"หยางหยาง นี่ลูกพูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง?" หลิวฮุ่ยหลิงถามเสียงดัง ไม่พอใจที่ลูกชายเข้าข้างผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า หล่อนเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็มาแต่งงานกัน คงไม่พ้นหวังสมบัติแบบที่คิดแน่
"ผมก็พูดแบบนี้แหละ แล้วแม่จะทำไม? แม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทำเหมือนกลืนยาขม คอยจับผิดเธอ เพียงเพราะผมไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ไปอยู่กับจางเมิ่งเสวี่ยคนนั้น" เขาพูดอย่างจริงจัง ประกาศให้รู้ว่าเรื่องคู่ครองเขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น
"ลูกพูดผิดแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกต่างหากล่ะที่เป็นคนเจ้าเล่ห์!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงตั้งแง่กับลูกสะใภ้ที่เธอไม่ยอมรับ
"หลิวฮุ่ยหลิง เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รังเกียจซ่งเชี่ยนเธอมีอะไรดีนักหนากัน หึ วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชน ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งเชี่ยนรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล คงนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว เด็กสาวที่จิตใจดีขนาดนี้ เธอกลับหาว่าหล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ นี่เธอสมองกลับไปแล้วหรือไงกัน หรือว่าอยากจะทำให้ฉันโมโหจนตายกันแน่!" ในที่สุดคุณย่าหลิงที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวต้องออกปากปกป้องแม่หนูคนนั้นอีกแรง
"แม่คะ แม่อย่าให้ภาพลวงตาพวกนี้มาหลอกลวงนะคะ แม่ไม่เห็นเหรอว่าหล่อนแกล้งทำดีกับแม่ ใครจะรู้ หล่อนอาจจะร่วมมือกับคนขี่มอเตอร์ไซค์คนนั้นก็ได้!" เห็นแม่สามีเริ่มโมโหก็เสียงอ่อนลง แต่ยังไม่เลิกจับผิด
คำพูดนี้ทำให้ซ่งเชี่ยนโกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยรู้จักคุณย่าหลิงมาก่อน ตอนนั้นแค่เห็นว่าคุณย่าได้รับบาดเจ็บจากการถูกชนและล้มลงกับพื้น เธอสงสารจึงช่วยพยุงขึ้นมาและโทรเรียกรถพยาบาลไปส่ง นอกจากนี้ยังจ่ายค่าผ่าตัดและค่ามัดจำให้ด้วย
เธอแค่ทำความดี ทำไมกลายเป็นคนร้ายในปากของแม่สามีล่ะ
"หลิวฮุ่ยหลิง หยุดพูดยุแยงได้แล้ว! ฉันอาจจะอายุมากแต่ยังไม่แก่จนสติฟั่นเฟือน ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ชัดเจนยิ่งกว่าคนอื่น!" คุณย่าหลิงมองหลิวฮุ่ยหลิงด้วยสายตาดุดัน
"แม่อย่าโกรธฮุ่ยหลิงเลยนะ หล่อนพูดไปแบบนั้นเพราะห่วงหยางหยาง เราได้แจ้งความเรื่องที่แม่ถูกรถชนแล้ว เพื่อนที่สถานีตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ต้องจับตัวคนร้ายได้ก่อนจึงจะสรุปเหตุการณ์ได้..." เห็นแม่โมโหก็รีบออกตัวแทนภรรยา
"แม่ ผมรู้ว่าแม่ไม่ชอบซ่งเชี่ยน แต่แม่ไม่มีสิทธิ์กล่าวหาเธอแบบนี้" หลิงหยางจ้องไปที่แม่ของเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาจะไม่ยอมถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่แม่เลือกให้เด็ดขาด
"แม่ไม่ได้กล่าวหาอะไร ถ้าแม่พูดผิดไป คงจะรู้ในภายหลังเอง แต่หวังว่าลูกจะไม่เสียใจเมื่อความจริงกระจ่าง!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงพูดอย่างไม่ยอมแพ้
"ไร้สาระ" หลิงหยางมองแม่ของเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะจับมือซ่งเชี่ยน "ถ้าแม่ไม่ต้อนรับเธอ งั้นก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ไปกับผมเถอะ!"
ซ่งเชี่ยนหันไปมองคุณย่าหลิงด้วยสายตาเว้าวอน ในตอนนี้เธอเป็นสาเหตุทำให้แม่ลูกทะเลาะกัน หญิงสาวไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เธอไม่อยากทำให้ครอบครัวของใครร้าวฉาน แต่คุณย่าหลิงเข้าใจความรู้สึกของซ่งเชี่ยนและโบกมือให้เธอ
"ซ่งเชี่ยนอย่ากลัวไปเลย ย่าเชื่อในตัวเธอและสนับสนุนให้เธออยู่กับหลิงหยาง ตอนนี้ย่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เธอไปเถอะ!"
"ค่ะ คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ!"
ซ่งเชี่ยนกล่าวลาและออกจากห้องพักฟื้น หลิงหยางตามไปติดๆ ทั้งสองเดินตามทางเดินของโรงพยาบาลไปยังลิฟต์ ตอนนี้ในใจของหญิงสาวเหมือนถูกไฟสุม เธอไม่ชอบที่เป็นต้นเหตุของความแตกแยก
"ที่รัก เธอจะไปไหน?"
"ไปที่สำนักงานทะเบียนสมรส!" ซ่งเชี่ยนตอบโดยไม่ลังเล หันไปมองเขาตาขวางยังจะเรียกแบบนี้อยู่อีก ไม่รู้สถานการณ์บ้างเลยหรือไงกัน!
"ไปทำไมที่นั่น?" เขาขมวดคิ้วสงสัย
"ไปหย่าไง!" เธอไม่อยากปล่อยให้เรื่องค้างคาอีกแล้ว รีบหย่าเสียตอนนี้เขากับครอบครัวจะได้กลับมาคืนดีกัน อีกอย่างเพิ่งแต่งงานกันไม่นานก็วุ่นวายขนาดนี้แล้ว อนาคตคงไม่ต้องพูดถึง
"ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าเอ่ยถึงคำว่าหย่าต่อหน้าฉัน!" หลิงหยางพูดอย่างหนักแน่น ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไง เขาพร่ำบอกเสมอว่าอย่างพูดเรื่องนี้ เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ!
"แต่ฉันไม่อยากให้คุณต้องทะเลาะกับแม่เพราะฉัน ไม่อยากเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ!"
"ไม่เห็นต้องกังวลเลย แม่แค่ไม่รู้จักเธอดีพอเท่านั้นแหละถึงได้พูดจาไม่ดีแบบนั้น!" คิดว่าหากมารดาได้รู้จักซ่งเชี่ยน มั่นใจว่าแม่จะต้องชอบเธอมาก
เหมือนที่เขาชอบเธอ!
"แล้วคุณล่ะ รู้จักฉันดีหรือยัง?" ซ่งเชี่ยนถามอย่างจริงจัง อันที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานนี้เอง แทบไม่รู้นิสัยใจคอเลยด้วย อีกอย่างตัวตนของเขาเธอก็ยังไม่รู้ แล้วจะดันทุรังต่อต้านผู้ใหญ่ไปเพื่ออะไร
"เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันดี"
"ทำไมล่ะ?" ซ่งเชี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจ
"เพราะเราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะจดทะเบียนสมรสกันเพื่อตบตาครอบครัว เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันดีมาก่อน ฉันก็ไม่คิดว่าหลังจากที่แม่เห็นทะเบียนสมรสแล้วจะมีปฏิกิริยาแรงขนาดนี้!"
"เพราะจางเมิ่งเสวี่ยใช่ไหม?"
"ใช่ ฉันก็ไม่รู้ว่าจางเมิ่งเสวี่ยทำอะไรกับแม่ ถึงได้ชอบหล่อนขนาดนั้น และพยายามจับคู่เราให้แต่งงานกัน!" หลิงหยางตอบอย่างตรงไปตรงมา
"จริงๆ แล้ว จางเมิ่งเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ทั้งสวยและเก่ง พวกคุณเหมาะสมกันจริงๆ" พูดแล้วก็ขมขื่น จางเมิ่งเสวี่ยเกิดในตระกูลสูงส่ง ดูแล้วหลิงหยางก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน ฉะนั้นก็ควรแล้วที่จะแต่งงานกัน
"เธอไม่บอกว่ารู้จักจางเมิ่งเสวี่ยนี่ ทำไมถึงรู้ว่าเราเหมาะสมกัน?"
"ความจริงแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนโฆษณาของเรา ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกคุณ เลยแกล้งบอกว่าไม่รู้จักเธอ..." เป็นการคาดเดาที่ผิดไปมากทีเดียว เพราะเธอโกหกก็เลยทำให้วุ่นวาย รู้แบบนี้บอกความจริงไปแต่แรกก็จบแล้ว
"ฉันว่าแล้ว พอพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเธอก็ทำท่าแปลกๆ แถมพูดจาไม่ชัดเจน ที่แท้หล่อนก็เป็นหัวหน้าของเธอเอง?"
"ใช่ ถ้ารู้แบบนี้ ฉันคงไม่ไปจดทะเบียนสมรสกับคุณตั้งแต่แรก!" ซ่งเชี่ยนยิ้มเจื่อน
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะต่อไปนี้ ฉันต้องทนทั้งความโกรธจากแม่คุณ และต้องเผชิญการแก้แค้นจากจางเมิ่งเสวี่ย ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว"
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง แค่เธอเป็นภรรยาของฉันก็พอแล้ว ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอแน่!"
"เฮอะ ฉันไม่เชื่อหรอก!"
ซ่งเชี่ยนพูดพลางเบะปาก
ยากหน่อยนะพี่หยาง เมื่อพ่อแม่มีว่าที่ลูกสะใภ้ในใจแล้ว น้องเชี่ยนก็เกรงใจอีก ไม่อยากให้พี่ทะเลาะกับครอบครัว
ระหว่างที่คุยกันนั้นลิฟต์ก็ลงมาถึงโถงชั้นหนึ่ง ทันทีที่พวกเขาออกมาเกาหมิงก็รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกหลิงหยางถามอย่างตำหนิ เพิ่งจะมาอะไรเอาป่านนี้! “แกไปไหนมา ทำไมเพิ่งมาถึง” “ที่จอดรถในโรงพยาบาลเต็มหมดเลยครับ ผมต้องไปหาที่จอดข้างนอก ก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย...” เกาหมิงอธิบายอย่างร้อนรน วันนี้คนมาใช้บริการเยอะมาก จึงหาที่จอดรถไม่ได้“พอแล้ว” หลิงหยางพูดขัดขึ้นมา “พวกเราจะไปรอที่หน้าโรงพยาบาล แกไปเอารถมาได้แล้วพวกเราจะกลับบ้านกัน!”“ถ้ากลับกันหมดแล้ว แล้วใครอยู่ดูแลคุณย่าหลิงล่ะครับ?” เกาหมิงถามด้วยความกังวล “พ่อแม่ฉันกลับมาแล้ว ให้พวกเขาดูแลคุณย่าก็พอ ฉันจะพาพี่สะใภ้ของแกกลับบ้าน ไปใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองเสียหน่อย!”“เจ้านาย คุณนี่โชคดีจริงๆ!” เกาหมิงมองด้วยสายตาแพรวพราว รู้ความหมายของเจ้านายทันที“ไปให้พ้นเลย!” หลิงหยางด่าแบบหยอกๆเกาหมิงยิ้มแล้วรีบเดินออกไป ในขณะที่หลิงหยางจับมือซ่งเชี่ยนแล้วพาเดินไปที่ประตูโรงพยาบาล ไม่นานนัก เลขาคนสนิทก็ขับรถมายบัคมาถึงหลิงหยางเปิดประตูรถเชิญซ่งเชี่ยนขึ้นรถ เธอนั่งลงที่เบาะหลังข้างๆ เขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา กาหมิงขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฮั่นถิง หยุดรถไว
ที่อาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลประชาชนชั้น 10 ในห้องพักระดับวีไอพี หลิวฮุ่ยหลิงพูดอย่างจริงจังกับคุณยายหลิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“แม่คะ หนูรู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อซ่งเชี่ยนต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ!”“ปัญหาอะไร?” คุณยายหลิงพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องครอบครัวหรือสถานะทางสังคมของหล่อนก็ได้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าไม่มีคำพูดไหนที่ออกจากปากหล่อนเป็นความจริงเลย ไม่รู้ว่าหลิงหยางสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ถึงได้มองว่าหล่อนดี แล้วยังพาไปจดทะเบียนแต่งงานกันอีก!” หลิวฮุ่ยหลิงบ่นต่อ“นี่แหละคือพรหมลิขิต” คุณยายหลิงพูดพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราเคยจัดหาคู่ให้หลิงหยาง จัดการนัดบอดหลายครั้ง เขาไม่เคยชอบใครเลย ไม่คิดว่าเด็กดื้อคนนี้จะแอบไปจดทะเบียนกับซ่งเชี่ยนอย่างลับๆ ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนช่วยชีวิตฉันอีก ฉันว่าหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่ดี หลิงหยางแต่งกับหล่อนแล้วไม่เสียหายหรอก ฉันชอบ!”หลิวฮุ่ยหลิงรู้ดีว่าเธอคงโน้มน้าวใจคุณแม่ที่ดื้อดึงคนนี้ไม่ได้ จึงบ่นพึมพำ “ยังไงหนูก็คิดว่าเด็กคนนี้มีปัญหา เทียบกับจางเมิ่งเสวี่ยไม่ได้เลย”“เลิกพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเสียที หล่อนทำได้แค่ทำให้
"ระหว่างเราคงไม่มีอะไรต้องอธิบายกันแล้ว ถึงเธอจะอธิบายให้ฉันฟังมันก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเธอก็ต้องไปพูดกับพ่อแม่ฉันเมื่อพวกเขามาถึง!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่ไปดื่มเหล้าที่บาร์ ซ่งเชี่ยนพาเขาไปเปิดห้องที่โรงแรม ทั้งคู่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่เขต คุณย่าถูกน้องชายของซ่งเชี่ยนชนจนบาดเจ็บและต้องเข้าโรงพยาบาล เขาไปบ้านซ่งเชี่ยนเพื่อช่วยเหลือ และอู๋ซิ่วหลานเรียกสินสอดจากเขาเป็นเงิน 2 ล้านหยวน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไหลเวียนเข้ามาในหัวของหลิงหยางเป็นลำดับ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในกับดักอันน่ากลัว รู้สึกเหมือนถูกหลอกลวง และหันไปมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่สงสัย“เธอยังมีอะไรอีกไหมที่ปิดบังฉันอีกไหม ยังคิดจะหลอกอะไรฉันอีก”"ฉันไม่ได้ปิดบังอะไรคุณเลย และไม่เคยหลอกคุณแม้แต่นิดเดียว..." ซ่งเชี่ยนพยายามแก้ต่างให้ตัวเองเธอไม่เคยคิดเลยว่า การช่วยคนบาดเจ็บบนถนนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกหลิงหยางเข้าใจผิด แต่เธอยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทำให้รู้สึกอัดอั้นและเสียใจอย่างมากตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด และน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา"พวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? แม่ฟังไม่เข
หลิงหยางรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจที่ฉับพลันของพ่อแม่ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลหรือวิธีใดๆ มาปกป้องซ่งเชี่ยนได้ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ดูแปลกและซับซ้อนเกินไป เดิมทีครั้งแรกที่รู้เขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แต่เมื่อลองมาคิดดูดีๆ แล้วภรรยาไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นเลย แต่ก็ยังต้องไขคดีให้กระจ่าง"หลิงหยาง ตระกูลหลิงของเราในไห่เฉิงก็ถือว่าเป็นครอบครัวชนชั้นสูง และลูกในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลหลิง การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราไม่ยอมรับคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเข้ามาในตระกูลหลิง และไม่ยอมรับคนเช่นนี้เป็นลูกสะใภ้ของเราแน่ พ่อเคารพความคิดเห็นของแม่ลูก แต่พวกเธอหย่ากันซะเถอะ" เมื่อเห็นว่าหลิงหยางลังเลหลิงฉิงจึงเสริมเหตุผล"ไม่ครับ ผมไม่เห็นด้วย ยังไงผมก็ไม่หย่า!" หลิงหยางตอบแบบไม่ต้องคิด แม้สถานการณ์จะบีบคั้นมาก แต่ก็ต้องรอให้เรื่องนี้คลี่คลายก่อน เขาจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ซ่งเชี่ยนไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าพ่อแม่ของหลิงหยางจะมีอคติต่อเธอมากถึงเพียงนี้ พวกเขายืนยันว่าเธอเป็นผู้บงการที่ทำให้คุณย่าได้รับบาดเจ็บ และพยายามที่จะทำลายการความสัมพันธ์ แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นการแต่งงานหลอกๆ แต่ก็ยังคงได้รับการคุ้มครองตามกฎ
“มันจะเป็นไปได้ยังไงว่าฉันทำให้เธอโกรธจนหนีไป เธอต่างหากที่ทำให้ฉันโมโหจนสติแตก!” หลิงหยางยังคงสับสน เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะถ้าพูดกันตามตรงแล้วก็ยังไม่รู้จักเธอดีพอ “จริงๆ แล้ว การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพี่สะใภ้ไม่ยากเลย…” เรื่องใหญ่ขนาดนี้มีหรือว่าเขาจะไม่รู้ แม้จะไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ก็เถอะ แต่ลึกๆ แล้วก็เชื่อว่าซ่งเชี่ยนไม่ใช่คนแบบนั้น“พิสูจน์ยังไง?”“แค่ขอให้ตำรวจดึงภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาดู ทุกอย่างก็จะชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?” เกาหมิงเสนอวิธีแก้“ให้ตายสิ! ฉันทำไมถึงคิดไม่ออก!” หลิงหยางตบหัวตัวเองเบาๆเพิ่งเห็นประโยชน์ของเกาหมิงก็วันนี้!“ต้องขอบคุณนายที่เตือนฉัน ไม่งั้นเรื่องที่คุณย่าฉันถูกรถชนก็คงอธิบายไม่ออก!”“ฮ่าๆ! นี่แหละที่เรียกว่า คนในเหตุการณ์ย่อมสับสน แต่คนนอกย่อมมองเห็นได้ชัดเจน!” เกาหมิงหัวเราะอย่างขบขัน สิ่งที่เขาทำคือมองด้วยสายตาของบุคคลที่สาม “นายอย่ามาเล่นลิ้นกับฉันเลย ไปกับฉันที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้!”เมื่อทั้งสองคนเดินทางไปยังสถานีตำรวจ และดูคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ที่เจ้าหน้าที่เฉินส่งมาให้ดูในโทรศัพท์ หลิงหยางก็ถึงกับตกตะลึงจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพ
ซ่งเชี่ยนมองดูชื่อที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ แล้วขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว"เธอโทรมาทำไมกัน? หรือว่า..."หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซ่งเชี่ยนก็กดรับสาย ทันทีที่โทรศัพท์เชื่อมต่อ เสียงตะโกนของจางเมิ่งเสวี่ยก็ดังลั่นขึ้นมา“ซ่งเชี่ยน เธอหายไปไหนมา? ถ้าไม่อยากทำงานแล้ว ก็เก็บข้าวของแล้วไปซะ บริษัทเราไม่เลี้ยงคนขี้เกียจ!”“ฉัน... ฉันแค่ออกไปทำธุระข้างนอก” ซ่งเชี่ยนรีบตอบอย่างตะกุกตะกัก“ทำธุระอะไร? ใครอนุญาตให้เธอออกไปทำธุระ?” จางเมิ่งเสวี่ยขัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“ก่อนเริ่มงาน ฉันโทรไปลางานกับหัวหน้าซุนแล้ว ฉัน...” ซ่งเชี่ยนตอบตามความจริง“พอเถอะ ฉันไม่สนใจว่าเธอจะลางานกับใคร ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน วันลาของเธอก็ไม่มีผลอะไร รีบกลับมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!” จางเมิ่งเสวี่ยพูดอย่างเผด็จการ ไม่ทันให้ซ่งเชี่ยนพูดอะไรเพิ่มเติม เธอก็ตัดสายทิ้งไปหลังจากถูกไล่จากห้องทำงานของหลิงหยางในบริษัทหลิงกรุ๊ป จางเมิ่งเสวี่ยก็กลับมาที่บริษัทโฆษณาหลานเถียนด้วยความโกรธ มองไปทางไหนก็ไม่พอใจไปหมด จึงดุด่าว่ากล่าวพนักงานทั้งสี่ห้าคนในแผนกออกแบบจนหมดทุกคนเมื่อเธอโทรหาซ่งเชี่ยน ก็บ่นระบายอารมณ์ใส่ทันที เจียงอิ๋งเสวี่ยที่ได้ย
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงสายจางเมิ่งเสวี่ยได้รับโทรศัพท์ จากหลิวฮุ่ยหลิงมารดาของหลิงหยาง หล่อนบอกเธอในโทรศัพท์ว่า หลิงหยางได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อซ่งเชี่ยน พร้อมทั้งบอกด้วยว่า ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ในบริษัทโฆษณาหลานเถียน แต่กลับบอกว่าไม่รู้จักเธอ เป็นผู้หญิงที่โกหกได้อย่างหน้าด้านๆ หลังจากวางสายโทรศัพท์ของหลิวฮุ่ยหลิง จางเมิ่งเสวี่ยรู้สึกขุ่นเคืองใจมากเธอคิดว่าตัวเองไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือบุคลิก ทุกอย่างดีกว่าซ่งเชี่ยน แต่หลิงหยางกลับไม่ชอบเธอ แต่เลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยน และเธอเกลียดผู้หญิงคนนั้นมาก แต่แล้วก็คิดได้ว่า...ถึงแม้ว่าซ่งเชี่ยนจะมีความสวยอยู่บ้าง แต่ฐานะของหล่อนไม่ดีนัก หลิงหยางคงแค่เล่นๆ เท่านั้น คนที่แต่งงานกับหลิงหยางไม่ใช่ซ่งเชี่ยนที่ทำงานในบริษัทของเธอแน่ๆ เพื่อยืนยันความสงสัย จางเมิ่งเสวี่ยจึงโทรเรียกซ่งเชี่ยนกลับมาที่บริษัท และให้ซุนจิ่นเหยาปฏิเสธว่าซ่งเชี่ยนไม่ได้ขอลาหยุดในขณะที่ทั้งคู่ร่วมมือกันนั้น เพื่อเตรียมจะกลั่นแกล้งซ่งเชี่ยน แต่หล่อนดันเปิดโปงความลับต่อหน้าพนักงานในบริษัท ถึงแม้ว่าซ่งเชี่ยนจะไม่ได้เอ่ยชื่อหลิงหยาง แต่จางเมิ่งเสวี่ยก็มั่นใจว่าเขาแ
พนักงานคนหนึ่งใช้มือชี้ไปที่เงาหลังของหลิงหยาง พร้อมถามโจวหยุนหลง“ท่านประธานโจว ผู้ชายคนนี้คือใครกันคะ? ทำไมคุณถึงเรียกเขาว่านายน้อยหลิง แล้วทำไมถึงกลัวเขาขนาดนั้น?”“เธอนี่โง่จริงๆ” โจวหยุนหลงเหลือบมองอย่างเย็นชา “แม้แต่ทายาทตระกูลหลิง ประธานบริษัทหลิงกรุ๊ปอย่างหลิงหยาง เธอยังไม่รู้จักอีกหรือ? คนใหญ่คนโตแบบเขา ฉันจะไปกล้าหาเรื่องได้ยังไง?”“อ๋อ ที่แท้ก็คือคุณชายเพชรเม็ดงามในตำนานคนนั้นนี่เอง” อู๋เสี่ยวลี่พูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ไม่ใช่ว่ามีข่าวลือว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงหรอกเหรอ? แล้วทำไมถึงปกป้องซ่งเชี่ยนขนาดนั้นล่ะ? ระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”“เธอถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ?” โจวหยุนหลงจ้องหล่อนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองที่จางเมิ่งเสวี่ย “จางเมิ่งเสวี่ย เธอมาที่ห้องทำงานของฉันหน่อย!”พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานทันที จางเมิ่งเสวี่ยเข้าใจจุดประสงค์ของโจวหยุนหลงดี ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ขณะก้มหน้าและเดินตามเขาออกไป ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป ทันทีที่เข้ามาในห้อง โจวหยุนหลงก็ปิดประตูอย่างแรงหัวใจของจางเมิ่งเสวี่ยเต้นเร็วด้วยความกังวล เธอรู
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน
"อ๊า!"จางเมิ่งเสวี่ยร้องเสียงหลง พร้อมกับผลักโจวหยุนหลงออกจากตัวอย่างแรง ชายแก่รีบลุกขึ้นจากตัวเธอทันที พร้อมดึงกางเกงขึ้นและมองไปที่ห่าวเหมย ซึ่งโกรธจนบุกเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตะลึง ก่อนถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก“หะ...ห่าวเหมย คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” “โจวหยุนหลง! แกมันเลวจริงๆ กล้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะจัดการแกกับอีผู้หญิงชั่วๆ นี่ยังไง!” เธอตะโกนด่าเสียงเข้มพูดจบเธอก็ตรงเข้ามาตบหน้าโจวหยุนหลงไปสองทีอย่างแรงจางเมิ่งเสวี่ยพอเห็นว่าโจวหยุนหลงเข้ามาขวางห่าวเหมยไว้ เธอจึงตั้งสติรีบใส่ชุดชั้นในแล้วดึงกระโปรงลง ทันใดนั้นเองก็เห็นหลิงหยางกำลังถ่ายรูปพวกเธออยู่ ด้านหลังของหลิงหยางมีซ่งเชี่ยน ซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ หยางตัน และหลี่น่า ทำให้จางเมิ่งเสวี่ยอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าแค่หลิงหยางกับซ่งเชี่ยนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังพอเข้าใจได้ ว่าพวกเขาอาจตามเธอมา และเป็นคนโทรศัพท์บอกห่าวเหมย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ คนที่เคยอยู่ข้างเธออย่างซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ และหลี่น่า รวมถึงหยางตันที่สนิทกับซ่งเชี่ยนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธออับอายขายหน้ามาก และคิดว่าซ่งเชี
คืนนี้ห่าวเหมยทำเหมือนทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะชาขึ้นแล้วดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เข้าใจผิดว่าเป็นสายรบกวนจึงกดตัดสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงกดรับสายเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ "คุณเป็นภรรยาของโจวหยุนหลงใช่ไหม?""คุณเป็นใคร?" ห่าวเหมยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือสามีของคุณตอนนี้ อยู่ที่สำนักงานหลานเทียน และกำลังมีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท""อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่โจวหยุนหลงดูเหม่อลอยบ่อยๆ เพราะเขาไปยุ่งกับผู้หญิงในบริษัทนี่เอง!" ห่าวเหมยตกใจ และเชื่อสนิทใจเพราะพักหลังมานี้สามีทำตัวแปลกไป"เขามีคำพูดว่า 'จับโจรต้องจับของกลาง จับชู้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา' ถ้าคุณอยากจับพวกเขาให้ได้ คุณควรรีบมาที่นี่!" ไม่ทันให้ห่าวเหมยพูดอะไร ปลายสายก็วางสายไปแล้วจึงตั้งใจจะโทรหาสามีเพื่อถามยืนยันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เขารู้ตัวเลยเปลี่ยนใจ เธอจึงถอดชุดนอนออก เปลี่ยนเสื้อผ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากโจวหยุนหลง จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่จะรู้เรื่อง ที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายชราผู้นี้ จึงไม่กล้ารับสายและรีบตัดสายทิ้งทันทีจ้าวชิงหย่าถามอย่างสงสัย "เมิ่งเอ๋อร์ทำไมไม่รับสายล่ะ?""เป็นเบอร์รบกวน ไม่มีความจำเป็นต้องรับค่ะ" ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป"ฉันเห็นว่าชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อคุณโจวนี่ เขาไม่ใช่เจ้านายของเธอหรอกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าเป็นคนหูตาไว มองปราดเดียวก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่าใครโทรมา ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงโกหก"ฉัน..." จางเมิ่งเสวี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอหยุดคิดคำพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ "ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ฉันไม่อยากรับสายจากบริษัท""แล้วถ้าเขาโทรมาสอบถามเรื่องการลักพาตัวซ่งเชี่ยนล่ะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆ อย่างไรเสียซ่งเชี่ยนก็เป็นคนในบริษัทเหมือนกัน กลัวว่าเรื่องไปถึงหูคุณโจวแล้ว เรื่องของเรื่องคือกังวลว่าลูกสาวจะเดือดร้อน"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "เขาไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง และอีกอย่างซ่งเชี่ยนก็ถูกช่วยออกมาแล้ว เขาจะโทรมาหาฉันเรื่องนี้ทำไม แม่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ" พยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ถึงโจวหยุนหลงจะรู้อย่