คนหนึ่งไม่ศรัทธาในความรัก อีกคนก็รักอิสระไม่อยากมีครอบครัว แต่พอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกำแพงที่ทั้งสองคนตั้งไว้ก็ค่อยๆ พังลง รู้ตัวอีกจากเพื่อนก็กลายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
View Moreกว่าคู่บ่าวสาวจะตื่นนอนก็เกือบจะเที่ยงของอีกวัน เพราะทั้งสองเพลียจากงานแต่งอีกทั้งเมื่อคืนก็ใช้เวลาเข้าหอกันอย่างคุ้มค่าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่คิดเลยว่าการรอคอยของตนมันจะทำให้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนเลย แม้มนสิชาจะมีเขาเป็นคนแรกแต่ร่างกายของเธอก็ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณได้ในแบบที่เขาคิดไม่ถึง เธอเร่าร้อนและมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาในทุกท่วงท่า พ่อเลี้ยงไม่เคยมีความสุขมากมายแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยร่วมรักกับใครอย่างยาวนานอย่างนี้เลย แม้จะสุขสมไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงเรียกร้องอยู่อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่เห็นว่ามนสิชาแทบจะหมดแรงในครั้งสุดท้ายพ่อเลี้ยงหนุ่มก็คงไม่ยอมหยุดเขาก้มหน้ามองเจ้าสาวของตนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนแผงอกข้างซ้ายแล้วยิ้มกว้าง เมื่อคิดว่าในทุกๆ วันตนเองจะตื่นนอนมาแล้วเห็นมนสิชากอดอยู่อย่างนี้เมื่อวานมีเพื่อนของเธอบางคนบอกว่าอิจฉามนสิชาที่ได้สามีทั้งหล่อทั้งรวยแต่เขากลับคิดว่าคนที่น่าอิจฉาน่าจะเป็นเขามากกว่าเพราะได้ภรรยาที่ทั้งสวย ทำงานเก่งอีกทั้งเรื่องบนเตียงก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย“ตื่นแล้วเหรอ”“กี่โมงแล้วคะ เราจะกลับบ้านกันตอนไหน” มนสิชาเงยหน้าขึ้นมองพ่อเลี้ย
พ่อเลี้ยงหนุ่มขยับเข้าใกล้คนรักสองมือประคองใบหน้าสวยเข้ามาใกล้ๆ สายตาสบประสานบอกถึงความต้องการจากส่วนลึกก่อนจะโน้มใบหน้าลงประกบปากหยักได้รูปเข้ากับปากบางสีสวยมนสิชาเปิดปากยอมให้เขาเข้ามากวาดต้อนน้ำหวานในโพรงปากยังไม่ขัดขืน การจูบของพ่อเลี้ยงครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนมากมันทั้งเร่าร้อนและเรียกร้องจนคนที่คิดว่ารับมือไหวอย่างมนสิชาสั่นจนทำอะไรแทบไม่ถูก หญิงสาวรู้สึกว่าเขากำลังจะสูบเอาวิญญาณออกจากร่างของเธอเธอประท้วงเมื่อรู้สึกว่าเขารุกหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อเลี้ยงหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนปล่อยปากบางให้เป็นอิสระเขากดจูบไล่ต่ำลงมาตามซอกคอหอมกรุ่นสูดดมความหอมจากกายสาวที่เขาเคยจินตนาการถึง“เราจะทำกันจริงๆ เหรอคะพ่อเลี้ยง”“มาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีอะไรหยุดพี่ได้หรอกนะน้ำปิง คืนนี้เป็นคืนเข้าหอพี่ไม่อยากพลาด”ชายหนุ่มพูดจบก็ค่อยๆ ดันร่างคนรักให้นอนลงบนเตียงขณะที่เขาก็ขึ้นคร่อมสองมือใหญ่ถอดชุดนอนวาบหวิวที่มารดาเป็นคนจัดให้อีกทั้งชั้นในตัวบางลายลูกไม้ตัวก็ถูกออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนซึ่งเขาเคยจินตนาการถึงมานับครั้งไม่ถ้วน“สวยมาก สวยที่สุด”“พ่อเลี้ยงจะไม่ปิดไฟหน่อยเหรอคะ”เขายิ้มเพราะ
แม่เลี้ยงบุปผากลับมาจากฮ่องกงก็ดีใจมากที่ได้รับข่าวดีจากลูกชาย เธอรีบจัดการหาฤกษ์ที่ดีที่สุดให้กับทั้งสองคน ซึ่งมีเวลาเตรียมตัวเพียงสองเดือนเท่านั้นงานแต่งงานของพ่อเลี้ยงทิศเหนือและมนสิชาถูกจัดขึ้นที่บ้านในช่วงเช้าซึ่งมีแขกมาร่วมงานไม่มากส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเลี้ยงทิศเหนือและแม่เลี้ยงบุปผา ส่วนเพื่อนของมนสิชาก็มีวาริสาและเพื่อนสมัยมัธยมอีกหลายคนอีกทั้งลุงคำอินและเพื่อนเก่าของยายก็พากันมาร่วมงานในช่วงเช้าด้วย มันเลยทำให้มนสิชารู้สึกอบอุ่นมาก บรรยากาศงานแต่งงานเลยเต็มไปด้วยความสุข หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข มันเป็นความสุขที่เธอไม่คิดว่าจะได้รับหลังจากที่ตนเองเสียยายไปเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อนแม้งานแต่งจะถูกจัดขึ้นอย่างกระชั้นชิดแต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในโรงแรมใหญ่กลางใจเมือง แขกที่มาร่วมงานต่างพากันแสดงความยินดีกับพ่อเลี้ยงทิศเหนือซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นยิ้มหน้าบานเพราะใครๆ ต่างก็พากันชมเจ้าสาวของเขาว่าสวยมากและต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก อีกคนที่ยิ้มไม่หุบก็คือแม่เลี้ยงบุปผาเพราะเธอรักลูกสะใภ้คนนี้รา
พ่อเลี้ยงทิศเหลือและมนสิชามาดูบ้านไม้สักที่เจ้าของประกาศขาย ทั้งสองใช้เวลาตรวจและประเมินราคาไม่นานเจ้าของบ้านก็ตกลงจะขายให้โดยทำสัญญาและรับเงินมัดจำพร้อมทั้งกำหนดวันรื้อถอนในอีกสามวันข้างหน้า “เพราะคุณให้ราคาสูงกว่าคนอื่นใช่ไหมคะ ชาวบ้านถึงชอบติดต่อให้คุณมาซื้อ” มนสิชาถามหลังจากที่ทั้งสองออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ไม่นาน“ผมให้ราคาตามสมควรครับ แต่สำหรับคนอื่นบางครั้งเขาต้องซื้อแล้วเอาไปขายต่ออีกทีก็เลยอาจจะกดราคาหน่อย” “แล้วไม้ที่คุณซื้อไปมันเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ได้ทุกชิ้นไหม” “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่ามันยังได้กำไรอยู่ ผมโชคดีที่มีช่างที่เก่ง พวกเขาเลยใช้ประโยชน์จากไม้ที่ซื้อไปได้ดี” พ่อเลี้ยงอธิบายเพิ่ม เขาอยากให้มนสิชาเรียนรู้งานจากเขาให้ได้มากที่สุดเพราะในอนาคตเธอก็จะกลายเป็นคนในครอบครัวของเขา“งานเสร็จแล้วเราจะกลับกันเลยไหมคะ” “เดี๋ยวเราหาอะไรกินก่อนแล้วผมว่าจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนพ่อสักหน่อย คุณไม่รีบกลับใช่ไหม” “ไม่ค่ะ” พ่อเลี้ยงทิศเหนือพามนสิชามายังบ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางสวนส้มกว้างสุดลูกหูลูกตา“ลมอะไรหอมมาหาลุงถึงที่นี่ล่ะเหนือ” ชายสูงวัยทักทายเมื่
“คุณคิดว่าแม่เลี้ยงจะเห็นด้วยกับเราสองคนเหรอคะ”“คุณกลัวเรื่องนี้เหรอน้ำปิง”“ค่ะ ฉันรักและเคารพแม่เลี้ยงเหมือนแม่และฉันคงไม่กล้าขัดใจท่าน แค่ที่ฉันรู้สึกกับคุณฉันก็รู้สึกผิดต่อท่านมากแล้ว ท่านอุตส่าห์มีเมตตากับฉัน แต่ฉันกลับคิดเกินเลยกับลูกชายของท่าน”“คุณคงเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงแม่ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”“เขาพูดว่ายังไง”“เท่าที่ได้ยินมาคือเขาบอกว่าแม่คุณเป็นคนที่หวงลูกชายมาก”“แม่ผมไม่ได้หวงหรอกครับแม่ก็แค่ห่วงเท่านั้นเอง”“ห่วงเหรอคะ คุณโตขนาดนี้แล้วมีอะไรต้องห่วงกันล่ะคะ”“แต่ในสายตาของคนเป็นแม่ยังไงก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคบใครนะ แต่ผู้หญิงแต่ละคนที่เข้ามาในชีวิตผมในชีวิตผมเขาไม่ได้จริงใจกับผมสักเท่าไหร่”“หมายถึงพวกเธอหวังแต่เรื่องเงินใช่ไหมคะ” มนสิชารู้ว่าพ่อเลี้ยงนั้นรวยมากและคิดว่าผู้หญิงที่เข้าหาคงหวังจะสุขสบาย“มันก็ไม่ทุกคนหรอกครับ บางคนเขาก็ไม่สนใจเรื่องฐานะหรือเงินทอง เพียงแต่บางครั้งอะไรหลายๆ อย่างมันไปด้วยกันไม่ได้ คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าผมทำแต่งานบางคนเขาก็ไม่ชอบ”“ถ้าคุณรักใครจริงๆ คุณจะยอมปรับปรุงตัวเพื่อเขาโดยไม่รู้สึกอึดอัด แต่ถ้าใจมันบอกว่าไม่ใช่ เวลา
ตลอดบ่ายของวันนี้พ่อเลี้ยงทิศเหนือและมนสิชาทำตัวราวกับเป็นคู่รักที่มาออกเดต พวกเขาเดินซื้อของด้วยกันเสร็จก็ดูหลังกันต่อ ก่อนจะพากันมาทานอาหารเย็นที่ร้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง“อาหารร้านนี้อร่อยมากค่ะ พ่อเลี้ยงนึกยังไงถึงพาฉันมากินสเต๊กล่ะคะ” “ผมเห็นคุณทานแต่อาหารไทยมานานก็เลยคิดว่าคุณน่าจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ร้านนี้เจ้าของเป็นคนฝรั่งเศสนะ แต่ที่ทำให้เราน่าจะเป็นรุ่นลูก” “พ่อเลี้ยงมากินบ่อยเหรอคะ” “แต่ก่อนมาบ่อยครับ แต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้มาเพราะแม่มีร้านประจำอีกร้านที่เป็นเพื่อนของแม่ ผมเลยต้องเปลี่ยนร้านตามใจท่าน” แม้ชอบรสชาติอาหารร้านนี้มากแค่ไหนแต่เขาก็ยอมทำตามใจมารดา“ดูเหมือนว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยขัดใจแม่เลยนะคะ” “ใช่ครับ เราเหลือกันแค่สองคนอะไรที่ทำให้ท่านสบายใจผมก็ยินดีทำ” “คุณจะทำตามท่านทุกอย่างเลยไหมคะ” มนสิชาถามเพราะถ้าเกิดว่าวันหนึ่งมารดาของเขาจะหาผู้หญิงมาให้เพราะเคยได้ยินแม่เลี้ยงบุปผาเปรยว่ายังไงปีนี้ลูกชายของแม่เลี้ยงจะต้องมีข่าวดีเรื่องคู่ครอง ซึ่งถ้าพ่อเลี้ยงตามใจมารดาขนาดนั้นมนสิชาก็คงไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป“ผมทำตามที่ท่านบอก ถ้านั่นมีเหตุผลพอครับ” พอได้ยินแ
มื้อเที่ยงของวันนี้นอกจากแม่เลี้ยงบุปผาแล้วที่บ้านของเธอยังมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกซึ่งแม่เลี้ยงแนะนำว่าเธอเป็นลูกสาวของเพื่อนซึ่งวันนี้แวะมาหาพอดี“ที่คุณป้าบอกว่ามีลูกสาวคนใหม่ ภัทรก็นึกว่ายังเป็นเด็ก อีกนะคะ แบบนี้ไม่กลัวคนเข้าใจผิดเหรอคะ” “เข้าใจผิดยังไงล่ะภัทร” พ่อเลี้ยงถามณภัทราหญิงสาวที่เคยตามตื๊อเขาอยู่หลายครั้งแต่เขาไม่เล่นด้วยและวันนี้ตนเองก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นเธอมาที่นี่“ก็พ่อเลี้ยงยังโสดคนอื่นเขาอาจจะเข้าใจผิดเอาได้นะคะว่าพ่อเลี้ยงกับน้ำปิงอาจจะกำลังคบกัน” “ถึงคนอื่นจะเข้าใจผิดมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมนี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณเลยนะ” “พ่อเลี้ยงไม่กลัวคนอื่นเข้าใจผิดเหรอคะ ทั้งไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดแล้วยังให้เธอมาค้างที่บ้านด้วย” “ผมยังโสดนี่ ไม่เห็นจะต้องกลัวใครเข้าใจผิดเลย” “แต่ให้คนอื่นเข้าใจผิดบ้างก็ดีนะ สาวๆ จะได้เลิกยุ่งกับลูกชายแม่” “แล้วแบบนี้เมื่อไหร่คุณป้าจะได้ลูกสะใภ้ล่ะคะ” “ป้าว่าไม่น่าจะเกินปีนี้หรอกจ้ะ หมอดูท่านว่าปีนี้พ่อเลี้ยงจะเจอเนื้อคู่ วันมะรืนนี้ป้าก็จะไปไหว้พระขอพรให้ทิศเหนือได้เจอเนื้อคู่ด้วย” “จริงสิคะ ภทัรเกือบลืมเลยว่าเราจะได้ไปเ
พ่อเลี้ยงมารับมนสิชาที่บ้านของเธอตั้งแต่เช้าก่อนจะพาไปทานอาหารเช้าที่ร้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เขาสั่งกาแฟและครัวซองต์มาให้มนสิชากับตนเองคนละชิ้น“ผมชอบกินครัวซองต์ที่ร้านนี้มาก เขาทำสดใหม่ทุกวัน” “ถึงว่ากลิ่นหอมออกมาจากร้านเลยนะคะ พ่อเลี้ยงมากินบ่อยเหรอ” “ก็มากินเกือบทุกครั้งที่มาโรงงานครับ” รอไม่นานครัวซองต์หอมกรุ่นและกาแฟร้อนก็มาวางตรงหน้า มนสิชาชิมไปนิดก็รู้สึกว่ามันอร่อยอย่างที่เขาพูดจริง“ทั้งหอมทั้งอร่อยเลยค่ะ” “คุณชอบไหม” “ชอบค่ะ ฉันว่ามันอร่อยกว่าที่เคยกิน” “ถ้าคุณชอบเราก็มากินบ่อยๆ ก็ได้นะ หรือคุณจะถามสูตรเขาแล้วไปทำเองก็ได้” “ฉันไม่เสียมารยาทขนาดนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่เคยทำมาก่อนซื้อเขากินน่าจะง่ายกว่านะคะ” “เอาไว้เรามากินกันอีกก็ได้” “ปกติพ่อเลี้ยงเข้าโรงงานบ่อยไหมคะ” “ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สัปดาห์ละครั้งครับ” “ไม่ที่คุณซื้อเอามาทำเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเลยเหรอคะ” “ครับ แต่ก่อนผมใช้ไม้จากปางไม้ แต่ตอนนี้ไม่เริ่มไม่พอก็เลยหันไปซื้อไม้เก่าแบบนั้น” “คุณโกรธฉันไหมเรื่องบ้านของตาสัก” มนสิชาอยากถามเขาเรื่องนี้มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส“ไม่ครับ ผมดีใจด
“คุณว่าหมออาร์ตเป็นยังไงบ้าง” พ่อเลี้ยงทิศเหนือเอ่ยปากถามมนสิชาหลังจากที่ทั้งสองนั่งรถออกมาจากบริเวณบ้านได้ไม่นาน“คำถามกว้างไปค่ะ ขอแคบลงอีกนิดได้ไหมคะ” “ก็อย่างเช่นหน้าตา อาชีพนิสัยอะไรพวกนี้” “หน้าตาดีค่ะ ถือว่าหล่อเลยทีเดียวหน้าออกไปทางเกาหลีหน่อยๆ อาชีพก็ดีค่ะ แต่เรื่องนิสัยฉันตอบไม่ได้เพราะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่เท่าที่ดูก็คงไม่เลวร้ายอะไรหรอกนะคะ” มนสิชาตอบไปตามที่ตนเองเห็น“คุณชอบเขาไหม” “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะคะ” “ก็ผมอยากรู้เพราะดูเหมือนว่าเขาจะชอบคุณมากนะ” “ขอไม่ตอบได้ไหมคะ” “ตอบมาเถอะน่า ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอก คุณเองก็โสดมานานแล้ว ถ้าตอนนี้จะคบใครสักคนมันก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย” “พ่อเลี้ยงอยากจะรู้คำตอบไปทำไมล่ะคะ” “ก็เราเป็นเพื่อนกัน ทำงานด้วยกันนี่ครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับ” “นั้นสิคะเราเป็นเพื่อนกัน ฉันจะตอบคำถามของพ่อเลี้ยงก็ได้ค่ะ ฉันไม่ชอบหมออาร์ตเพราะฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” “อะไรนะน้ำปิง คุณมีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ เขาเป็นใคร ผมรู้จักไหม แล้วคุณกับเขาไปเจอกันตอนไหน” พ่อเลี้ยงถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไปไหนมาไหนกับมนสิชามาตลอดหลายเดือนแถมเธอยังมานอนที่บ้านของเข
ณ ผับแห่งหนึ่งกลางเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกามนสิชาสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มกำลังออกไปเต้นกับเพื่อนร่วมงานอย่างสนุกสนาน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้สนุกสุดเหวี่ยงแบบนี้เพราะเธอเพิ่งลาออกจากบริษัทและกำลังจะกลับประเทศไทยหญิงสาววัย 26 มาทำงานที่นี่ได้ 4 ปีแล้ว เธอเรียนจบการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศและได้เข้าทำงานเป็นเลขานุการของผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สาขาประเทศไทย พอถึงคราวที่เขาต้องย้ายกลับมาประจำที่สาขานิวยอร์กเขาเลยชวนเธอมาทำงานที่นี่ด้วย“แพทต้องคิดถึงมอลลี่มากแน่ๆ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดกับมนสิชาด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันระหว่างที่หญิงสาวเดินกลับเข้ามานั่งพักเหนื่อย“เอาไว้มอลลี่จะวิดีโอคอลมาหาบ่อยๆ นะ” เธอตอบด้วยภาษาเดียวกัน“แพทว่ามอลลี่น่าจะพาแกรนด์มาย้ายมาอยู่ที่นี่นะ”“มอลลี่ชวนตั้งหลายครั้งแล้วแต่ท่านไม่ยอมมา” มนสิชาเคยชวนยายของเธออยู่ด้วยกันที่นี่หลายครั้งแล้วแต่คุณยายก็ไม่ยอมมาอยู่ด้วย และที่มนสิชาต้องลาออกแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านก็เพราะคุณยายของเธอไม่ค่อยสบายและคนที่เธอจ้างให้ดูแลก็ทนกับความดื้อของยายเธอไม่ได้“แล้วกลับไปจะไปทำงานอะไรล่ะ สาขาที่...
Comments