อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นทรวงอกอวบใหญ่เป็นทรงสวยของน้ำตาลกำลังกระเพื่อมไหวอยู่ภายใต้ชุดนอนบางๆ ขณะหล่อนก้มๆ เงยๆ พันแผลให้เขา
เรือนร่างและผิวพรรณซึ่งเอิบอิ่มเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อวัยสาวสะพรั่งของน้ำตาลทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่อย่างมาร์เซโล่ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เสร็จแล้วค่ะพี่มาร์ค”
น้ำตาลบอก เสียงของหญิงสาวทำให้พี่เขยสะดุ้ง
“ขอบใจมาก”
มาร์เซโล่ยอมรับว่าอารมณ์ของเขาแปรปรวนจนตัวเองก็ตามไม่ทัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความใกล้ชิดกับน้องเมียแสนสวยคนนี้ จะทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดพลุ่งพล่านรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านๆ มา เขากับหล่อนยังไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันมากถึงเพียงนี้... กระทั่งถึงวันนี้ วันที่น้ำผึ้งผู้เป็นพี่สาวของน้ำตาลได้จากเขาไปแล้ว
“พี่มาร์คนอนนะคะ... ดึกแล้ว”
น้ำตาลมองไปที่เตียงนอนกว้าง หล่อนบอกเหมือนเหมือนกับพี่เขยคนนี้เป็นเด็กๆ ที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ
“พี่จะนอนตรงนี้สักเดี๋ยว”
มาร์เซโล่บอกพลางทำท่าว่าจะเอนศีรษะพิงพนักด้านหนึ่งของโซฟา
“เดี๋ยวตาลเอาหมอนมาให้นะคะ”
น้องเมียหยัดร่างบอบบางขึ้นจากโซฟา เดินไปหยิบหมอนสีขาวที่วางอยู่บนเตียงมาให้เขา ก่อนจะปิดไฟแล้วก้าวเงียบเชียบออกมาจากห้องของพี่เขย ปล่อยให้มาร์เซโล่มองตามเรือนร่างเอิบอิ่มที่ก้าวลับออกไปจากประตูห้องของเขาด้วยหัวใจเต้นแรง
วันรุ่งขึ้น
“พี่มาร์คยังไม่ลงมาอีกหรือคะป้านวล”
ใบหน้าสะสวยชะโงกเข้ามาในครัว น้ำตาลเอ่ยถามสตรีสูงวัยในทันที เมื่อมองไม่เห็นร่างสูงใหญ่ของพี่เขยนั่งอยู่ในห้องรับแขก ปกติเวลานี้เขาจะต้องลงมากินข้าว
“คุณมาร์คยังไม่ลงมาเลยค่ะ”
ป้านวลตอบ หล่อนทำงานบ้านให้กับมาร์เซโล่มานานหลายปี ทุกวันนี้ป้านวลเป็นทั้งแม่ครัวและหัวหน้าคนรับใช้ มาร์เซโล่ให้ความไว้วางใจราวกับว่าหล่อนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง สมกับที่ป้านวลรับใช้เขาด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมา
“คุณตาลจะทานข้าวเลยมั้ยคะ... โจ๊กหรือข้าวต้มดีคะ”
ป้านวลรีบถาม สุ้มเสียงของหล่อนบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่ใจดี
“โจ๊กก็ได้ค่ะ... ไม่ต้องเยอะนะคะป้านวล”
หญิงสาวกล่าว
“อุ๊ย... หุ่นบางๆ อย่างคุณตาลนี่ยังทานได้อีกเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอกนะคะ เป็นผู้หญิงต้องมีเนื้อมีหนัง สมัยนี้ผู้ชายชอบผู้หญิงเจ้าเนื้อนิดๆ อวบๆ เทรนด์อวบกำลังมานะคะ ยุคนี้ผู้ชายชอบเนื้อนมไข่เต็มไม้เต็มมือดีค่ะ... อิอิ”
ป้านวลเอ่ยขึ้นมาอย่างมีอารมณ์ขัน แกจดจำเรื่องนี้มาจากรายการบันเทิงหลังข่าวที่ชอบดูประจำ น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาฟังแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม
ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งทานโจ๊กได้เพียงครู่สั้นๆ ตักโจ๊กใส่ปากได้เพียงไม่กี่คำ ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตูห้องรับแขก
“พี่มาร์ค”
น้ำตาลอุทาน สายตาของหล่อนจับจ้องมองเรือนร่างสุดสมาร์ทของพี่เขยด้วยความรู้สึกชื่นชมไม่เคยเปลี่ยน นับตั้งแต่วันแรกที่มีโอกาสเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
น้ำตาลยอมรับว่าชอบแอบมองพี่เขยคนนี้บ่อยๆ มาร์เซโล่มีความเป็นชายชาตรีในทุกกระเบียดนิ้ว ความสง่าของเขาทำให้สูทราคาแพงที่มาร์เซ่โล่สวมใส่ไม่ได้โดดเด่นเกินไปกว่ารูปร่างสูงใหญ่เกินร้อยแปดสิบเซนติเมตรและใบหน้าหล่อเหลาซึ่งทำให้สะดุดตาทุกครั้งที่มอง
“ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ”
มาร์เซโล่ถามเรียบๆ มือใหญ่ขยับเนคไทที่คอของตัวเองไปพลาง
พี่เขยถามเพราะเห็นว่าตอนนั้นเป็นเวลาสายมากแล้ว
“วันนี้น้ำตาลมีสอบตอนบ่ายค่ะพี่มาร์ค สอบเป็นวันสุดท้ายก็จะจบแล้วค่ะ”
หญิงสาวบอกให้เขารู้ ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่ข้างๆ หล่อน
“เผลอเดี๋ยวเดียวจะเรียนจนแล้วหรือนี่... เร็วจัง”
มาร์เซโล่ทำหน้าตกใจ เพราะว่าวันๆ เขาเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานจนแทบไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นคนขยันทำงาน บ้างานมาแต่ไหนแต่ไร
หลังจากเรียนจบปริญญาโททางด้านวิศวะโยธามาจากเยอรมัน มาร์เซโล่ก็กลับมาช่วยงานของครอบครัวซึ่งทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมานานหลายปี แต่ก็ยังคงเป็นได้แค่บริษัทเล็กๆ
กระทั่งมาร์เซโล่เข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจอีกแรง ขยันทำการตลาดและหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในระยะหลังๆ มานี้บริษัทของมาร์เซโล่สามารถก้าว
ขึ้นมาประมูลงานในโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ได้หลายโครงการมาร์เซโล่ตั้งใจเอาไว้ว่าจากนี้ไม่นานบริษัทของเขาจะได้งานประมูลในระดับอภิมหาโปรเจคของภาครัฐอย่างไม่ยากเย็นนัก เขาตั้งปนิธานเอาไว้ว่าจะทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองรุดหน้าขึ้นมาผงาดอยู่ในแถวหน้าของประเทศให้ได้“ก็เรื่องนี้แหละค่ะที่ตาลอยากคุยกับพี่”หญิงสาวเกริ่นให้พี่เขยรู้ถึงสิ่งที่หล่อนครุ่นคิดมาตลอดสามเดือน ภายหลังการจากไปของพี่สาว“เรื่องอะไร”เจ้าของบ้านถามพลางเอื้อมรับถ้วยกาแฟดำที่ป้านวลเพิ่งวางลงตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“ตาลคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วจะย้ายออกไปจากที่นี่ค่ะ”หญิงสาวตัดสินใจบอกในที่สุด“อ้าว... ทำไม... อยู่บ้านพี่มันไม่สะดวกสบายหรอกหรือ?... มันเล็กไปหรือยังไง”ด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย หัวคิ้วของมาร์เซโล่ชิดเข้าหากันเพราะตกใจ เมื่อได้รู้ว่าน้ำตาลกำลังจะย้ายออกไปจากบ้านของเขา “เปล่าค่ะ... ตาลรู้ว่าอยู่บ้านพี่มาร์คสบายทุกอย่าง บ้านก็กว้างขวางใหญ่โตมาก แล้วคงจะไม่มีที่ไหนสบายไปกว่านี้ แต่... ”น้ำตาลรีบชะงักคำพูดไว้ได้ทัน ทั้งที่จริงหล่อนอยากจะบอกให้มาร์เซโล่รู้ว่า ‘พี่มาร์คอย่าลืมนะคะ... ว่าตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่
ป้านวลทำท่าอยากระบาย“แหม... เกริ่นซะขนาดนี้แล้วก็เล่ามาเถอะค่ะป้านวลขา”น้ำตาลรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะทำให้คนช่างพูดอย่างป้านวลยอมเล่าให้ฟัง และก็จริงอย่างที่หล่อนนึกเอาไว้“ก็คุณจันทร์เจิดคนนี้ร้ายอย่าบอกใครเชียวค่ะ เพราะว่าก่อนหน้านี้หล่อนเคยเข้ามาทำท่าวางก้ามประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณมาร์คมาแล้วนะคะ“หรอคะ... ”“ใช่... แต่โชคดีที่คุณมาร์คไม่เอาน่ะสิ เลยตัดสินใจแต่งงานกับคุณน้ำผึ้งพี่สาวคุณตาล ทำให้คุณจันทร์เจิดต้องยอมถอยห่างออกไปในที่สุด... แต่จู่ๆ ก็กลับมา พอรู้ว่ามีที่ว่างนางก็รีบเข้ามาเสียบทันที”ป้านวลวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม“พี่มาร์คนี่ก็เหลือเกินจริงๆ... นี่ขนาดพี่ผึ้งเพิ่งเสียไม่ทันจะข้ามปี... ไม่ทันไรก็คิดจะมีเมียใหม่เสียแล้ว”น้ำตาลเปรยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวของพี่เขยรูปหล่อ จู่ๆ หล่อนก็รู้สึกโกรธมาร์เซโล่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออาทิตย์ก่อนยังทำทีราวกับว่ารักและอาลัยอาวรณ์พี่สาวของหล่อนเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับไปสานสัมพันธ์กับแฟนเก่า... ผู้ชายนะผู้ชาย“ป้าว่าคุณมาร์คอาจจะไม่ทันคิดอะไรหรอกนะคะ เอ่อ... หรืออาจจะคิดป้าก็ไม่รู้... เพราะคุณ
ว่าคุณมาร์คจะต้องรักต้องหลงคุณตาล... ขอเพียงแค่คุณตาลแสดงให้เขารู้บ้างว่าแอบสนใจเขา”ป้านวลเชียร์อย่างออกนอกหน้า“เอ่อ... ตาลไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้”หญิงสาวรู้สึกลังเลและสับสนใจ ทั้งที่ลึกๆ ในใจของหล่อนก็ยอมรับว่าแอบหลงรักพี่เขยคนนี้อยู่เงียบๆ มานานหลายปีระหว่างที่น้ำตาลกับป้านวลกำลังคุยกันอยู่ในครัว จู่ๆ เสียงแหวของจันทร์เจิดก็ดังลั่นขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องครัว“ป้านวล... คืนนี้ตั้งโต๊ะอาหารกลางสนามหญ้านะคะ คุณมาร์คจะจัดปาร์ตี้ต้อนรับการมาถึงของจันทร์ค่ะ”ทั้งที่ตัวเองเป็นแขกของบ้าน แต่จันทร์เจิดกลับวางท่าทีเหมือนเป็นคุณนายคนใหม่ป้านวลได้ยินคำสั่งของจันทร์เกิดก็จริง แต่หล่อนกลับตีรวนด้วยการหันไปถามผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เดินตามหลังแฟนเก่าเข้ามาถึงในครัว“แขกกี่คนคะคุณมาร์ค... ป้าจะได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้ถูก”“ก็มีผม... จันทร์ น้ำตาล แล้วก็ไอ้เมศกับไอ้นาวินเพื่อนผมอีกสองคน”มาร์เซโล่ตอบ จันทร์เจิดรู้สึกเสียหน้าที่ป้านวลเลือกจะคุยกับเขาเหมือนไม่เห็นหัวหล่อน“รอให้ฉันเข้ามาเป็นคุณนายคนใหม่ก่อนเถอะ... แกจะเป็นคนแรกที่โดนเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้”หลังจากเจ้าของบ้านเดินลับออกไป
“จันทร์... ดูท่าทางคุณคงไม่ไหวแล้วนะ”มาร์เซโล่เอื้อมมือไปแตะแขนของแฟนเก่า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดเมาจนหลับคาแก้วครั้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อประคองหล่อน ป้านวลก็รีบเอ่ยขึ้นทันที“คุณมาร์คนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าพาคุณจันทร์เจิดไปส่งที่ห้องนอนให้นะคะ”เข้าแผน... ป้านวลรีบอาสา ค่อยๆ ประคองร่างอวบอัดของจันทร์เจิดซึ่งเมาพับไม่ได้สติขึ้นมาส่งจนถึงห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน“แฟนเก่ามานอนค้างบ้านแกแบบนี้... แสดงว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหมวะไอ้มาร์ค”ราเมศแซวเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่าตอนนั้นเหลือแต่คนกันเอง หารู้ไม่ว่าน้ำตาลซึ่งกำลังช่วยสาวใช้ชาวพม่าสองคนเก็บถ้วยเก็บจาน กำลังแอบเงี่ยหูฟังคำตอบของมาร์เซโล่อย่างใจจดใจจ่อ“คงต้องดูๆ กันไปก่อน... ”มาร์เซโล่ตอบพลางกระดกเหล้าลงคอ ไม่ได้ปฏิเสธว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับจันทร์เจิดกำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งในเรื่องนี้มีแต่ตัวของมาร์เซโล่เองเท่านั้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร? เพราะสาเหตุอันใดที่ทำให้เขากลับมาสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายกลับมาหาเขามาร์เซโล่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขา
ป้านวลอุทานเสียงดังลั่น เมื่อหล่อนเดินกลับลงมาดูแลความเรียบร้อยแล้วพบว่าเจ้าของบ้านถูกทอดทิ้งให้นั่งดื่มอยู่คนเดียวลำพัง “ว้าย... ค่อยๆ เดินนะคะคุณขา”ป้านวลอุทานอีกครั้ง ตอนนั้นมาร์เซโล่กำลังหยัดร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นจากเก้าอี้ อาการซวนเซน้อยๆ บอกให้รู้ว่าเขาเมาไม่น้อย“ตาทอง... แกมาช่วยประคองคุณมาร์คให้ทีเถอะ”ป้านวลร้องเรียกลุงทองซึ่งเป็นคนขับรถ ลุงทองรีบปรี่เข้ามาช่วยเหลือ แกยกแขนข้างหนึ่งของมาร์เซโล่ผู้เป็นนายขึ้นพาดเอาไว้บนบ่า จากนั้นก็พาขึ้นบันไดมาส่งจนถึงห้องนอนของผู้เป็นนายซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน โดยมีป้านวลตามมาดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด“ค่อยวางลงบนโซฟา”ป้านวลบอก ลุงทองค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่ของมาร์เซโล่ลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางห้อง“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย”ลุงทองถาม“แกไปได้แล้ว”ป้านวลรีบบอก เมื่อร่างท้วมของลุงทองเดินลับไปจากสายตาแกก็รีบเดินมาเคาะประตูห้องนอนของน้ำตาล แผนการบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในสมอง“มีอะไรคะป้านวล”น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดนอนบางๆ เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตกใจ“คุณมาร์คเมามาก... หนูตาลช่วยเข้าไปดูหน่อยสิคะ”“เอ่อ... ตาลจะช่
คนโดนจูบร้องห้าม หากมาร์เซโล่ก็ไม่ยอมฟัง ยังคงระดมจูบไซ้เฟ้นฟอนผิวสาวไล่เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาวๆ อย่างหื่นหิว“หอมเหลือเกินน้ำตาลจ๋า”มาร์เซโล่พึมพำขณะจูบได้ซอกคอและเนินอกของน้องเมียอย่างเร่าร้อน กลิ่นแป้งอ่อนๆ ระคนกลิ่นสาบสาวที่จมูกของเขาสัมผัสได้ ทำให้เลือดในกายของมาร์เซโล่สูบฉีดรุนแรงขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ไม่นะพี่มาร์ค... ฮือๆ หยุดนะ... พี่มาร์คกำลังเมานะคะ”น้ำตาลร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามให้สติพี่เขย ใบหน้าสะสวยเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา‘เมา’ หรือ ‘ไม่เมา’ มาร์เซโล่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีกว่าใคร เขารวบไหล่หล่อนแล้วกระชากสายชุดนอนอย่างแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “อูย... ”มาร์เซโล่พรูลมหายออกมากับสิ่งที่เห็น เมื่อสายชุดนอนเส้นเล็กๆ ที่เกี่ยวอยู่กับหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างถูกกระชากออกมาจากลาดไหล่สล้างตอนที่ป้านวลไปเคาะประตูเรียก น้ำตาลกำลังจะเข้านอน หล่อนจึงอยู่ในสภาพโนบราอย่างที่เห็น เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามานั่งเช็ดตัวให้พี่เขย ทำให้สองเต้าเต่งตึงผุดผึงออกมาอวดความอวบใหญ่ในทันทีที่ชุดนอนสีชมพูเนื้อผ้าซาตินพลิ้วบางถูกกระชากลงมากองอยู่ที่เอว“น
แต่ถ้าโดนจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายเหมือนอย่างที่มาร์เซโล่ขู่ว่ากำลังจะทำ... มีหวังว่าหล่อนคงขาดใจตายคาลิ้นของเขาแน่ๆ“อู้ว... สวยเหลือเกินตาลจ๋า”มาร์เซโล่ตาวาว เมื่อขาข้างหนึ่งของน้องเมียถูกมือใหญ่ของเขายกง้างขึ้นพาดเอาไว้กับพนักโซฟา ขณะที่ปลายเท้าอีกข้างยังวางอยู่กับพื้น“น่ากินเหลือเกิน”มาร์เซโล่พึมพำกับสิ่งที่เห็น ในท่าทางที่น้องเมียถูกบังคับให้ลำตัวกึ่งตะแคงถ่างขา ทำให้แลเห็นพูเนื้ออูมแน่นเหมือนส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ซอกขา โคกเนื้อสาวแอ่นอ้าขึ้นมาอวดความอิ่มสมบูรณ์นูนแน่นเหมือนหลังเต่า ทำเอามาร์เซโร่ตาวาว รีบทาบสองมือแหวกพุ่มแพรไหมสีดำแล้วกอบพูเนื้อเอาไว้ในอุ้งมือ“โห... ”ดวงตาของพี่เขยแทบถลนออกมาจากเบ้า สองมือรีบแบะบีบกลีบเนื้อสีชมพูจนปูดปลิ้น ระรัวปลายลิ้นลงมาตวัดเลียพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพู ทั้งดูดทั้งเลียหนุบหนับ“อูยยย... อร่อยสุดๆ”มาร์เซโล่แผ่ปลายลิ้นออกกว้างแล้วกวาดเลียผนังเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่มสลับไปมาทั้งสองข้าง ไม่นานน้ำหล่อลื่นใสๆ ของคนโดนรุกรานก็หลั่งซ่านออกมาชโลมสองกลีบขมิบแน่น“อ๊อย... ”น้ำตาลเสียวจนต้องขมิบกลีบเนื้อรัดปล
ประกบกันแน่น แอ่นอ้าขึ้นรับปากและลิ้นของเขาที่แนบประทับลงมาดูดเลียอย่างเร่าร้อนลนลาน“อยากมีผัวนักใช่ไหม... เดี๋ยวเธอจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”มาร์เซโล่ดันขาของน้ำตาลให้แบะอ้าขึ้นไปขนานกับลำตัวอีกครั้ง“มะ... ไม่เอานะ”น้องเมียร้องห้าม พี่เขยกระตุกยิ้มพลางส่ายเสียดแก่นกายเข้ากับรูเสียว“อู้ย... ”น้ำตาลกัดริมฝีปากแน่น สายตาหวาดๆ หลุบลงมองส่วนปลายของแก่นกายที่มีน้ำใสปริ่มเล็ดออกมาชโลมหัวมังกรแดงก่ำ ถูกกดเข้ากับกลีบเนื้อซึ่งแฉะฉ่ำไปด้วยเมือกคาวสวาทของหล่อน ก่อนที่ร่องเสียวจะเกร็งสะท้านเพราะความยาวใหญ่ที่เสียบพรวดเข้าใส่จนล้ำลึกสุดโคนพวงสวรรค์เสียงดังบลั่ก“อร๊ายยย... อูย”ในเสี้ยววินาทีที่พรหมจารีได้ถูกทำลายลงแล้ว ใบหน้าของน้ำตาลบิดเบ้ ริมฝีปากระริกสั่น ดวงตาเหลือกลานไปชั่วขณะเมื่ออาวุธประจำกายของมาร์เซโล่เคลื่อนเข้ามาคาคับอยู่ในรูเนื้อฟิตแน่น“เจ็บนิดเดียวนะ”พี่เขยปลอบ“แน่นเหลือเกิน... อ๊อย”น้ำตาลพึมพำเสียงสั่นพร่า ท่าทางของหล่อนแสดงความอึดอัดทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามือสองข้างยังโดนมัดล็อคเอาไว้เหนือศีรษะ“อู้ว... ทั้งแน่นทั้งรัด”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออ