ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิงหยางมาถึงบริษัทหลิงกรุ๊ป หลังจากจอดรถในที่ส่วนตัวสำหรับประธานในชั้นใต้ดิน เขาก็ขึ้นลิฟต์เฉพาะเขาเท่านั้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นห้องทำงาน เมื่อมาถึงก็เข้าไปด้านใน แล้วก็ต้องเซ็งสุดขีดเมื่อพบว่ามีคนพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง
ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสุดเซ็กซี่ และมีรูปร่างสะบึ้มพุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว เธออ้าแขนโอบหลิงหยางจากด้านหลัง
"หลิงหยาง คุณมาแล้ว! เมื่อคืนฉันติดต่อคุณไม่ได้ ฉันเป็นห่วงมาก เช้านี้ก็รีบมาที่บริษัทเพื่อหาคุณ นั่งรออยู่ที่ห้องทำงานของเลขาฯ อยู่นานเลย"
สัมผัสอ่อนนุ่มจากด้านหลังทำให้หลิงหยางชะงักไปชั่วครู่ แต่เขาก็รีบตั้งสติและดันร่างของหญิงสาวออก จากนั้นเขาหันกลับมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
"จางเมิ่งเสวี่ย คุณหมายความว่ายังไง? เราสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"หลิงหยาง ตั้งแต่แม่ของคุณพาฉันมารู้จัก ฉันก็ชอบคุณแล้ว ฉันอยากอยู่กับคุณ อยากแต่งงานกับคุณ" จางเมิ่งเสวี่ยแสดงออกอย่างจริงจัง
"ขอโทษด้วยนะ ผมแต่งงานแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบครอบครัว กรุณาอย่ามาหาผมอีก" หลิงหยางตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
"เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ!" เธอคิดไปว่าเขาอ้างเพราะอยากปฏิเสธ
"เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ"
หลิงหยางหันไปมองเกาหมิงที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาโกรธและถามเสียงดัง "เลขาเกา นี่มันอะไรกัน? ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องทำงานของผม?"
"ประธานหลิง ผม..." เกาหมิงอึดอัดใจไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว! ฉันต้องทำงาน ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องทำงานฉัน!" หลิงหยางพูดตัดบท
"คุณจาง กรุณาออกไปด้วยครับ" เกาหมิงส่งสัญญาณเชิญจางเมิ่งเสวี่ยออกไป
จางเมิ่งเสวี่ยที่เคยถูกตามใจมาตลอด ไม่เคยถูกใครไล่ออกจากห้องมาก่อน เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกหลิงหยางไล่ในวันนี้ มันทำให้รู้สึกอับอายจนหน้าแดงก่ำ เธอจึงมองหลิงหยางด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
"ท่านประธาน คุณสุดยอดมาก! ผู้หญิงคนนี้ยากที่จะจัดการ แต่คุณก็จัดการเธอได้ภายในไม่กี่คำ!" เกาหมิงยกนิ้วโป้งชม
"ยังจะพูดอีก! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ฉันไม่รู้เลยว่านายมาเป็นเลขาทำไม" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ
"เฮอๆ เจ้านาย คุณแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ?" เกาหมิงหัวเราะเขินๆ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ฉันจะโกหกทำไม?" หลิงหยางมองอย่างไม่สบอารมณ์
"ฮ่าๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้านายผู้ไม่สนใจผู้หญิงเลย จะสละโสดได้เสียที!" เกาหมิงยิ้มเจ้าเล่ห์
"ออกไป!"
เกาหมิงจึงเดินออกจากห้องทำงานอย่างหงอยๆ โดนเจ้านายอารมณ์เสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้น!
ในระหว่างการทำงาน หลิงหยางไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เขาพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่บาร์ ว่าเขาไปเจอกับซ่งเชี่ยนได้อย่างไร แต่ก็ไม่สามารถจำอะไรได้ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นดึงเขาออกจากความคิด มองดูเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอ เป็นหมายเลขที่เขาไม่รู้จัก รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสาย
"ฮัลโหล คุณเป็นใคร?"
"คุณคะ คุณย่าของคุณถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน ตอนนี้เพิ่งผ่าตัดเสร็จและพักอยู่ที่ห้อง 3 ชั้น 10 ของโรงพยาบาลประชาชนเมือง..."
เสียงผู้หญิงดังมาจากอีกฝั่งของสาย
“คุณเป็นคนที่ชนคุณย่าของผมเหรอ?” หลิงหยางถามอย่างร้อนรน
“ไม่ใช่ค่ะ!”
“งั้นใครเป็นคนทำ?” หลิงหยางถามต่อ
“ไม่ทราบค่ะ…” ซ่งเชี่ยนรู้สึกว่าคนที่พูดอยู่ในโทรศัพท์มีเสียงคุ้นหู แต่ก่อนที่จะถามต่อ อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว
พอวางสายจากหลิงหยางเสร็จ โทรศัพท์ของแม่ซ่งเชี่ยนก็โทรเข้ามาทันที
“เชี่ยนเอ๋อร์ ลูกอยู่ที่ไหน? รีบกลับบ้านด่วนเลย พ่อของลูกอาการแย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อคะ?” ซ่งเชี่ยนถามด้วยความตกใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้พ่อของลูกยังดีๆ อยู่เลย แต่จู่ๆ ก็เป็นลมไป รีบกลับมาเถอะ ไม่อย่างนั้นลูกจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้วนะ” อู๋ซิ่วหลานตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ได้ค่ะ! หนูจะรีบกลับทันที!”
ซ่งเชี่ยนเก็บโทรศัพท์แล้วรีบพูดกับคุณย่าที่นอนอยู่บนเตียง “คุณย่า อีกสักพักหลานชายของคุณน่าจะมาถึง หนูต้องกลับไปจัดการธุระที่บ้าน ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรจ่ะ หนูไปจัดการธุระเถอะ” หญิงชรายิ้มอย่างเข้าใจ
“คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ หนูจะกลับมาเยี่ยมใหม่” ซ่งเชี่ยนกล่าวลาและรีบวิ่งออกจากห้องพักคนไข้
“หนูจ๊ะ ฉันยังไม่ได้คืนเงินที่เธอจ่ายค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลเลย รอให้หลานชายฉันมาคืนให้เธอก่อนเถอะ!” คุณย่าตะโกนตามหลัง
“ไม่ต้องรีบค่ะ!”
ซ่งเชี่ยนตอบโดยไม่หันกลับมา และรีบออกจากห้องทันที
หลังจากลงลิฟต์มาชั้นล่าง เธอขึ้นแท็กซี่และรีบตรงไปยังบ้านเลขที่ 402 ในตึก 3 ของหมู่บ้านเป่ยกวง เมื่อมาถึงก็วิ่งหน้าตื่นเข้าบ้าง แต่กลับพบว่าพ่อแม่ของเธอกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ซ่งเชี่ยนเห็นว่าพ่อของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถามแม่ด้วยความสงสัย “แม่คะ เมื่อกี้แม่โทรมาบอกว่าพ่อเป็นลม แล้วทำไมพ่อถึงยังดูสบายดีล่ะ?”
“ถ้าแม่ไม่โกหกแบบนั้น แกจะยอมกลับบ้านไหม?” อู๋ซิ่วหลานตอบหน้าตาย
ทันใดนั้นจางฟานก็เดินออกมาจากห้องนอนของซ่งเชี่ยน พร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “ซ่งเชี่ยน ในที่สุดเธอก็กลับมา ฉันรอเธอนานมากเลยนะ”
ซ่งเชี่ยนเริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอมองจางฟานด้วยความโกรธและถามเสียงดัง “ใครให้คุณเข้ามาไปในห้องของฉัน?”
“เธอกำลังจะเป็นภรรยาของฉัน ห้องของเธอก็คือห้องของฉัน แล้วทำไมฉันจะพาคนเข้ามาไม่ได้?” จางฟานยิ้มเยาะ
“ใครบอกว่าฉันจะเป็นภรรยาของคุณ?” ซ่งเชี่ยนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พ่อแม่ของเธอตกลงให้เธอแต่งงานกับฉันแล้ว พวกเขาก็รับสินสอดไปแล้วด้วย เธอจะไม่ใช่ภรรยาของฉันได้อย่างไร?” จางฟานแค่นยิ้ม
ซ่งเชี่ยนหันไปมองพ่อแม่ของเธอและพูดเสียงดัง “พ่อ แม่ หนูแต่งงานแล้ว หนูมีสามีแล้ว หนูไม่ยอมแต่งงานกับจางฟานเด็ดขาด!”
“อะไรนะ? ลูกแต่งงานแล้ว? ลูกแต่งกับใคร? เมื่อไหร่?” พ่อของซ่งเชี่ยนถามด้วยความตกใจ
“เขาชื่อหลิงหยาง เราเพิ่งไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอ”
ซ่งเชี่ยนหยิบทะเบียนสมรสออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้พ่อแม่ อู๋ซิ่วหลานรีบหยิบทะเบียนสมรสมาดู และเมื่อเห็นภาพถ่ายของซ่งเชี่ยนกับหลิงหยางบนทะเบียนสมรสก็ตกตะลึง
หลังจากตั้งสติได้ เธอถามด้วยความโกรธ
“ใครอนุญาตให้แกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้?”
“ชีวิตแต่งงานของหนู หนูตัดสินใจเอง ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร!” ซ่งเชี่ยนตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ลูกไม่รู้จักละอายใจ รีบไปหย่ากับผู้ชายคนนั้นแล้วแต่งงานกับจางฟาน ไม่อย่างนั้นพ่อจะตีขาให้หักเลย!” พ่อของซ่งเชี่ยนโกรธจึงเริ่มข่มขู่
ซ่งเชี่ยนหันไปมองจางฟาน แล้วพูดกับพ่อของเธอ “แม้ว่าพ่อจะฆ่าหนู หนูก็จะไม่หย่ากับหลิงหยาง และจะไม่แต่งงานกับคนสารเลวพรรค์นี้!”
คำพูดนี้ทำให้จางฟานโกรธอย่างมาก เขาชี้ไปที่หน้าพ่อของซ่งเชี่ยนและด่ากราด
“ไอ้แก่ แกหมายความว่ายังไง? แกบอกให้ฉันใช้หนี้พนัน 1 ล้านหยวน แล้วยังหลอกว่าจะยกลูกสาวให้ฉัน แต่เธอกลับแต่งงานกับคนอื่น! แกคิดจะหลอกฉัน ทำเหมือนฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้หลอกคุณ และไม่ได้คิดจะทำให้คุณเป็นตัวตลก ลูกสาวของผมไม่มีแฟนเลย แล้วจะไปแต่งงานกับใครได้? ทะเบียนสมรสที่เธอถืออยู่ต้องเป็นของปลอม เธอคงไปซื้อมาจากตลาด อย่าไปเชื่อเธอ…” พ่อของซ่งเชี่ยนรีบแก้ตัว
“ผมไม่สนว่าทะเบียนสมรสจะจริงหรือปลอม แต่ลูกสาวคุณไม่อยากแต่งงานกับผม คุณจะทำยังไงกับเรื่องนี้?”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณจาง ผมจะไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอื่นแน่นอน แค่ทำให้เธอกับคุณมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว เธอจะต้องแต่งงานกับคุณอย่างแน่นอน!” พ่อของซ่งเชี่ยนยิ้มประจบ
“คุณหมายความว่ายังไง?” จางฟานขมวดคิ้วถาม
"มันจะยากอะไร ให้ลูกน้องของคุณจับเธอเข้าไปขังในห้องนอน จากนั้นคุณก็เข้าไปจัดการให้เสร็จสิ้น คราวนี้ก็เรียบร้อยแล้ว!" ซ่งปันซานพูดอย่างไม่อาย"แผนนี้ไม่เลวเลย ทำตามที่คุณว่าแล้วกัน" จางฟานพยักหน้าอย่างพอใจซ่งเชี่ยนฟังคำพูดที่แสนโหดร้ายของพ่อ ก็ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความโกรธ ไม่คิดเลยว่าผู้เป็นพ่อจะกล้าผลักเธอลงนรกให้ตายทั้งเป็น"ทำไมพ่อใจร้ายแบบนี้ จะปล่อยให้พวกมันทำร้ายฉันจริงเหรอ" เธอพูดทั้งน้ำตา"เพราะแกไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมแต่งงานกับจางฟาน ดันไปทำทะเบียนสมรสปลอมมาหลอกพวกเรา!" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา โกรธที่ลูกสาวไม่เชื่อฟัง"ใช่แล้วเชี่ยนเอ๋อร์ พ่อของเธอทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเธอเอง ถ้าเธอแต่งงานกับจางฟาน ชีวิตจะสบายไม่ต้องทำงานหาเงินอีกเลย!" ผู้เป็นแม่พยายามโน้มน้าวใจด้วยอีกแรง"ฉันไม่ได้หลอก ทะเบียนสมรสนี้เป็นของจริง ฉันกับหลิงหยางจดทะเบียนสมรสกันแล้ว!" เธอพยายามอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจ"งั้นบอกมาสิ หลิงหยางอะไรนั่นทำงานอะไร อยู่ที่ไหน?"ซ่งเชี่ยนไม่รู้ว่าเขาทำงานที่ไหนหรือทำงานอะไร จึงอ้ำอึ้งตอบไม่ได้"เห็นไหม ตัวแกก็ยังไม่รู้ เชี่ยนเอ๋อร์ ฟังพ่อเถอะ ยอมไปกับจางฟานดีๆ เข้าไปในห้องน
จางฟานใช้เทปใสปิดปากของซ่งเชี่ยนอีกครั้ง เริ่มลวนลามเธอแม้รู้ว่าหญิงสาวไม่เต็มใจ ซ่งเชี่ยนพยายามดิ้นรนหนี แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งรุกหนักเข้าไปอีก เพราะมือและเท้าของเธอโดนมัดด้วยเชือก จึงไม่สามารถหลุดพ้นจากมือสกปรกของจางฟานได้เลยในที่สุดเรี่ยวแรงของเธอก็หมดลงจางฟานดึงเทปออกจากปากเธอ ซ่งเชี่ยนเกลียดเขาจนถึงขีดสุด สูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนัก แล้วใช้แรงที่เหลือทั้งหมดกัดมือของเขาอย่างแรง“โอ๊ย!” จางฟานร้องเสียงดังและตบหน้าซ่งเชี่ยนอย่างแรง“แกเป็นหมาหรือไง?” เขาตะโกนด่า พลางบีบคอเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆซ่งเชี่ยนรู้สึกเวียนหัวเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ต่อให้เธอตายก็ดีกว่าเป็นของไอ้ชายชั่วคนนี้ จึงปล่อยให้มันบีบไปเรื่อยๆ พลางเสียดายหน่อยๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ“ถ้าแกยังขัดขืนอีก ฉันจะฆ่าแกซะ แต่ถ้ายอมให้ฉันเล่นด้วยสักหน่อย มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่...แกตายแน่!” เขาแค่จะขู่ไม่ได้จะคิดฆ่าเธอตอนนี้จึงเริ่มผ่อนแรงลงในขณะที่เธอหมดหวัง ก็นึกถึงตอนที่ได้รับจากซึ่งเป็นคนของคุณย่า บางทีหลานชายคนนั้นอาจมาช่วยเธอก็ได้ จึงตัดสินใจถ่วงเวลา แกล้งทำเป็นยอมแพ้เพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ “จางฟาน ถ้าคุณช
เสียงนกร้องที่นอกหน้าต่างทำให้คนบนเตียงกระพริบตาถี่ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย หลิงหยางหัวหนักอึ้ง และเมื่อลืมตาเต็มที่ก็พบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ของโรงแรม ข้างนอกหน้าต่างนั่นอากาศแจ่มใสมาก มีเสียงนกและมีกลิ่นดอกไม้โชยมาอ่อนๆ ความทรงจำในหัวเริ่มค่อยๆ กลับคืนมาเมื่อคืนนี้เขาหนีจากการจับคู่ดูตัวที่มารดานัดแนะให้ เลยไปที่บาร์คนเดียวเพื่อดื่มจนเมา จำได้ว่าเมาหนักมากด้วย คุ้นๆ ว่าพาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย ต่อมาเขาก็ฝัน ในฝัน! เขาบุกรุกเขตหวงข้ามของผู้หญิงคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ผู้หญิง?หลิงหยางรู้สึกตกใจ รีบลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที เขาดึงผ้าห่มออก บนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด มีรอยแดงสีกุหลาลสดหยดอยู่เป็นดวง อะไรกัน? เธอเป็นสาวบริสุทธิ์?หรือว่าไม่ใช่ความฝัน?หลิงหยางมองไปรอบๆ ห้อง เขาเห็นรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง ชุดชั้นใน บราเซียร์ และชุดเดรสกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นทันใดนั้น! ประตูห้องน้ำก็เปิดออกผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวพันรอบกาย ผมยาวสีดำของเธอยังเปียกหมาดๆ มีหยดน้ำเกาะบนบ่าด้วย กลิ่นอายความร้อนยังอบอวล เผยให้เห็นแขน ไหล่ และขาที่ขาวเนียนราวกับผลึกหิมะหลิงหยางจ้องมองเธอราวกั
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงหยางรีบออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ฉุดมือซ่งเชี่ยนแล้วพาเธอออกจากห้อง เมื่อพวกเขาลงมาข้างล่าง ชายหนุ่มก็พาขึ้นรถ มายบัค ที่จอดอยู่ชั้นล่าง เพื่อพากันไปที่หน้าสำนักงานทะเบียนสมรสเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องโถงของสำนักงาน เนื่องจากพวกเขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทั้งคู่จึงได้แอบนำทะเบียนบ้านมาด้วย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ทำเรื่องสมรสเรียบร้อย ทั้งสองคนถือใบทะเบียนในมือ หลิงหยางถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเขาคิดว่าจากนี้ไปคุณย่าที่อยากมีเหลน และพ่อแม่ที่หวังจะให้เขาแต่งงาน เมื่อรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว ก็จะไม่มาจัดนัดบอดให้อีกซ่งเชี่ยนก็เช่นกัน! ในใจของเธอคิดว่าหลังจากได้ใบทะเบียนสมรสกับหลิงหยางแล้ว พ่อแม่ของเธอคงจะไม่บังคับให้เธอแต่งงานกับจางฟานผู้ชายเจ้าชู้คนนั้นอีกต่อไป“เธอชื่อซ่งเชี่ยนใช่ไหม?” หลิงหยางหยิบกุญแจชุดหนึ่งออกจากกระเป๋า แล้วยื่นให้เธอ “นี่เป็นกุญแจบ้านหมายเลข 8 ของหมู่บ้านฮั่นถิงอินเตอร์เนชันแนล เพราะเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เธอควรจะย้ายมาอยู่กับฉัน เดี๋ยวฉันจะพาไปดูบ้านให้คุ้นเคย...”ซ่งเชี่ยนรับกุญแจมาพร้