เมื่อเห็นว่าถูกหลินหว่านหรูตัดสายอีกครั้งเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้โทรกลับไปอีก เพราะยังไงการคุยผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ชัดเจนในตอนนี้โทรศัพท์เขาดังขึ้น เป็นหลิวสุ่ยที่โทรมา“พี่เย่!”“มีอะไร?”“ทางนี้มียอดค้างสิบล้าน ทางนั้นค้างมาครึ่งปีแล้ว นัดกันไว้แล้วว่าวันนี้หัวหน้าโหยวจะเป็นคนไปคุย” หลิวสุ่ยเริ่มพูด“นายไปแทนฉันก็แล้วกัน!”“เห็นทีจะไม่ได้ อีกฝ่ายให้เงื่อนไขมาว่าหัวหน้าทีมต้องเป็นคนไปถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่ให้เงินยอดนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า “เอาเถอะ ฉันกำลังจะกลับไปที่บริษัท เดี๋ยวเจอกันค่อยคุย”“ครับ!”หลิวสุ่ยตัดสายหนึ่งชั่วโมงถัดมา เย่เทียนหยู่ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่บริษัท แต่ว่าเขาไม่ได้ไปที่แผนกการขาย เพราะเมื่อเขากลับเข้ามาก็ไปที่ห้องทำงานของท่านประธานก่อนเลยเขาเคาะประตู!“เข้ามาได้!”ด้านในมีเสียงบาดแก้วหูของหลินหว่านหรูดังลอดออกมา ถึงจะฟังดูเย็นชาแต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่ามีความโมโหปนอยู่เย่เทียนหยู่เปิดประตูออกก่อนจะเดินเข้าไป มองดูหลินหว่านหรูที่ยังคงยุ่งอยู่เหมือนเดิมก่อนจะปิดประตูลง“มีเรื่องอะไร?”หลินหว่านหรูไม่ได้เงยหน้ากลับถามออกมาเลย“เรื่อ
แต่ครั้งนี้เธอเอาแต่พูดเรื่องการเซ็นใบหย่า มันทำให้เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันเอาเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกันเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไรแต่หมุนตัวกลับไปทางประตูหลินหว่านหรูชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ยิ่งเห็นท่าทีผิดหวังของเย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่นายอย่าคิดมากนะ ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”“อืม ผมรู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลินหว่านหรูสีหน้าไม่ดี ในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวด นี่เธอเป็นอะไรไป ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะหรือว่าเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้ว?แต่ว่าเธอกับเขามันคนละชนชั้นเขาห่างไกลจากเธอเกินไป อยู่ด้วยกันจะมีความสุขจริงๆหรอ?หลังจากออกมา เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่แผนกการขายหลิวสุ่ยเห็นเข้าก็รีบเข้ามาอธิบายสถานการณ์อีกฝ่ายเป็นเจ้าของโรงงาน ได้ยินมาว่าเป็นคนพาล ให้เขาพยายามเข้าหน่อย ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมให้ก็ให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่ว่ายังไงสังคมในตอนนี้ นอกจากจะล้มละลายแล้วนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มีทางไม่ใช้หนี้หรอกพวกเขาทำงานฝ่ายขาย มันจะต้องมีบางยอดแหละที่ได้มายากไม
“แต่ว่า เขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ” หลิวซือซือสังเกตเย่เทียนหยู่อย่างละเอียด แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสัญญา ก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียวอย่างน้อยก็ดูสถานการณ์ไปก่อนได้ ดูว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไหมพอจางเหยียนได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโกรธนิด ๆ ขึ้นมาทันที และพูดว่า “คนเลวก็คงไม่เอาคำว่า‘คนเลว’แขวนไว้หน้าประตูบ้านตัวเองหรอก เธอรู้จักเขามานานแค่ไหนกัน คงไม่ถูกคำพูดเหลวไหลของหมอนั่นล้างสมองไปแล้วหรอกนะ? ”“หรือแม้แต่คนที่พาเธอริเริ่มทำเรื่องต่าง ๆ พาเธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างพี่หรง ก็ไม่เชื่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”“แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่หรงเป็นถึงอาจารย์ของฉัน และเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ฉันจะไม่เชื่อใจเธอได้ยังไง”“งั้นก็ถูกแล้วไง ผู้มีพระคุณของพวกเราถูกเขาไล่ออกจากบริษัท แล้วเธอยังพูดแทนเขาอีกเหรอ? ” จางเหยียนโกรธอย่างเห็นได้ชัดพอหลิวซือซือได้ยินแบบนี้ เธอก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พี่เหยียน ฉันผิดไปแล้ว”“รู้ว่าตัวเองผิดแล้วก็ดี ส่วนเรื่องนี้ อย่าให้เย่เทียนหยู่รู้เด็ดขาด” จางเหยียนเพิ่งจะพูดจบหลิวสุ่ยก็เดินเข้ามา แล้วร้องเรียก “หลิวซือซือ พี่เย่เรี
หลังจากได้รับกุญแจคืนจากหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มาถึงโรงรถ แล้วขึ้นรถของตัวเองหลิวซือซือก็ขึ้นรถไปแล้วด้วยเช่นกัน แต่แค่เธอเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังแทนเย่เทียนหยู่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บางทีหญิงสาวอาจจะคิดว่าเขาอาจจะทำเรื่องไม่ดีกับเธอก็ได้ล่ะมั้งเดิมทีหลิวซือซือคิดว่าเย่เทียนหยู่จะให้เธอมานั่งข้างหน้า แต่เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่ให้เธอนั่งเท่านั้น ระหว่างทาง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวสายตามองทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว“หัวหน้าเย่ คุณไม่มีอะไรจะอธิบายหน่อยเหรอคะ? ” หลิวซือซืออดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดก่อน“ไม่มีนะ เพราะตัวผมเองก็สับสนเหมือนกัน ไม่รู้อะไรเลย จะให้ผมอธิบายอะไรให้คุณฟังล่ะ”“นี่ คุณไม่ได้ทำความเข้าใจภูมิหลังของอีกฝ่าย ไม่ได้ทำความเข้าใจว่าพวกเราควรจะใช้วิธีไหนในการรับมือกับพวกเขาเลยอย่างงั้นเหรอ? ”“ไม่มี ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรพวกนั้นก็ได้มั้ง ก็เคยพูดเอาไว้แล้วนี่ เราแค่มาหารือเกี่ยวกับการชำระหนี้ของพวกเขาก็เท่านั้น จากนั้นก็จัดการเอกสารอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่รึไง? ”“นี่……”หลิวซือซือยิ้มอย่างขมขื่น เธอไ
ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของหลิวซือซือกลับเปลี่ยนไป เธอกังวลจนทำอะไรไม่ถูก ต่อให้จะรู้อยู่แล้วว่าประธานหลี่ว์จะอธิบายกับคนพวกนั้นเอาไว้ก่อนแล้ว และต่อให้คนพวกนั้นจะไม่ทำร้ายเธอก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกกลัวอยู่ดีเธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เธอ แต่เธอกลับตกใจมากว่าเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่กังวลเลยสักนิด สงบนิ่งโดยสมบูรณ์นี่เขามองไม่ออกเหรอว่าคนพวกนี้มาเพื่อจัดการเขา?คนที่นั่งตรงกลาง ใบหน้าที่ดูหยาบกร้านของเกาเซ่อก็รู้สึกตกใจเช่นกัน แล้วพูดออกไปด้วยท่าทีที่เย็นชา “คุณก็คือหัวหน้าคนใหม่ของหลินซื่อกรุ๊ป เย่เทียนหยู่สินะ? ”“ใช่! ”สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูสงบ ถึงขั้นเดินไปนั่งด้านหน้าด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ประธานเกา ผมอยู่นี่แล้ว คุณเตรียมเงินของคุณไว้แล้วหรือยัง? ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนรอบ ๆ ก็หัวเราะกันใหญ่“ฮ่า ๆ ตลกชะมัด เจ้าหนูนี่ คิดว่าเขามาทวงหนี้จริง ๆ แล้วนะเนี่ย”“ไม่สิ เคยเห็นคนโง่นะ แต่ไม่เคยเห็นคนที่โง่ได้ขนาดนี้มาก่อน” ชายผมสั้นก็พูดเช่นกันแม้แต่หลิวซือซือก็ยังพูดไม่ออก หัวหน้าเย่ คุณพูดจาโอ้อวดมากขนาดนั้นในบริษัท แ
“พอได้แล้ว จะโวยวายแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก อย่าว่าแต่ประธานหลี่ว์ไม่เคยพูดถึงคุณเลย วันนี้ต่อให้ประธานหลี่ว์อยู่ที่นี่ ยังไงก็ต้องมอบตัวคุณให้ผมอยู่ดี”เกาเซ่อหัวเราะอย่างเย็นชาเดิมทีประธานหลี่ว์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยตั้งแต่แรก ซึ่งก็หมายความว่าเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้แล้วอีกอย่าง ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ลูกน้องประธานหลี่ว์สักหน่อย มีแค่ร่วมมือกันก็เท่านั้น เพื่อช่วยเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ทำยังไงก็ได้ให้เขากลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทำให้เขากลายเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง ถ้าไม่สำเร็จจริง ๆ อย่างน้อยก็ตัดขาทั้งสองข้างของเขาซะในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะมามัวสนใจประธานหลี่ว์อะไรนั่นอยู่ทำไมกันทันทีที่เกาเซ่อพูดคำเหล่านี้ออกมา หลิวซือซือก็กลัวแทบตาย ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่มาตั้งแต่แรกแล้วเธอกังวลมากจนเกือบจะเป็นบ้า แล้วพูดออกไปเสียงดัง “หัวหน้าเย่ คุณพูดเอาไว้แล้วไม่ใช่รึไง ในฐานะสมาชิกในทีมของคุณ คุณจะไม่ยอมให้ใครถูกรังแกทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้คุณเป็นคนพาฉันมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้ว
“รนหาที่ตายนักนะ!”ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น แต่ละคนพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง การโจมตีในแต่ละครั้งของพวกเขารุนแรงมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเรื่องแบบนี้ผั๊วะ ผั๊วะ......ในแววตาที่เป็นกังวลและตื่นตระหนกของหลิวซือซือ เธอเห็นแค่พวกอันธพาลที่รีบบุกเข้าไปก่อนหน้านี้ ต่างก็กรีดร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นกันทีละคนได้แต่นอนอยู่กับพื้น จะลุกขึ้นมาก็ไม่ไหว รวมถึงหัวหน้าของพวกเขาอย่างเกาเซ่อก็เช่นกันต่อให้เกาเซ่อจะดูทรงพลังมากแค่ไหน จะลงมือได้โหดเหี้ยมสักเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับมือกับหัวหน้าเย่ได้อยู่ดี ได้แต่ต้องยอมจำนนเท่านั้นในตอนนี้เอง เธอก็รู้สึกตกใจมากเธอเคยเห็นฉากดังกล่าวแต่ในทีวี แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ในความเป็นจริงจะมีคนที่เก่งกังฟูขนาดนี้อยู่ ไม่นานก็ทำให้เธอรู้สึกนับถือในตัวเขามากจริง ๆแน่นอนว่าเธอรู้สึกตกใจมากกว่าเกาเซ่อและคนอื่น ๆ มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและหวาดกลัว แล้วถามด้วยความไม่เชื่อ “คะ คุณเป็นใครกันแน่? ”“ผมชื่อเย่เทียนหยู่ หัวหน้าทีมฝ่ายการขายของหลินซื่อกรุ๊ปไง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะแนะนำตัวให้คุณร
เย่เทียนหยู่จึงถามออกไปอีกว่า “งั้นคุณมีหลักฐานว่าคุณกับประธานหลี่ว์ร่วมมือกันไหม อย่างเช่นคลิปเสียง หรืออะไรอย่างอื่น?”“เรื่องนี้ ไม่มีเลย! ”พอเห็นว่าแววตาของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาก็ตกใจแทบแย่ จึงพูดขอร้องออกมา “ผมไม่มีจริง ๆ ถ้าผมมี ผมจะต้องมอบให้คุณอย่างแน่นอน”“ก็พอจะดูออก ว่าคุณคงไม่มีจริง ๆ คุณนี่ทำให้ผมลำบากจริง ๆ” เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“อย่า อย่าคิดว่ามันลำบากเลยครับ หัวหน้าเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ หากคุณมีอะไรที่ต้องการให้เราช่วย ขอแค่คุณบอกมาได้เลย ผมจะทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”เกาเซ่อพูดขอร้องอย่างสั่นเทาใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้จะทำให้พวกเขาลำบากใจอยู่แล้ว เขาส่ายหัว ถอนหายใจ แล้วพูดออกมา “ช่างมันเถอะ ผมคนนี้เป็นคนมีน้ำใจซะด้วยสิ ไม่อยากทำร้ายผู้อื่นไหร่”“ในเมื่อคุณสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว ผมก็จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก็ได้”“ดีมากเลย ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ หัวหน้าเย่! ”พอเกาเซ่อได้ยินแบบนั้น ก็ตื่นเต้นมาก เขาก้มหัวคำนับให้หลายที ทำให้เห็นถึงความหวาดกลัวในใจของเขา และก็ทำให้เห็นถึ