หลิวอวิ๋นซิ่วเห็นทั้งสองคนคุยกัน ในใจมีความสุขมากเสียจนรีบเดินเข้าไปดึงเย่เทียนหยู่ที่เพิ่งเดินเข้ามาให้ออกไปอีกทางเย่เทียนหยู่ถูกจับเอาไว้แน่นจะสะบัดออกก็ไม่ได้ ถ้าหากรอจนเธอลงไปนอนที่พื้นแบบนั้นก็น่าอับอายแย่ และดูจากนิสัยของหลิวอวิ๋นซิ่วแล้วเธอสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ“เย่เทียนหยู่ดูสิ คนที่เก่งอย่างคุณชายตระกูลกงซุนถึงจะเหมาะเป็นสามีของหลินหว่านหรู ถ้าเป็นคนแบบนายเนี่ยแค่จะเป็นคนถือรองเท้าให้ยังไม่เหมาะเลย”หลิวอวิ๋นซิ่วพูดเสียงเรียบเย่เทียนหยู่ไม่ได้โมโห แต่พูดเสียงเรียบเช่นกัน “ครึ่งเดือนก่อนหน้าคุณก็แนะนำหลิวเจี๋ยแบบนี้ แล้วตอนนี้หลิวเจี๋ยไปไหนซะแล้วล่ะครับ?”คำพูดนี้ทำเอาหลิวอวิ๋นซิ่วโมโหจนแทบจะบ้า “ก็หลิวเจี๋ยเขาแสดงเก่งจนเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นฉันดูออกตั้งแต่แรกแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นคุณจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชายกงซุนคนนี้ไม่ได้แสดงเหมือนกัน?” เย่เทียนหยู่ถามกลับ เพราะถ้าจำไม่ผิดจากข้อมูลที่อ่านมา ตระกูลกงซุนเองก็ไม่ได้เป็นตระกูลที่ดีอะไรนัก“เขาต้องไม่แสดงอยู่แล้ว คุณชายกงซุนดูแล้วก็น่าเกรงขาม มีมารยาทและยังดูเข้าถึงง่ายอีกด้วย”“แล้วหลินเจี๋ยก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้หรือไ
ดูท่าแล้ว หมอนี่คงไม่ได้เรื่องทั้ง ๆ ที่มีภรรยาสวยล่มเมืองขนาดนี้แต่กลับไม่ได้ทำอะไรเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง!การที่ต้องลดตัวลงมายื้อแย่งกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ มันทำให้เขาดูต่ำต้อยไปด้วยแต่ก็เพื่อคนสวยคนนี้ เขาทำได้แค่เพียงทำตัวเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก แล้วก็จัดการไอ่คนไร้ประโยชน์คนนี้หน่อยแล้วกันแต่ต่อหน้าเธอก็ยังคงต้องรักษาท่าทางไว้ก่อน กงซุนจื้อยิ้มอ่อนๆ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่เก่งรอบด้านแบบประธานหลิน คุณชายเย่ก็ยอมปล่อยมือ ผมอดจะตกใจไม่ได้จริงๆ““เขาอยากจะตัดใจที่ไหนล่ะ เป็นเพราะว่าพวกเราไม่อยากได้เขาก็เท่านั้นเอง เขาเหมาะกับหว่านหรูที่ไหนกันล่ะ ก็มีแค่คนหนุ่มๆอย่างคุณชายกงซุนนี่แหละถึงจะเหมาะกันกับหว่านหรู“หลิวอวิ๋นซิ่วรีบพูด“ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าหลิวเจี๋ยหรอกหรอที่เหมาะสมที่สุด?” เย่เทียนหยู่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถามกลับหลิวเจี๋ยอีกแล้ว หลิวอวิ๋นซิ่วเกือบจะแสดงท่าทีโมโหออกมา“หลิวเจี๋ยคือใครครับ?”กงซุนจื้ออดไม่ได้ที่จะถามออกมาอย่างสงสัยหลิวอวิ๋นซิ่วรีบอธิบาย “เป็นแค่คนที่เคยตามจีบหลินหว่านหรูเมื่อก่อน แต่ว่าวางใจได้เลยค่ะ หว่านหรูไม่สนใจเขาด้
“ทำไมเมื่อกี้ดูอารมณ์ดีแต่ตอนนี้เหมือนไม่มีความสุขแล้วล่ะ?”เย่เทียนหยู่เป็นคนช่างสังเกต แค่มองก็รู้แล้วว่าอารมณ์ของหลินหว่านหรูเปลี่ยนไป“เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ!”หลินหว่านหรูตอบอย่างอารมณ์เสีย ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องหย่าเลย“คุณเป็นภรรยาของผม จะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง?”“ใครบอก นายอย่าลืมนะว่าใกล้ถึงวันที่เราจะหย่ากันแล้ว พอถึงตอนนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แค่นี้เองหรอ? ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ เราไม่หย่ากันได้ไหม?”เย่เทียนหยู่ถามส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่าทีของหลินหว่านหรูในวันนี้ได้ใจของเขา โดยเฉพาะตอนที่แนะนำเขาให้กงซุนจื้อรู้จัก มันทำให้เขาสบายใจมากหลินหว่านหรูฟังจบในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด มุมปากอดจะยกยิ้มไม่ได้ แต่กลับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “หึ ฝันไปเถอะ!”“มันก็ต้องฝันบ้างสิ ไม่อย่างนั้นจะอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขได้ยังไง”“เอาเถอะ เรื่องนั้นถึงเวลาค่อยคุยกันพวกเราไปหาที่ทานข้าวกันก่อนเถอะ”ยังจะพูดอีก แบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าหลินหว่านหรูไม่อยากหย่า เย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกดีใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “ได้สิ ผมรู้จักร้านนึงอยู่ รสชาติดีใช้ได้เลย เดี๋ยวผมพาไปลองชิม
“พูดอะไรของนาย ถ้าไม่กินข้าวจะมาทำไม?” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“นั่นสินะ เชิญด้านในเลยครับ พวกคุณทานกันตามสบายเดี๋ยวผมจ่ายเงินเอง” คุณชายเย่มาทานข้าวกับผู้หญิงใครจะกล้าเข้าไปยุ่งถึงแม้ว่าเขาจะอยากเข้าใกล้คุณชายเย่มากสักแค่ไหน อยากจะพูดคุยแล้วถือโอกาสใกล้ชิดสักเท่าไหร่และก็เป็นการให้คำอธิบายกับพ่อของเขาด้วยไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาทางเข้าใกล้คุณชายเย่ให้ได้พอมาคิดดู คนที่สามารถทำให้ประธานหยางสามารถเคารพได้ จะต้องน่ากลัวสักเท่าไหร่กันเชียวที่จริงก็ไม่ใช่แค่เขา ซูเหวินหวาเองก็รอโอกาสนี้อยู่เหมือนกันพอพูดจบ ซ่งหยางก็รีบไปอีกทาง คงจะต้องโอกาสหน้าแล้วเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ไม่อยากจะสนใจเขา ตอนนี้จึงได้แต่พาหลินหว่านหรูเข้าไปนั่งด้านในยังไม่ทันได้สั่งอาหาร หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เย่เทียนหยู่ ซ่งหยางเป็นถึงคุณชายตระกูลซ่งทำไมถึงได้เคารพนายขนาดนี้ล่ะ?”เธอสงสัยมากจริงๆเย่เทียนหยู่ยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พวกเรามาสั่งอาหารก่อน”หลินหว่านหรูหมดคำจะพูด แต่ก็ยังอดทน รอจนสั่งอาหารเสร็จก็พูดต่อ “พอที รีบๆบอกเหตุผลฉันมา”“เธอจะฟังความจริงหรือเปล่าล่ะ?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไอ่บ
“ได้สิ นายเรียกมาสิเดี๋ยวฉันจะถามเขาต่อหน้าเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันถามนายห้ามแอบกระซิบอะไรนะ” หลินหว่านหรูเองก็เป็นคนฉลาด“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำหรอก”เย่เทียนหยู่มองไปทางซ่งหยางที่ยังแอบมองเขาจากไกลๆก่อนจะกวักมือเรียกอย่างเหนื่อยใจ ไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำซ่งหยางเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้ามาทำเอาหญิงสาวที่มาด้วยกันกับเขามองมาอย่างไม่เข้าใจคิดว่าคุณชายซ่งที่มาด้วยกันกับเธอเปลี่ยนคนแล้วหรือเปล่าไม่อย่างนั้นแล้วจะดูมีท่าทีอ่อนน้อมขนาดนี้ได้อย่างไรนี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด“คุณชายเย่มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ซ่งหยางถามด้วยสีหน้านอบน้อมเห็นท่าทางของซ่งหยาง หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกเหนื่อยใจ นี่ใช่คุณชายซ่งที่โอ้อวดบ้าอำนาจคนนั้นหรือเปล่า ทำไมตอนนี้เหมือนกับลูกแมวขนาดนั้นล่ะ“ไม่มีอะไร ภรรยาฉันมีเรื่องจะถามนายก็เท่านั้น เธอถามว่าทำตอนนั้นที่เรามีเรื่องกันทำไมนายถึงหนีไปก่อน” เย่เทียนหยู่ถามออกมาซ่งหยางได้ยินก็ตกใจ“วางใจเถอะ ไม่ได้จะหาเรื่องนาย ภรรยาของฉันก็แค่อยากจะรู้เรื่องให้ชัดเจน”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ให้พูดตามจริงเลยใช่ไหมครับ?”“ให้ตายเถอะ ก็ต้องพูดความจริงสิ” เย่เทียนหย
อีกฝ่ายเกรงใจและให้ความร่วมมือขนาดนี้ เย่เทียนอวี่เองก็คิดว่าตัวเองไม่ควรจะเกินไปนัก ก็เลยพูดเสริมเข้าไปอีกหนึ่งคำ ยังไงเรื่องที่จะต้องช่วยก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ“ครับ ขอบคุณคุณชายเย่มาก!”ต่อให้จะมีโอกาสแค่ครั้งเดียว แต่ซ่งหยางก็ตื่นเต้นมากๆ แม้แต่ตอนเดินกลับยังตัวสั่นไม่หยุด สิ่งที่ทำมาตั้งมากมายก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้หรือไง แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการซื้อประกันชั้นดีให้กับตัวเองเลยสักนิดหลินหว่านหรูกลับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เห็นว่าซ่งหยางเดินไปไกลแล้ว ก็พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “นายไปรับคำคนอื่นมั่วๆแบบนี้ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจริงๆล่ะ พอถึงตอนนั้นนายจะทำยังไง”“ผมก็ช่วยเค้าแก้ไขน่ะสิ เขาดูจะเกรงอกเกรงใจขนาดนั้น” เย่เทียนหยู่ตอบกลับ“แก้ไข นายจะเอาอะไรมาช่วยแก้ไข นายคิดว่าตัวเองกับประธานหยางเป็นพวกเดียวกันหรือไง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมประธานหยางถึงให้การ์ดนี้กับนาย แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งกาจเหมือนประธานหยางนี่”ตระกูลซ่งมีอำนาจขนาดนั้น ถ้าหากซ่งหยางยังจัดการไม่ได้มันก็คงเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ นอกจากว่าเขาจะเป็นประธานหยาง ไม่อย่างนั้นจะจัดการได้ยังไง“เอ่อ ที่คุณพูดมันก็ถูกน
จริงๆแล้วช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่ใช่ว่าหยางเฉียนเฉียนไม่เคยนัดให้เย่เทียนหยู่ออกมาเจอกัน แต่เย่เทียนหยู่เป็นใครกัน เขาไม่มีเวลามาคอยดูแลน้องสาวหรอก ถ้าไม่ปฏิเสธก็จะตัดสายโทรศัพท์ไปเลยทำให้หยางเฉียนเฉียนรู้สึกเสียหน้า เธอโกรธจนแทบจะบุกมาหาเขาที่บ้านไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้บุกบ้าน วันนี้ก็ได้เจอกันที่นี่แล้ว หยางเฉียนเฉียนจึงมีแต่ความตกใจประดับอยู่เต็มใบหน้า“เอ่อ เธอเองหรอ!”เห็นว่าหลบไม่ได้แล้วเย่เทียนหยู่จึงได้แต่ยิ้มรับ ไม่ว่าจะพูดยังไงหยางเฉียนเฉียนก็ดีกับเขามากและยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นช่วยเขาก่อนด้วย“ทำไมคะ เห็นฉันแล้วพี่ไม่มีความสุขหรอ ช่วงกี่วันมานี้พี่ไปแอบที่ไหนมา ทำไมไม่เจอเลย”ในสายตาของหยางเฉียนเฉียนมองไม่เห็นเลยว่ายังมีคนอื่นยืนอยู่ด้วย“ก็ยุ่งอยู่นี่ไง” เย่เทียนหยู่ตอบแบบขอไปที“ยุ่งอะไรกัน ฉันจะบอกพี่เลยนะคะคืนพรุ่งนี้พี่ต้องไปกับฉัน” หยางเฉียนเฉียนตั้งใจเอาไว้แล้วต่อให้วันนี้จะต้องบุกบ้านอีกฝ่ายจริงๆแต่คืนพรุ่งนี้เขาจะต้องไปด้วยกันกับเธอหลินหว่านหรูที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นว่าทั้งสองคนทั้งพูดทั้งหัวเราะกัน แล้วยังพูดอีกว่าคืนพรุ่งนี้ต้องอยู่ด้วย มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีมา
ไอ้บ้านี่มีเมียอยู่ที่บ้านทั้งคนยังออกไปวุ่นวายอยู่ข้างนอกกินอยู่กับปากยังเอาแต่ไปคิดถึงของที่ยังค้างในหม้อ เกินไปจริง ๆเย่เทียนหยู่เห็นว่าหลินหว่านหรูขึ้นรถแล้วตั้งท่าจะเดินตามไปแต่ใครจะรู้ว่าหลินหว่านหรูจะเหยียบคันเร่งออกไปเร็วขนาดนั้น ทำเอาเย่เทียนหยู่ตกใจจนแทบแย่แต่ว่าเมื่อมองดูจากไกลๆเห็นว่ารถกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหยางเฉียนเฉียนเองก็ตกใจ พูดเสียงเบา “พี่เย่นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? แต่ว่าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่”“ไม่โทษเธอหรอก เป็นปัญหาของฉันเอง ฉันคงทำอะไรผิดไป”“อ่อ พี่เย่ก็ไม่ต้องกังวลไป ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ชอบโวยวายเดี๋ยวพี่สะใภ้ก็หายเอง” หยางเฉียนเฉียนปลอบ“อืม!”“งั้นคืนพรุ่งนี้ล่ะคะ?”“ฉันไม่ว่างจริง ๆ!”“พี่เกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอคะ ฉันทำผิดอะไรล่ะ พี่ไม่สนใจฉันมาตั้งนานแล้วนะ แค่ให้มาช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันพี่ก็ไม่ยอมน่ะ?” หยางเฉียนเฉียนพูดพลางน้ำตาก็ไหลลงมา“เดี๋ยวก่อนสิ เธออย่าร้องไห้สิ”เย่เทียนหยู่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ที่สุด“ฉันก็ไม่ได้อยากร้อง แต่ฉันเสียใจนี่คะในใจฉันมันเจ็บปวดไปหมด พี่เย่ถ้าพี่จะเกลียดฉันขนาดนี้ฉันก็ไม่อยา
เมื่อมองไปยังสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ หนานกงเล่อก็รู้สึกว่าตนอาจจะตัดสินใจผิดไป ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ต้องการเจรจากับเขาจริง ๆเขาต้องการที่จะทำลายไอ้นั่นของตนจริง ๆแม้ไอ้นั่นของเขาที่อยู่หว่างขาจะสั้นและไม่มีประโยชน์ และมักจะต้องพึ่งยาอยู่เสมอแต่อย่างน้อยก็ยังใช้การได้อยู่ จะให้มันหายไปไม่ได้ครั้งนี้หนานกงเล่อตกใจมากจริง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว จนต้องเดินถอยหลัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คะ คุณชายเย่ อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ ผมผิดไปแล้ว คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง บอกผมมาได้เลยครับ ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมให้ได้ ไม่ว่าอะไรผมก็จะให้คุณทุกอย่าง!”“แกให้ไม่ได้หรอก”เย่เทียนหยู่พูดพลางส่ายหัว“ให้ได้สิครับ ขอแค่คุณเอ่ยออกมา ผมก็ให้ได้ทั้งนั้น” หนานกงเล่อรู้สึกลนลานมากจริง ๆ“ถ้าฉันบอกว่าต้องการทั้งตระกูลหนานกงล่ะ แกให้ได้ไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาพอจะรู้เรื่องที่ตระกูลหนานกงกดดันตระกูลเย่มาอยู่บ้างบวกกับเรื่องที่คนของตระกูลหนานกงเพิ่งจะมาหาเรื่องหลินหว่านหรูไป ตอนนี้ก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกสำหรับตระกูลหนานกงแล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกดีด้ว
บนใบหน้าไม่ได้มีแค่รอยนิ้วมือที่ชัดเจนปรากฏเท่านั้น แต่ยังบวมขึ้นมาอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงมือครั้งนี้นั้นหนักหนาสาหัสเพียงใดหนานกงเล่อพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่ใบหน้าอย่างมาก เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธ ไม่ใช่ว่าแกควรจะกลัวตระกูลหนานกง และคิดหาวิธีแกไขปัญหารึไงวะแต่แกกลับลงมือรุนแรงขนาดนี้ แล้วแกจะให้ฉันเจรจากับแกได้ยังไง?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังไม่ทันจะยืนขึ้น เย่เทียนหยูก็เดินเข้ามาอีกครั้ง หนานกงเล่อรู้สึกตกใจ ไอ้เด็กนี่มันไม่เล่นตามกฎเลยจริง ๆสีหน้าของเหอฉุนเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเมื่อต้องการที่จะเจรจา อาจจะต้องมีการข่มขู่กันบ้าง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง เธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะฉลาด และคิดวิธีออกแล้วเสียอีกแต่กลับยังคงเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้นเธออยากที่จะเตือน แต่ก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จะพูด เพราะตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับเขา เธอยังไม่เคยพูดคุยกับเขาเลยสักประโยค ความสัมพันธ์ก็ยังไม่มี จะให้เธอพูดยังไงแต่หากไม่รีบสอนเด็กหนุ่มคนนี้ล่ะก็ เขาอาจจะเผลอทำเรื่องผิดพลาดก็ได้เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา หนานก
เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย ว่าตอนนี้ในหัวเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ช่างเถอะ ยังไงก็ควรแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นสองสาวที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็คือเหอฉุนและจางผิงเห็นว่าพวกเธอถูกมัดโดยเอามือไขว้หลังเอาไว้อยู่ และปากก็ถูกปิดด้วยเทปกาว พวกเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้เลยตนเข้ามาก็นานพอสมควร แต่ก็กลับลืมช่วยพวกเธอแก้มัดเสียอย่างนั้น อันที่จริงมันก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็สะบัดมือขวา ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำยังไง เชือกที่ผูกมือของทั้งสองสาวก็ขาดออกได้ในทันทีสองสาวดูตกใจเล็กน้อย พวกเธอสัมผัสได้ว่าเชือกมันขาดไปแล้ว ทั้งแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับวิธีการอันมหัศจรรย์ของเย่เทียนหยู่ก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจพี่ชาย ในที่สุดคุณก็จำได้เสียที ว่ายังมีพวกเราอยู่ด้วย!พวกเราถูกเชือกมัดเอาไว้อยู่ตลอด แค่จะพูดก็ยังทำไม่ได้ แถมยังต้องมานั่งดูพวกคุณแสดงความรักต่อกันอีกเย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่นิดหน่อยจริง ๆ ก่อนที่จะถามออกไปว่า “พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเย่ พวกเราโอเค ขอบคุณมากนะคะ”จางผิงพูดด้วย
หนานกงเล่อหน้าซีด เขาหยุดเดินแทบจะในทันที และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะมองเขา เพียงแค่ก้มหน้าปลอบใจเฉินเฟยเฟย “เอาล่ะ พี่เย่มาแล้ว จะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกแน่นอน พี่เย่จะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง”“อืม!”หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกว่าอารมณ์คงที่ขึ้นมาก ถึงได้สังเกตเห็นว่าตนเองยังคงกอดพี่เย่เอาไว้แน่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าบางจุดของเธอที่ตอนนี้กำลังเปิดอยู่ จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกใกล้ชิดกันกว่าปกติ เธอรู้สึกหน้าแดงจนต้องรีบปล่อยมือออกทันทีถึงแม้ว่าเธออยากที่จะกอดอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่แต่ในตอนนี้เอง เฉินเฟยเฟยก็นึกถึงคู่ต่อสู้อย่างหนานกงเล่อ สีหน้าซีดเผือกทันที ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นขึ้นว่า “พี่เย่คะ เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลหนานกง มีฐานะที่ไม่ธรรมดา”“พี่รู้”เย่เทียนหยู่ยิ้มพลางพูดออกไปว่า “วางใจเถอะ พี่ไม่กลัวตระกูลหนานกงหรอก”เมื่อคำนี้หลุดออกมา เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกงงงวยทันทีพี่เย่เก่งกาจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แม้แต่ตระกูลหนานกงก็ยังไม่กลัว หรือเขาแค่พูดปลอบใจตนกันนะหนานกงเล่อยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเข
จางผิงและเหอฉุนต่างก็มองกันตาค้าง ในสายตาของพวกเธอ พลังของบอดี้การ์ดวัยกลางคนเมื่อสักครู่นี้ ก็ถือว่าน่าตกใจและน่ากลัวมากพอสำหรับพวกเธออยู่แล้วแต่หากไม่มีการเปรียบเทียบก็คงไม่รู้ผลลัพธ์ เมื่อเทียบกับเย่เทียนหยู่แล้ว แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำสมแล้วที่เป็นถึงคุณเย่!เขาก็เป็นคนที่หล่อเท่แบบนี้แหละ!เป็นคนที่เก่งกาจมากจริง ๆ!จางผิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ครั้งนี้คงรอดแล้วจริง ๆเหอฉุนรู้สึกดีใจที่เย่เทียนหยู่มีความสามารถ แต่ก็กลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนจางผิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคนนั้นก็เป็นถึงคุณชายรองแห่งตระกูลหนานกง ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง เขาคงจบไม่สวยแน่ ๆอย่างไรก็ตาม วิกฤตชั่วคราวตอนนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับวิกฤตที่น่ากลัวหลังจากนี้อย่างไรดีเฉินเฟยเฟยยืนมองทุกอย่างด้วยความงงงวย จนกระทั่งเย่เทียนหยู่ก้าวเท้าเดินตรงมาหาเธอ เธอก็กลับยังคงไม่มีการตอบสนองใด ๆไม่นานหลังจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็เดินมาถึงตัวของเฉินเฟยเฟยส่วนหนานกงเล่อ เขาถูกทำให้ตกใจจนต้องยืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หากเป็นพี่ใหญ่ของเขา บางที
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนที่เธอคิดจะฆ่าตัวตาย บอดี้การ์ดคนนั้นอยู่ห่างจากเธอมาก แต่ถึงอย่างนั้น บอดี้การ์ดก็ยังคงเป็นคนแรกที่มาถึงตัวเธอ และหยุดเธอเอาไว้ได้ก่อนเห็นได้ชัดว่าบอดี้การ์ดคนนี้มีฝีมือที่แข็งแกร่งมากจริง ๆแต่สีหน้าของเย่เทียนหยู่กลับดูไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “ไสหัวไป!”เหอฉุนและจางผิงรู้สึกงงงวยอยู่นิดหน่อย พวกเธอคิดแค่ว่าต่อให้เขาจะมีอำนาจ หรือมีความกล้าหาญมากแค่ไหน แต่ว่าเขาจะสามารถเอาชนะบอดี้การ์ดที่น่ากลัวคนนั้นได้จริง ๆ น่ะเหรอสีหน้าบอดี้การ์ดวัยกลางคนคนนั้นดูเย็นชา อันที่จริง เขาสัมผัสได้ก่อนแล้ว ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของคุณชาย เขาจึงไม่สามารถหลีกทางให้ได้“เข้ามาเถอะ ให้ฉันได้เห็นความสามารถของแกหน่อย”บอดี้การ์ดวัยกลางคนคำรามเสียงดัง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พลังบนร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เขาถึงกับเป็นฝ่ายที่พุ่งเข้าไปโจมตีเย่เทียนหยู่ก่อนโดยตรงทันใดนั้น สิ่งของในห้องก็เคลื่อนไหวได้ ทั้งที่ไม่มีลมพัด สร้างความน่าเกรงขามและทรงพลังอย่างมากเหล่าหญิงสาวต่างก็รับรู้ได้ถึงความกดดันที่น่ากลัว จากนั้นก็เห็
หลังจากที่เย่เทียนหยู่พังประตูเข้าไป หนานกงเล่อก็หันไปมองด้วยความโกรธ และเห็นว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่ถีบประตูเข้ามาโดยตรงสำหรับเย่เทียนหยู่ เขาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้พบเขาบนเวทีไอ้เวรเอ้ย นี่มันไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ!แถมยังวิ่งมาที่นี่เพื่อทำลายเรื่องดี ๆ ของตนอีกไอ้สวะไป๋หยางนั่น ไม่ใช่ว่ามันหาคนไปจัดการกับไอ้เด็กนี่แล้วรึไง?เสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างดัง จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง รวมถึงเหอฉุนและจางผิงเองก็ด้วยจางผิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ และตื่นตัวขึ้นทันทีเขาคือคุณเย่!คุณเย่มาแล้ว!ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณเย่จะรับมือไหวไหม แต่แค่ได้เห็นว่าเขามา ก็รู้สึกว่าตนมีความหวังขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่รึไงเหอฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอมองไปยังผู้ชายที่ดูน่ากลัวและดุร้ายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาต่างจากที่เคยเห็นในตอนแรกไปโดยสิ้นเชิงแต่ว่า การที่เขาถึงกับรีบตรงมาที่นี่แบบนี้เขาก็น่าจะได้รับข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงเล่อมาที่นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบม
พระเจ้าช่วย หากช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเฉินเฟยเฟยอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วเมื่อเห็นฉากนี้ หนานกงเล่อก็โกรธจัดขึ้นทันที เฉินเฟยเฟยถึงกับเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แม้ตนจะต้องตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรนี่เขาดูแย่มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อนิดหน่อยแล้ว ยังจะมีอะไรดีอีก?หรือความหล่อมันกินแทนข้าวได้รึไง?หนานกงเล่อโกรธจัด ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยว จับเฉินเฟยเฟยเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เฉินเฟยเฟย เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ก็ดี ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ วันนี้ฉันก็ยิ่งต้องเล่นสนุกกับเธอต่อหน้าทุกคนมากขึ้นเท่านั้น”“ไสหัวออกไปนะ!”เฉินเฟยเฟยเริ่มร้อนรน เธอยกมือขวาขึ้น ตบเข้าที่ใบหน้าของหนานกงเล่ออย่างแรงหนานกงเล่อรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น แค่เฉินเฟยเฟยจะแตะต้องเขาได้อย่างไร“เวรเอ้ย แกกล้าตบฉันเหรอ!”หนานกงเล่อโกรธจัดทันที ก่อนที่เขาจะตบกลับไปอย่างแรงด้วยฝ่ามือเพี้ยะ!เสียงใส ๆ ดังก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่งเฉินเฟยเฟยถูกตบที่ใบหน้าจนเ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ