"คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าซ่งเชี่ยนเป็นภรรยาของคุณ พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนบอกว่าทะเบียนสมรสนั่นเป็นของปลอม ผมเลยถูกพวกเขาหลอกให้ทำแบบนั้น แต่ผมสาบานได้ว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์..." จางฟานรีบขอโทษด้วยความร้อนรน
"ดีที่แกยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับภรรยาของฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาพวกแกทั้งสามไปพร้อมกัน!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ผมเข้าใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซ่งเชี่ยนอีก"
หลิงหยางมองไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลานด้วยสายตาเย้ยหยัน "แล้วพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนล่ะ? แกยังคิดจะหาเรื่องพวกเขาอีกไหม?"
"ในเมื่อซ่งเชี่ยนแต่งงานกับคุณแล้ว พ่อแม่ของเธอก็คือพ่อตาแม่ย่าของคุณ ผมก็ไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก!" จางฟานพยายามเอาใจ
"แล้วหนี้ที่พวกเขาเป็นหนี้แกอยู่ล่ะ? แกยังคิดจะเอาคืนอยู่ไหม?" เขาไม่ยอมให้ภรรยาของเขามีเรื่องกวนใจอีก หากพ่อของแม่ซ่งเชี่ยนยังเป็นหนี้ ก็คงยังวุ่นวายกับเธอไม่จบสิ้น
"ไม่เอาแล้ว ผมถือว่าเป็นการบริจาคช่วยเหลือพวกเขา!" จางฟานรีบส่ายหัว
"แบบนี้ก็พอจะรับได้ รีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นพวกมันอีก!" หลิงหยางพยักหน้าอย่างพอใจและโบกมือไล่
"ได้ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้!"
จางฟานพูดพร้อมกับช่วยพยุงบอดี้การ์ดสองคนที่มาด้วยกัน ให้ลุกขึ้นจากพื้นและรีบหนีออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อจางฟานและพวกออกไปแล้ว ซ่งปันซานรีบปิดประตูห้องนั่งเล่น จากนั้นเขาหันไปถามหลิงหยางด้วยความสงสัยว่า
"คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมจางฟานถึงเรียกคุณว่าคุณชายหลิง และทำไมเขาถึงกลัวคุณขนาดนั้น?"
"ฉันเพิ่งบอกไปแล้วไงว่าเป็นตำรวจ จางฟานนั่นมีคดีติดตัวอยู่ พอเขาทำผิดอีกครั้งตอนที่ฉันอยู่ด้วย เขาก็เลยกลัวฉันไงล่ะ!" หลิงหยางตอบแบบบ่ายเบี่ยง ไม่อยากเปิดเผยสถานะในตอนนี้ ดูเหมือนสถานการณ์จะยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่
"จางฟานบอกว่าไม่ต้องให้เราคืนเงินแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริงใช่ไหม? ถ้าเขาเปลี่ยนใจแล้วกลับมาเรียกเก็บหนี้อีกล่ะ เราจะทำยังไงดี?" ซ่งปันซานถามด้วยความกังวล เพราะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้
"ถ้าพวกเขามาเรียกเก็บหนี้อีก ก็ให้พวกเขามาเรียกเก็บจากฉันเลย จะช่วยคุณจัดการเรื่องนี้เอง!" คนระดับเขาเงินแค่นี้เล็กน้อยมาก ยอมจ่ายให้เพื่อกันไอ้ชั่วนั่นมาวุ่นวายอีก
"คุณแต่งงานกับซ่งเชี่ยนจริงๆ ใช่ไหม?" อู๋ซิ่วหลานถามด้วยความสนใจ
"แน่นอนว่าจริง คุณก็เห็นทะเบียนสมรสของเราแล้วไม่ใช่เหรอ?" หลิงหยางพยักหน้ารับ คิดไม่ออกว่าทำไมพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนถึงคิดว่ามันเป็นของปลอม
อู๋ซิ่วหลานใช้สายตาที่เจ้าเล่ห์มองไปที่หลิงหยางและถามด้วยความดีใจ "ในเมื่อคุณแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแล้ว แล้วค่าสินสอดล่ะ คุณจะให้เรายังไง?"
"พวกคุณคิดจะเอาเท่าไหร่?" หลิงหยางมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ในหัวสมองของพวกเขาแท้จริงแล้วก็มีแต่เรื่องเงิน เหตุที่ซ่งเชี่ยนต้องเจอกับประสบการณ์เลวร้ายก็เป็นเพราะเงิน พวกเขาหน้าไม่อายจริงๆ หิวเงินอะไรกันนักหนา
ซ่งเชี่ยนรู้ว่าอู๋ซิ่วหลานเป็นคนเห็นแก่เงินและโลภ ถ้าหลิงหยางให้หล่อนเป็นคนเสนอราคา จะต้องเรียกราคาสูงแน่นอน ถ้าหลิงหยางจ่ายสินสอดได้ก็ดีไป แต่ถ้าจ่ายไม่ได้ พ่อแม่ของเธอคงจะต้องเยาะเย้ยเขาแน่ๆ ที่สำคัญคือเธอกับหลิงหยางแต่งงานกันแบบปลอมๆ ถ้าหลิงหยางยอมจ่ายค่าสินสอดตามที่พ่อแม่เธอเรียกร้อง เธอก็คงจะดูเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานเพื่อเงินในสายตาของหลิงหยาง ดังนั้นก่อนที่พ่อแม่ของเธอจะบอกราคาค่าสินสอดออกมา
"ไม่ ฉันไม่อยากให้หลิงหยางจ่ายค่าสินสอด!" แต่งงานกันปลอมๆ จะต้องจ่ายค่าสินสอดไปเพื่ออะไรกัน! สักวันก็ต้องเลิกอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต่างคนต่างเจอคนที่เหมาะสม เธอกับหลิงหยางก็คงต้องหย่ากัน
"ทำไมล่ะ? แม่กับพ่อเลี้ยงดูลูกมาจนโต ตอนนี้ลูกจะแต่งงานแล้ว พวกเราจะไม่มีสิทธิ์เรียกค่าสินสอดบ้างเลยหรือ?" อู๋ซิ่วหลานมองซ่งเชี่ยนด้วยความงงงวย กว่าจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย เสียเงินไปไม่น้อย อยู่ๆ แต่งงานโดยไม่มีสินสอด จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
"ใช่แล้ว อย่างน้อยลูกก็ต้องเคารพพวกเราบ้าง พวกเราให้ลูกกิน ให้ลูกใส่เสื้อผ้าดีๆ และส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราลงทุนกับลูกไปมากมายขนาดนี้ ลูกควรจะให้สิ่งตอบแทนพวกเราบ้างสิ" ซ่งปันซานเริ่มเสริมทันทีเพราะกลัวไม่ได้เงิน ร้อนใจกลัวอีกฝ่ายคล้อยตามแบบที่ลูกสาวบอก
“ตอบแทนเหรอ? ตอนที่พวกคุณขายฉันให้จางฟาน มัดฉันไว้กับเตียง แล้วให้จางฟานทำร้ายฉัน พวกคุณเคารพฉันตรงไหน?" ซ่งเชี่ยนตอบโต้ด้วยความมั่นใจ เธอยังตัวสั่นอยู่เลยเมื่อถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ หากหลิงหยางมาไม่ทันเธอคงถูกย่ำยีไปแล้ว!
"ที่เราทำแบบนั้น ก็เพื่อความดีของลูก ใครใช้ให้ลูกไม่เชื่อฟังพวกเราล่ะ?" ซ่งปันซานพูดหน้าตาเฉย ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิดแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เจอความกดดันเรื่องการเงินอย่างหนักจนหาทางออกไม่ได้ ในเมื่อมีคนเสนอทางออกให้ทำไมจะไม่รับไว้ล่ะ
"พ่อ..."
ซ่งเชี่ยนกำลังจะเถียงกลับแต่หลิงหยางก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
"ซ่งเชี่ยน พวกเขาพูดถูกนะ คุณโตมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็เสียเงินไปเยอะ เธอเป็นลูกก็ควรจะตอบแทนพวกเขาบ้าง ส่วนเรื่องค่าสินสอดไม่ต้องกังวล ปล่อยให้ฉันจัดการเอง พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย" บอกแล้วว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อจ่ายสินสอดแล้วเขาก็อยากให้ซ่งเชี่ยนตัดขาดจากพวกเขาซะ
"ซ่งเชี่ยน ลูกควรเรียนรู้จากสามีของลูกบ้าง เขาเป็นคนมีเหตุผลและกตัญญู" อู๋ซิ่วหลานรีบยิ้มด้วยความพอใจ
"เลิกพูดมากได้แล้ว บอกมาว่าต้องการค่าสินสอดเท่าไหร่?" หลิงหยางพูดด้วยความรำคาญใจ ไม่อยากเสียเวลากับพวกคนหน้าเงินอีกแล้ว
"ขอไม่มาก 1,880,000 หยวน!" อู๋ซิ่วหลานรีบเสนอ
"นี่พวกคุณต้องการค่าสินสอดหรือว่าขายลูกสาวกันแน่?" มองหล่อนอย่างเจ้าเล่ห์เพราะรู้ว่าคิดอะไรอยู่
"จะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณ แต่อย่างน้อยถ้าไม่ให้ตามราคานี้ อย่าหวังว่าจะพาซ่งเชี่ยนออกไปจากที่นี่ได้!" อู๋ซิ่วหลานตอบอย่างไม่สนใจ
“ฉันจะให้พวกคุณ 2,000,000 หยวน แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง..."
หลิงหยางตอบโดยไม่ลังเล
ที่มาของคำว่า มีพ่อแม่เมื่อพร้อม ฮ่วยยย ปวดหัวกับครอบครัวนี้ ขายลูกกินของแทร่!!!
“เงื่อนไขอะไรเหรอ?” อู๋ซิ่วหลานถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าหลิงหยางจะให้เงินจำนวนมากขนาดนั้น ตาของเธอลุกวาวเป็นประกายสุกใส มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านทำไมต้องปฏิเสธล่ะ! “เมื่อพวกคุณได้รับเงินแล้ว ต้องไม่ติดต่อกับซ่งเชี่ยนอีกเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกคุณก็ต้องตัดขาดจากเธอจริงๆ จะตกลงไหม?” เขาต้องการคำยืนยันจากทั้งคู่ก่อน พ่อกับแม่ของซ่งเชี่ยนดูไว้ใจไม่ค่อยได้“ตกลงได้ครับ ตกลง” ซ่งปันซานรีบตอบแทนอู๋ซิ่วหลาน “จากนี้ไปซ่งเชี่ยนจะเป็นภรรยาของคุณ เราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกเลย!”“นี่คือพ่อแม่ของคุณใช่ไหม?” หลิงหยางมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ ทั้งคู่ทำเหมือนว่าเก็บเธอมาเลี้ยงอย่างนั้นแหละ เลี้ยงไว้เพื่อขายเอาเงินอย่างเดียวซ่งเชี่ยนหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอไม่เคยคิดเลยว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นคนหน้าเงินถึงเพียงนี้ ถึงขั้นใจจืดใจดำไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ของเธอมักจะรังเกียจเธอเพราะว่าเป็นผู้หญิง ไม่เคยให้ความสนใจเธอเลย ทั้งหมดมุ่งไปที่น้องชายที่ไม่เอาไหนของเธอ ‘ซ่งฟง’ ดังนั้นซ่งเชี่ยนจึงได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากพ่อแม่เพียงเล็กน้อย จึงทำให้เธอม
รถยนต์คันหรูแล่นไปตามถนนที่มีการสัญจรติดขัด ในขณะนี้ซ่งเชี่ยนรู้สึกกระวนกระวายเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิดบางอย่าง หน้าของเธอแดงด้วยความอับอาย มือไม้ขยับไปมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้พ่อแม่ของเธอทำให้ทุกคนได้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจ ซ่งเชี่ยนไม่รู้จะเผชิญหน้ากับหลิงหยางอย่างไรชายหนุ่มเหมือนจะมองออกว่าเธอรู้สึกยังไง จึงเริ่มพูดเพื่อคลายความตึงเครียด “ซ่งเชี่ยน เธอได้เข้าไปดูห้องที่ฮั่นถิงอินเตอร์เนชันแนลหรือยัง?”“ยังเลยค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ตอนที่ฉันกำลังจะเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันเห็นคุณย่าของคุณถูกชนล้มลงไป จึงรีบพาไปส่งที่โรงพยาบาล”“เธอเห็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนคุณย่าของฉันไหม?” หลิงหยางถามอย่างมีความหวัง“ไม่เห็นค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัว “ตอนที่ฉันไปถึงคู่กรณีไม่อยู่แล้ว คุณย่าของคุณอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่มีใครช่วยท่านเลย”“คุณย่าของฉันบอกว่า ขอบคุณที่คุณพาเธอไปโรงพยาบาลทันเวลา มิฉะนั้นท่านอาจจะตายอยู่กลางถนน ดูเหมือนว่าเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ” หลิงหยางยิ้มอย่างมีความหมาย“ไม่น่าจะใช่นะคะ วาสนาอะไรกัน สภาพครอบครัวของฉันคุณเห็นแล้วนี่ว่าเป็นยังไง ฉันรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับคุณ เรา
“เธอคือ…”“เธอชื่อซ่งเชี่ยน หลังจากที่ฉันถูกรถมอเตอร์ไซค์จนได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลพาฉันมาที่โรงพยาบาล แล้วยังช่วยจ่ายค่าผ่าตัดและมัดจำค่ารักษาให้ด้วย!” หลิงหยางกำลังจะเริ่มแนะนำซ่งเชี่ยนให้ทุกคนรู้จัก แต่คุณย่าที่นอนอยู่บนเตียงรีบพูดแนะนำแทนเขา“คุณย่า คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” ซ่งเชี่ยนรีบเดินไปที่ข้างเตียงของคุณย่า“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” คุณย่าจับมือของเธอด้วยความรัก “หนูเอ๋ย หนูช่างเป็นคนดีจริงๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กสาวที่ใจดีแบบนี้แล้ว ถ้าหนูได้เป็นหลานสะใภ้ของฉันก็คงดี แต่เสียดายที่หนูแต่งงานแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้หลิงหยางตามจีบหนูแล้วล่ะ!” “คุณย่า คุณพูดอะไรน่ะ ซ่งเชี่ยนเธอคือ…” หลินหยางพยายามแนะนำแต่มารดาดันขัดขึ้นเสียก่อน“เมื่อคืนลูกหายไปไหน จางเมิ่งเสวี่ยโทรมาบอกแม่ว่าหล่อนติดต่อลูกไม่ได้เลยทั้งคืน หล่อนกังวลมากจนเราต้องรีบบินกลับจากต่างประเทศ ทำไมลูกถึงละเลยหล่อนเช่นนี้?”“ละเลย? ผมไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย ไม่เคยคิดจะอยู่กับหล่อน แล้วหล่อนจะกังวลเรื่องผมทำไม?” หลิงหยางตอบกลับอย่างหนักแน่น ในสายตาของเขาตอนนี้มีแค่ซ่งเชี่ยนเท่านั้น“ถ้าลูกไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย แล้
"หยางหยาง นี่ลูกพูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง?" หลิวฮุ่ยหลิงถามเสียงดัง ไม่พอใจที่ลูกชายเข้าข้างผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า หล่อนเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็มาแต่งงานกัน คงไม่พ้นหวังสมบัติแบบที่คิดแน่"ผมก็พูดแบบนี้แหละ แล้วแม่จะทำไม? แม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทำเหมือนกลืนยาขม คอยจับผิดเธอ เพียงเพราะผมไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ไปอยู่กับจางเมิ่งเสวี่ยคนนั้น" เขาพูดอย่างจริงจัง ประกาศให้รู้ว่าเรื่องคู่ครองเขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น"ลูกพูดผิดแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกต่างหากล่ะที่เป็นคนเจ้าเล่ห์!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงตั้งแง่กับลูกสะใภ้ที่เธอไม่ยอมรับ"หลิวฮุ่ยหลิง เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รังเกียจซ่งเชี่ยนเธอมีอะไรดีนักหนากัน หึ วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชน ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งเชี่ยนรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล คงนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว เด็กสาวที่จิตใจดีขนาดนี้ เธอกลับหาว่าหล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ นี่เธอสมองกลับไปแล้วหรือไงกัน หรือว่าอยากจะทำให้ฉันโมโหจนตายกันแน่!" ในที่สุดคุณย่าหลิงที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวต้องออกปากปกป้องแม่หนูคนนั้นอีกแรง"แม่คะ แม
ระหว่างที่คุยกันนั้นลิฟต์ก็ลงมาถึงโถงชั้นหนึ่ง ทันทีที่พวกเขาออกมาเกาหมิงก็รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกหลิงหยางถามอย่างตำหนิ เพิ่งจะมาอะไรเอาป่านนี้! “แกไปไหนมา ทำไมเพิ่งมาถึง” “ที่จอดรถในโรงพยาบาลเต็มหมดเลยครับ ผมต้องไปหาที่จอดข้างนอก ก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย...” เกาหมิงอธิบายอย่างร้อนรน วันนี้คนมาใช้บริการเยอะมาก จึงหาที่จอดรถไม่ได้“พอแล้ว” หลิงหยางพูดขัดขึ้นมา “พวกเราจะไปรอที่หน้าโรงพยาบาล แกไปเอารถมาได้แล้วพวกเราจะกลับบ้านกัน!”“ถ้ากลับกันหมดแล้ว แล้วใครอยู่ดูแลคุณย่าหลิงล่ะครับ?” เกาหมิงถามด้วยความกังวล “พ่อแม่ฉันกลับมาแล้ว ให้พวกเขาดูแลคุณย่าก็พอ ฉันจะพาพี่สะใภ้ของแกกลับบ้าน ไปใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองเสียหน่อย!”“เจ้านาย คุณนี่โชคดีจริงๆ!” เกาหมิงมองด้วยสายตาแพรวพราว รู้ความหมายของเจ้านายทันที“ไปให้พ้นเลย!” หลิงหยางด่าแบบหยอกๆเกาหมิงยิ้มแล้วรีบเดินออกไป ในขณะที่หลิงหยางจับมือซ่งเชี่ยนแล้วพาเดินไปที่ประตูโรงพยาบาล ไม่นานนัก เลขาคนสนิทก็ขับรถมายบัคมาถึงหลิงหยางเปิดประตูรถเชิญซ่งเชี่ยนขึ้นรถ เธอนั่งลงที่เบาะหลังข้างๆ เขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา กาหมิงขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฮั่นถิง หยุดรถไว
ที่อาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลประชาชนชั้น 10 ในห้องพักระดับวีไอพี หลิวฮุ่ยหลิงพูดอย่างจริงจังกับคุณยายหลิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“แม่คะ หนูรู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อซ่งเชี่ยนต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ!”“ปัญหาอะไร?” คุณยายหลิงพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องครอบครัวหรือสถานะทางสังคมของหล่อนก็ได้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าไม่มีคำพูดไหนที่ออกจากปากหล่อนเป็นความจริงเลย ไม่รู้ว่าหลิงหยางสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ถึงได้มองว่าหล่อนดี แล้วยังพาไปจดทะเบียนแต่งงานกันอีก!” หลิวฮุ่ยหลิงบ่นต่อ“นี่แหละคือพรหมลิขิต” คุณยายหลิงพูดพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราเคยจัดหาคู่ให้หลิงหยาง จัดการนัดบอดหลายครั้ง เขาไม่เคยชอบใครเลย ไม่คิดว่าเด็กดื้อคนนี้จะแอบไปจดทะเบียนกับซ่งเชี่ยนอย่างลับๆ ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนช่วยชีวิตฉันอีก ฉันว่าหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่ดี หลิงหยางแต่งกับหล่อนแล้วไม่เสียหายหรอก ฉันชอบ!”หลิวฮุ่ยหลิงรู้ดีว่าเธอคงโน้มน้าวใจคุณแม่ที่ดื้อดึงคนนี้ไม่ได้ จึงบ่นพึมพำ “ยังไงหนูก็คิดว่าเด็กคนนี้มีปัญหา เทียบกับจางเมิ่งเสวี่ยไม่ได้เลย”“เลิกพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเสียที หล่อนทำได้แค่ทำให้
"ระหว่างเราคงไม่มีอะไรต้องอธิบายกันแล้ว ถึงเธอจะอธิบายให้ฉันฟังมันก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเธอก็ต้องไปพูดกับพ่อแม่ฉันเมื่อพวกเขามาถึง!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่ไปดื่มเหล้าที่บาร์ ซ่งเชี่ยนพาเขาไปเปิดห้องที่โรงแรม ทั้งคู่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่เขต คุณย่าถูกน้องชายของซ่งเชี่ยนชนจนบาดเจ็บและต้องเข้าโรงพยาบาล เขาไปบ้านซ่งเชี่ยนเพื่อช่วยเหลือ และอู๋ซิ่วหลานเรียกสินสอดจากเขาเป็นเงิน 2 ล้านหยวน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไหลเวียนเข้ามาในหัวของหลิงหยางเป็นลำดับ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในกับดักอันน่ากลัว รู้สึกเหมือนถูกหลอกลวง และหันไปมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่สงสัย“เธอยังมีอะไรอีกไหมที่ปิดบังฉันอีกไหม ยังคิดจะหลอกอะไรฉันอีก”"ฉันไม่ได้ปิดบังอะไรคุณเลย และไม่เคยหลอกคุณแม้แต่นิดเดียว..." ซ่งเชี่ยนพยายามแก้ต่างให้ตัวเองเธอไม่เคยคิดเลยว่า การช่วยคนบาดเจ็บบนถนนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกหลิงหยางเข้าใจผิด แต่เธอยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทำให้รู้สึกอัดอั้นและเสียใจอย่างมากตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด และน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา"พวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? แม่ฟังไม่เข
หลิงหยางรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจที่ฉับพลันของพ่อแม่ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลหรือวิธีใดๆ มาปกป้องซ่งเชี่ยนได้ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ดูแปลกและซับซ้อนเกินไป เดิมทีครั้งแรกที่รู้เขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แต่เมื่อลองมาคิดดูดีๆ แล้วภรรยาไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นเลย แต่ก็ยังต้องไขคดีให้กระจ่าง"หลิงหยาง ตระกูลหลิงของเราในไห่เฉิงก็ถือว่าเป็นครอบครัวชนชั้นสูง และลูกในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลหลิง การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราไม่ยอมรับคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเข้ามาในตระกูลหลิง และไม่ยอมรับคนเช่นนี้เป็นลูกสะใภ้ของเราแน่ พ่อเคารพความคิดเห็นของแม่ลูก แต่พวกเธอหย่ากันซะเถอะ" เมื่อเห็นว่าหลิงหยางลังเลหลิงฉิงจึงเสริมเหตุผล"ไม่ครับ ผมไม่เห็นด้วย ยังไงผมก็ไม่หย่า!" หลิงหยางตอบแบบไม่ต้องคิด แม้สถานการณ์จะบีบคั้นมาก แต่ก็ต้องรอให้เรื่องนี้คลี่คลายก่อน เขาจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ซ่งเชี่ยนไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าพ่อแม่ของหลิงหยางจะมีอคติต่อเธอมากถึงเพียงนี้ พวกเขายืนยันว่าเธอเป็นผู้บงการที่ทำให้คุณย่าได้รับบาดเจ็บ และพยายามที่จะทำลายการความสัมพันธ์ แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นการแต่งงานหลอกๆ แต่ก็ยังคงได้รับการคุ้มครองตามกฎ
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน
"อ๊า!"จางเมิ่งเสวี่ยร้องเสียงหลง พร้อมกับผลักโจวหยุนหลงออกจากตัวอย่างแรง ชายแก่รีบลุกขึ้นจากตัวเธอทันที พร้อมดึงกางเกงขึ้นและมองไปที่ห่าวเหมย ซึ่งโกรธจนบุกเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตะลึง ก่อนถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก“หะ...ห่าวเหมย คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” “โจวหยุนหลง! แกมันเลวจริงๆ กล้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะจัดการแกกับอีผู้หญิงชั่วๆ นี่ยังไง!” เธอตะโกนด่าเสียงเข้มพูดจบเธอก็ตรงเข้ามาตบหน้าโจวหยุนหลงไปสองทีอย่างแรงจางเมิ่งเสวี่ยพอเห็นว่าโจวหยุนหลงเข้ามาขวางห่าวเหมยไว้ เธอจึงตั้งสติรีบใส่ชุดชั้นในแล้วดึงกระโปรงลง ทันใดนั้นเองก็เห็นหลิงหยางกำลังถ่ายรูปพวกเธออยู่ ด้านหลังของหลิงหยางมีซ่งเชี่ยน ซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ หยางตัน และหลี่น่า ทำให้จางเมิ่งเสวี่ยอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าแค่หลิงหยางกับซ่งเชี่ยนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังพอเข้าใจได้ ว่าพวกเขาอาจตามเธอมา และเป็นคนโทรศัพท์บอกห่าวเหมย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ คนที่เคยอยู่ข้างเธออย่างซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ และหลี่น่า รวมถึงหยางตันที่สนิทกับซ่งเชี่ยนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธออับอายขายหน้ามาก และคิดว่าซ่งเชี
คืนนี้ห่าวเหมยทำเหมือนทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะชาขึ้นแล้วดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เข้าใจผิดว่าเป็นสายรบกวนจึงกดตัดสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงกดรับสายเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ "คุณเป็นภรรยาของโจวหยุนหลงใช่ไหม?""คุณเป็นใคร?" ห่าวเหมยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือสามีของคุณตอนนี้ อยู่ที่สำนักงานหลานเทียน และกำลังมีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท""อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่โจวหยุนหลงดูเหม่อลอยบ่อยๆ เพราะเขาไปยุ่งกับผู้หญิงในบริษัทนี่เอง!" ห่าวเหมยตกใจ และเชื่อสนิทใจเพราะพักหลังมานี้สามีทำตัวแปลกไป"เขามีคำพูดว่า 'จับโจรต้องจับของกลาง จับชู้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา' ถ้าคุณอยากจับพวกเขาให้ได้ คุณควรรีบมาที่นี่!" ไม่ทันให้ห่าวเหมยพูดอะไร ปลายสายก็วางสายไปแล้วจึงตั้งใจจะโทรหาสามีเพื่อถามยืนยันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เขารู้ตัวเลยเปลี่ยนใจ เธอจึงถอดชุดนอนออก เปลี่ยนเสื้อผ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากโจวหยุนหลง จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่จะรู้เรื่อง ที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายชราผู้นี้ จึงไม่กล้ารับสายและรีบตัดสายทิ้งทันทีจ้าวชิงหย่าถามอย่างสงสัย "เมิ่งเอ๋อร์ทำไมไม่รับสายล่ะ?""เป็นเบอร์รบกวน ไม่มีความจำเป็นต้องรับค่ะ" ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป"ฉันเห็นว่าชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อคุณโจวนี่ เขาไม่ใช่เจ้านายของเธอหรอกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าเป็นคนหูตาไว มองปราดเดียวก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่าใครโทรมา ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงโกหก"ฉัน..." จางเมิ่งเสวี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอหยุดคิดคำพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ "ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ฉันไม่อยากรับสายจากบริษัท""แล้วถ้าเขาโทรมาสอบถามเรื่องการลักพาตัวซ่งเชี่ยนล่ะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆ อย่างไรเสียซ่งเชี่ยนก็เป็นคนในบริษัทเหมือนกัน กลัวว่าเรื่องไปถึงหูคุณโจวแล้ว เรื่องของเรื่องคือกังวลว่าลูกสาวจะเดือดร้อน"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "เขาไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง และอีกอย่างซ่งเชี่ยนก็ถูกช่วยออกมาแล้ว เขาจะโทรมาหาฉันเรื่องนี้ทำไม แม่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ" พยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ถึงโจวหยุนหลงจะรู้อย่