แต่ครั้งนี้เธอเอาแต่พูดเรื่องการเซ็นใบหย่า มันทำให้เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันเอาเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกันเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไรแต่หมุนตัวกลับไปทางประตูหลินหว่านหรูชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ยิ่งเห็นท่าทีผิดหวังของเย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่นายอย่าคิดมากนะ ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”“อืม ผมรู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลินหว่านหรูสีหน้าไม่ดี ในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวด นี่เธอเป็นอะไรไป ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะหรือว่าเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้ว?แต่ว่าเธอกับเขามันคนละชนชั้นเขาห่างไกลจากเธอเกินไป อยู่ด้วยกันจะมีความสุขจริงๆหรอ?หลังจากออกมา เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่แผนกการขายหลิวสุ่ยเห็นเข้าก็รีบเข้ามาอธิบายสถานการณ์อีกฝ่ายเป็นเจ้าของโรงงาน ได้ยินมาว่าเป็นคนพาล ให้เขาพยายามเข้าหน่อย ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมให้ก็ให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่ว่ายังไงสังคมในตอนนี้ นอกจากจะล้มละลายแล้วนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มีทางไม่ใช้หนี้หรอกพวกเขาทำงานฝ่ายขาย มันจะต้องมีบางยอดแหละที่ได้มายากไม
“แต่ว่า เขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ” หลิวซือซือสังเกตเย่เทียนหยู่อย่างละเอียด แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสัญญา ก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียวอย่างน้อยก็ดูสถานการณ์ไปก่อนได้ ดูว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไหมพอจางเหยียนได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโกรธนิด ๆ ขึ้นมาทันที และพูดว่า “คนเลวก็คงไม่เอาคำว่า‘คนเลว’แขวนไว้หน้าประตูบ้านตัวเองหรอก เธอรู้จักเขามานานแค่ไหนกัน คงไม่ถูกคำพูดเหลวไหลของหมอนั่นล้างสมองไปแล้วหรอกนะ? ”“หรือแม้แต่คนที่พาเธอริเริ่มทำเรื่องต่าง ๆ พาเธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างพี่หรง ก็ไม่เชื่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”“แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่หรงเป็นถึงอาจารย์ของฉัน และเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ฉันจะไม่เชื่อใจเธอได้ยังไง”“งั้นก็ถูกแล้วไง ผู้มีพระคุณของพวกเราถูกเขาไล่ออกจากบริษัท แล้วเธอยังพูดแทนเขาอีกเหรอ? ” จางเหยียนโกรธอย่างเห็นได้ชัดพอหลิวซือซือได้ยินแบบนี้ เธอก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พี่เหยียน ฉันผิดไปแล้ว”“รู้ว่าตัวเองผิดแล้วก็ดี ส่วนเรื่องนี้ อย่าให้เย่เทียนหยู่รู้เด็ดขาด” จางเหยียนเพิ่งจะพูดจบหลิวสุ่ยก็เดินเข้ามา แล้วร้องเรียก “หลิวซือซือ พี่เย่เรี
หลังจากได้รับกุญแจคืนจากหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มาถึงโรงรถ แล้วขึ้นรถของตัวเองหลิวซือซือก็ขึ้นรถไปแล้วด้วยเช่นกัน แต่แค่เธอเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังแทนเย่เทียนหยู่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บางทีหญิงสาวอาจจะคิดว่าเขาอาจจะทำเรื่องไม่ดีกับเธอก็ได้ล่ะมั้งเดิมทีหลิวซือซือคิดว่าเย่เทียนหยู่จะให้เธอมานั่งข้างหน้า แต่เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่ให้เธอนั่งเท่านั้น ระหว่างทาง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวสายตามองทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว“หัวหน้าเย่ คุณไม่มีอะไรจะอธิบายหน่อยเหรอคะ? ” หลิวซือซืออดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดก่อน“ไม่มีนะ เพราะตัวผมเองก็สับสนเหมือนกัน ไม่รู้อะไรเลย จะให้ผมอธิบายอะไรให้คุณฟังล่ะ”“นี่ คุณไม่ได้ทำความเข้าใจภูมิหลังของอีกฝ่าย ไม่ได้ทำความเข้าใจว่าพวกเราควรจะใช้วิธีไหนในการรับมือกับพวกเขาเลยอย่างงั้นเหรอ? ”“ไม่มี ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรพวกนั้นก็ได้มั้ง ก็เคยพูดเอาไว้แล้วนี่ เราแค่มาหารือเกี่ยวกับการชำระหนี้ของพวกเขาก็เท่านั้น จากนั้นก็จัดการเอกสารอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่รึไง? ”“นี่……”หลิวซือซือยิ้มอย่างขมขื่น เธอไ
ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของหลิวซือซือกลับเปลี่ยนไป เธอกังวลจนทำอะไรไม่ถูก ต่อให้จะรู้อยู่แล้วว่าประธานหลี่ว์จะอธิบายกับคนพวกนั้นเอาไว้ก่อนแล้ว และต่อให้คนพวกนั้นจะไม่ทำร้ายเธอก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกกลัวอยู่ดีเธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เธอ แต่เธอกลับตกใจมากว่าเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่กังวลเลยสักนิด สงบนิ่งโดยสมบูรณ์นี่เขามองไม่ออกเหรอว่าคนพวกนี้มาเพื่อจัดการเขา?คนที่นั่งตรงกลาง ใบหน้าที่ดูหยาบกร้านของเกาเซ่อก็รู้สึกตกใจเช่นกัน แล้วพูดออกไปด้วยท่าทีที่เย็นชา “คุณก็คือหัวหน้าคนใหม่ของหลินซื่อกรุ๊ป เย่เทียนหยู่สินะ? ”“ใช่! ”สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูสงบ ถึงขั้นเดินไปนั่งด้านหน้าด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ประธานเกา ผมอยู่นี่แล้ว คุณเตรียมเงินของคุณไว้แล้วหรือยัง? ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนรอบ ๆ ก็หัวเราะกันใหญ่“ฮ่า ๆ ตลกชะมัด เจ้าหนูนี่ คิดว่าเขามาทวงหนี้จริง ๆ แล้วนะเนี่ย”“ไม่สิ เคยเห็นคนโง่นะ แต่ไม่เคยเห็นคนที่โง่ได้ขนาดนี้มาก่อน” ชายผมสั้นก็พูดเช่นกันแม้แต่หลิวซือซือก็ยังพูดไม่ออก หัวหน้าเย่ คุณพูดจาโอ้อวดมากขนาดนั้นในบริษัท แ
“พอได้แล้ว จะโวยวายแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก อย่าว่าแต่ประธานหลี่ว์ไม่เคยพูดถึงคุณเลย วันนี้ต่อให้ประธานหลี่ว์อยู่ที่นี่ ยังไงก็ต้องมอบตัวคุณให้ผมอยู่ดี”เกาเซ่อหัวเราะอย่างเย็นชาเดิมทีประธานหลี่ว์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยตั้งแต่แรก ซึ่งก็หมายความว่าเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้แล้วอีกอย่าง ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ลูกน้องประธานหลี่ว์สักหน่อย มีแค่ร่วมมือกันก็เท่านั้น เพื่อช่วยเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ทำยังไงก็ได้ให้เขากลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทำให้เขากลายเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง ถ้าไม่สำเร็จจริง ๆ อย่างน้อยก็ตัดขาทั้งสองข้างของเขาซะในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะมามัวสนใจประธานหลี่ว์อะไรนั่นอยู่ทำไมกันทันทีที่เกาเซ่อพูดคำเหล่านี้ออกมา หลิวซือซือก็กลัวแทบตาย ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่มาตั้งแต่แรกแล้วเธอกังวลมากจนเกือบจะเป็นบ้า แล้วพูดออกไปเสียงดัง “หัวหน้าเย่ คุณพูดเอาไว้แล้วไม่ใช่รึไง ในฐานะสมาชิกในทีมของคุณ คุณจะไม่ยอมให้ใครถูกรังแกทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้คุณเป็นคนพาฉันมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้ว
“รนหาที่ตายนักนะ!”ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น แต่ละคนพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง การโจมตีในแต่ละครั้งของพวกเขารุนแรงมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเรื่องแบบนี้ผั๊วะ ผั๊วะ......ในแววตาที่เป็นกังวลและตื่นตระหนกของหลิวซือซือ เธอเห็นแค่พวกอันธพาลที่รีบบุกเข้าไปก่อนหน้านี้ ต่างก็กรีดร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นกันทีละคนได้แต่นอนอยู่กับพื้น จะลุกขึ้นมาก็ไม่ไหว รวมถึงหัวหน้าของพวกเขาอย่างเกาเซ่อก็เช่นกันต่อให้เกาเซ่อจะดูทรงพลังมากแค่ไหน จะลงมือได้โหดเหี้ยมสักเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับมือกับหัวหน้าเย่ได้อยู่ดี ได้แต่ต้องยอมจำนนเท่านั้นในตอนนี้เอง เธอก็รู้สึกตกใจมากเธอเคยเห็นฉากดังกล่าวแต่ในทีวี แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ในความเป็นจริงจะมีคนที่เก่งกังฟูขนาดนี้อยู่ ไม่นานก็ทำให้เธอรู้สึกนับถือในตัวเขามากจริง ๆแน่นอนว่าเธอรู้สึกตกใจมากกว่าเกาเซ่อและคนอื่น ๆ มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและหวาดกลัว แล้วถามด้วยความไม่เชื่อ “คะ คุณเป็นใครกันแน่? ”“ผมชื่อเย่เทียนหยู่ หัวหน้าทีมฝ่ายการขายของหลินซื่อกรุ๊ปไง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะแนะนำตัวให้คุณร
เย่เทียนหยู่จึงถามออกไปอีกว่า “งั้นคุณมีหลักฐานว่าคุณกับประธานหลี่ว์ร่วมมือกันไหม อย่างเช่นคลิปเสียง หรืออะไรอย่างอื่น?”“เรื่องนี้ ไม่มีเลย! ”พอเห็นว่าแววตาของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาก็ตกใจแทบแย่ จึงพูดขอร้องออกมา “ผมไม่มีจริง ๆ ถ้าผมมี ผมจะต้องมอบให้คุณอย่างแน่นอน”“ก็พอจะดูออก ว่าคุณคงไม่มีจริง ๆ คุณนี่ทำให้ผมลำบากจริง ๆ” เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“อย่า อย่าคิดว่ามันลำบากเลยครับ หัวหน้าเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ หากคุณมีอะไรที่ต้องการให้เราช่วย ขอแค่คุณบอกมาได้เลย ผมจะทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”เกาเซ่อพูดขอร้องอย่างสั่นเทาใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้จะทำให้พวกเขาลำบากใจอยู่แล้ว เขาส่ายหัว ถอนหายใจ แล้วพูดออกมา “ช่างมันเถอะ ผมคนนี้เป็นคนมีน้ำใจซะด้วยสิ ไม่อยากทำร้ายผู้อื่นไหร่”“ในเมื่อคุณสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว ผมก็จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก็ได้”“ดีมากเลย ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ หัวหน้าเย่! ”พอเกาเซ่อได้ยินแบบนั้น ก็ตื่นเต้นมาก เขาก้มหัวคำนับให้หลายที ทำให้เห็นถึงความหวาดกลัวในใจของเขา และก็ทำให้เห็นถึ
“มีไม่มีก็ไม่สำคัญหรอก เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วก็นะ เมื่อกี้ที่ผมจงใจยกตัวคุณให้พวกเขา คุณไม่โทษผมแล้วเหรอ?”เย่เทียนหยู่กล่าวพอพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของหลิวซือซือก็โกรธอยู่จริง ๆ แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ เรื่องทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น คนที่ผิดก็ยังเป็นเธออยู่ดีดังนั้น เธอจึงส่ายหัว และพูดว่า “เอาจริง ๆ ตอนนั้นฉันโกรธมากค่ะ แต่ฉันจะโทษคุณก็ไม่ได้”“ไม่โทษผมก็ดี อันที่จริง ผมอยากถามอะไรคุณหน่อยน่ะ ถ้าผมจะไล่เหมยหรงหรงออกจากบริษัท คุณจะเกลียดผมไหม? ” เย่เทียนหยู่ถามออกไปทันที“เรื่องนี้ ทำไมฉันจะต้องเกลียดคุณด้วยล่ะคะ? ” ใบหน้าของหลิวซือซือเปลี่ยนไปเล็กน้อย“เพราะเหมยหรงหรงเป็นหัวหน้าของคุณไง ความสัมพันธ์ของพวกคุณก็น่าจะดีมาก ๆ เลยไม่ใช่รึไง”“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่าตอนที่เหมยหรงหรงอยู่ในบริษัท เธอแอบทำอะไรเอาไว้บ้างสินะ? ”พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลิวซือซือก็ดูเครียดมาก และพูดขึ้นมาทันที “หัวหน้าเย่คะ เมื่อกี้คุณเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ก็จริง แต่ถ้าจะให้ฉันพูดเรื่องไม่ดีของพี่หรงออกมา ฉันคงพูดออกมาไม่ได้หรอกค่ะ”“เป็นแบบ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป