ว่าคุณมาร์คจะต้องรักต้องหลงคุณตาล... ขอเพียงแค่คุณตาลแสดงให้เขารู้บ้างว่าแอบสนใจเขา”
ป้านวลเชียร์อย่างออกนอกหน้า
“เอ่อ... ตาลไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้”
หญิงสาวรู้สึกลังเลและสับสนใจ ทั้งที่ลึกๆ ในใจของหล่อนก็ยอมรับว่าแอบหลงรักพี่เขยคนนี้อยู่เงียบๆ มานานหลายปี
ระหว่างที่น้ำตาลกับป้านวลกำลังคุยกันอยู่ในครัว จู่ๆ เสียงแหวของจันทร์เจิดก็ดังลั่นขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องครัว
“ป้านวล... คืนนี้ตั้งโต๊ะอาหารกลางสนามหญ้านะคะ คุณมาร์คจะจัดปาร์ตี้ต้อนรับการมาถึงของจันทร์ค่ะ”
ทั้งที่ตัวเองเป็นแขกของบ้าน แต่จันทร์เจิดกลับวางท่าทีเหมือนเป็นคุณนายคนใหม่
ป้านวลได้ยินคำสั่งของจันทร์เกิดก็จริง แต่หล่อนกลับตีรวนด้วยการหันไปถามผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เดินตามหลังแฟนเก่าเข้ามาถึงในครัว
“แขกกี่คนคะคุณมาร์ค... ป้าจะได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้ถูก”
“ก็มีผม... จันทร์ น้ำตาล แล้วก็ไอ้เมศกับไอ้นาวินเพื่อนผมอีกสองคน”
มาร์เซโล่ตอบ จันทร์เจิดรู้สึกเสียหน้าที่ป้านวลเลือกจะคุยกับเขาเหมือนไม่เห็นหัวหล่อน
“รอให้ฉันเข้ามาเป็นคุณนายคนใหม่ก่อนเถอะ... แกจะเป็นคนแรกที่โดนเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้”
หลังจากเจ้าของบ้านเดินลับออกไปจากครัว จันทร์เจิดก็แผ่รังสีมารออกมาด้วยการชี้หน้าป้านวล กราดเสียงใส่สตรีผู้อาวุโสกว่าด้วยความโกรธจัด กล้าแสดงความร้ายกาจออกมาอย่างเปิดเผยเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวยังไงยังงั้น กิริยาท่าทางยืนยันถึงความเป็นคนที่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ... ป้าจะรอ และป้าคิดว่าวันนั้นคงยังไม่มาถึงง่ายๆ หรอกนะคะคุณจันทร์เจิดขา ป้าเชื่อว่าคุณมาร์คคงไม่หูหนวกตาบอดไปคว้าผู้หญิงร้ายกาจมาทำเมียหรอกนะคะ”
ป้านวลรู้ว่าเสี่ยงมากที่จะโดนเฉดหัวเป็นคนแรก ที่กล้าหาญตอบโต้ออกไปเช่นนั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะอีแก่... ไม่นานแกกับฉันได้เจอกันแน่”
จันทร์เจิดกำมือแน่น ก่อนจะพาลไปหาเรื่องน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างๆ ป้านวล
“แกด้วย... ชื่อนังน้ำตาลใช่ไหม ตอนนี้พี่สาวแกไม่อยู่แล้วนี่นา ยังจะมาเสนอหน้าอยู่ทำไม ถึงเวลาแล้วนะ... ที่แกควรจะออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที”
จันทร์เจิดลอยหน้าลอยตา วางท่าราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน
“...”
น้ำตาลนิ่งเงียบ หล่อนเลือกที่จะไม่ตอบโต้กับคนพรรค์นี้ ท่าทางของจันทร์เจิดที่ได้เห็นกับตาทำให้น้ำตาลรู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงร้ายกาจสุดๆ อย่างนี้นี่เองที่ทำให้ป้านวลเกลียดนักเกลียดหนา
ป้านวลยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกโล่งใจที่จันทร์เจิดเดินออกไปจากครัวเสียได้ หล่อนวิ่งตามมาร์เซโล่ไปติดๆ เหมือนกลัวว่าเขาจะหาย
“ถ้านังผู้หญิงคนนี้เข้ามาเป็นคุณนายคนใหม่ของบ้านหลังนี้จริงๆ... มีหวังว่าป้าคงถูกเขี่ยกระเด็นออกจากบ้านก่อนใคร”
ป้านวลมองเห็นอนาคตของตัวเองรางๆ สิ่งที่เห็นทำให้น้ำตาลนิ่งอยู่ในอาการครุ่นคิด บางทีหล่อนควรทำอะไรสักอย่าง...
“สงสัยว่าคืนนี้นังจันทร์เจิดคงวางแผนเขมือบคุณมาร์คแน่ๆ”
ป้านวลรู้ทัน หล่อนกล่าวพลางเหลือบมองใบหน้าของน้ำตาล หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรป้านวลก็ชิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“แต่ไม่ต้องห่วง... ”
ป้านวลหรี่ตาครุ่นคิด หล่อนมั่นใจว่าแผนการของตนนั้นลุ่มลึกกว่าของจันทร์เจิดอย่างแน่นอน ผู้หญิงร้ายกาจอย่างจันทร์เจิดต้องเจอแผนซ้อนแผน
“แล้วป้าจะทำยังไงคะ?”
น้ำตาลอดสงสัยไม่ได้... ป้านวลมีแผนอะไร
“ป้ามีวิธี”
ด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น ป้านวลตอบสั้นๆ คิดว่าหล่อนมีวีธีรับมือกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างจันทร์เจิด
ตอนใกล้ค่ำของวันเดียวกันนั้น
งานเลี้ยงเล็กๆ ได้ถูกจัดขึ้นท่ามกลางสนามหญ้าใกล้กับสวนหย่อมของบ้านหลังใหญ่ เพื่อนสนิทของมาร์เซโล่ทั้งนาวินและราเมศเดินทางมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
ป้านวลพร้อมด้วยเด็กรับใช้ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวพม่าสองคนเริ่มทยอยยกอาหารออกมาเสริฟจนเต็มโต๊ะไปหมด เครื่องดื่มซึ่งมีทั้งซอฟดริ้งค์และสุราดีกรีแรงหลายยี่ห้อถูกเสริฟให้กับแขกอย่างต่อเนื่อง
ป้านวลรู้ว่าคืนนี้จันทร์เจิดจ้องจะเผด็จสวาทมาร์เซโล่เพื่อให้ถ่านไฟเก่าคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ป้านวลจึงมองหาจังหวะ เมื่อสบโอกาสก็ใส่ยานอนหลับลงในแก้วเหล้าของจันทร์เจิดหลายรอบ ทำให้หล่อนเมาหลับ สิ้นฤทธิ์เดชไปในที่สุด
“จันทร์... ดูท่าทางคุณคงไม่ไหวแล้วนะ”มาร์เซโล่เอื้อมมือไปแตะแขนของแฟนเก่า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดเมาจนหลับคาแก้วครั้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อประคองหล่อน ป้านวลก็รีบเอ่ยขึ้นทันที“คุณมาร์คนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าพาคุณจันทร์เจิดไปส่งที่ห้องนอนให้นะคะ”เข้าแผน... ป้านวลรีบอาสา ค่อยๆ ประคองร่างอวบอัดของจันทร์เจิดซึ่งเมาพับไม่ได้สติขึ้นมาส่งจนถึงห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน“แฟนเก่ามานอนค้างบ้านแกแบบนี้... แสดงว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหมวะไอ้มาร์ค”ราเมศแซวเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่าตอนนั้นเหลือแต่คนกันเอง หารู้ไม่ว่าน้ำตาลซึ่งกำลังช่วยสาวใช้ชาวพม่าสองคนเก็บถ้วยเก็บจาน กำลังแอบเงี่ยหูฟังคำตอบของมาร์เซโล่อย่างใจจดใจจ่อ“คงต้องดูๆ กันไปก่อน... ”มาร์เซโล่ตอบพลางกระดกเหล้าลงคอ ไม่ได้ปฏิเสธว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับจันทร์เจิดกำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งในเรื่องนี้มีแต่ตัวของมาร์เซโล่เองเท่านั้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร? เพราะสาเหตุอันใดที่ทำให้เขากลับมาสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายกลับมาหาเขามาร์เซโล่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขา
ป้านวลอุทานเสียงดังลั่น เมื่อหล่อนเดินกลับลงมาดูแลความเรียบร้อยแล้วพบว่าเจ้าของบ้านถูกทอดทิ้งให้นั่งดื่มอยู่คนเดียวลำพัง “ว้าย... ค่อยๆ เดินนะคะคุณขา”ป้านวลอุทานอีกครั้ง ตอนนั้นมาร์เซโล่กำลังหยัดร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นจากเก้าอี้ อาการซวนเซน้อยๆ บอกให้รู้ว่าเขาเมาไม่น้อย“ตาทอง... แกมาช่วยประคองคุณมาร์คให้ทีเถอะ”ป้านวลร้องเรียกลุงทองซึ่งเป็นคนขับรถ ลุงทองรีบปรี่เข้ามาช่วยเหลือ แกยกแขนข้างหนึ่งของมาร์เซโล่ผู้เป็นนายขึ้นพาดเอาไว้บนบ่า จากนั้นก็พาขึ้นบันไดมาส่งจนถึงห้องนอนของผู้เป็นนายซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน โดยมีป้านวลตามมาดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด“ค่อยวางลงบนโซฟา”ป้านวลบอก ลุงทองค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่ของมาร์เซโล่ลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางห้อง“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย”ลุงทองถาม“แกไปได้แล้ว”ป้านวลรีบบอก เมื่อร่างท้วมของลุงทองเดินลับไปจากสายตาแกก็รีบเดินมาเคาะประตูห้องนอนของน้ำตาล แผนการบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในสมอง“มีอะไรคะป้านวล”น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดนอนบางๆ เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตกใจ“คุณมาร์คเมามาก... หนูตาลช่วยเข้าไปดูหน่อยสิคะ”“เอ่อ... ตาลจะช่
คนโดนจูบร้องห้าม หากมาร์เซโล่ก็ไม่ยอมฟัง ยังคงระดมจูบไซ้เฟ้นฟอนผิวสาวไล่เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาวๆ อย่างหื่นหิว“หอมเหลือเกินน้ำตาลจ๋า”มาร์เซโล่พึมพำขณะจูบได้ซอกคอและเนินอกของน้องเมียอย่างเร่าร้อน กลิ่นแป้งอ่อนๆ ระคนกลิ่นสาบสาวที่จมูกของเขาสัมผัสได้ ทำให้เลือดในกายของมาร์เซโล่สูบฉีดรุนแรงขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ไม่นะพี่มาร์ค... ฮือๆ หยุดนะ... พี่มาร์คกำลังเมานะคะ”น้ำตาลร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามให้สติพี่เขย ใบหน้าสะสวยเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา‘เมา’ หรือ ‘ไม่เมา’ มาร์เซโล่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีกว่าใคร เขารวบไหล่หล่อนแล้วกระชากสายชุดนอนอย่างแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “อูย... ”มาร์เซโล่พรูลมหายออกมากับสิ่งที่เห็น เมื่อสายชุดนอนเส้นเล็กๆ ที่เกี่ยวอยู่กับหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างถูกกระชากออกมาจากลาดไหล่สล้างตอนที่ป้านวลไปเคาะประตูเรียก น้ำตาลกำลังจะเข้านอน หล่อนจึงอยู่ในสภาพโนบราอย่างที่เห็น เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามานั่งเช็ดตัวให้พี่เขย ทำให้สองเต้าเต่งตึงผุดผึงออกมาอวดความอวบใหญ่ในทันทีที่ชุดนอนสีชมพูเนื้อผ้าซาตินพลิ้วบางถูกกระชากลงมากองอยู่ที่เอว“น
แต่ถ้าโดนจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายเหมือนอย่างที่มาร์เซโล่ขู่ว่ากำลังจะทำ... มีหวังว่าหล่อนคงขาดใจตายคาลิ้นของเขาแน่ๆ“อู้ว... สวยเหลือเกินตาลจ๋า”มาร์เซโล่ตาวาว เมื่อขาข้างหนึ่งของน้องเมียถูกมือใหญ่ของเขายกง้างขึ้นพาดเอาไว้กับพนักโซฟา ขณะที่ปลายเท้าอีกข้างยังวางอยู่กับพื้น“น่ากินเหลือเกิน”มาร์เซโล่พึมพำกับสิ่งที่เห็น ในท่าทางที่น้องเมียถูกบังคับให้ลำตัวกึ่งตะแคงถ่างขา ทำให้แลเห็นพูเนื้ออูมแน่นเหมือนส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ซอกขา โคกเนื้อสาวแอ่นอ้าขึ้นมาอวดความอิ่มสมบูรณ์นูนแน่นเหมือนหลังเต่า ทำเอามาร์เซโร่ตาวาว รีบทาบสองมือแหวกพุ่มแพรไหมสีดำแล้วกอบพูเนื้อเอาไว้ในอุ้งมือ“โห... ”ดวงตาของพี่เขยแทบถลนออกมาจากเบ้า สองมือรีบแบะบีบกลีบเนื้อสีชมพูจนปูดปลิ้น ระรัวปลายลิ้นลงมาตวัดเลียพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพู ทั้งดูดทั้งเลียหนุบหนับ“อูยยย... อร่อยสุดๆ”มาร์เซโล่แผ่ปลายลิ้นออกกว้างแล้วกวาดเลียผนังเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่มสลับไปมาทั้งสองข้าง ไม่นานน้ำหล่อลื่นใสๆ ของคนโดนรุกรานก็หลั่งซ่านออกมาชโลมสองกลีบขมิบแน่น“อ๊อย... ”น้ำตาลเสียวจนต้องขมิบกลีบเนื้อรัดปล
ประกบกันแน่น แอ่นอ้าขึ้นรับปากและลิ้นของเขาที่แนบประทับลงมาดูดเลียอย่างเร่าร้อนลนลาน“อยากมีผัวนักใช่ไหม... เดี๋ยวเธอจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”มาร์เซโล่ดันขาของน้ำตาลให้แบะอ้าขึ้นไปขนานกับลำตัวอีกครั้ง“มะ... ไม่เอานะ”น้องเมียร้องห้าม พี่เขยกระตุกยิ้มพลางส่ายเสียดแก่นกายเข้ากับรูเสียว“อู้ย... ”น้ำตาลกัดริมฝีปากแน่น สายตาหวาดๆ หลุบลงมองส่วนปลายของแก่นกายที่มีน้ำใสปริ่มเล็ดออกมาชโลมหัวมังกรแดงก่ำ ถูกกดเข้ากับกลีบเนื้อซึ่งแฉะฉ่ำไปด้วยเมือกคาวสวาทของหล่อน ก่อนที่ร่องเสียวจะเกร็งสะท้านเพราะความยาวใหญ่ที่เสียบพรวดเข้าใส่จนล้ำลึกสุดโคนพวงสวรรค์เสียงดังบลั่ก“อร๊ายยย... อูย”ในเสี้ยววินาทีที่พรหมจารีได้ถูกทำลายลงแล้ว ใบหน้าของน้ำตาลบิดเบ้ ริมฝีปากระริกสั่น ดวงตาเหลือกลานไปชั่วขณะเมื่ออาวุธประจำกายของมาร์เซโล่เคลื่อนเข้ามาคาคับอยู่ในรูเนื้อฟิตแน่น“เจ็บนิดเดียวนะ”พี่เขยปลอบ“แน่นเหลือเกิน... อ๊อย”น้ำตาลพึมพำเสียงสั่นพร่า ท่าทางของหล่อนแสดงความอึดอัดทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามือสองข้างยังโดนมัดล็อคเอาไว้เหนือศีรษะ“อู้ว... ทั้งแน่นทั้งรัด”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออ
มาร์เซโล่กระตุกยิ้ม“อุ๊ย... ตะ... ตาลทำไม่เป็นค่ะ”หญิงสาวรีบส่ายหน้า“ไม่ยาก... รับรองว่าตาลจะชอบ”พี่เขยบอกพลางถอนท่อนเอ็นอวบใหญ่ออกมาจากร่องเนื้อตอดรัด รีบขยับลงมานั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาแทนที่หล่อน เอื้อมมือมาโอบเอวของน้องเมียที่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก“คร่อมลงมา”พี่เขยสั่งเสียงเข้ม“อุ๊ย... มันผาดโผนเกินไปนะคะพี่มาร์ค ตะ... ตาลทำไม่เป็น”หญิงสาวส่ายหน้า แววตาบอกความเขินอาย หากสุดท้ายก็หลุบตาลงมองท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่ตั้งเป็นลำตระหง่านอยู่ตรงง่ามขาของพี่เขยด้วยความรู้สึกเสียววาบในช่องท้อง“ไม่ยาก... ”มาร์เซโล่เอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาโอบเอวหล่อน รั้งร่างเอิบอิ่มเย้ายวนของหญิงสาวให้ขึ้นมานั่งคร่อมกึ่งกลางกายของเขาจนได้ท่าทางของหญิงสาวแลดูเก้ๆ กังๆ อย่างเห็นได้ชัด หล่อนยอมรับว่าตอนนั้นมือไม้ของตัวเองดูเกะกะไปหมด ทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องขอให้พี่เขยช่วยแก้มัด ครั้นเมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระกลับไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน“เกาะพี่... กอดพี่สิจ๊ะ”เสียงร้องบอกของพี่เขยทำให้น้ำตาลค่อยๆ วางมือทาบลงบนแผงอกซึ่งรกไปด้วยเส้นขนของมาร์เซโล่ ขณะที่มือของเขากำลังโอบดุ้นเนื้อ ส่ายเสียดหัวมั
ขาวออกมายั่วสายตาหื่นกระหายของเขาที่ยืนจ้องมองด้วยหัวใจเต้นแรง“อู้ว... ”พี่เขยพึมพำในใจว่าน้องเมียคนนี้ช่างน่ากระแทกเหลือเกิน ในท่าซึ่งหล่อนกระดกสะโพกท้าทายเขาเป็นนัย ทำให้พูเนื้อสีชมอวบอั๋นแอ่นอ้าเป็นกลีบอูมออกมาจากซอกขาขาวๆ“น่าสุดๆ เลยจ้ะตาลจ๋า”เสียงสั่นพร่าบอกให้รู้ว่าเขาทนไม่ไหวแล้ว มาร์เซโล่สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้ลำตัวของน้ำตาล รั้งเอวหล่อนขึ้นมาเล็กน้อย ขยับบั้นท้ายตึงเต็มจนได้องศาที่จะสอดใส่ได้ถนัด จากนั้นมืออีกข้างของเขาก็ช้อนท่อนเอ็นยาวใหญ่ขึ้นมาส่ายเสียดส่วนปลายเข้ากับร่องเนื้อซึ่งอาบเลื่อมไปด้วยน้ำหล่อลื่นเอ่อทะลักออกมา “อูย... ”น้ำตาลพริ้มตา มาร์เซโล่ค่อยๆ กระแซะเสียบส่วนปลายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดตูมขนาดใหญ่ แต่เป็นสีแดงก่ำและมันเลื่อมเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพูสดสวยที่เผยออ้าออกมาดูดรัดหัวมังกรทีละน้อย “อูย... อ๊อย”น้ำตาลร้อง หล่อนเสียวจนขมิบกลีบเนื้อพัลวัน มาร์เซโล่จ้องมองกลีบเนื้อบอบบางปริปลิ้นดูดกินความแข็งแกร่งของเขาเข้าไปด้วยหัวใจเต้นแรงระทึก “เข้าแล้วจ้ะ... โอ้ว”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ค่อยๆ ชอนไชความแข็งแกร่งเสียบแทงเข้าสู่ความนุ่มแน่นของน้ำตาลทีละนิดจนท่อ
“ค่ะ”คนถูกถามตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง น้ำตาลยอมรับว่าจู่ๆ ก็เกิดอาการปวดแปลบใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดนั่งเคลียคลอฉอเลาะอยู่กับมาร์เซโล่ไม่ห่าง หล่อนกำลังวางทีท่าว่าเป็นเจ้าของมาร์เซโล่อย่างเห็นได้ชัด“วันนี้หยุดงานสักวันได้ไหมคะมาร์คขา”จันทร์เจิดทำเสียงออดอ้อนเจ้าของบ้าน พยายามแย่งความสนใจของเขาออกมาจากน้องเมีย“คุณจะไปไหนหรือ”เจ้าของบ้านถาม“จันทร์อยากไปดูหนังค่ะ... นานแล้วนะคะที่เราสองคนไม่ได้ดูหนังด้วยกัน” “ก็ได้ครับ”มาร์เซโล่ตามใจหล่อน นานแล้วที่เขากับจันทร์เจิดไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสองเหมือนเช่นในตอนนี้ เพราะว่าภายหลังจากมาร์เซโล่แต่งงานกับน้ำผึ้งซึ่งเป็นพี่สาวของน้ำตาล จันทร์เจิดก็ตกอยู่ในสภาพอกหักยับเยิน หล่อนจำต้องหอบจิตใจซึ่งบอบช้ำจากมาร์เซโล่ หนีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานหลายปี วันนี้จันทร์เจิดมีเหตุผลที่ตัดสินใจเดินทางกลับมาเมืองไทย เพราะรู้ว่ามาร์เซโล่เพิ่งกลับมาครองสถานะโสดอีกครั้ง ภายหลังจากต้องสูญเสียภรรยาให้กับอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครคาดคิดและสาเหตุที่มาร์เซโล่ยอมสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง ก็เพราะว่าเขามีเหตุผลส