แต่ครั้งนี้เธอเอาแต่พูดเรื่องการเซ็นใบหย่า มันทำให้เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันเอาเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกันเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไรแต่หมุนตัวกลับไปทางประตูหลินหว่านหรูชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ยิ่งเห็นท่าทีผิดหวังของเย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่นายอย่าคิดมากนะ ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”“อืม ผมรู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลินหว่านหรูสีหน้าไม่ดี ในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวด นี่เธอเป็นอะไรไป ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะหรือว่าเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้ว?แต่ว่าเธอกับเขามันคนละชนชั้นเขาห่างไกลจากเธอเกินไป อยู่ด้วยกันจะมีความสุขจริงๆหรอ?หลังจากออกมา เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่แผนกการขายหลิวสุ่ยเห็นเข้าก็รีบเข้ามาอธิบายสถานการณ์อีกฝ่ายเป็นเจ้าของโรงงาน ได้ยินมาว่าเป็นคนพาล ให้เขาพยายามเข้าหน่อย ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมให้ก็ให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่ว่ายังไงสังคมในตอนนี้ นอกจากจะล้มละลายแล้วนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มีทางไม่ใช้หนี้หรอกพวกเขาทำงานฝ่ายขาย มันจะต้องมีบางยอดแหละที่ได้มายากไม
“แต่ว่า เขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ” หลิวซือซือสังเกตเย่เทียนหยู่อย่างละเอียด แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสัญญา ก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียวอย่างน้อยก็ดูสถานการณ์ไปก่อนได้ ดูว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไหมพอจางเหยียนได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโกรธนิด ๆ ขึ้นมาทันที และพูดว่า “คนเลวก็คงไม่เอาคำว่า‘คนเลว’แขวนไว้หน้าประตูบ้านตัวเองหรอก เธอรู้จักเขามานานแค่ไหนกัน คงไม่ถูกคำพูดเหลวไหลของหมอนั่นล้างสมองไปแล้วหรอกนะ? ”“หรือแม้แต่คนที่พาเธอริเริ่มทำเรื่องต่าง ๆ พาเธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างพี่หรง ก็ไม่เชื่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”“แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่หรงเป็นถึงอาจารย์ของฉัน และเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ฉันจะไม่เชื่อใจเธอได้ยังไง”“งั้นก็ถูกแล้วไง ผู้มีพระคุณของพวกเราถูกเขาไล่ออกจากบริษัท แล้วเธอยังพูดแทนเขาอีกเหรอ? ” จางเหยียนโกรธอย่างเห็นได้ชัดพอหลิวซือซือได้ยินแบบนี้ เธอก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พี่เหยียน ฉันผิดไปแล้ว”“รู้ว่าตัวเองผิดแล้วก็ดี ส่วนเรื่องนี้ อย่าให้เย่เทียนหยู่รู้เด็ดขาด” จางเหยียนเพิ่งจะพูดจบหลิวสุ่ยก็เดินเข้ามา แล้วร้องเรียก “หลิวซือซือ พี่เย่เรี
หลังจากได้รับกุญแจคืนจากหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มาถึงโรงรถ แล้วขึ้นรถของตัวเองหลิวซือซือก็ขึ้นรถไปแล้วด้วยเช่นกัน แต่แค่เธอเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังแทนเย่เทียนหยู่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บางทีหญิงสาวอาจจะคิดว่าเขาอาจจะทำเรื่องไม่ดีกับเธอก็ได้ล่ะมั้งเดิมทีหลิวซือซือคิดว่าเย่เทียนหยู่จะให้เธอมานั่งข้างหน้า แต่เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่ให้เธอนั่งเท่านั้น ระหว่างทาง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวสายตามองทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว“หัวหน้าเย่ คุณไม่มีอะไรจะอธิบายหน่อยเหรอคะ? ” หลิวซือซืออดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดก่อน“ไม่มีนะ เพราะตัวผมเองก็สับสนเหมือนกัน ไม่รู้อะไรเลย จะให้ผมอธิบายอะไรให้คุณฟังล่ะ”“นี่ คุณไม่ได้ทำความเข้าใจภูมิหลังของอีกฝ่าย ไม่ได้ทำความเข้าใจว่าพวกเราควรจะใช้วิธีไหนในการรับมือกับพวกเขาเลยอย่างงั้นเหรอ? ”“ไม่มี ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรพวกนั้นก็ได้มั้ง ก็เคยพูดเอาไว้แล้วนี่ เราแค่มาหารือเกี่ยวกับการชำระหนี้ของพวกเขาก็เท่านั้น จากนั้นก็จัดการเอกสารอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่รึไง? ”“นี่……”หลิวซือซือยิ้มอย่างขมขื่น เธอไ
ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของหลิวซือซือกลับเปลี่ยนไป เธอกังวลจนทำอะไรไม่ถูก ต่อให้จะรู้อยู่แล้วว่าประธานหลี่ว์จะอธิบายกับคนพวกนั้นเอาไว้ก่อนแล้ว และต่อให้คนพวกนั้นจะไม่ทำร้ายเธอก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกกลัวอยู่ดีเธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เธอ แต่เธอกลับตกใจมากว่าเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่กังวลเลยสักนิด สงบนิ่งโดยสมบูรณ์นี่เขามองไม่ออกเหรอว่าคนพวกนี้มาเพื่อจัดการเขา?คนที่นั่งตรงกลาง ใบหน้าที่ดูหยาบกร้านของเกาเซ่อก็รู้สึกตกใจเช่นกัน แล้วพูดออกไปด้วยท่าทีที่เย็นชา “คุณก็คือหัวหน้าคนใหม่ของหลินซื่อกรุ๊ป เย่เทียนหยู่สินะ? ”“ใช่! ”สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูสงบ ถึงขั้นเดินไปนั่งด้านหน้าด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ประธานเกา ผมอยู่นี่แล้ว คุณเตรียมเงินของคุณไว้แล้วหรือยัง? ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนรอบ ๆ ก็หัวเราะกันใหญ่“ฮ่า ๆ ตลกชะมัด เจ้าหนูนี่ คิดว่าเขามาทวงหนี้จริง ๆ แล้วนะเนี่ย”“ไม่สิ เคยเห็นคนโง่นะ แต่ไม่เคยเห็นคนที่โง่ได้ขนาดนี้มาก่อน” ชายผมสั้นก็พูดเช่นกันแม้แต่หลิวซือซือก็ยังพูดไม่ออก หัวหน้าเย่ คุณพูดจาโอ้อวดมากขนาดนั้นในบริษัท แ
“พอได้แล้ว จะโวยวายแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก อย่าว่าแต่ประธานหลี่ว์ไม่เคยพูดถึงคุณเลย วันนี้ต่อให้ประธานหลี่ว์อยู่ที่นี่ ยังไงก็ต้องมอบตัวคุณให้ผมอยู่ดี”เกาเซ่อหัวเราะอย่างเย็นชาเดิมทีประธานหลี่ว์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยตั้งแต่แรก ซึ่งก็หมายความว่าเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้แล้วอีกอย่าง ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ลูกน้องประธานหลี่ว์สักหน่อย มีแค่ร่วมมือกันก็เท่านั้น เพื่อช่วยเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ทำยังไงก็ได้ให้เขากลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทำให้เขากลายเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง ถ้าไม่สำเร็จจริง ๆ อย่างน้อยก็ตัดขาทั้งสองข้างของเขาซะในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะมามัวสนใจประธานหลี่ว์อะไรนั่นอยู่ทำไมกันทันทีที่เกาเซ่อพูดคำเหล่านี้ออกมา หลิวซือซือก็กลัวแทบตาย ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่มาตั้งแต่แรกแล้วเธอกังวลมากจนเกือบจะเป็นบ้า แล้วพูดออกไปเสียงดัง “หัวหน้าเย่ คุณพูดเอาไว้แล้วไม่ใช่รึไง ในฐานะสมาชิกในทีมของคุณ คุณจะไม่ยอมให้ใครถูกรังแกทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้คุณเป็นคนพาฉันมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้ว
“รนหาที่ตายนักนะ!”ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น แต่ละคนพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง การโจมตีในแต่ละครั้งของพวกเขารุนแรงมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเรื่องแบบนี้ผั๊วะ ผั๊วะ......ในแววตาที่เป็นกังวลและตื่นตระหนกของหลิวซือซือ เธอเห็นแค่พวกอันธพาลที่รีบบุกเข้าไปก่อนหน้านี้ ต่างก็กรีดร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นกันทีละคนได้แต่นอนอยู่กับพื้น จะลุกขึ้นมาก็ไม่ไหว รวมถึงหัวหน้าของพวกเขาอย่างเกาเซ่อก็เช่นกันต่อให้เกาเซ่อจะดูทรงพลังมากแค่ไหน จะลงมือได้โหดเหี้ยมสักเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับมือกับหัวหน้าเย่ได้อยู่ดี ได้แต่ต้องยอมจำนนเท่านั้นในตอนนี้เอง เธอก็รู้สึกตกใจมากเธอเคยเห็นฉากดังกล่าวแต่ในทีวี แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ในความเป็นจริงจะมีคนที่เก่งกังฟูขนาดนี้อยู่ ไม่นานก็ทำให้เธอรู้สึกนับถือในตัวเขามากจริง ๆแน่นอนว่าเธอรู้สึกตกใจมากกว่าเกาเซ่อและคนอื่น ๆ มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและหวาดกลัว แล้วถามด้วยความไม่เชื่อ “คะ คุณเป็นใครกันแน่? ”“ผมชื่อเย่เทียนหยู่ หัวหน้าทีมฝ่ายการขายของหลินซื่อกรุ๊ปไง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะแนะนำตัวให้คุณร
เย่เทียนหยู่จึงถามออกไปอีกว่า “งั้นคุณมีหลักฐานว่าคุณกับประธานหลี่ว์ร่วมมือกันไหม อย่างเช่นคลิปเสียง หรืออะไรอย่างอื่น?”“เรื่องนี้ ไม่มีเลย! ”พอเห็นว่าแววตาของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาก็ตกใจแทบแย่ จึงพูดขอร้องออกมา “ผมไม่มีจริง ๆ ถ้าผมมี ผมจะต้องมอบให้คุณอย่างแน่นอน”“ก็พอจะดูออก ว่าคุณคงไม่มีจริง ๆ คุณนี่ทำให้ผมลำบากจริง ๆ” เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“อย่า อย่าคิดว่ามันลำบากเลยครับ หัวหน้าเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ หากคุณมีอะไรที่ต้องการให้เราช่วย ขอแค่คุณบอกมาได้เลย ผมจะทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”เกาเซ่อพูดขอร้องอย่างสั่นเทาใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้จะทำให้พวกเขาลำบากใจอยู่แล้ว เขาส่ายหัว ถอนหายใจ แล้วพูดออกมา “ช่างมันเถอะ ผมคนนี้เป็นคนมีน้ำใจซะด้วยสิ ไม่อยากทำร้ายผู้อื่นไหร่”“ในเมื่อคุณสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว ผมก็จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก็ได้”“ดีมากเลย ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ หัวหน้าเย่! ”พอเกาเซ่อได้ยินแบบนั้น ก็ตื่นเต้นมาก เขาก้มหัวคำนับให้หลายที ทำให้เห็นถึงความหวาดกลัวในใจของเขา และก็ทำให้เห็นถึ
“มีไม่มีก็ไม่สำคัญหรอก เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วก็นะ เมื่อกี้ที่ผมจงใจยกตัวคุณให้พวกเขา คุณไม่โทษผมแล้วเหรอ?”เย่เทียนหยู่กล่าวพอพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของหลิวซือซือก็โกรธอยู่จริง ๆ แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ เรื่องทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น คนที่ผิดก็ยังเป็นเธออยู่ดีดังนั้น เธอจึงส่ายหัว และพูดว่า “เอาจริง ๆ ตอนนั้นฉันโกรธมากค่ะ แต่ฉันจะโทษคุณก็ไม่ได้”“ไม่โทษผมก็ดี อันที่จริง ผมอยากถามอะไรคุณหน่อยน่ะ ถ้าผมจะไล่เหมยหรงหรงออกจากบริษัท คุณจะเกลียดผมไหม? ” เย่เทียนหยู่ถามออกไปทันที“เรื่องนี้ ทำไมฉันจะต้องเกลียดคุณด้วยล่ะคะ? ” ใบหน้าของหลิวซือซือเปลี่ยนไปเล็กน้อย“เพราะเหมยหรงหรงเป็นหัวหน้าของคุณไง ความสัมพันธ์ของพวกคุณก็น่าจะดีมาก ๆ เลยไม่ใช่รึไง”“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่าตอนที่เหมยหรงหรงอยู่ในบริษัท เธอแอบทำอะไรเอาไว้บ้างสินะ? ”พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลิวซือซือก็ดูเครียดมาก และพูดขึ้นมาทันที “หัวหน้าเย่คะ เมื่อกี้คุณเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ก็จริง แต่ถ้าจะให้ฉันพูดเรื่องไม่ดีของพี่หรงออกมา ฉันคงพูดออกมาไม่ได้หรอกค่ะ”“เป็นแบบ
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้