ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิงหยางมาถึงบริษัทหลิงกรุ๊ป หลังจากจอดรถในที่ส่วนตัวสำหรับประธานในชั้นใต้ดิน เขาก็ขึ้นลิฟต์เฉพาะเขาเท่านั้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นห้องทำงาน เมื่อมาถึงก็เข้าไปด้านใน แล้วก็ต้องเซ็งสุดขีดเมื่อพบว่ามีคนพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง
ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสุดเซ็กซี่ และมีรูปร่างสะบึ้มพุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว เธออ้าแขนโอบหลิงหยางจากด้านหลัง
"หลิงหยาง คุณมาแล้ว! เมื่อคืนฉันติดต่อคุณไม่ได้ ฉันเป็นห่วงมาก เช้านี้ก็รีบมาที่บริษัทเพื่อหาคุณ นั่งรออยู่ที่ห้องทำงานของเลขาฯ อยู่นานเลย"
สัมผัสอ่อนนุ่มจากด้านหลังทำให้หลิงหยางชะงักไปชั่วครู่ แต่เขาก็รีบตั้งสติและดันร่างของหญิงสาวออก จากนั้นเขาหันกลับมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
"จางเมิ่งเสวี่ย คุณหมายความว่ายังไง? เราสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"หลิงหยาง ตั้งแต่แม่ของคุณพาฉันมารู้จัก ฉันก็ชอบคุณแล้ว ฉันอยากอยู่กับคุณ อยากแต่งงานกับคุณ" จางเมิ่งเสวี่ยแสดงออกอย่างจริงจัง
"ขอโทษด้วยนะ ผมแต่งงานแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบครอบครัว กรุณาอย่ามาหาผมอีก" หลิงหยางตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
"เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ!" เธอคิดไปว่าเขาอ้างเพราะอยากปฏิเสธ
"เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ"
หลิงหยางหันไปมองเกาหมิงที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาโกรธและถามเสียงดัง "เลขาเกา นี่มันอะไรกัน? ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องทำงานของผม?"
"ประธานหลิง ผม..." เกาหมิงอึดอัดใจไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว! ฉันต้องทำงาน ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องทำงานฉัน!" หลิงหยางพูดตัดบท
"คุณจาง กรุณาออกไปด้วยครับ" เกาหมิงส่งสัญญาณเชิญจางเมิ่งเสวี่ยออกไป
จางเมิ่งเสวี่ยที่เคยถูกตามใจมาตลอด ไม่เคยถูกใครไล่ออกจากห้องมาก่อน เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกหลิงหยางไล่ในวันนี้ มันทำให้รู้สึกอับอายจนหน้าแดงก่ำ เธอจึงมองหลิงหยางด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
"ท่านประธาน คุณสุดยอดมาก! ผู้หญิงคนนี้ยากที่จะจัดการ แต่คุณก็จัดการเธอได้ภายในไม่กี่คำ!" เกาหมิงยกนิ้วโป้งชม
"ยังจะพูดอีก! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ฉันไม่รู้เลยว่านายมาเป็นเลขาทำไม" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ
"เฮอๆ เจ้านาย คุณแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ?" เกาหมิงหัวเราะเขินๆ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ฉันจะโกหกทำไม?" หลิงหยางมองอย่างไม่สบอารมณ์
"ฮ่าๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้านายผู้ไม่สนใจผู้หญิงเลย จะสละโสดได้เสียที!" เกาหมิงยิ้มเจ้าเล่ห์
"ออกไป!"
เกาหมิงจึงเดินออกจากห้องทำงานอย่างหงอยๆ โดนเจ้านายอารมณ์เสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้น!
ในระหว่างการทำงาน หลิงหยางไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เขาพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่บาร์ ว่าเขาไปเจอกับซ่งเชี่ยนได้อย่างไร แต่ก็ไม่สามารถจำอะไรได้ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นดึงเขาออกจากความคิด มองดูเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอ เป็นหมายเลขที่เขาไม่รู้จัก รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสาย
"ฮัลโหล คุณเป็นใคร?"
"คุณคะ คุณย่าของคุณถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน ตอนนี้เพิ่งผ่าตัดเสร็จและพักอยู่ที่ห้อง 3 ชั้น 10 ของโรงพยาบาลประชาชนเมือง..."
เสียงผู้หญิงดังมาจากอีกฝั่งของสาย
“คุณเป็นคนที่ชนคุณย่าของผมเหรอ?” หลิงหยางถามอย่างร้อนรน
“ไม่ใช่ค่ะ!”
“งั้นใครเป็นคนทำ?” หลิงหยางถามต่อ
“ไม่ทราบค่ะ…” ซ่งเชี่ยนรู้สึกว่าคนที่พูดอยู่ในโทรศัพท์มีเสียงคุ้นหู แต่ก่อนที่จะถามต่อ อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว
พอวางสายจากหลิงหยางเสร็จ โทรศัพท์ของแม่ซ่งเชี่ยนก็โทรเข้ามาทันที
“เชี่ยนเอ๋อร์ ลูกอยู่ที่ไหน? รีบกลับบ้านด่วนเลย พ่อของลูกอาการแย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อคะ?” ซ่งเชี่ยนถามด้วยความตกใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้พ่อของลูกยังดีๆ อยู่เลย แต่จู่ๆ ก็เป็นลมไป รีบกลับมาเถอะ ไม่อย่างนั้นลูกจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้วนะ” อู๋ซิ่วหลานตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ได้ค่ะ! หนูจะรีบกลับทันที!”
ซ่งเชี่ยนเก็บโทรศัพท์แล้วรีบพูดกับคุณย่าที่นอนอยู่บนเตียง “คุณย่า อีกสักพักหลานชายของคุณน่าจะมาถึง หนูต้องกลับไปจัดการธุระที่บ้าน ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรจ่ะ หนูไปจัดการธุระเถอะ” หญิงชรายิ้มอย่างเข้าใจ
“คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ หนูจะกลับมาเยี่ยมใหม่” ซ่งเชี่ยนกล่าวลาและรีบวิ่งออกจากห้องพักคนไข้
“หนูจ๊ะ ฉันยังไม่ได้คืนเงินที่เธอจ่ายค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลเลย รอให้หลานชายฉันมาคืนให้เธอก่อนเถอะ!” คุณย่าตะโกนตามหลัง
“ไม่ต้องรีบค่ะ!”
ซ่งเชี่ยนตอบโดยไม่หันกลับมา และรีบออกจากห้องทันที
หลังจากลงลิฟต์มาชั้นล่าง เธอขึ้นแท็กซี่และรีบตรงไปยังบ้านเลขที่ 402 ในตึก 3 ของหมู่บ้านเป่ยกวง เมื่อมาถึงก็วิ่งหน้าตื่นเข้าบ้าง แต่กลับพบว่าพ่อแม่ของเธอกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ซ่งเชี่ยนเห็นว่าพ่อของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถามแม่ด้วยความสงสัย “แม่คะ เมื่อกี้แม่โทรมาบอกว่าพ่อเป็นลม แล้วทำไมพ่อถึงยังดูสบายดีล่ะ?”
“ถ้าแม่ไม่โกหกแบบนั้น แกจะยอมกลับบ้านไหม?” อู๋ซิ่วหลานตอบหน้าตาย
ทันใดนั้นจางฟานก็เดินออกมาจากห้องนอนของซ่งเชี่ยน พร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “ซ่งเชี่ยน ในที่สุดเธอก็กลับมา ฉันรอเธอนานมากเลยนะ”
ซ่งเชี่ยนเริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอมองจางฟานด้วยความโกรธและถามเสียงดัง “ใครให้คุณเข้ามาไปในห้องของฉัน?”
“เธอกำลังจะเป็นภรรยาของฉัน ห้องของเธอก็คือห้องของฉัน แล้วทำไมฉันจะพาคนเข้ามาไม่ได้?” จางฟานยิ้มเยาะ
“ใครบอกว่าฉันจะเป็นภรรยาของคุณ?” ซ่งเชี่ยนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พ่อแม่ของเธอตกลงให้เธอแต่งงานกับฉันแล้ว พวกเขาก็รับสินสอดไปแล้วด้วย เธอจะไม่ใช่ภรรยาของฉันได้อย่างไร?” จางฟานแค่นยิ้ม
ซ่งเชี่ยนหันไปมองพ่อแม่ของเธอและพูดเสียงดัง “พ่อ แม่ หนูแต่งงานแล้ว หนูมีสามีแล้ว หนูไม่ยอมแต่งงานกับจางฟานเด็ดขาด!”
“อะไรนะ? ลูกแต่งงานแล้ว? ลูกแต่งกับใคร? เมื่อไหร่?” พ่อของซ่งเชี่ยนถามด้วยความตกใจ
“เขาชื่อหลิงหยาง เราเพิ่งไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอ”
ซ่งเชี่ยนหยิบทะเบียนสมรสออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้พ่อแม่ อู๋ซิ่วหลานรีบหยิบทะเบียนสมรสมาดู และเมื่อเห็นภาพถ่ายของซ่งเชี่ยนกับหลิงหยางบนทะเบียนสมรสก็ตกตะลึง
หลังจากตั้งสติได้ เธอถามด้วยความโกรธ
“ใครอนุญาตให้แกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้?”
“ชีวิตแต่งงานของหนู หนูตัดสินใจเอง ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร!” ซ่งเชี่ยนตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ลูกไม่รู้จักละอายใจ รีบไปหย่ากับผู้ชายคนนั้นแล้วแต่งงานกับจางฟาน ไม่อย่างนั้นพ่อจะตีขาให้หักเลย!” พ่อของซ่งเชี่ยนโกรธจึงเริ่มข่มขู่
ซ่งเชี่ยนหันไปมองจางฟาน แล้วพูดกับพ่อของเธอ “แม้ว่าพ่อจะฆ่าหนู หนูก็จะไม่หย่ากับหลิงหยาง และจะไม่แต่งงานกับคนสารเลวพรรค์นี้!”
คำพูดนี้ทำให้จางฟานโกรธอย่างมาก เขาชี้ไปที่หน้าพ่อของซ่งเชี่ยนและด่ากราด
“ไอ้แก่ แกหมายความว่ายังไง? แกบอกให้ฉันใช้หนี้พนัน 1 ล้านหยวน แล้วยังหลอกว่าจะยกลูกสาวให้ฉัน แต่เธอกลับแต่งงานกับคนอื่น! แกคิดจะหลอกฉัน ทำเหมือนฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้หลอกคุณ และไม่ได้คิดจะทำให้คุณเป็นตัวตลก ลูกสาวของผมไม่มีแฟนเลย แล้วจะไปแต่งงานกับใครได้? ทะเบียนสมรสที่เธอถืออยู่ต้องเป็นของปลอม เธอคงไปซื้อมาจากตลาด อย่าไปเชื่อเธอ…” พ่อของซ่งเชี่ยนรีบแก้ตัว
“ผมไม่สนว่าทะเบียนสมรสจะจริงหรือปลอม แต่ลูกสาวคุณไม่อยากแต่งงานกับผม คุณจะทำยังไงกับเรื่องนี้?”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณจาง ผมจะไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอื่นแน่นอน แค่ทำให้เธอกับคุณมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว เธอจะต้องแต่งงานกับคุณอย่างแน่นอน!” พ่อของซ่งเชี่ยนยิ้มประจบ
“คุณหมายความว่ายังไง?” จางฟานขมวดคิ้วถาม
"มันจะยากอะไร ให้ลูกน้องของคุณจับเธอเข้าไปขังในห้องนอน จากนั้นคุณก็เข้าไปจัดการให้เสร็จสิ้น คราวนี้ก็เรียบร้อยแล้ว!" ซ่งปันซานพูดอย่างไม่อาย"แผนนี้ไม่เลวเลย ทำตามที่คุณว่าแล้วกัน" จางฟานพยักหน้าอย่างพอใจซ่งเชี่ยนฟังคำพูดที่แสนโหดร้ายของพ่อ ก็ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความโกรธ ไม่คิดเลยว่าผู้เป็นพ่อจะกล้าผลักเธอลงนรกให้ตายทั้งเป็น"ทำไมพ่อใจร้ายแบบนี้ จะปล่อยให้พวกมันทำร้ายฉันจริงเหรอ" เธอพูดทั้งน้ำตา"เพราะแกไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมแต่งงานกับจางฟาน ดันไปทำทะเบียนสมรสปลอมมาหลอกพวกเรา!" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา โกรธที่ลูกสาวไม่เชื่อฟัง"ใช่แล้วเชี่ยนเอ๋อร์ พ่อของเธอทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเธอเอง ถ้าเธอแต่งงานกับจางฟาน ชีวิตจะสบายไม่ต้องทำงานหาเงินอีกเลย!" ผู้เป็นแม่พยายามโน้มน้าวใจด้วยอีกแรง"ฉันไม่ได้หลอก ทะเบียนสมรสนี้เป็นของจริง ฉันกับหลิงหยางจดทะเบียนสมรสกันแล้ว!" เธอพยายามอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจ"งั้นบอกมาสิ หลิงหยางอะไรนั่นทำงานอะไร อยู่ที่ไหน?"ซ่งเชี่ยนไม่รู้ว่าเขาทำงานที่ไหนหรือทำงานอะไร จึงอ้ำอึ้งตอบไม่ได้"เห็นไหม ตัวแกก็ยังไม่รู้ เชี่ยนเอ๋อร์ ฟังพ่อเถอะ ยอมไปกับจางฟานดีๆ เข้าไปในห้องน
จางฟานใช้เทปใสปิดปากของซ่งเชี่ยนอีกครั้ง เริ่มลวนลามเธอแม้รู้ว่าหญิงสาวไม่เต็มใจ ซ่งเชี่ยนพยายามดิ้นรนหนี แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งรุกหนักเข้าไปอีก เพราะมือและเท้าของเธอโดนมัดด้วยเชือก จึงไม่สามารถหลุดพ้นจากมือสกปรกของจางฟานได้เลยในที่สุดเรี่ยวแรงของเธอก็หมดลงจางฟานดึงเทปออกจากปากเธอ ซ่งเชี่ยนเกลียดเขาจนถึงขีดสุด สูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนัก แล้วใช้แรงที่เหลือทั้งหมดกัดมือของเขาอย่างแรง“โอ๊ย!” จางฟานร้องเสียงดังและตบหน้าซ่งเชี่ยนอย่างแรง“แกเป็นหมาหรือไง?” เขาตะโกนด่า พลางบีบคอเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆซ่งเชี่ยนรู้สึกเวียนหัวเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ต่อให้เธอตายก็ดีกว่าเป็นของไอ้ชายชั่วคนนี้ จึงปล่อยให้มันบีบไปเรื่อยๆ พลางเสียดายหน่อยๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ“ถ้าแกยังขัดขืนอีก ฉันจะฆ่าแกซะ แต่ถ้ายอมให้ฉันเล่นด้วยสักหน่อย มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่...แกตายแน่!” เขาแค่จะขู่ไม่ได้จะคิดฆ่าเธอตอนนี้จึงเริ่มผ่อนแรงลงในขณะที่เธอหมดหวัง ก็นึกถึงตอนที่ได้รับจากซึ่งเป็นคนของคุณย่า บางทีหลานชายคนนั้นอาจมาช่วยเธอก็ได้ จึงตัดสินใจถ่วงเวลา แกล้งทำเป็นยอมแพ้เพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ “จางฟาน ถ้าคุณช
“คะ คุณชายหลิง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” “แกนามสกุลจางสินะ แกนี่กล้าจริงๆ กล้าขนาดที่มาแตะต้องผู้หญิงของฉัน แกเตรียมตัวหาวิธีตายไว้แล้วหรือยัง?” หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หา? คุณพูดอะไรนะ? ผู้หญิงของคุณ ใคร…ใครกัน” จางฟานตกใจคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้“แกไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงที่แกเพิ่งทำระยำกับด้วยเป็นของใคร?” หลิงหยางตะโกนด้วยความโกรธ พร้อมกับยกขาขึ้นเตะเข้าที่ท้องของมันจางฟานเซถอยหลังไปและล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น รีบลุกขึ้นจากพื้น คุกเข่าลงขอโทษหลิงหยางด้วยความหวาดกลัว “คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าซ่งเชี่ยนเป็นผู้หญิงของคุณ ผม…”เพี๊ยะ!ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หลิงหยางก็ตบหน้าเขาอย่างแรง จนทำให้หน้าครึ่งหนึ่งของจางฟานบวมขึ้นทันที คนชั่วโฉดพยายามถุยเลือดที่คั่งอยู่ในปากออกมา และพบว่ามีฟันหน้าหลุดออกมาด้วย ฟันซี่นั้นกระเด็นไปตกอยู่บนพื้นในขณะนั้นเองซ่งเชี่ยนที่แต่งตัวเรียบร้อย และจัดผมให้เข้าที่ก็ออกมาจากห้องนอน เธอชี้หน้าจางฟานและตะโกนด้วยความโกรธ “แกมันสัตว์เดรัจฉาน กล้าดียังไงถึงคิดจะข่มขืนฉัน วันนี้ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด!” เธอหยิบขวดเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วจา
"คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าซ่งเชี่ยนเป็นภรรยาของคุณ พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนบอกว่าทะเบียนสมรสนั่นเป็นของปลอม ผมเลยถูกพวกเขาหลอกให้ทำแบบนั้น แต่ผมสาบานได้ว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์..." จางฟานรีบขอโทษด้วยความร้อนรน"ดีที่แกยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับภรรยาของฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาพวกแกทั้งสามไปพร้อมกัน!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ผมเข้าใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซ่งเชี่ยนอีก"หลิงหยางมองไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลานด้วยสายตาเย้ยหยัน "แล้วพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนล่ะ? แกยังคิดจะหาเรื่องพวกเขาอีกไหม?""ในเมื่อซ่งเชี่ยนแต่งงานกับคุณแล้ว พ่อแม่ของเธอก็คือพ่อตาแม่ย่าของคุณ ผมก็ไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก!" จางฟานพยายามเอาใจ"แล้วหนี้ที่พวกเขาเป็นหนี้แกอยู่ล่ะ? แกยังคิดจะเอาคืนอยู่ไหม?" เขาไม่ยอมให้ภรรยาของเขามีเรื่องกวนใจอีก หากพ่อของแม่ซ่งเชี่ยนยังเป็นหนี้ ก็คงยังวุ่นวายกับเธอไม่จบสิ้น"ไม่เอาแล้ว ผมถือว่าเป็นการบริจาคช่วยเหลือพวกเขา!" จางฟานรีบส่ายหัว"แบบนี้ก็พอจะรับได้ รีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นพวกมันอีก!" หลิงหยางพยักหน้าอย่างพอใจและโบกมือไล่"ได้ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้!"
“เงื่อนไขอะไรเหรอ?” อู๋ซิ่วหลานถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าหลิงหยางจะให้เงินจำนวนมากขนาดนั้น ตาของเธอลุกวาวเป็นประกายสุกใส มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านทำไมต้องปฏิเสธล่ะ! “เมื่อพวกคุณได้รับเงินแล้ว ต้องไม่ติดต่อกับซ่งเชี่ยนอีกเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกคุณก็ต้องตัดขาดจากเธอจริงๆ จะตกลงไหม?” เขาต้องการคำยืนยันจากทั้งคู่ก่อน พ่อกับแม่ของซ่งเชี่ยนดูไว้ใจไม่ค่อยได้“ตกลงได้ครับ ตกลง” ซ่งปันซานรีบตอบแทนอู๋ซิ่วหลาน “จากนี้ไปซ่งเชี่ยนจะเป็นภรรยาของคุณ เราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกเลย!”“นี่คือพ่อแม่ของคุณใช่ไหม?” หลิงหยางมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ ทั้งคู่ทำเหมือนว่าเก็บเธอมาเลี้ยงอย่างนั้นแหละ เลี้ยงไว้เพื่อขายเอาเงินอย่างเดียวซ่งเชี่ยนหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอไม่เคยคิดเลยว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นคนหน้าเงินถึงเพียงนี้ ถึงขั้นใจจืดใจดำไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ของเธอมักจะรังเกียจเธอเพราะว่าเป็นผู้หญิง ไม่เคยให้ความสนใจเธอเลย ทั้งหมดมุ่งไปที่น้องชายที่ไม่เอาไหนของเธอ ‘ซ่งฟง’ ดังนั้นซ่งเชี่ยนจึงได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากพ่อแม่เพียงเล็กน้อย จึงทำให้เธอม
รถยนต์คันหรูแล่นไปตามถนนที่มีการสัญจรติดขัด ในขณะนี้ซ่งเชี่ยนรู้สึกกระวนกระวายเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิดบางอย่าง หน้าของเธอแดงด้วยความอับอาย มือไม้ขยับไปมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้พ่อแม่ของเธอทำให้ทุกคนได้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจ ซ่งเชี่ยนไม่รู้จะเผชิญหน้ากับหลิงหยางอย่างไรชายหนุ่มเหมือนจะมองออกว่าเธอรู้สึกยังไง จึงเริ่มพูดเพื่อคลายความตึงเครียด “ซ่งเชี่ยน เธอได้เข้าไปดูห้องที่ฮั่นถิงอินเตอร์เนชันแนลหรือยัง?”“ยังเลยค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ตอนที่ฉันกำลังจะเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันเห็นคุณย่าของคุณถูกชนล้มลงไป จึงรีบพาไปส่งที่โรงพยาบาล”“เธอเห็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนคุณย่าของฉันไหม?” หลิงหยางถามอย่างมีความหวัง“ไม่เห็นค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัว “ตอนที่ฉันไปถึงคู่กรณีไม่อยู่แล้ว คุณย่าของคุณอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่มีใครช่วยท่านเลย”“คุณย่าของฉันบอกว่า ขอบคุณที่คุณพาเธอไปโรงพยาบาลทันเวลา มิฉะนั้นท่านอาจจะตายอยู่กลางถนน ดูเหมือนว่าเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ” หลิงหยางยิ้มอย่างมีความหมาย“ไม่น่าจะใช่นะคะ วาสนาอะไรกัน สภาพครอบครัวของฉันคุณเห็นแล้วนี่ว่าเป็นยังไง ฉันรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับคุณ เรา
“เธอคือ…”“เธอชื่อซ่งเชี่ยน หลังจากที่ฉันถูกรถมอเตอร์ไซค์จนได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลพาฉันมาที่โรงพยาบาล แล้วยังช่วยจ่ายค่าผ่าตัดและมัดจำค่ารักษาให้ด้วย!” หลิงหยางกำลังจะเริ่มแนะนำซ่งเชี่ยนให้ทุกคนรู้จัก แต่คุณย่าที่นอนอยู่บนเตียงรีบพูดแนะนำแทนเขา“คุณย่า คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” ซ่งเชี่ยนรีบเดินไปที่ข้างเตียงของคุณย่า“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” คุณย่าจับมือของเธอด้วยความรัก “หนูเอ๋ย หนูช่างเป็นคนดีจริงๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กสาวที่ใจดีแบบนี้แล้ว ถ้าหนูได้เป็นหลานสะใภ้ของฉันก็คงดี แต่เสียดายที่หนูแต่งงานแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้หลิงหยางตามจีบหนูแล้วล่ะ!” “คุณย่า คุณพูดอะไรน่ะ ซ่งเชี่ยนเธอคือ…” หลินหยางพยายามแนะนำแต่มารดาดันขัดขึ้นเสียก่อน“เมื่อคืนลูกหายไปไหน จางเมิ่งเสวี่ยโทรมาบอกแม่ว่าหล่อนติดต่อลูกไม่ได้เลยทั้งคืน หล่อนกังวลมากจนเราต้องรีบบินกลับจากต่างประเทศ ทำไมลูกถึงละเลยหล่อนเช่นนี้?”“ละเลย? ผมไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย ไม่เคยคิดจะอยู่กับหล่อน แล้วหล่อนจะกังวลเรื่องผมทำไม?” หลิงหยางตอบกลับอย่างหนักแน่น ในสายตาของเขาตอนนี้มีแค่ซ่งเชี่ยนเท่านั้น“ถ้าลูกไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย แล้
"หยางหยาง นี่ลูกพูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง?" หลิวฮุ่ยหลิงถามเสียงดัง ไม่พอใจที่ลูกชายเข้าข้างผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า หล่อนเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็มาแต่งงานกัน คงไม่พ้นหวังสมบัติแบบที่คิดแน่"ผมก็พูดแบบนี้แหละ แล้วแม่จะทำไม? แม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทำเหมือนกลืนยาขม คอยจับผิดเธอ เพียงเพราะผมไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ไปอยู่กับจางเมิ่งเสวี่ยคนนั้น" เขาพูดอย่างจริงจัง ประกาศให้รู้ว่าเรื่องคู่ครองเขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น"ลูกพูดผิดแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกต่างหากล่ะที่เป็นคนเจ้าเล่ห์!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงตั้งแง่กับลูกสะใภ้ที่เธอไม่ยอมรับ"หลิวฮุ่ยหลิง เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รังเกียจซ่งเชี่ยนเธอมีอะไรดีนักหนากัน หึ วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชน ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งเชี่ยนรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล คงนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว เด็กสาวที่จิตใจดีขนาดนี้ เธอกลับหาว่าหล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ นี่เธอสมองกลับไปแล้วหรือไงกัน หรือว่าอยากจะทำให้ฉันโมโหจนตายกันแน่!" ในที่สุดคุณย่าหลิงที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวต้องออกปากปกป้องแม่หนูคนนั้นอีกแรง"แม่คะ แม
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน
"อ๊า!"จางเมิ่งเสวี่ยร้องเสียงหลง พร้อมกับผลักโจวหยุนหลงออกจากตัวอย่างแรง ชายแก่รีบลุกขึ้นจากตัวเธอทันที พร้อมดึงกางเกงขึ้นและมองไปที่ห่าวเหมย ซึ่งโกรธจนบุกเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตะลึง ก่อนถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก“หะ...ห่าวเหมย คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” “โจวหยุนหลง! แกมันเลวจริงๆ กล้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะจัดการแกกับอีผู้หญิงชั่วๆ นี่ยังไง!” เธอตะโกนด่าเสียงเข้มพูดจบเธอก็ตรงเข้ามาตบหน้าโจวหยุนหลงไปสองทีอย่างแรงจางเมิ่งเสวี่ยพอเห็นว่าโจวหยุนหลงเข้ามาขวางห่าวเหมยไว้ เธอจึงตั้งสติรีบใส่ชุดชั้นในแล้วดึงกระโปรงลง ทันใดนั้นเองก็เห็นหลิงหยางกำลังถ่ายรูปพวกเธออยู่ ด้านหลังของหลิงหยางมีซ่งเชี่ยน ซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ หยางตัน และหลี่น่า ทำให้จางเมิ่งเสวี่ยอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าแค่หลิงหยางกับซ่งเชี่ยนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังพอเข้าใจได้ ว่าพวกเขาอาจตามเธอมา และเป็นคนโทรศัพท์บอกห่าวเหมย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ คนที่เคยอยู่ข้างเธออย่างซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ และหลี่น่า รวมถึงหยางตันที่สนิทกับซ่งเชี่ยนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธออับอายขายหน้ามาก และคิดว่าซ่งเชี
คืนนี้ห่าวเหมยทำเหมือนทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะชาขึ้นแล้วดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เข้าใจผิดว่าเป็นสายรบกวนจึงกดตัดสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงกดรับสายเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ "คุณเป็นภรรยาของโจวหยุนหลงใช่ไหม?""คุณเป็นใคร?" ห่าวเหมยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือสามีของคุณตอนนี้ อยู่ที่สำนักงานหลานเทียน และกำลังมีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท""อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่โจวหยุนหลงดูเหม่อลอยบ่อยๆ เพราะเขาไปยุ่งกับผู้หญิงในบริษัทนี่เอง!" ห่าวเหมยตกใจ และเชื่อสนิทใจเพราะพักหลังมานี้สามีทำตัวแปลกไป"เขามีคำพูดว่า 'จับโจรต้องจับของกลาง จับชู้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา' ถ้าคุณอยากจับพวกเขาให้ได้ คุณควรรีบมาที่นี่!" ไม่ทันให้ห่าวเหมยพูดอะไร ปลายสายก็วางสายไปแล้วจึงตั้งใจจะโทรหาสามีเพื่อถามยืนยันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เขารู้ตัวเลยเปลี่ยนใจ เธอจึงถอดชุดนอนออก เปลี่ยนเสื้อผ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากโจวหยุนหลง จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่จะรู้เรื่อง ที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายชราผู้นี้ จึงไม่กล้ารับสายและรีบตัดสายทิ้งทันทีจ้าวชิงหย่าถามอย่างสงสัย "เมิ่งเอ๋อร์ทำไมไม่รับสายล่ะ?""เป็นเบอร์รบกวน ไม่มีความจำเป็นต้องรับค่ะ" ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป"ฉันเห็นว่าชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อคุณโจวนี่ เขาไม่ใช่เจ้านายของเธอหรอกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าเป็นคนหูตาไว มองปราดเดียวก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่าใครโทรมา ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงโกหก"ฉัน..." จางเมิ่งเสวี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอหยุดคิดคำพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ "ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ฉันไม่อยากรับสายจากบริษัท""แล้วถ้าเขาโทรมาสอบถามเรื่องการลักพาตัวซ่งเชี่ยนล่ะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆ อย่างไรเสียซ่งเชี่ยนก็เป็นคนในบริษัทเหมือนกัน กลัวว่าเรื่องไปถึงหูคุณโจวแล้ว เรื่องของเรื่องคือกังวลว่าลูกสาวจะเดือดร้อน"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "เขาไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง และอีกอย่างซ่งเชี่ยนก็ถูกช่วยออกมาแล้ว เขาจะโทรมาหาฉันเรื่องนี้ทำไม แม่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ" พยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ถึงโจวหยุนหลงจะรู้อย่