“จันทร์... ดูท่าทางคุณคงไม่ไหวแล้วนะ”
มาร์เซโล่เอื้อมมือไปแตะแขนของแฟนเก่า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดเมาจนหลับคาแก้ว
ครั้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อประคองหล่อน ป้านวลก็รีบเอ่ยขึ้นทันที
“คุณมาร์คนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าพาคุณจันทร์เจิดไปส่งที่ห้องนอนให้นะคะ”
เข้าแผน... ป้านวลรีบอาสา ค่อยๆ ประคองร่างอวบอัดของจันทร์เจิดซึ่งเมาพับไม่ได้สติขึ้นมาส่งจนถึงห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน
“แฟนเก่ามานอนค้างบ้านแกแบบนี้... แสดงว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหมวะไอ้มาร์ค”
ราเมศแซวเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่าตอนนั้นเหลือแต่คนกันเอง หารู้ไม่ว่าน้ำตาลซึ่งกำลังช่วยสาวใช้ชาวพม่าสองคนเก็บถ้วยเก็บจาน กำลังแอบเงี่ยหูฟังคำตอบของมาร์เซโล่อย่างใจจดใจจ่อ
“คงต้องดูๆ กันไปก่อน... ”
มาร์เซโล่ตอบพลางกระดกเหล้าลงคอ ไม่ได้ปฏิเสธว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับจันทร์เจิดกำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งในเรื่องนี้มีแต่ตัวของมาร์เซโล่เองเท่านั้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร? เพราะสาเหตุอันใดที่ทำให้เขากลับมาสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายกลับมาหาเขา
มาร์เซโล่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขาที่ว่า ‘คงต้องดูๆ กันไปก่อน’ นั้นเอง ที่ทำให้หัวใจของน้องเมียปวดแปลบรวดร้าวระบมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เพราะว่าการที่มาร์เซโล่พูดออกมาชัดเจนแบบนี้... ก็เท่ากับว่าเขากำลังเปิดทางให้จันทร์เจิดเข้ามาเป็นนายหญิงคนใหม่ของบ้าน
ระหว่างที่มาร์เซโล่กับราเมศกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสชาติ นาวินก็ถือโอกาสชักชวนน้ำตาลออกมานั่งดื่มที่ม้านั่งกลางสนามหญ้า
เมื่อเห็นว่านาวินเริ่มแสดงอาการเกี้ยวพาน้ำตาลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มาร์เซโล่เหลือบมองมาทางน้องเมียบ่อยครั้ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกขวางหูขวางตาขึ้นมาแปลกๆ เมื่อเห็นว่าน้ำตาลพูดคุยกับชายอื่น
“เห็นทีว่าผมคงต้องขออนุญาตไอ้มาร์คมาที่บ้านนี้บ่อยๆ ซะแล้ว... ”
นาวินกล่าวพลางเหลือบมองใบหน้าสะสวยของน้ำตาล มาร์เซโล่เพิ่งรู้ว่าเขารู้สึกหวงแหนน้องเมียก็ตอนนี้เอง
“มึงไม่เห็นต้องขออนุญาตกู... บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับมึงเสมอ อยากมาเมื่อไรก็มาสิวะไอ้วิน”
มาร์เซโล่กัดฟันพูด
“ว้าว... ผู้ปกครองอนุญาตแล้ว... งั้นคงขออนุญาตแวะมาหาคุณตาลบ่อยๆ นะครับ”
นาวินเริ่มเมา ด้วยความเป็นคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ ทำให้เขาทำตาเล็กตาน้อยกับน้ำตาลอยู่บ่อยครั้ง นาวินสนใจน้ำตาลมากถึงกับขอเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งหญิงสาวก็ให้ไปตามมารยาท
เมื่อถึงเวลาที่งานเลี้ยงเลิกรา ภายหลังเสร็จจากส่งเพื่อนรักทั้งสองคนกลับบ้าน มาร์เซโล่เดินกลับมานั่งดื่มต่ออีกครู่สั้นๆ เขาเริ่มแสดงอาการพาลกับน้องเมียอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่กันสองต่อสอง
“ตาลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
หญิงสาวกล่าวเมื่อเห็นว่าตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว อีกทั้งน้ำค้างก็แรงขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น... มานั่งชงเหล้าให้พี่ก่อน”
ดวงตาของมาร์เซโล่แดงก่ำ น้ำตาลรู้สึกหวาดๆ เขาทำราวกับว่าโกรธเคืองหล่อนนักหนา
“พี่มาร์คดื่มมากแล้วนะคะ”
น้ำตาลสังเกตเห็นว่าพี่เขยเริ่มเมา แต่หล่อนก็ไม่กล้าขัด จำต้องชงเหล้าให้มาร์เซโล่ตามที่เขาสั่ง
“ถามอะไรหน่อย”
“คะ... ”
“ชอบไอ้วินเพื่อนพี่ใช่ไหม?”
จู่ๆ เจ้าของบ้านก็เอ่ยออกมา
“ทำไมพี่มาร์คถามแบบนี้คะ... ตาลกับพี่วินก็คุยกันตามปกตินี่คะ ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรที่เกินเลยจนน่าเกลียด”
น้ำตาลกล่าว
“ทำไมต้องให้เบอร์โทรมันด้วย”
เสียงของพี่เขยบอกให้รู้ว่าโกรธ
“ก็พี่วินเค้าขอนี่คะ... คงน่าเกลียดถ้าตาลปฏิเสธไม่ยอมให้”
น้ำตาลรู้ดีว่าหล่อนทำไปตามมารยาท
“แรดนะเรา”
มือของเขากำแก้วเหล้าเอาไว้แน่น สายตาจ้องหน้าหล่อนอย่างคาดโทษ
“พี่มาร์คหยาบคาย”
หล่อนเม้มปากใส่เขา
“ก็จริงนี่นา... ทำตัวง่าย... ใจง่ายแบบนี้แสดงว่าถ้ามันขอเอา... ตาลก็ยอมให้มันเอาใช่ไหม”
มาร์เซโล่ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความลืมตัว เขาเพิ่งรู้ว่าหึงหวงน้องเมียก็ตอนนี้
“พี่มาร์คหยาบคายสุดๆ”
หญิงสาวจ้องหน้าพี่เขยด้วยสายตาผิดหวัง หล่อนไม่คิดว่าจะได้เห็นคำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากของมาร์เซโล่ที่วางตัวเป็นผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือมาโดยตลอด
“พี่... พี่ขอโทษ”
เจ้าของบ้านสูดหายใจแรง น้ำตาลรู้ว่าเขาพยายามระงับอารมณ์
“ไม่เป็นไร... ตาลจะคิดว่าพี่มาร์คเมา”
“พี่... ”
ไม่ทันที่พี่เขยจะกล่าวอะไรออกมา น้องเมียก็ชิงแทรกขึ้นเสียก่อน
“ดึกแล้ว... ตาลขอตัวไปนอนนะคะ”
โดยไม่รอให้มาร์เซโล่อนุญาต หญิงสาวรีบเดินหนีออกมาเสียก่อน ปล่อยให้พี่เขยทอดสายตามองตามเรือนร่างอวบอัดรัดรึงด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอแสดงอารมณ์หึงหวงออกมาอย่างที่เห็น
มาร์เซโล่นั่งดื่มต่ออีกหลายแล้ว มือของเขาจับอยู่ที่แก้วเหล้าก็จริง ทว่าจิตใจกลับว้าวุ่นกระวนกระวายถึงแต่เรือนร่างอรชรและใบหน้าสะสวยของน้ำตาล... มาร์เซโล่ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ว่าอาการแบบนี้แสดงว่าเขากำลัง ‘หลงรักน้องเมีย’ ใช่ไหม?
“อุ๊ย... คุณมาร์ค ไหวมั้ยคะนั่น”
ป้านวลอุทานเสียงดังลั่น เมื่อหล่อนเดินกลับลงมาดูแลความเรียบร้อยแล้วพบว่าเจ้าของบ้านถูกทอดทิ้งให้นั่งดื่มอยู่คนเดียวลำพัง “ว้าย... ค่อยๆ เดินนะคะคุณขา”ป้านวลอุทานอีกครั้ง ตอนนั้นมาร์เซโล่กำลังหยัดร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นจากเก้าอี้ อาการซวนเซน้อยๆ บอกให้รู้ว่าเขาเมาไม่น้อย“ตาทอง... แกมาช่วยประคองคุณมาร์คให้ทีเถอะ”ป้านวลร้องเรียกลุงทองซึ่งเป็นคนขับรถ ลุงทองรีบปรี่เข้ามาช่วยเหลือ แกยกแขนข้างหนึ่งของมาร์เซโล่ผู้เป็นนายขึ้นพาดเอาไว้บนบ่า จากนั้นก็พาขึ้นบันไดมาส่งจนถึงห้องนอนของผู้เป็นนายซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน โดยมีป้านวลตามมาดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด“ค่อยวางลงบนโซฟา”ป้านวลบอก ลุงทองค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่ของมาร์เซโล่ลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางห้อง“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย”ลุงทองถาม“แกไปได้แล้ว”ป้านวลรีบบอก เมื่อร่างท้วมของลุงทองเดินลับไปจากสายตาแกก็รีบเดินมาเคาะประตูห้องนอนของน้ำตาล แผนการบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในสมอง“มีอะไรคะป้านวล”น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดนอนบางๆ เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตกใจ“คุณมาร์คเมามาก... หนูตาลช่วยเข้าไปดูหน่อยสิคะ”“เอ่อ... ตาลจะช่
คนโดนจูบร้องห้าม หากมาร์เซโล่ก็ไม่ยอมฟัง ยังคงระดมจูบไซ้เฟ้นฟอนผิวสาวไล่เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาวๆ อย่างหื่นหิว“หอมเหลือเกินน้ำตาลจ๋า”มาร์เซโล่พึมพำขณะจูบได้ซอกคอและเนินอกของน้องเมียอย่างเร่าร้อน กลิ่นแป้งอ่อนๆ ระคนกลิ่นสาบสาวที่จมูกของเขาสัมผัสได้ ทำให้เลือดในกายของมาร์เซโล่สูบฉีดรุนแรงขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ไม่นะพี่มาร์ค... ฮือๆ หยุดนะ... พี่มาร์คกำลังเมานะคะ”น้ำตาลร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามให้สติพี่เขย ใบหน้าสะสวยเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา‘เมา’ หรือ ‘ไม่เมา’ มาร์เซโล่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีกว่าใคร เขารวบไหล่หล่อนแล้วกระชากสายชุดนอนอย่างแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “อูย... ”มาร์เซโล่พรูลมหายออกมากับสิ่งที่เห็น เมื่อสายชุดนอนเส้นเล็กๆ ที่เกี่ยวอยู่กับหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างถูกกระชากออกมาจากลาดไหล่สล้างตอนที่ป้านวลไปเคาะประตูเรียก น้ำตาลกำลังจะเข้านอน หล่อนจึงอยู่ในสภาพโนบราอย่างที่เห็น เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามานั่งเช็ดตัวให้พี่เขย ทำให้สองเต้าเต่งตึงผุดผึงออกมาอวดความอวบใหญ่ในทันทีที่ชุดนอนสีชมพูเนื้อผ้าซาตินพลิ้วบางถูกกระชากลงมากองอยู่ที่เอว“น
แต่ถ้าโดนจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายเหมือนอย่างที่มาร์เซโล่ขู่ว่ากำลังจะทำ... มีหวังว่าหล่อนคงขาดใจตายคาลิ้นของเขาแน่ๆ“อู้ว... สวยเหลือเกินตาลจ๋า”มาร์เซโล่ตาวาว เมื่อขาข้างหนึ่งของน้องเมียถูกมือใหญ่ของเขายกง้างขึ้นพาดเอาไว้กับพนักโซฟา ขณะที่ปลายเท้าอีกข้างยังวางอยู่กับพื้น“น่ากินเหลือเกิน”มาร์เซโล่พึมพำกับสิ่งที่เห็น ในท่าทางที่น้องเมียถูกบังคับให้ลำตัวกึ่งตะแคงถ่างขา ทำให้แลเห็นพูเนื้ออูมแน่นเหมือนส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ซอกขา โคกเนื้อสาวแอ่นอ้าขึ้นมาอวดความอิ่มสมบูรณ์นูนแน่นเหมือนหลังเต่า ทำเอามาร์เซโร่ตาวาว รีบทาบสองมือแหวกพุ่มแพรไหมสีดำแล้วกอบพูเนื้อเอาไว้ในอุ้งมือ“โห... ”ดวงตาของพี่เขยแทบถลนออกมาจากเบ้า สองมือรีบแบะบีบกลีบเนื้อสีชมพูจนปูดปลิ้น ระรัวปลายลิ้นลงมาตวัดเลียพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพู ทั้งดูดทั้งเลียหนุบหนับ“อูยยย... อร่อยสุดๆ”มาร์เซโล่แผ่ปลายลิ้นออกกว้างแล้วกวาดเลียผนังเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่มสลับไปมาทั้งสองข้าง ไม่นานน้ำหล่อลื่นใสๆ ของคนโดนรุกรานก็หลั่งซ่านออกมาชโลมสองกลีบขมิบแน่น“อ๊อย... ”น้ำตาลเสียวจนต้องขมิบกลีบเนื้อรัดปล
ประกบกันแน่น แอ่นอ้าขึ้นรับปากและลิ้นของเขาที่แนบประทับลงมาดูดเลียอย่างเร่าร้อนลนลาน“อยากมีผัวนักใช่ไหม... เดี๋ยวเธอจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”มาร์เซโล่ดันขาของน้ำตาลให้แบะอ้าขึ้นไปขนานกับลำตัวอีกครั้ง“มะ... ไม่เอานะ”น้องเมียร้องห้าม พี่เขยกระตุกยิ้มพลางส่ายเสียดแก่นกายเข้ากับรูเสียว“อู้ย... ”น้ำตาลกัดริมฝีปากแน่น สายตาหวาดๆ หลุบลงมองส่วนปลายของแก่นกายที่มีน้ำใสปริ่มเล็ดออกมาชโลมหัวมังกรแดงก่ำ ถูกกดเข้ากับกลีบเนื้อซึ่งแฉะฉ่ำไปด้วยเมือกคาวสวาทของหล่อน ก่อนที่ร่องเสียวจะเกร็งสะท้านเพราะความยาวใหญ่ที่เสียบพรวดเข้าใส่จนล้ำลึกสุดโคนพวงสวรรค์เสียงดังบลั่ก“อร๊ายยย... อูย”ในเสี้ยววินาทีที่พรหมจารีได้ถูกทำลายลงแล้ว ใบหน้าของน้ำตาลบิดเบ้ ริมฝีปากระริกสั่น ดวงตาเหลือกลานไปชั่วขณะเมื่ออาวุธประจำกายของมาร์เซโล่เคลื่อนเข้ามาคาคับอยู่ในรูเนื้อฟิตแน่น“เจ็บนิดเดียวนะ”พี่เขยปลอบ“แน่นเหลือเกิน... อ๊อย”น้ำตาลพึมพำเสียงสั่นพร่า ท่าทางของหล่อนแสดงความอึดอัดทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามือสองข้างยังโดนมัดล็อคเอาไว้เหนือศีรษะ“อู้ว... ทั้งแน่นทั้งรัด”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออ
มาร์เซโล่กระตุกยิ้ม“อุ๊ย... ตะ... ตาลทำไม่เป็นค่ะ”หญิงสาวรีบส่ายหน้า“ไม่ยาก... รับรองว่าตาลจะชอบ”พี่เขยบอกพลางถอนท่อนเอ็นอวบใหญ่ออกมาจากร่องเนื้อตอดรัด รีบขยับลงมานั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาแทนที่หล่อน เอื้อมมือมาโอบเอวของน้องเมียที่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก“คร่อมลงมา”พี่เขยสั่งเสียงเข้ม“อุ๊ย... มันผาดโผนเกินไปนะคะพี่มาร์ค ตะ... ตาลทำไม่เป็น”หญิงสาวส่ายหน้า แววตาบอกความเขินอาย หากสุดท้ายก็หลุบตาลงมองท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่ตั้งเป็นลำตระหง่านอยู่ตรงง่ามขาของพี่เขยด้วยความรู้สึกเสียววาบในช่องท้อง“ไม่ยาก... ”มาร์เซโล่เอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาโอบเอวหล่อน รั้งร่างเอิบอิ่มเย้ายวนของหญิงสาวให้ขึ้นมานั่งคร่อมกึ่งกลางกายของเขาจนได้ท่าทางของหญิงสาวแลดูเก้ๆ กังๆ อย่างเห็นได้ชัด หล่อนยอมรับว่าตอนนั้นมือไม้ของตัวเองดูเกะกะไปหมด ทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องขอให้พี่เขยช่วยแก้มัด ครั้นเมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระกลับไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน“เกาะพี่... กอดพี่สิจ๊ะ”เสียงร้องบอกของพี่เขยทำให้น้ำตาลค่อยๆ วางมือทาบลงบนแผงอกซึ่งรกไปด้วยเส้นขนของมาร์เซโล่ ขณะที่มือของเขากำลังโอบดุ้นเนื้อ ส่ายเสียดหัวมั
ขาวออกมายั่วสายตาหื่นกระหายของเขาที่ยืนจ้องมองด้วยหัวใจเต้นแรง“อู้ว... ”พี่เขยพึมพำในใจว่าน้องเมียคนนี้ช่างน่ากระแทกเหลือเกิน ในท่าซึ่งหล่อนกระดกสะโพกท้าทายเขาเป็นนัย ทำให้พูเนื้อสีชมอวบอั๋นแอ่นอ้าเป็นกลีบอูมออกมาจากซอกขาขาวๆ“น่าสุดๆ เลยจ้ะตาลจ๋า”เสียงสั่นพร่าบอกให้รู้ว่าเขาทนไม่ไหวแล้ว มาร์เซโล่สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้ลำตัวของน้ำตาล รั้งเอวหล่อนขึ้นมาเล็กน้อย ขยับบั้นท้ายตึงเต็มจนได้องศาที่จะสอดใส่ได้ถนัด จากนั้นมืออีกข้างของเขาก็ช้อนท่อนเอ็นยาวใหญ่ขึ้นมาส่ายเสียดส่วนปลายเข้ากับร่องเนื้อซึ่งอาบเลื่อมไปด้วยน้ำหล่อลื่นเอ่อทะลักออกมา “อูย... ”น้ำตาลพริ้มตา มาร์เซโล่ค่อยๆ กระแซะเสียบส่วนปลายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดตูมขนาดใหญ่ แต่เป็นสีแดงก่ำและมันเลื่อมเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพูสดสวยที่เผยออ้าออกมาดูดรัดหัวมังกรทีละน้อย “อูย... อ๊อย”น้ำตาลร้อง หล่อนเสียวจนขมิบกลีบเนื้อพัลวัน มาร์เซโล่จ้องมองกลีบเนื้อบอบบางปริปลิ้นดูดกินความแข็งแกร่งของเขาเข้าไปด้วยหัวใจเต้นแรงระทึก “เข้าแล้วจ้ะ... โอ้ว”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ค่อยๆ ชอนไชความแข็งแกร่งเสียบแทงเข้าสู่ความนุ่มแน่นของน้ำตาลทีละนิดจนท่อ
“ค่ะ”คนถูกถามตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง น้ำตาลยอมรับว่าจู่ๆ ก็เกิดอาการปวดแปลบใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดนั่งเคลียคลอฉอเลาะอยู่กับมาร์เซโล่ไม่ห่าง หล่อนกำลังวางทีท่าว่าเป็นเจ้าของมาร์เซโล่อย่างเห็นได้ชัด“วันนี้หยุดงานสักวันได้ไหมคะมาร์คขา”จันทร์เจิดทำเสียงออดอ้อนเจ้าของบ้าน พยายามแย่งความสนใจของเขาออกมาจากน้องเมีย“คุณจะไปไหนหรือ”เจ้าของบ้านถาม“จันทร์อยากไปดูหนังค่ะ... นานแล้วนะคะที่เราสองคนไม่ได้ดูหนังด้วยกัน” “ก็ได้ครับ”มาร์เซโล่ตามใจหล่อน นานแล้วที่เขากับจันทร์เจิดไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสองเหมือนเช่นในตอนนี้ เพราะว่าภายหลังจากมาร์เซโล่แต่งงานกับน้ำผึ้งซึ่งเป็นพี่สาวของน้ำตาล จันทร์เจิดก็ตกอยู่ในสภาพอกหักยับเยิน หล่อนจำต้องหอบจิตใจซึ่งบอบช้ำจากมาร์เซโล่ หนีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานหลายปี วันนี้จันทร์เจิดมีเหตุผลที่ตัดสินใจเดินทางกลับมาเมืองไทย เพราะรู้ว่ามาร์เซโล่เพิ่งกลับมาครองสถานะโสดอีกครั้ง ภายหลังจากต้องสูญเสียภรรยาให้กับอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครคาดคิดและสาเหตุที่มาร์เซโล่ยอมสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง ก็เพราะว่าเขามีเหตุผลส
แม้ทรวงอกของจันทร์เจิดจะไม่ใหญ่โตเท่ากับของน้ำตาล แต่ชายหนุ่มก็บีบคลึงสองเต้าเต่งตึงด้วยความลืมตัว รูดสายชุดนอนบางๆ ลงมากองไว้ที่ต้นแขน รีบช้อนร่างเย้ายวนของคนรักเก่าขึ้นอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน“อุ๊ย... ”จันทร์เจิดทำหน้าตกใจ ในทันทีที่ปลายเท้าน้อยๆ ของหล่อนละลิ่วลอยขึ้นจากพื้นเพราะร่างบอบบางถูกกระชากขึ้นมารวบอุ้มด้วยความใจร้อนมาร์เซโล่อุ้มหล่อนมาวางลงบนเตียงนอน รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ่อนไม่ต่างกัน จากนั้นก็รั้งเอวของจันทร์เจิดมาจัดท่าทางให้นอนหงายถ่างขาอ้าซ่าตรงขอบเตียง“อ๊ะ... ”จันทร์เจิดสะดุ้ง มองหน้าเขาด้วยแววตาเปี่ยมจริตมารยา อันที่จริงหล่อนกับเขาก็เหมือนวัวเคยค้าม้าเคยขี่กันมาก่อน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดพร่ามทำเพลงให้เรื่องมากท่าทางของมาร์เซโล่ดูใจร้อนและหื่นกระหาย เขาเอื้อมคว้าถุงยางอนามัยขนาดคิงไซส์ในลิ้นชักเล็กๆ ข้างหัวเตียงขึ้นมาฉีกแล้วสวมครอบดุ้นเอ็นใหญ่ยักษ์จากนั้นก็จดจ่อส่วนปลายเบ่งบานเหมือนดอกเห็ดแดงก่ำเข้ากับกลีบเนื้อแฉะฉ่ำน้ำคาวสวาทของหญิงสาว เมื่อส่ายเสียดจนเมือกลื่นคลุกเคล้ากันได้ที่ก็บดขยี้ความแข็งแกร่งลงไปสุดแรง“อร๊าย... ”จันทร์เจิดเสียว