“คะ คุณชายหลิง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
“แกนามสกุลจางสินะ แกนี่กล้าจริงๆ กล้าขนาดที่มาแตะต้องผู้หญิงของฉัน แกเตรียมตัวหาวิธีตายไว้แล้วหรือยัง?” หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หา? คุณพูดอะไรนะ? ผู้หญิงของคุณ ใคร…ใครกัน” จางฟานตกใจคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้
“แกไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงที่แกเพิ่งทำระยำกับด้วยเป็นของใคร?” หลิงหยางตะโกนด้วยความโกรธ พร้อมกับยกขาขึ้นเตะเข้าที่ท้องของมัน
จางฟานเซถอยหลังไปและล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น รีบลุกขึ้นจากพื้น คุกเข่าลงขอโทษหลิงหยางด้วยความหวาดกลัว
“คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าซ่งเชี่ยนเป็นผู้หญิงของคุณ ผม…”
เพี๊ยะ!
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หลิงหยางก็ตบหน้าเขาอย่างแรง จนทำให้หน้าครึ่งหนึ่งของจางฟานบวมขึ้นทันที คนชั่วโฉดพยายามถุยเลือดที่คั่งอยู่ในปากออกมา และพบว่ามีฟันหน้าหลุดออกมาด้วย ฟันซี่นั้นกระเด็นไปตกอยู่บนพื้น
ในขณะนั้นเองซ่งเชี่ยนที่แต่งตัวเรียบร้อย และจัดผมให้เข้าที่ก็ออกมาจากห้องนอน เธอชี้หน้าจางฟานและตะโกนด้วยความโกรธ
“แกมันสัตว์เดรัจฉาน กล้าดียังไงถึงคิดจะข่มขืนฉัน วันนี้ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด!” เธอหยิบขวดเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วจากมุมห้องและฟาดเข้าที่หัวของจางฟาน
กร๊อบ!
เสียงขวดแตกดังสนั่น หน้าผากของจางฟานบวมขึ้น และมีเลือดไหลออกมา เขารู้สึกมึนหัวอย่างรุนแรงและล้มลงไปกับพื้นห้องนั่งเล่น บอดี้การ์ดที่มากับจางฟานรีบเข้ามาประคองตัวเขาฃ
“เจ้านาย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่…ไม่เป็นไร” จางฟานพูดพร้อมกับจับแผลที่หัวและค่อยๆ ยกตัวขึ้นนั่งบนพื้นห้องนั่งเล่น
อู๋ซิ่วหลานตกใจจนแทบช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอชี้หน้าซ่งเชี่ยนและตะโกนด้วยความโกรธ “แกมันลูกสาวอกตัญญู แกรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงไปตีคุณชายจาง? แกรู้ไหมว่าการทำร้ายคุณชายจางครอบครัวของเขาจะต้องลำบากมากแค่ไหน?”
“ใช่แล้วเชี่ยนเอ๋อร์ ลูกทำเรื่องใหญ่แล้ว รีบขอโทษคุณชายจางเดี๋ยวนี้ ขอให้เขาอภัยอย่าหาความ” ซ่งปันซานพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“พอได้แล้ว! พวกคุณก็พอกัน เพียงเพราะเงินพวกคุณถึงกับขายลูกสาวของตัวเองให้กับสัตว์เดรัจฉานอย่างจางฟาน ถ้าไม่เห็นว่าพวกคุณเป็นคนในครอบครัว ฉันก็จะเอาเรื่องพวกคุณด้วย!” ซ่งเชี่ยนจ้องมองพ่อแม่ของเธอด้วยความโกรธ
“นี่แกพูดอะไร? แกยังเห็นตัวเองเป็นลูกของเราอยู่ไหม?” ซ่งปันซานพยายามอ้างความเป็นพ่อ
“แล้วพวกคุณทำไมไม่เห็นว่าฉันเป็นลูก ตอนที่ให้คนมามัดฉันไว้กับเตียงและกักขังฉันไว้ในห้อง เตรียมให้จางฟานข่มขืนฉัน” ซ่งเชี่ยนมองซ่งปันซานด้วยสายตาเย็นชา
“ฉัน…” ซ่งปันซานพูดไม่ออก
“เชี่ยนเอ๋อร์ เราทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูกนะ” อู๋ซิ่วหลานรีบพูดแก้ต่าง
“ถ้าพวกคุณทำเพื่อฉันจริงๆ คงไม่ทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานหรอก!” ซ่งเชี่ยนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ซ่งเชี่ยนชี้ไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลาน “พวกนี้แหละคือพ่อแม่ของฉัน พ่อของฉันติดหนี้พนันหนึ่งล้านหยวน เพื่อให้จางฟานช่วยจ่ายหนี้ เขาเลยยอมให้ฉันแต่งงานกับจางฟาน และยังรับสินสอดจากเขาอีกแปดแสนหยวน…”
หลิงหยางจึงเข้าใจว่าทำไมเมื่อคืนซ่งเชี่ยนถึงมาที่บาร์ และพาตัวเองไปที่โรงแรมเพื่อมีความสัมพันธ์กัน และทำไมเธอถึงตกลงแต่งงานกับเขาในวันรุ่งขึ้น
หลิงหยางมองไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลาน พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่น่าเชื่อเลยว่าบนโลกนี้จะมีพ่อแม่ที่เลวทรามแบบพวกคุณ เพียงเพราะเงินถึงกับผลักลูกสาวของตัวเองลงไปในนรก!”
“แล้วคุณเป็นใคร?” ซ่งปันซานถามด้วยความสงสัย
“ฉันชื่อหลิงหยาง เป็นสามีของซ่งเชี่ยน มีปัญหาอะไรไหม?” ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่คิดเคารพคนตรงหน้าเป็นพ่อตาด้วยซ้ำ เขารับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ่อประสาอะไรผลักลูกลงนรกด้วยน้ำมือตัวเอง!
“พวกคุณไม่ใช่ตำรวจเหรอ?” บิดาของซ่งเชี่ยนยังคงสับสน
“ถ้าคุณคิดว่าใช่ก็คือใช่ ถ้าคิดว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าพวกคุณทำผิดกฎหมาย ฉันก็สามารถส่งพวกคุณเข้าคุกได้ทุกเมื่อ!” รู้สึกโกรธแทนภรรยาของเขา ที่ต้องมาเจอเรื่องระยำโดยที่ครอบครัวรู้เห็นเป็นใจ
ซ่งปันซานตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
“โอ้ ฉันจำได้แล้ว คุณนี่เองที่ไปทำใบสมรสปลอมกับลูกสาวฉันที่แผงลอยเมื่อวานนี้?” ” อู๋ซิ่วหลานมองหลิงหยางด้วยความสนใจ
“เธอเอาใบสมรสให้พวกเขาดูแล้วหรือยัง?” ขมวดคิ้วถาม แม่ของซ่งเชี่ยนทำไมถึงพูดแบบนั้น หรือเธอยังไม่ได้เอาทะเบียนสมรสให้ทั้งสองคนดู?
“อืม!” ซ่งเชี่ยนพยักหน้าและตอบ
“แล้วทำไมแม่ของเธอถึงบอกว่าเราไปทำใบสมรสปลอมที่แผงลอย?” เขาถามด้วยความสงสัย
“พวกเขาไม่เชื่อว่าใบสมรสของเราจะเป็นของจริง!” เธอพยายามอธิบายแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ฟัง เอาแต่พูดว่าใบทะเบียนที่เธอให้ดูเป็นของปลอม แล้วยัดเยียดเธอให้กับจางฟาน
“ถ้าพวกเขาไม่เชื่อ แล้วเธอจะทำยังไง?” พวกเขาช่างโง่เง่าเสียจริง
“พวกเขาทำกับฉันแบบนี้แล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจในบ้านหลังนี้อีกต่อไป ฉันจะไปกับคุณและออกจากที่นี่!” ไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะทำเรื่องแบบนี้อีก จางฟานไม่ได้เงินคืนมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่ จะต้องมาบีบบังคับให้ครอบครัวเธออับจนหนทาง
สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า!
“ถ้าเธอพูดแบบนี้ ฉันก็โล่งใจ!” หลิงหยางพอใจมากกับคำตอบของซ่งเชี่ยน
สิ่งที่เขาชอบก็คือความเป็นคนที่กล้าหาญและไม่ยอมแพ้ของซ่งเชี่ยน เขาตัดสินใจที่จะรักเธอ เอาใจใส่เธอ และปกป้องเธออย่างเต็มที่ หากเธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็มีบ้านที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งเมื่อเช้าพาหญิงสาวไปดูมาแล้ว เหลือแค่ให้เธอตัดสินใจเข้าอยู่ เสียงที่ดังขึ้นข้างๆ ขัดอารมณ์ เขาจึงหันไปมองจางฟานที่เพิ่งถูกซ่งเชี่ยนตีจนหัวแตกและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แกทำร้ายภรรยาของฉัน แกคิดว่าเราควรจะคิดบัญชีกันยังไง?”
เล่นมันให้หนักๆ เลยค่ะพี่หยางง เอาให้เข็ด จะได้ไม่กล้ายุ่งกับภรรยาคนอื่นอีก
"คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าซ่งเชี่ยนเป็นภรรยาของคุณ พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนบอกว่าทะเบียนสมรสนั่นเป็นของปลอม ผมเลยถูกพวกเขาหลอกให้ทำแบบนั้น แต่ผมสาบานได้ว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์..." จางฟานรีบขอโทษด้วยความร้อนรน"ดีที่แกยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับภรรยาของฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาพวกแกทั้งสามไปพร้อมกัน!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ผมเข้าใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซ่งเชี่ยนอีก"หลิงหยางมองไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลานด้วยสายตาเย้ยหยัน "แล้วพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนล่ะ? แกยังคิดจะหาเรื่องพวกเขาอีกไหม?""ในเมื่อซ่งเชี่ยนแต่งงานกับคุณแล้ว พ่อแม่ของเธอก็คือพ่อตาแม่ย่าของคุณ ผมก็ไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก!" จางฟานพยายามเอาใจ"แล้วหนี้ที่พวกเขาเป็นหนี้แกอยู่ล่ะ? แกยังคิดจะเอาคืนอยู่ไหม?" เขาไม่ยอมให้ภรรยาของเขามีเรื่องกวนใจอีก หากพ่อของแม่ซ่งเชี่ยนยังเป็นหนี้ ก็คงยังวุ่นวายกับเธอไม่จบสิ้น"ไม่เอาแล้ว ผมถือว่าเป็นการบริจาคช่วยเหลือพวกเขา!" จางฟานรีบส่ายหัว"แบบนี้ก็พอจะรับได้ รีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นพวกมันอีก!" หลิงหยางพยักหน้าอย่างพอใจและโบกมือไล่"ได้ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้!"
“เงื่อนไขอะไรเหรอ?” อู๋ซิ่วหลานถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าหลิงหยางจะให้เงินจำนวนมากขนาดนั้น ตาของเธอลุกวาวเป็นประกายสุกใส มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านทำไมต้องปฏิเสธล่ะ! “เมื่อพวกคุณได้รับเงินแล้ว ต้องไม่ติดต่อกับซ่งเชี่ยนอีกเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกคุณก็ต้องตัดขาดจากเธอจริงๆ จะตกลงไหม?” เขาต้องการคำยืนยันจากทั้งคู่ก่อน พ่อกับแม่ของซ่งเชี่ยนดูไว้ใจไม่ค่อยได้“ตกลงได้ครับ ตกลง” ซ่งปันซานรีบตอบแทนอู๋ซิ่วหลาน “จากนี้ไปซ่งเชี่ยนจะเป็นภรรยาของคุณ เราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกเลย!”“นี่คือพ่อแม่ของคุณใช่ไหม?” หลิงหยางมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ ทั้งคู่ทำเหมือนว่าเก็บเธอมาเลี้ยงอย่างนั้นแหละ เลี้ยงไว้เพื่อขายเอาเงินอย่างเดียวซ่งเชี่ยนหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอไม่เคยคิดเลยว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นคนหน้าเงินถึงเพียงนี้ ถึงขั้นใจจืดใจดำไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ของเธอมักจะรังเกียจเธอเพราะว่าเป็นผู้หญิง ไม่เคยให้ความสนใจเธอเลย ทั้งหมดมุ่งไปที่น้องชายที่ไม่เอาไหนของเธอ ‘ซ่งฟง’ ดังนั้นซ่งเชี่ยนจึงได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากพ่อแม่เพียงเล็กน้อย จึงทำให้เธอม
รถยนต์คันหรูแล่นไปตามถนนที่มีการสัญจรติดขัด ในขณะนี้ซ่งเชี่ยนรู้สึกกระวนกระวายเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิดบางอย่าง หน้าของเธอแดงด้วยความอับอาย มือไม้ขยับไปมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้พ่อแม่ของเธอทำให้ทุกคนได้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจ ซ่งเชี่ยนไม่รู้จะเผชิญหน้ากับหลิงหยางอย่างไรชายหนุ่มเหมือนจะมองออกว่าเธอรู้สึกยังไง จึงเริ่มพูดเพื่อคลายความตึงเครียด “ซ่งเชี่ยน เธอได้เข้าไปดูห้องที่ฮั่นถิงอินเตอร์เนชันแนลหรือยัง?”“ยังเลยค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ตอนที่ฉันกำลังจะเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันเห็นคุณย่าของคุณถูกชนล้มลงไป จึงรีบพาไปส่งที่โรงพยาบาล”“เธอเห็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนคุณย่าของฉันไหม?” หลิงหยางถามอย่างมีความหวัง“ไม่เห็นค่ะ” ซ่งเชี่ยนส่ายหัว “ตอนที่ฉันไปถึงคู่กรณีไม่อยู่แล้ว คุณย่าของคุณอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่มีใครช่วยท่านเลย”“คุณย่าของฉันบอกว่า ขอบคุณที่คุณพาเธอไปโรงพยาบาลทันเวลา มิฉะนั้นท่านอาจจะตายอยู่กลางถนน ดูเหมือนว่าเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ” หลิงหยางยิ้มอย่างมีความหมาย“ไม่น่าจะใช่นะคะ วาสนาอะไรกัน สภาพครอบครัวของฉันคุณเห็นแล้วนี่ว่าเป็นยังไง ฉันรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับคุณ เรา
“เธอคือ…”“เธอชื่อซ่งเชี่ยน หลังจากที่ฉันถูกรถมอเตอร์ไซค์จนได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลพาฉันมาที่โรงพยาบาล แล้วยังช่วยจ่ายค่าผ่าตัดและมัดจำค่ารักษาให้ด้วย!” หลิงหยางกำลังจะเริ่มแนะนำซ่งเชี่ยนให้ทุกคนรู้จัก แต่คุณย่าที่นอนอยู่บนเตียงรีบพูดแนะนำแทนเขา“คุณย่า คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” ซ่งเชี่ยนรีบเดินไปที่ข้างเตียงของคุณย่า“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” คุณย่าจับมือของเธอด้วยความรัก “หนูเอ๋ย หนูช่างเป็นคนดีจริงๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กสาวที่ใจดีแบบนี้แล้ว ถ้าหนูได้เป็นหลานสะใภ้ของฉันก็คงดี แต่เสียดายที่หนูแต่งงานแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้หลิงหยางตามจีบหนูแล้วล่ะ!” “คุณย่า คุณพูดอะไรน่ะ ซ่งเชี่ยนเธอคือ…” หลินหยางพยายามแนะนำแต่มารดาดันขัดขึ้นเสียก่อน“เมื่อคืนลูกหายไปไหน จางเมิ่งเสวี่ยโทรมาบอกแม่ว่าหล่อนติดต่อลูกไม่ได้เลยทั้งคืน หล่อนกังวลมากจนเราต้องรีบบินกลับจากต่างประเทศ ทำไมลูกถึงละเลยหล่อนเช่นนี้?”“ละเลย? ผมไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย ไม่เคยคิดจะอยู่กับหล่อน แล้วหล่อนจะกังวลเรื่องผมทำไม?” หลิงหยางตอบกลับอย่างหนักแน่น ในสายตาของเขาตอนนี้มีแค่ซ่งเชี่ยนเท่านั้น“ถ้าลูกไม่ชอบจางเมิ่งเสวี่ย แล้
"หยางหยาง นี่ลูกพูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง?" หลิวฮุ่ยหลิงถามเสียงดัง ไม่พอใจที่ลูกชายเข้าข้างผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า หล่อนเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็มาแต่งงานกัน คงไม่พ้นหวังสมบัติแบบที่คิดแน่"ผมก็พูดแบบนี้แหละ แล้วแม่จะทำไม? แม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทำเหมือนกลืนยาขม คอยจับผิดเธอ เพียงเพราะผมไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ไปอยู่กับจางเมิ่งเสวี่ยคนนั้น" เขาพูดอย่างจริงจัง ประกาศให้รู้ว่าเรื่องคู่ครองเขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น"ลูกพูดผิดแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกต่างหากล่ะที่เป็นคนเจ้าเล่ห์!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงตั้งแง่กับลูกสะใภ้ที่เธอไม่ยอมรับ"หลิวฮุ่ยหลิง เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รังเกียจซ่งเชี่ยนเธอมีอะไรดีนักหนากัน หึ วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชน ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งเชี่ยนรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล คงนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว เด็กสาวที่จิตใจดีขนาดนี้ เธอกลับหาว่าหล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ นี่เธอสมองกลับไปแล้วหรือไงกัน หรือว่าอยากจะทำให้ฉันโมโหจนตายกันแน่!" ในที่สุดคุณย่าหลิงที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวต้องออกปากปกป้องแม่หนูคนนั้นอีกแรง"แม่คะ แม
ระหว่างที่คุยกันนั้นลิฟต์ก็ลงมาถึงโถงชั้นหนึ่ง ทันทีที่พวกเขาออกมาเกาหมิงก็รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกหลิงหยางถามอย่างตำหนิ เพิ่งจะมาอะไรเอาป่านนี้! “แกไปไหนมา ทำไมเพิ่งมาถึง” “ที่จอดรถในโรงพยาบาลเต็มหมดเลยครับ ผมต้องไปหาที่จอดข้างนอก ก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย...” เกาหมิงอธิบายอย่างร้อนรน วันนี้คนมาใช้บริการเยอะมาก จึงหาที่จอดรถไม่ได้“พอแล้ว” หลิงหยางพูดขัดขึ้นมา “พวกเราจะไปรอที่หน้าโรงพยาบาล แกไปเอารถมาได้แล้วพวกเราจะกลับบ้านกัน!”“ถ้ากลับกันหมดแล้ว แล้วใครอยู่ดูแลคุณย่าหลิงล่ะครับ?” เกาหมิงถามด้วยความกังวล “พ่อแม่ฉันกลับมาแล้ว ให้พวกเขาดูแลคุณย่าก็พอ ฉันจะพาพี่สะใภ้ของแกกลับบ้าน ไปใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองเสียหน่อย!”“เจ้านาย คุณนี่โชคดีจริงๆ!” เกาหมิงมองด้วยสายตาแพรวพราว รู้ความหมายของเจ้านายทันที“ไปให้พ้นเลย!” หลิงหยางด่าแบบหยอกๆเกาหมิงยิ้มแล้วรีบเดินออกไป ในขณะที่หลิงหยางจับมือซ่งเชี่ยนแล้วพาเดินไปที่ประตูโรงพยาบาล ไม่นานนัก เลขาคนสนิทก็ขับรถมายบัคมาถึงหลิงหยางเปิดประตูรถเชิญซ่งเชี่ยนขึ้นรถ เธอนั่งลงที่เบาะหลังข้างๆ เขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา กาหมิงขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฮั่นถิง หยุดรถไว
ที่อาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลประชาชนชั้น 10 ในห้องพักระดับวีไอพี หลิวฮุ่ยหลิงพูดอย่างจริงจังกับคุณยายหลิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“แม่คะ หนูรู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อซ่งเชี่ยนต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ!”“ปัญหาอะไร?” คุณยายหลิงพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องครอบครัวหรือสถานะทางสังคมของหล่อนก็ได้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าไม่มีคำพูดไหนที่ออกจากปากหล่อนเป็นความจริงเลย ไม่รู้ว่าหลิงหยางสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ถึงได้มองว่าหล่อนดี แล้วยังพาไปจดทะเบียนแต่งงานกันอีก!” หลิวฮุ่ยหลิงบ่นต่อ“นี่แหละคือพรหมลิขิต” คุณยายหลิงพูดพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราเคยจัดหาคู่ให้หลิงหยาง จัดการนัดบอดหลายครั้ง เขาไม่เคยชอบใครเลย ไม่คิดว่าเด็กดื้อคนนี้จะแอบไปจดทะเบียนกับซ่งเชี่ยนอย่างลับๆ ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนช่วยชีวิตฉันอีก ฉันว่าหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่ดี หลิงหยางแต่งกับหล่อนแล้วไม่เสียหายหรอก ฉันชอบ!”หลิวฮุ่ยหลิงรู้ดีว่าเธอคงโน้มน้าวใจคุณแม่ที่ดื้อดึงคนนี้ไม่ได้ จึงบ่นพึมพำ “ยังไงหนูก็คิดว่าเด็กคนนี้มีปัญหา เทียบกับจางเมิ่งเสวี่ยไม่ได้เลย”“เลิกพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเสียที หล่อนทำได้แค่ทำให้
"ระหว่างเราคงไม่มีอะไรต้องอธิบายกันแล้ว ถึงเธอจะอธิบายให้ฉันฟังมันก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเธอก็ต้องไปพูดกับพ่อแม่ฉันเมื่อพวกเขามาถึง!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่ไปดื่มเหล้าที่บาร์ ซ่งเชี่ยนพาเขาไปเปิดห้องที่โรงแรม ทั้งคู่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่เขต คุณย่าถูกน้องชายของซ่งเชี่ยนชนจนบาดเจ็บและต้องเข้าโรงพยาบาล เขาไปบ้านซ่งเชี่ยนเพื่อช่วยเหลือ และอู๋ซิ่วหลานเรียกสินสอดจากเขาเป็นเงิน 2 ล้านหยวน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไหลเวียนเข้ามาในหัวของหลิงหยางเป็นลำดับ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในกับดักอันน่ากลัว รู้สึกเหมือนถูกหลอกลวง และหันไปมองซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่สงสัย“เธอยังมีอะไรอีกไหมที่ปิดบังฉันอีกไหม ยังคิดจะหลอกอะไรฉันอีก”"ฉันไม่ได้ปิดบังอะไรคุณเลย และไม่เคยหลอกคุณแม้แต่นิดเดียว..." ซ่งเชี่ยนพยายามแก้ต่างให้ตัวเองเธอไม่เคยคิดเลยว่า การช่วยคนบาดเจ็บบนถนนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกหลิงหยางเข้าใจผิด แต่เธอยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทำให้รู้สึกอัดอั้นและเสียใจอย่างมากตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด และน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา"พวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? แม่ฟังไม่เข
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน
"อ๊า!"จางเมิ่งเสวี่ยร้องเสียงหลง พร้อมกับผลักโจวหยุนหลงออกจากตัวอย่างแรง ชายแก่รีบลุกขึ้นจากตัวเธอทันที พร้อมดึงกางเกงขึ้นและมองไปที่ห่าวเหมย ซึ่งโกรธจนบุกเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตะลึง ก่อนถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก“หะ...ห่าวเหมย คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” “โจวหยุนหลง! แกมันเลวจริงๆ กล้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะจัดการแกกับอีผู้หญิงชั่วๆ นี่ยังไง!” เธอตะโกนด่าเสียงเข้มพูดจบเธอก็ตรงเข้ามาตบหน้าโจวหยุนหลงไปสองทีอย่างแรงจางเมิ่งเสวี่ยพอเห็นว่าโจวหยุนหลงเข้ามาขวางห่าวเหมยไว้ เธอจึงตั้งสติรีบใส่ชุดชั้นในแล้วดึงกระโปรงลง ทันใดนั้นเองก็เห็นหลิงหยางกำลังถ่ายรูปพวกเธออยู่ ด้านหลังของหลิงหยางมีซ่งเชี่ยน ซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ หยางตัน และหลี่น่า ทำให้จางเมิ่งเสวี่ยอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าแค่หลิงหยางกับซ่งเชี่ยนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังพอเข้าใจได้ ว่าพวกเขาอาจตามเธอมา และเป็นคนโทรศัพท์บอกห่าวเหมย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ คนที่เคยอยู่ข้างเธออย่างซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ และหลี่น่า รวมถึงหยางตันที่สนิทกับซ่งเชี่ยนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธออับอายขายหน้ามาก และคิดว่าซ่งเชี
คืนนี้ห่าวเหมยทำเหมือนทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะชาขึ้นแล้วดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เข้าใจผิดว่าเป็นสายรบกวนจึงกดตัดสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงกดรับสายเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ "คุณเป็นภรรยาของโจวหยุนหลงใช่ไหม?""คุณเป็นใคร?" ห่าวเหมยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือสามีของคุณตอนนี้ อยู่ที่สำนักงานหลานเทียน และกำลังมีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท""อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่โจวหยุนหลงดูเหม่อลอยบ่อยๆ เพราะเขาไปยุ่งกับผู้หญิงในบริษัทนี่เอง!" ห่าวเหมยตกใจ และเชื่อสนิทใจเพราะพักหลังมานี้สามีทำตัวแปลกไป"เขามีคำพูดว่า 'จับโจรต้องจับของกลาง จับชู้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา' ถ้าคุณอยากจับพวกเขาให้ได้ คุณควรรีบมาที่นี่!" ไม่ทันให้ห่าวเหมยพูดอะไร ปลายสายก็วางสายไปแล้วจึงตั้งใจจะโทรหาสามีเพื่อถามยืนยันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เขารู้ตัวเลยเปลี่ยนใจ เธอจึงถอดชุดนอนออก เปลี่ยนเสื้อผ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากโจวหยุนหลง จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่จะรู้เรื่อง ที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายชราผู้นี้ จึงไม่กล้ารับสายและรีบตัดสายทิ้งทันทีจ้าวชิงหย่าถามอย่างสงสัย "เมิ่งเอ๋อร์ทำไมไม่รับสายล่ะ?""เป็นเบอร์รบกวน ไม่มีความจำเป็นต้องรับค่ะ" ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป"ฉันเห็นว่าชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อคุณโจวนี่ เขาไม่ใช่เจ้านายของเธอหรอกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าเป็นคนหูตาไว มองปราดเดียวก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่าใครโทรมา ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงโกหก"ฉัน..." จางเมิ่งเสวี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอหยุดคิดคำพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ "ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ฉันไม่อยากรับสายจากบริษัท""แล้วถ้าเขาโทรมาสอบถามเรื่องการลักพาตัวซ่งเชี่ยนล่ะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆ อย่างไรเสียซ่งเชี่ยนก็เป็นคนในบริษัทเหมือนกัน กลัวว่าเรื่องไปถึงหูคุณโจวแล้ว เรื่องของเรื่องคือกังวลว่าลูกสาวจะเดือดร้อน"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "เขาไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง และอีกอย่างซ่งเชี่ยนก็ถูกช่วยออกมาแล้ว เขาจะโทรมาหาฉันเรื่องนี้ทำไม แม่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ" พยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ถึงโจวหยุนหลงจะรู้อย่