ก็ให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่ว่ายังไงสังคมในตอนนี้ นอกจากจะล้มละลายแล้วนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มีทางไม่ใช้หนี้หรอกพวกเขาทำงานฝ่ายขาย มันจะต้องมีบางยอดแหละที่ได้มายากไม
“แต่ว่า เขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ” หลิวซือซือสังเกตเย่เทียนหยู่อย่างละเอียด แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสัญญา ก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียวอย่างน้อยก็ดูสถานการณ์ไปก่อนได้ ดูว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไหมพอจางเหยียนได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโกรธนิด ๆ ขึ้นมาทันที และพูดว่า “คนเลวก็คงไม่เอาคำว่า‘คนเลว’แขวนไว้หน้าประตูบ้านตัวเองหรอก เธอรู้จักเขามานานแค่ไหนกัน คงไม่ถูกคำพูดเหลวไหลของหมอนั่นล้างสมองไปแล้วหรอกนะ? ”“หรือแม้แต่คนที่พาเธอริเริ่มทำเรื่องต่าง ๆ พาเธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างพี่หรง ก็ไม่เชื่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”“แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่หรงเป็นถึงอาจารย์ของฉัน และเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ฉันจะไม่เชื่อใจเธอได้ยังไง”“งั้นก็ถูกแล้วไง ผู้มีพระคุณของพวกเราถูกเขาไล่ออกจากบริษัท แล้วเธอยังพูดแทนเขาอีกเหรอ? ” จางเหยียนโกรธอย่างเห็นได้ชัดพอหลิวซือซือได้ยินแบบนี้ เธอก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พี่เหยียน ฉันผิดไปแล้ว”“รู้ว่าตัวเองผิดแล้วก็ดี ส่วนเรื่องนี้ อย่าให้เย่เทียนหยู่รู้เด็ดขาด” จางเหยียนเพิ่งจะพูดจบหลิวสุ่ยก็เดินเข้ามา แล้วร้องเรียก “หลิวซือซือ พี่เย่เรี
หลังจากได้รับกุญแจคืนจากหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มาถึงโรงรถ แล้วขึ้นรถของตัวเองหลิวซือซือก็ขึ้นรถไปแล้วด้วยเช่นกัน แต่แค่เธอเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังแทนเย่เทียนหยู่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บางทีหญิงสาวอาจจะคิดว่าเขาอาจจะทำเรื่องไม่ดีกับเธอก็ได้ล่ะมั้งเดิมทีหลิวซือซือคิดว่าเย่เทียนหยู่จะให้เธอมานั่งข้างหน้า แต่เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่ให้เธอนั่งเท่านั้น ระหว่างทาง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวสายตามองทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว“หัวหน้าเย่ คุณไม่มีอะไรจะอธิบายหน่อยเหรอคะ? ” หลิวซือซืออดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดก่อน“ไม่มีนะ เพราะตัวผมเองก็สับสนเหมือนกัน ไม่รู้อะไรเลย จะให้ผมอธิบายอะไรให้คุณฟังล่ะ”“นี่ คุณไม่ได้ทำความเข้าใจภูมิหลังของอีกฝ่าย ไม่ได้ทำความเข้าใจว่าพวกเราควรจะใช้วิธีไหนในการรับมือกับพวกเขาเลยอย่างงั้นเหรอ? ”“ไม่มี ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรพวกนั้นก็ได้มั้ง ก็เคยพูดเอาไว้แล้วนี่ เราแค่มาหารือเกี่ยวกับการชำระหนี้ของพวกเขาก็เท่านั้น จากนั้นก็จัดการเอกสารอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่รึไง? ”“นี่……”หลิวซือซือยิ้มอย่างขมขื่น เธอไ