เช้าวันต่อมา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามากระทบเปลือกตาของนับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ด้วยอาการไม่สดชื่นเลยสักนิด "อ่า ปวดหัวชะมัด" เธอครวญครางออกมาเบา ๆ พลางยกมือขึ้นนวดขมับเพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมา คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นเพดานตรงหน้ามันไม่ใช่ที่คอนโด หรือที่บ้านของเธอแต่เป็นคอนโดของเพื่อนสาวคนสนิท แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเมื่อคืนเธอเมาจนแทบจำอะไรไม่ได้เลย บ้าจริง "ไง ตื่นแล้วเหรอแม่สาวขี้เมา" เสียงทักทายที่ฟังดูคุ้นหูทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองเพื่อนสาวที่ถือแก้วน้ำขิงเข้ามาเชิงตั้งคำถาม "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะส้ม" "นี่แกเมาจนจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ" ส้มกลอกตามองหน้าเพื่อนสาวอย่างนับดาวด้วยความอ่อนใจพลางยื่นแก้วน้ำขิงอุ่น ๆ ให้ เธอละเชื่อเลยจริง ๆ "ก็แกเป็นคนโทรเรียกฉันให้ไปรับเองจำไม่ได้เหรอ" "ฮึ..จำไม่ได้อ่ะ" นับดาวส่ายหน้าปฏิเสธหงิก ๆ ขณะที่ในสมองก็พยายามทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน "ตอนฉันไปถึงแกก็นั่งคออ่อนคอพับอยู่บนพื้นข้างรถตัวเองแล้ว แค่นั้นไม่พอนะเมื่อคืนแกอาละวาทลั่นห้องเลยเพราะโดนยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปจนฉันต้องโทรตามให้ไอ้แบงค์มาช่วย" ส้มอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของเพื่อนสาว "โดนยาปลุกเซ็กซ์งั้นเหรอ" คำบอกเล่าของเพื่อนสาวทำนับดาวยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปอีก พยายามหลับตานึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนสุดฤทธิ์ ก่อนภาพเหตุการณ์จะฉายขึ้นในสมองเป็นฉาก ๆ เริ่มปะติดปะต่ออะไร ๆ ได้ "ไอ้เลวเอ้ย! อย่าให้เจออีกนะ" เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อพอจะเดาออกว่าคนที่วางยาปลุกเซ็กซ์เป็นใคร และยิ่งไปกว่านั้นคือใครอีกคนที่เธอจำได้ลาง ๆ ว่าเสียจูบแรกให้ เริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าเธอจูบกับเขาจริง ๆ เมื่อยกมือขึ้นสัมผัสบนกลีบปาก แล้วพบว่ามีรอยแผล เธอเลื่อนมือขึ้นตบหน้าผากดังแปะให้ตายเถอะนี่เธอทำอะไรลงไป "เป็นอะไรของแกนับดาว" ส้มมองหน้าถามเพื่อนสาวอย่างงุนงง ๆ ที่จู่ ๆ ก็ตีหน้าผากตัวเองพร้อมกับโอดครวญออกมาราวกับเด็กโดนขัดใจ "นึกออกแล้วเหรอว่าใครวางยา" "อือ..คงเป็นผู้ชายที่ตามตื้อฉันเมื่อคืน" "ผู้ชายแบบนี้มันน่านัก" ส้มนึกโกรธแทนเพื่อนสาวยิ่งนัก "ใช่" นับดาวเอ่ยเสริมเบา ๆ ก่อนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หวนนึกถึงมารดาเพราะพิษของความรัก เพราะบิดาที่มักมากไม่รู้จักพอทำให้ท่านต้องจากไป ทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กขาดแม่ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ เรื่องราวของมารดาทำให้เธอเจ็บปวด เกลียดความรัก ขยาดผู้ชายจนถึงทุกวันนี้เพราะผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เลว เจ้าชู้ เห็นแก่ตัว "แกเป็นอะไรรึเปล่า" เสียงของส้มดังทบโสตประสาททำให้เธอหลุดจากห้วงความคิด ดึงสายตากลับมามองหน้าเพื่อนสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม "เปล่าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ" "มีอะไรก็ระบายกับฉันได้นะ" "หากวันไหนไม่ไหวฉันจะร้องไห้ใส่แกเป็นคนแรกเลย" นับดาวตอบติดตลก ทว่าแววตากลับมองเพื่อนสาวอย่างลึกซึ้ง ส้มเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเธอเลย และยังควบด้วยตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวอีก เวลาเธอมีปัญหา หรือมีเรื่องทุกข์ใจก็มีแต่ส้มกับเพื่อนชายอย่างแบงค์อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเหลียวมองนาฬิกาบนหัวเตียง "เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย เร็วจัง" "เวลาเดินปกติ แต่แกอ่ะตื่นสาย" ส้มแซวเพื่อนสาวยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยต่อ "ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน ฉันรอแกตื่นจนหิวแล้วเนี่ย" "เค ๆ ขอเวลาสิบนาที" คนโดนบ่นระบายยิ้มแหย่ ๆ ว่าจบก็กระโดดลงจากเตียงจัดการกับตัวเองอย่างไว@ร้านอาหาร ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงทั้งสองสาวก็มานั่งในร้านอาหารชื่อดังเป็นที่เรียบร้อย "เอ๊ะ! นั่นพี่นุชกับคู่หมั้นใช่ไหม" ส้มเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินควงกันเข้ามาในร้านทำให้นับดาวที่ก้มหน้าทานข้าวต้องเงยหน้ามองตามคำบอกกล่าวเป็นนีรนุชกับคู่หมั้นจริง ๆ เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่วินาทีที่สบสายตากับชายหนุ่มที่เพิ่งจูบด้วยเมื่อคืน ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต่อทำเหมือนไม่เห็นทั้งสอง ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินมาหยุดที่โต๊ะเธอ "น้องดาว" นีรนุชเอ่ยทักน้องสาวต่างมารดาด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม นับดาวได้ยินแต่ทำเหมือนทั้งสองเป็นอากาศยังคงก้มหน้าทานข้าวต่อ นีรนุชถึงกับหน้าเจื่อนที่ถูกน้องสาวเมินใส่ แต่ยังคงไม่ละความพยายามชวนคุยต่อ เธออยากสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนับดาวถึงยังไงก็เป็นพี่น้องกัน "ขอพี่กับพี่ภัทรนั่งด้วยได้ไหมคะ" "..." "ยัยนับดาว แกพูดอะไรหน่อยสิ" ส้มยื่นมือไปสะกิดไหล่เพื่อนสาวที่นั่งก้มหน้าทานข้าวไม่สนไม่แคร์อะไรหยิก ๆ พร้อมกระซิบกระซาบเบา ๆ เพราะแอบรู้สึกเห็นใจนีรนุชเหมือนกัน ที่ผ่านมาเธอไม่เห็นว่านีรนุชจะร้ายกับเพื่อนสาวตรงไหนเลยมีแต่จะพยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดีด้วย "แกรีบ ๆ กินเถอะ จะได้รีบกลับแถวนี้อากาศไม่ค่อยปลอดโปร่งเท่าไรเลย" นับดาวเลือกจะไม่สนใจคำพูดเพื่อนสาวเฉไฉไปเรื่องอื่นแแทน โดยไม่ลืมจะกระแหนะกระแหนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยเพราะสำหรับเธอแล้วคนทั้งสองเหมือนอากาศมลพิษที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต นีรนุชถึงกับสะอึก หน้าเจื่อน แววตาเศร้าหมองลงฉับพลันกับคำพูดจากระแหนะกระแหนของน้องสาว ถึงแม้จะไม่พูดตรง ๆ เธอก็พอตีความหมายได้ แต่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นเธอก็รีบปรับสีหน้าแววตาให้เป็นปกติเพราะไม่ต้องการให้แฟนหนุ่มอย่างติณณภัทรพลอยไม่รู้สึกดีไปด้วยจึงรีบขอแยกตัว "งั้นพี่ไม่กวนน้องดาวกับน้องส้มแล้วจ้ะ ทานให้อร่อยนะ" ว่าจบก็ควงแขนแฟนหนุ่มเดินไปนั่งอีกโต๊ะ "น้องสาวนุชนี่เกินเยียวยาจริง ๆ นะ ทำไมนุชต้องยอมเธอตลอดด้วย" ติณณภัทรมองหน้าถามคู่หมั้นสาวอย่างไม่เข้าใจหลังจากหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้แล้ว เขาเป็นเพื่อนกับนุชมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งจนเลื่อนสถานะมาเป็นคู่หมั้น รู้จักกันมาสิบสองปีแล้ว ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่นุชจะแสดงกิริยาไม่ดี หรือร้ายกับน้องสาวต่างมารดาอย่างนับดาว มีแต่รัก และเอ็นดูอะไร ๆ ก็ยอมก็ออกหน้ารับแทนตลอด ขณะที่นับดาวไม่เคยเห็นเธอเป็นพี่สาวเลยมีแต่รังแกทั้งทางวาจา และการกระทำ ยิ่งเจอเหตุการณ์เมื่อคืนเขาก็ยิ่งมองนับดาวเลวร้ายลงไปทุกที "นุชเข้าใจน้องไงคะ และหวังว่าสักวันน้องจะมองเห็นความจริงใจ ความรักที่นุชมีให้ ครอบครัวเราจะได้มีความสุขจริง ๆ สักที นุชสงสารพ่อมากเลยค่ะ" นีรนุชอธิบายให้คู่หมั้นหนุ่มฟังอย่างใจเย็น ทว่าติณณภัทรกลับเค้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ นึกเอ็นดูในความแสนดีของคู่หมั้น แต่ก็นึกขันในเวลาเดียวกันรอให้ฟ้าถล่มลงมาเขาก็มั่นใจว่านับดาวไม่มีทางมองเห็น"จะแสนดีไปถึงไหนฮึ" ติณณภัทรอดกระแหนะกระแหนคู่หมั้นสาวไม่ได้พร้อมกับยื่นมือไปยีหัวเธอเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ ทำเอาอีกคนถึงกับหน้างอ พูดดุเจ้าของการกระทำเสียงเขียวเพราะกลัวผมเสียทรง "อย่าเล่น ผมนุชเสียทรงหมดแล้วภัทร""อะ ๆ จัดให้ใหม่ก็ได้" แทนที่คนถูกดุจะสำนึกกลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่มือก็ยอมเปลี่ยนเป็นลูบลงบนเรือนผมดกดำแทนเพื่อจัดแต่งทรงผมของเธอให้เหมือนเดิม นั่นจึงทำให้นีรนุชยิ้มได้ ภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างน่ารักมีสายตาของส้มที่นั่งหันหน้าไปทางคนทั้งสองมองอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกอิจฉาตาร้อนจนต้องระบายกับเพื่อนสาว"พี่นุชกับคู่หมั้นคงรักกันมากเนาะ ดูสิสวีทกันไม่เกรงใจคนในร้านเลย อยากมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้างจัง""อยากมีก็รีบหาแฟนสิ อย่ามัวแต่บ่นอยู่" นับดาวตอบแบบขอไปทีโดยไม่คิดจะหันไปมองให้เสียลูกตา แต่ใครจะรู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉา หรืออยากมีโมเม้นท์แบบนั้นสักนิด ตรงข้ามกันเธอเกลียดที่นีรนุชมีความสุขกำลังจะได้แต่งงานกับคนที่รักในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ที่เธอเกลียดยิ่งกว่าคือนิ่มแม่เลี้ยงใจมารที่ดูจะมีความสุขจนออกนอกหน้ากับการได้ลูกเขยรวย และโปร์ไฟล์เพรียบพ
2 วันต่อมางานเลี้ยงวันเกิดของนีรนุชถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บริเวณลานหญ้าหน้าบ้าน เชิญแค่คนสนิทเท่านั้น มีเพื่อนของนีรนุชกับติณณภัทรซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และญาติ ๆ เพียงไม่กี่คนบรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างครึกครื้น ทุกคนดูจะแฮปปี้สุด ทว่าคงจะมีแต่นับดาวที่ไร้อารมณ์นั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่คนเดียว หากไม่ติดว่าคืนนี้มีอะไรบางอย่างต้องทำเธอไม่มีวันเสนอหน้าอยู่ในงานแน่เธอจ้องมองไปยังนีรนุชที่กำลังยืนหัวเราะต่อกระซิกกับคู่หมั้นด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนกดเสียงพูดในลำคออย่างมีแผนร้าย "มีความสุขกันให้พอนะ เพราะพรุ่งนี้เธอกับแม่อาจต้องผิดหวังนีรนุช"ครืดดด~เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นนับดาวจึงละสายตาจากคนทั้งสอง หยิบโทรศัพท์บนตักขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของคนที่รอคอยจึงลุกเดินออกไปรับสายในที่ลับตาคน(ฉันอยู่หน้าบ้านคุณแล้วนะคะ)"คุณเปิดประตูเล็กแล้วเดินเข้ามาได้เลยค่ะ ฉันจะรอรับอยู่หน้าบ้าน"(ค่ะ ๆ)นับดาวเผยรอยยิ้มร้ายออกมาหลังจากวางสาย ก่อนจะเดินอ้อมสนามหญ้าออกไปยืนรอรับใครบางคนที่กำลังมาถึงหน้าบ้าน ยืนรอไม่ถึงเสี้ยวนาทีหญิงสาวหน้าตาน่ารักก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ แล้วกล่าวทักท
วันต่อมา"กรี๊ดด!"เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณบ้านทำให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของติณณภัทรกับนีรนุช ทนงศักดิ์ นิ่ม อุงอิง และแม่บ้านต่างพากันตกใจ รีบวิ่งไปดูทางต้นเสียงก็พบว่าเป็นนีรนุชที่กำลังยืนเนื้อตัวสั่นเทา ร้องไห้ออกมาจนตัวโยนหน้าห้องนอนแขก"เกิดอะไรขึ้นลูกนุช" นิ่มรีบวิ่งเข้าไปกอดบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ทว่าเธอก็ต้องตาเบิกกว้างอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคู่หนุ่มสาวที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องท่าทางของนิ่มทำให้ทุกคนต่างสงสัยจนต้องรีบไปดู พอได้เห็นก็มีปฎิกิริยาไม่ต่างจากนิ่มเลย โดยเฉพาะทนงศักดิ์ที่โกรธจนหน้าสั่นกับภาพบุตรสาวคนเล็กนอนที่นอนร่วมเตียงกับคู่หมั้นของพี่สาวในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มคลุมไว้ถึงหน้าอก รีบปรี่เข้าไปเขย่าตัวตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นด้วยความโมโหสุดขีด "นับดาวลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ ลุกขึ้นมาไอ้ลูกไม่รักดี""อื้อ! คนจะนอน" เสียงรบกวนที่ดังทบโสตประสาทบวกแรงเขย่าทำให้นับดาวที่กำลังนอนหลับอย่างสบายหงุดหงิดไม่น้อย เธอค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้อยากจะนอนต่อแค่ไหนก็ตามเพราะรู้สึกปวดหัว และเนื้อตัวมาก ๆ ราวกับถูกสิบล้อเหย
บรรยากาศภายในห้องโถงเป็นไปอย่างตึงเครียด มีทนงศักดิ์นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่ นีรนุชยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุดโดยมีผู้เป็นแม่ปลอบประโลมไม่ห่าง ส่วนคนอื่นทนงศักดิ์ให้กลับกันไปหมดแล้วเพราะต้องการเคลียร์กันแค่คนในครอบครัว"ผมขอโทษคุณลุง คุณน้า และน้องนุชด้วยนะครับ " ติณณภัทรเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าคนทั้งสาม ก่อนยกมือไหว้ขอโทษด้วยความรู้สึกผิด และยืดอกรับอย่างลูกผู้ชายไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม "ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งสิ้นครับ""ภะ..ภัทรทำแบบนี้กับนุชได้ยังไงคะ" นีรนุชเอ่ยออกมาทั้งน้ำตานองหน้า จ้องมองผู้ชายที่เธอแอบรักมาเนินนานด้วยแววตาผิดหวัง เธอผิดหวังและเสียใจมากจริง ๆ "ภัทรขอโทษนุช ภัทรขอโทษ" ภาพนีรนุชสะอื้นไห้ทำเอาติณณภัทรถึงกับเอ่ยอะไรไม่ออกมีเพียงเสียงขอโทษแผ่วเบาที่ดังซ้ำ ๆ ต่อให้เขาอธิบายอะไรไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา หนำซ้ำคงจะทำให้ทนงศักดิ์ผู้ใหญ่ที่เขาเคารพรักดั่งพ่อรู้สึกแย่หนักกว่าเดิมจนโรคหัวใจอาจกำเริบได้หากเขาบอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะโดนนับดาววางยาปลุกเซ็กซ์ และถ้าเป็นแบบนั้นนีรนุชคงยิ่งแย่"น้าไม่คิดเลยว่าภัทรจะทำแบบนี้ น้าผิดหวังมากจริง ๆ" นิ่มตัดพ้อเด็กหนุ่มด้ว
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ" นับดาวพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในสมองหลังจากก้าวขึ้นมานับบนรถแล้ว อารมณ์หมองมนในทันตา ใบหน้าสวยฉายแววอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจนเธอรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ กับการต้องปั้นหน้าเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนทั้งที่ในใจมันไม่ใช่เลยจนถึงตอนนี้ยังคงมีคำถามมากมายติดค้างอยู่ในใจว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมทุกอย่างถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอุงอิงเพื่อสอบถามเหตุการณ์เมื่อคืน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(สวัสดีค่ะคุณนับดาว)"ค่ะ ฉันจะโทรมาถามเรื่องเมื่อคืนหน่อยค่ะ"(ค่ะ ฉันก็ว่าจะโทรหาคุณอยู่พอดีเลย)"เมื่อคืนคุณจำอะไรได้บางไหมคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างมันถึงผิดแผนไปหมด ส่วนฉันจำได้แค่ว่านั่งดื่มกับคุณอยู่จากนั้นภาพก็ตัดไปเลย"(ฉันก็เหมือนกันค่ะภาพสุดท้ายที่จำได้คือนั่งดื่มอยู่กับคุณ แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่ในห้องที่บ้านคุณแล้ว ฉันถามออยแม่บ้านของคุณแล้วเธอก็บอกว่าเหมือนกัน เป็นไปได้ไหมคะว่าพวกเราจะเผลอดื่มแก้วที่มียานอนหลับเขาไปด้ว
@บ้านอัครกุลติณณภัทรทิ้งเตียงตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่ม หลับตาลงด้วยอาการหนักอึ้งในสมองเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องในวันนี้ นี่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างนับดาวจริงหรือแค่คิดก็หนักใจตั้งไว้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ไหนจะนีรนุชที่ยังไม่ได้คุยกันสักนิด เธอคงโกรธและเกลียดเขามากขนาดเขาขอคุยกับเธอก่อนกลับเธอยังปฏิเสธแล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไป ไหนจะพ่อกับแม่ตัวเองอีกไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเขาบอกเรื่องนี้ไป ที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ก็ดูจะไม่ชอบนับดาวอย่างชัดเจน ส่วนผู้เป็นพ่อเขาเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าท่านคิดยังไง"แม่ง! เพราะเธอคนเดียวนับดาว" เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเขาดีดตัวลุกลงจากเตียงถอดเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำหวังให้น้ำช่วยบรรเทาอารมณ์คุกรุ่นในร่างกายให้เย็นลง ทว่าเหมือนน้ำเย็น ๆ จะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะภาพความร้ายกาจของหญิงสาวยังคงวนเวียนในสมองเขาไม่เลิก"บ้าชะมัด!" เขาสบถออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดฝักบัว เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเดินออกไปแต่งตัวก็อก! ก็อก!ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเขาจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดประตู"มันเกิดอ
วันต่อมานับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง"ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ" ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก"แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่ง
@คอนโดนับดาวนับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย(เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร)ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"(โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ