นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
ขณะที่หญิงสาวนำลังจะหลับตา หลังจากทิ้งร่างบอบบางลงนอนบนเตียงนอนได้เพียงครู่สั้นๆ เสียงคล้ายกระจกแตกกระจายหรือคนกำลังทุบตีขว้างปาข้าวของอะไรสักอย่างก็ดังลั่นออกจากห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ทำให้คนเป็นน้องเมียซึ่งกำลังนอนอยู่ในห้องข้างๆ ต้องสะดุ้ง รีบลุกขึ้นจากเตียงตอน แล้วก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องด้วยความตกใจ
“พี่มาร์ค”
หญิงสาวเคาะประตู ทว่าเมื่อคนข้างในไม่เปิดรับหล่อนจึงตัดสินใจผลักบานประตูเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะว่าเจ้าของห้องไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้
สภาพที่เห็นทำให้หล่อนตกใจมาก โลหิตสีแดงฉานอาบอยู่ที่หลังมือของมาร์เซโล่ ร่องรอยแตกร้าวเป็นวงกว้างของบานกระจกข้างผนังใกล้กับตู้เสื้อผ้าเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ามาร์เซโล่ใช้กำปั้นชกกระจกจนเลือดแดงอาบหลังมืออย่างที่เห็น
“หยุดนะพี่มาร์ค”
หญิงสาวปรี่เข้าไปรั้งแขนของพี่เขยเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าว่าจะตะบันกำปั้นเข้าใส่กระจกอีกครั้ง ปกติหล่อนและผู้คนในบ้านเรียกชื่อมาเซร์โล่สั้นๆ ว่า ‘มาร์ค’ จนติดปาก
“ปล่อย... อย่ามายุ่งกับพี่”
เจ้าของบ้านพยายามสะบัดแขนข้างที่ถูกมือเรียวกอดเอาไว้แน่น เพื่อจะหยุดเขาน้ำตาลต้องใช้ทั้งตัวกอดแขนของมาร์เซโล่ เขาคงไม่รู้ว่าหล่อนต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งตัวเพื่อจะรั้งแขนกำยำของเขาไว้ได้ เพราะว่ามาร์เซโล่เป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ตัวใหญ่ยักษ์เหลือเกิน เมื่อเทียบกับสาวไทยรูปร่างบอบบางอย่างหล่อน
“จะทำร้ายตัวเองทำไมคะพี่มาร์ค... หยุดเถอะนะคะน้ำตาลขอร้อง”
น้ำตาลพยายามให้สติพี่เขย หล่อนรู้ว่าตลอดระยะเวลาสามเดียวหลังจากพี่สาวของหล่อนจากเขาไป มาร์เซโล่ก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ บางวันก็ซึมเศร้าแทบไม่เป็นอันกินอันนอน
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ที่เป็นคนซื้อรถใหม่ให้... พี่สาวเธอก็คงไม่ตาย”
เสียงของมาร์เซโล่ขมขื่นจนคนเป็นน้องเมียรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจเขา
พี่เขยคนนี้เอาแต่ลงโทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้ ‘น้ำผึ้ง’ ซึ่งเป็นภรรยาสุดที่รักของเขาและยังเป็นพี่สาวร่วมสายโลหิตของหล่อนต้องมาจบชีวิตเพราะอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด
“มันเป็นอุบัติเหตุนะคะพี่มาร์ค”
เมื่อเห็นว่าจะรั้งไม่อยู่ วงแขนน้อยๆ ของน้ำตาลจึงกอดร่างของเขาเอาไว้แน่น
หล่อนร้องไห้ พี่เขยก็ร้องไห้ สุดท้ายมาร์เซโล่ก็กอดร่างของน้ำตาลเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน แนบแน่นจนหญิงสาวรับรู้ได้ถึความอบอุ่นที่แผ่ลามออกมาจากเนื้อตัวกำยำของเขา กลิ่นสุราที่คละเคล้ากลิ่นกายของพี่เขยทำให้หัวใจของน้ำตาลเต้นแรง
กระทั่งเมื่อสติคืนกลับมา สำนึกในความเหมาะสมระหว่างความเป็น ‘พี่เขย’ กับ ‘น้องเมีย’ ซึ่งเป็น ‘ผู้หญิง’ กับ ‘ผู้ชาย’ ทำให้น้ำตาลเป็นฝ่ายขืนกายออกมาจากอ้อมอกของพี่เขยด้วยท่าทางเกร็งๆ
“ตาลจะทำแผลให้พี่มาร์คนะคะ”
หล่อนบอกพลางจูงมือพี่เขยให้มาทรุดร่างสูงใหญ่ลงนั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง
มาร์เซโล่จ้องมองเรือนร่างบอบบางในชุดนอนผ้าซาตินลายลูกไม้พลิ้วบางที่ก้าวออกไปจากห้องโดยไม่สนใจโลหิตสีแดงที่ยังไหลซึมออกมาจากหลังมือ
เพียงอึดใจสั้นๆ น้ำตาลก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าพันแผลและยาล้างแผล
“ตาลจะทำแผลให้ค่ะ”
น้องเมียกล่าวพลางทรุดร่างลงนั่งหมิ่นๆ ที่ขอบโซฟา ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวยื่นแขนออกมาให้หญิงสาวจัดการล้างแผลโดยไม่รู้สึกเจ็บแสบแต่อย่างใด
ท่าทางของมาร์เซโล่ในเวลานี้ดูราวกับคนไร้ความรู้สึก ด้วงตากระด้างไม่ยี่หระต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หลังมือเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่ามันน้อยนิดเหลือเกิน... เมื่อเทียบกับความ ‘เจ็บในใจ’ ที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รักให้กับอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครคาดฝัน
“พี่มาร์คอยู่นิ่งๆ นะคะ”
น้ำตาลเหลือบมองหน้าพี่เขยแวบหนึ่ง หลังจากใส่ยาที่หลังมือแล้วพันด้วยผ้าพันแผล ใบหน้าของมาร์เซโล่ยังนิ่งงันเหมือนคนไร้ความรู้สึก กระทั่งเสียงของน้องเมียดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีที่แผลไม่ลึกค่ะ”
น้ำตาลบอกขณะสายตาจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผล มือเรียวค่อยๆ บรรจงพันผ้าอีกครั้งจนรอบหลังมือของมาร์เซโล่อย่างตั้งอกตั้งใจ
“เสร็จแล้วค่ะ”
น้ำตาลเหลือบมองหน้าพี่เขย ตอนนั้นจึงได้รู้ว่าสายตาแข็งกระด้างของมาร์เซโล่ดูอ่อนโยนลงมาก เขากำลังจ้องมองเรือนร่างของหล่อนด้วยความลืมตัว
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นทรวงอกอวบใหญ่เป็นทรงสวยของน้ำตาลกำลังกระเพื่อมไหวอยู่ภายใต้ชุดนอนบางๆ ขณะหล่อนก้มๆ เงยๆ พันแผลให้เขาเรือนร่างและผิวพรรณซึ่งเอิบอิ่มเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อวัยสาวสะพรั่งของน้ำตาลทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่อย่างมาร์เซโล่ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ“เสร็จแล้วค่ะพี่มาร์ค”น้ำตาลบอก เสียงของหญิงสาวทำให้พี่เขยสะดุ้ง“ขอบใจมาก”มาร์เซโล่ยอมรับว่าอารมณ์ของเขาแปรปรวนจนตัวเองก็ตามไม่ทัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความใกล้ชิดกับน้องเมียแสนสวยคนนี้ จะทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดพลุ่งพล่านรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านๆ มา เขากับหล่อนยังไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันมากถึงเพียงนี้... กระทั่งถึงวันนี้ วันที่น้ำผึ้งผู้เป็นพี่สาวของน้ำตาลได้จากเขาไปแล้ว“พี่มาร์คนอนนะคะ... ดึกแล้ว”น้ำตาลมองไปที่เตียงนอนกว้าง หล่อนบอกเหมือนเหมือนกับพี่เขยคนนี้เป็นเด็กๆ ที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ“พี่จะนอนตรงนี้สักเดี๋ยว”มาร์เซโล่บอกพลางทำท่าว่าจะเอนศีรษะพิงพนักด้านหนึ่งของโซฟา“เดี๋ยวตาลเอาหมอนมาให้นะคะ”น้องเมียหยัดร่างบอบบางขึ้นจากโซฟา เดินไปหยิบหมอนสีขาวที
ขึ้นมาประมูลงานในโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ได้หลายโครงการมาร์เซโล่ตั้งใจเอาไว้ว่าจากนี้ไม่นานบริษัทของเขาจะได้งานประมูลในระดับอภิมหาโปรเจคของภาครัฐอย่างไม่ยากเย็นนัก เขาตั้งปนิธานเอาไว้ว่าจะทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองรุดหน้าขึ้นมาผงาดอยู่ในแถวหน้าของประเทศให้ได้“ก็เรื่องนี้แหละค่ะที่ตาลอยากคุยกับพี่”หญิงสาวเกริ่นให้พี่เขยรู้ถึงสิ่งที่หล่อนครุ่นคิดมาตลอดสามเดือน ภายหลังการจากไปของพี่สาว“เรื่องอะไร”เจ้าของบ้านถามพลางเอื้อมรับถ้วยกาแฟดำที่ป้านวลเพิ่งวางลงตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“ตาลคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วจะย้ายออกไปจากที่นี่ค่ะ”หญิงสาวตัดสินใจบอกในที่สุด“อ้าว... ทำไม... อยู่บ้านพี่มันไม่สะดวกสบายหรอกหรือ?... มันเล็กไปหรือยังไง”ด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย หัวคิ้วของมาร์เซโล่ชิดเข้าหากันเพราะตกใจ เมื่อได้รู้ว่าน้ำตาลกำลังจะย้ายออกไปจากบ้านของเขา “เปล่าค่ะ... ตาลรู้ว่าอยู่บ้านพี่มาร์คสบายทุกอย่าง บ้านก็กว้างขวางใหญ่โตมาก แล้วคงจะไม่มีที่ไหนสบายไปกว่านี้ แต่... ”น้ำตาลรีบชะงักคำพูดไว้ได้ทัน ทั้งที่จริงหล่อนอยากจะบอกให้มาร์เซโล่รู้ว่า ‘พี่มาร์คอย่าลืมนะคะ... ว่าตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่
ป้านวลทำท่าอยากระบาย“แหม... เกริ่นซะขนาดนี้แล้วก็เล่ามาเถอะค่ะป้านวลขา”น้ำตาลรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะทำให้คนช่างพูดอย่างป้านวลยอมเล่าให้ฟัง และก็จริงอย่างที่หล่อนนึกเอาไว้“ก็คุณจันทร์เจิดคนนี้ร้ายอย่าบอกใครเชียวค่ะ เพราะว่าก่อนหน้านี้หล่อนเคยเข้ามาทำท่าวางก้ามประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณมาร์คมาแล้วนะคะ“หรอคะ... ”“ใช่... แต่โชคดีที่คุณมาร์คไม่เอาน่ะสิ เลยตัดสินใจแต่งงานกับคุณน้ำผึ้งพี่สาวคุณตาล ทำให้คุณจันทร์เจิดต้องยอมถอยห่างออกไปในที่สุด... แต่จู่ๆ ก็กลับมา พอรู้ว่ามีที่ว่างนางก็รีบเข้ามาเสียบทันที”ป้านวลวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม“พี่มาร์คนี่ก็เหลือเกินจริงๆ... นี่ขนาดพี่ผึ้งเพิ่งเสียไม่ทันจะข้ามปี... ไม่ทันไรก็คิดจะมีเมียใหม่เสียแล้ว”น้ำตาลเปรยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวของพี่เขยรูปหล่อ จู่ๆ หล่อนก็รู้สึกโกรธมาร์เซโล่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออาทิตย์ก่อนยังทำทีราวกับว่ารักและอาลัยอาวรณ์พี่สาวของหล่อนเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับไปสานสัมพันธ์กับแฟนเก่า... ผู้ชายนะผู้ชาย“ป้าว่าคุณมาร์คอาจจะไม่ทันคิดอะไรหรอกนะคะ เอ่อ... หรืออาจจะคิดป้าก็ไม่รู้... เพราะคุณ
ว่าคุณมาร์คจะต้องรักต้องหลงคุณตาล... ขอเพียงแค่คุณตาลแสดงให้เขารู้บ้างว่าแอบสนใจเขา”ป้านวลเชียร์อย่างออกนอกหน้า“เอ่อ... ตาลไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้”หญิงสาวรู้สึกลังเลและสับสนใจ ทั้งที่ลึกๆ ในใจของหล่อนก็ยอมรับว่าแอบหลงรักพี่เขยคนนี้อยู่เงียบๆ มานานหลายปีระหว่างที่น้ำตาลกับป้านวลกำลังคุยกันอยู่ในครัว จู่ๆ เสียงแหวของจันทร์เจิดก็ดังลั่นขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องครัว“ป้านวล... คืนนี้ตั้งโต๊ะอาหารกลางสนามหญ้านะคะ คุณมาร์คจะจัดปาร์ตี้ต้อนรับการมาถึงของจันทร์ค่ะ”ทั้งที่ตัวเองเป็นแขกของบ้าน แต่จันทร์เจิดกลับวางท่าทีเหมือนเป็นคุณนายคนใหม่ป้านวลได้ยินคำสั่งของจันทร์เกิดก็จริง แต่หล่อนกลับตีรวนด้วยการหันไปถามผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เดินตามหลังแฟนเก่าเข้ามาถึงในครัว“แขกกี่คนคะคุณมาร์ค... ป้าจะได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้ถูก”“ก็มีผม... จันทร์ น้ำตาล แล้วก็ไอ้เมศกับไอ้นาวินเพื่อนผมอีกสองคน”มาร์เซโล่ตอบ จันทร์เจิดรู้สึกเสียหน้าที่ป้านวลเลือกจะคุยกับเขาเหมือนไม่เห็นหัวหล่อน“รอให้ฉันเข้ามาเป็นคุณนายคนใหม่ก่อนเถอะ... แกจะเป็นคนแรกที่โดนเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้”หลังจากเจ้าของบ้านเดินลับออกไป
“จันทร์... ดูท่าทางคุณคงไม่ไหวแล้วนะ”มาร์เซโล่เอื้อมมือไปแตะแขนของแฟนเก่า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดเมาจนหลับคาแก้วครั้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อประคองหล่อน ป้านวลก็รีบเอ่ยขึ้นทันที“คุณมาร์คนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าพาคุณจันทร์เจิดไปส่งที่ห้องนอนให้นะคะ”เข้าแผน... ป้านวลรีบอาสา ค่อยๆ ประคองร่างอวบอัดของจันทร์เจิดซึ่งเมาพับไม่ได้สติขึ้นมาส่งจนถึงห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน“แฟนเก่ามานอนค้างบ้านแกแบบนี้... แสดงว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหมวะไอ้มาร์ค”ราเมศแซวเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่าตอนนั้นเหลือแต่คนกันเอง หารู้ไม่ว่าน้ำตาลซึ่งกำลังช่วยสาวใช้ชาวพม่าสองคนเก็บถ้วยเก็บจาน กำลังแอบเงี่ยหูฟังคำตอบของมาร์เซโล่อย่างใจจดใจจ่อ“คงต้องดูๆ กันไปก่อน... ”มาร์เซโล่ตอบพลางกระดกเหล้าลงคอ ไม่ได้ปฏิเสธว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับจันทร์เจิดกำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งในเรื่องนี้มีแต่ตัวของมาร์เซโล่เองเท่านั้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร? เพราะสาเหตุอันใดที่ทำให้เขากลับมาสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายกลับมาหาเขามาร์เซโล่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขา
ป้านวลอุทานเสียงดังลั่น เมื่อหล่อนเดินกลับลงมาดูแลความเรียบร้อยแล้วพบว่าเจ้าของบ้านถูกทอดทิ้งให้นั่งดื่มอยู่คนเดียวลำพัง “ว้าย... ค่อยๆ เดินนะคะคุณขา”ป้านวลอุทานอีกครั้ง ตอนนั้นมาร์เซโล่กำลังหยัดร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นจากเก้าอี้ อาการซวนเซน้อยๆ บอกให้รู้ว่าเขาเมาไม่น้อย“ตาทอง... แกมาช่วยประคองคุณมาร์คให้ทีเถอะ”ป้านวลร้องเรียกลุงทองซึ่งเป็นคนขับรถ ลุงทองรีบปรี่เข้ามาช่วยเหลือ แกยกแขนข้างหนึ่งของมาร์เซโล่ผู้เป็นนายขึ้นพาดเอาไว้บนบ่า จากนั้นก็พาขึ้นบันไดมาส่งจนถึงห้องนอนของผู้เป็นนายซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน โดยมีป้านวลตามมาดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด“ค่อยวางลงบนโซฟา”ป้านวลบอก ลุงทองค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่ของมาร์เซโล่ลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางห้อง“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย”ลุงทองถาม“แกไปได้แล้ว”ป้านวลรีบบอก เมื่อร่างท้วมของลุงทองเดินลับไปจากสายตาแกก็รีบเดินมาเคาะประตูห้องนอนของน้ำตาล แผนการบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในสมอง“มีอะไรคะป้านวล”น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดนอนบางๆ เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตกใจ“คุณมาร์คเมามาก... หนูตาลช่วยเข้าไปดูหน่อยสิคะ”“เอ่อ... ตาลจะช่
คนโดนจูบร้องห้าม หากมาร์เซโล่ก็ไม่ยอมฟัง ยังคงระดมจูบไซ้เฟ้นฟอนผิวสาวไล่เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาวๆ อย่างหื่นหิว“หอมเหลือเกินน้ำตาลจ๋า”มาร์เซโล่พึมพำขณะจูบได้ซอกคอและเนินอกของน้องเมียอย่างเร่าร้อน กลิ่นแป้งอ่อนๆ ระคนกลิ่นสาบสาวที่จมูกของเขาสัมผัสได้ ทำให้เลือดในกายของมาร์เซโล่สูบฉีดรุนแรงขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ไม่นะพี่มาร์ค... ฮือๆ หยุดนะ... พี่มาร์คกำลังเมานะคะ”น้ำตาลร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามให้สติพี่เขย ใบหน้าสะสวยเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา‘เมา’ หรือ ‘ไม่เมา’ มาร์เซโล่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีกว่าใคร เขารวบไหล่หล่อนแล้วกระชากสายชุดนอนอย่างแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “อูย... ”มาร์เซโล่พรูลมหายออกมากับสิ่งที่เห็น เมื่อสายชุดนอนเส้นเล็กๆ ที่เกี่ยวอยู่กับหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างถูกกระชากออกมาจากลาดไหล่สล้างตอนที่ป้านวลไปเคาะประตูเรียก น้ำตาลกำลังจะเข้านอน หล่อนจึงอยู่ในสภาพโนบราอย่างที่เห็น เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามานั่งเช็ดตัวให้พี่เขย ทำให้สองเต้าเต่งตึงผุดผึงออกมาอวดความอวบใหญ่ในทันทีที่ชุดนอนสีชมพูเนื้อผ้าซาตินพลิ้วบางถูกกระชากลงมากองอยู่ที่เอว“น
แต่ถ้าโดนจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายเหมือนอย่างที่มาร์เซโล่ขู่ว่ากำลังจะทำ... มีหวังว่าหล่อนคงขาดใจตายคาลิ้นของเขาแน่ๆ“อู้ว... สวยเหลือเกินตาลจ๋า”มาร์เซโล่ตาวาว เมื่อขาข้างหนึ่งของน้องเมียถูกมือใหญ่ของเขายกง้างขึ้นพาดเอาไว้กับพนักโซฟา ขณะที่ปลายเท้าอีกข้างยังวางอยู่กับพื้น“น่ากินเหลือเกิน”มาร์เซโล่พึมพำกับสิ่งที่เห็น ในท่าทางที่น้องเมียถูกบังคับให้ลำตัวกึ่งตะแคงถ่างขา ทำให้แลเห็นพูเนื้ออูมแน่นเหมือนส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ซอกขา โคกเนื้อสาวแอ่นอ้าขึ้นมาอวดความอิ่มสมบูรณ์นูนแน่นเหมือนหลังเต่า ทำเอามาร์เซโร่ตาวาว รีบทาบสองมือแหวกพุ่มแพรไหมสีดำแล้วกอบพูเนื้อเอาไว้ในอุ้งมือ“โห... ”ดวงตาของพี่เขยแทบถลนออกมาจากเบ้า สองมือรีบแบะบีบกลีบเนื้อสีชมพูจนปูดปลิ้น ระรัวปลายลิ้นลงมาตวัดเลียพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพู ทั้งดูดทั้งเลียหนุบหนับ“อูยยย... อร่อยสุดๆ”มาร์เซโล่แผ่ปลายลิ้นออกกว้างแล้วกวาดเลียผนังเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่มสลับไปมาทั้งสองข้าง ไม่นานน้ำหล่อลื่นใสๆ ของคนโดนรุกรานก็หลั่งซ่านออกมาชโลมสองกลีบขมิบแน่น“อ๊อย... ”น้ำตาลเสียวจนต้องขมิบกลีบเนื้อรัดปล