ขึ้นมาประมูลงานในโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ได้หลายโครงการ
มาร์เซโล่ตั้งใจเอาไว้ว่าจากนี้ไม่นานบริษัทของเขาจะได้งานประมูลในระดับอภิมหาโปรเจคของภาครัฐอย่างไม่ยากเย็นนัก เขาตั้งปนิธานเอาไว้ว่าจะทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองรุดหน้าขึ้นมาผงาดอยู่ในแถวหน้าของประเทศให้ได้
“ก็เรื่องนี้แหละค่ะที่ตาลอยากคุยกับพี่”
หญิงสาวเกริ่นให้พี่เขยรู้ถึงสิ่งที่หล่อนครุ่นคิดมาตลอดสามเดือน ภายหลังการจากไปของพี่สาว
“เรื่องอะไร”
เจ้าของบ้านถามพลางเอื้อมรับถ้วยกาแฟดำที่ป้านวลเพิ่งวางลงตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
“ตาลคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วจะย้ายออกไปจากที่นี่ค่ะ”
หญิงสาวตัดสินใจบอกในที่สุด
“อ้าว... ทำไม... อยู่บ้านพี่มันไม่สะดวกสบายหรอกหรือ?... มันเล็กไปหรือยังไง”
ด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย หัวคิ้วของมาร์เซโล่ชิดเข้าหากันเพราะตกใจ เมื่อได้รู้ว่าน้ำตาลกำลังจะย้ายออกไปจากบ้านของเขา
“เปล่าค่ะ... ตาลรู้ว่าอยู่บ้านพี่มาร์คสบายทุกอย่าง บ้านก็กว้างขวางใหญ่โตมาก แล้วคงจะไม่มีที่ไหนสบายไปกว่านี้ แต่... ”
น้ำตาลรีบชะงักคำพูดไว้ได้ทัน ทั้งที่จริงหล่อนอยากจะบอกให้มาร์เซโล่รู้ว่า ‘พี่มาร์คอย่าลืมนะคะ... ว่าตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว... ตาลเป็นแค่น้องเมีย ในเมื่อพี่สาวของตาลไม่อยู่แล้วตาลจะอยู่ได้ยังไง?’
“แต่อะไร... ”
พี่เขยถาม ทั้งที่น้ำตาลตั้งใจว่าจะไม่พูด ท้ายที่สุดก็ต้องพูดจนได้
“ก็ตอนนี้พี่ผึ้งไม่อยู่แล้วนะคะ... ตาลก็แค่น้องสาวของพี่ผึ้ง แค่คนอาศัย ต่อไปในวันข้างหน้าพี่มาร์คก็คงต้องมีครอบครัวใหม่... เอ่อ... ตาลหมายถึงเมียใหม่น่ะค่ะ”
หญิงสาวพูดไม่อ้อม
“ทำไมเราคิดมากจัง... จะกังวลไปทำไมกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อันที่จริงตาลสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปเลยนะ ตราบเท่าที่ตาลอยากจะอยู่ พี่อนุญาต... ไม่ว่าพี่จะมีเมียใหม่หรือไม่มี ตาลก็อยู่ที่นี่ได้ พี่บอกตรงๆ ว่าอยากให้ตาลอยู่ที่นี่ต่อไป... ตลอดไป เหมือนกับว่ามันเป็นบ้านของตาล”
มาร์เซโล่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอื้อเฟื้อ น้ำตาลรู้ว่าเขาพูดจริง แม้พี่เขยคนนี้บางครั้งอาจจะดุและเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่เท่าที่ผ่านๆ มาเขาก็ใจดีและมีน้ำใจมาตลอด
ครั้นเมื่อต้องคำนึงถึงความเหมาะสมนานาประการที่จะอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันต่อไป ก็ทำให้หล่อนลังเลที่จะทำตามคำแนะนำของมาร์เซโล่
“ตาล... เอ่อ... ”
ดวงตาดุๆ ที่จ้องมองมา ทำให้น้ำตาลพูดอะไรไม่ออก
“อย่าพูดเรื่องนี้กับพี่อีกนะ... รีบกินให้เสร็จ เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่งที่มหาลัย”
มาร์เซโล่รู้ว่าเมื่อวานน้ำตาลเพิ่งนำรถนิสสันมาร์ชคันเล็กที่หล่อนเคยใช้ประจำไปเข้าอู่ซ่อม กว่าจะเสร็จก็คงเย็นๆ
“แล้วสอบเสร็จกี่โมง... พี่คิดว่าบ่ายๆ จะผ่านไปแถวนั้น เดี๋ยวแวะรับที่มหาลัยนะ”
“สอบเสร็จบ่ายสามโมงค่ะ”
หญิงสาวตอบ สิ่งที่ได้ยินทำให้หัวใจของหล่อนพองโตขึ้นมาทันที
“รอนะ... เดี๋ยวพี่ไปรับ”
มาร์เซโล่สั่งเสียงเข้มโดยไม่มองหน้าหล่อน น้ำตาลรีบตักโจ๊กเข้าปาก แอบเหลือบมองใบหน้าหล่อเข้มของพี่เขยเป็นระยะๆ
อีกเดือนต่อมา ที่บ้านหลังใหญ่ของมาร์เซโล่
“นั่นรถใครคะป้านวล”
น้ำตาลถามสตรีร่างอวบ เมื่อหล่อนเดินเข้ามาในครัวแล้วบังเอิญสังเกตเห็นรถเบนซ์สีแดงคันหรูจอดอยู่ในโรงจอดรถ
“คุณจันทร์เจิดค่ะ”
ป้านวลทำปากยื่นไปยังรถของผู้หญิงที่ถูกเอ่ยถึงด้วยสีหน้าไม่ชอบนัก
“ใครคะป้า... ”
น้ำตาลสงสัย
“คู่ขาเก่า... เอ้ย แฟนเก่าคุณมาร์คค่ะ”
ที่ป้านวลรู้ดี ก็เพราะว่าหล่อนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ดังนั้นความเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีภายในบ้านหลังนี้ล้วนอยู่ในสายตาของหล่อนมาโดยตลอด
“แฟนเก่ามาหาถึงบ้านแบบนี้... สงสัยว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกรอบกระมังคะ”
น้ำตาลว่า
“อุ๊ย... ป้าภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างนั้นเชียว”
ป้านวลยกมือขึ้นทาบอก ทำท่าตกใจ
“ทำไมคะป้า”
น้ำตาลมองหน้าสตรีผู้สูงวัยกว่าด้วยความสงสัย
“ก็... ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว แต่เกิดคันปากขึ้นมาจนได้”
ป้านวลทำท่าอยากระบาย“แหม... เกริ่นซะขนาดนี้แล้วก็เล่ามาเถอะค่ะป้านวลขา”น้ำตาลรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะทำให้คนช่างพูดอย่างป้านวลยอมเล่าให้ฟัง และก็จริงอย่างที่หล่อนนึกเอาไว้“ก็คุณจันทร์เจิดคนนี้ร้ายอย่าบอกใครเชียวค่ะ เพราะว่าก่อนหน้านี้หล่อนเคยเข้ามาทำท่าวางก้ามประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณมาร์คมาแล้วนะคะ“หรอคะ... ”“ใช่... แต่โชคดีที่คุณมาร์คไม่เอาน่ะสิ เลยตัดสินใจแต่งงานกับคุณน้ำผึ้งพี่สาวคุณตาล ทำให้คุณจันทร์เจิดต้องยอมถอยห่างออกไปในที่สุด... แต่จู่ๆ ก็กลับมา พอรู้ว่ามีที่ว่างนางก็รีบเข้ามาเสียบทันที”ป้านวลวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม“พี่มาร์คนี่ก็เหลือเกินจริงๆ... นี่ขนาดพี่ผึ้งเพิ่งเสียไม่ทันจะข้ามปี... ไม่ทันไรก็คิดจะมีเมียใหม่เสียแล้ว”น้ำตาลเปรยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวของพี่เขยรูปหล่อ จู่ๆ หล่อนก็รู้สึกโกรธมาร์เซโล่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออาทิตย์ก่อนยังทำทีราวกับว่ารักและอาลัยอาวรณ์พี่สาวของหล่อนเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับไปสานสัมพันธ์กับแฟนเก่า... ผู้ชายนะผู้ชาย“ป้าว่าคุณมาร์คอาจจะไม่ทันคิดอะไรหรอกนะคะ เอ่อ... หรืออาจจะคิดป้าก็ไม่รู้... เพราะคุณ
ว่าคุณมาร์คจะต้องรักต้องหลงคุณตาล... ขอเพียงแค่คุณตาลแสดงให้เขารู้บ้างว่าแอบสนใจเขา”ป้านวลเชียร์อย่างออกนอกหน้า“เอ่อ... ตาลไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้”หญิงสาวรู้สึกลังเลและสับสนใจ ทั้งที่ลึกๆ ในใจของหล่อนก็ยอมรับว่าแอบหลงรักพี่เขยคนนี้อยู่เงียบๆ มานานหลายปีระหว่างที่น้ำตาลกับป้านวลกำลังคุยกันอยู่ในครัว จู่ๆ เสียงแหวของจันทร์เจิดก็ดังลั่นขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องครัว“ป้านวล... คืนนี้ตั้งโต๊ะอาหารกลางสนามหญ้านะคะ คุณมาร์คจะจัดปาร์ตี้ต้อนรับการมาถึงของจันทร์ค่ะ”ทั้งที่ตัวเองเป็นแขกของบ้าน แต่จันทร์เจิดกลับวางท่าทีเหมือนเป็นคุณนายคนใหม่ป้านวลได้ยินคำสั่งของจันทร์เกิดก็จริง แต่หล่อนกลับตีรวนด้วยการหันไปถามผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เดินตามหลังแฟนเก่าเข้ามาถึงในครัว“แขกกี่คนคะคุณมาร์ค... ป้าจะได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้ถูก”“ก็มีผม... จันทร์ น้ำตาล แล้วก็ไอ้เมศกับไอ้นาวินเพื่อนผมอีกสองคน”มาร์เซโล่ตอบ จันทร์เจิดรู้สึกเสียหน้าที่ป้านวลเลือกจะคุยกับเขาเหมือนไม่เห็นหัวหล่อน“รอให้ฉันเข้ามาเป็นคุณนายคนใหม่ก่อนเถอะ... แกจะเป็นคนแรกที่โดนเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้”หลังจากเจ้าของบ้านเดินลับออกไป
“จันทร์... ดูท่าทางคุณคงไม่ไหวแล้วนะ”มาร์เซโล่เอื้อมมือไปแตะแขนของแฟนเก่า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจิดเมาจนหลับคาแก้วครั้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อประคองหล่อน ป้านวลก็รีบเอ่ยขึ้นทันที“คุณมาร์คนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าพาคุณจันทร์เจิดไปส่งที่ห้องนอนให้นะคะ”เข้าแผน... ป้านวลรีบอาสา ค่อยๆ ประคองร่างอวบอัดของจันทร์เจิดซึ่งเมาพับไม่ได้สติขึ้นมาส่งจนถึงห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน“แฟนเก่ามานอนค้างบ้านแกแบบนี้... แสดงว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหมวะไอ้มาร์ค”ราเมศแซวเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่าตอนนั้นเหลือแต่คนกันเอง หารู้ไม่ว่าน้ำตาลซึ่งกำลังช่วยสาวใช้ชาวพม่าสองคนเก็บถ้วยเก็บจาน กำลังแอบเงี่ยหูฟังคำตอบของมาร์เซโล่อย่างใจจดใจจ่อ“คงต้องดูๆ กันไปก่อน... ”มาร์เซโล่ตอบพลางกระดกเหล้าลงคอ ไม่ได้ปฏิเสธว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับจันทร์เจิดกำลังจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งในเรื่องนี้มีแต่ตัวของมาร์เซโล่เองเท่านั้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร? เพราะสาเหตุอันใดที่ทำให้เขากลับมาสานสัมพันธ์กับจันทร์เจิดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายกลับมาหาเขามาร์เซโล่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขา
ป้านวลอุทานเสียงดังลั่น เมื่อหล่อนเดินกลับลงมาดูแลความเรียบร้อยแล้วพบว่าเจ้าของบ้านถูกทอดทิ้งให้นั่งดื่มอยู่คนเดียวลำพัง “ว้าย... ค่อยๆ เดินนะคะคุณขา”ป้านวลอุทานอีกครั้ง ตอนนั้นมาร์เซโล่กำลังหยัดร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นจากเก้าอี้ อาการซวนเซน้อยๆ บอกให้รู้ว่าเขาเมาไม่น้อย“ตาทอง... แกมาช่วยประคองคุณมาร์คให้ทีเถอะ”ป้านวลร้องเรียกลุงทองซึ่งเป็นคนขับรถ ลุงทองรีบปรี่เข้ามาช่วยเหลือ แกยกแขนข้างหนึ่งของมาร์เซโล่ผู้เป็นนายขึ้นพาดเอาไว้บนบ่า จากนั้นก็พาขึ้นบันไดมาส่งจนถึงห้องนอนของผู้เป็นนายซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน โดยมีป้านวลตามมาดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด“ค่อยวางลงบนโซฟา”ป้านวลบอก ลุงทองค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่ของมาร์เซโล่ลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางห้อง“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย”ลุงทองถาม“แกไปได้แล้ว”ป้านวลรีบบอก เมื่อร่างท้วมของลุงทองเดินลับไปจากสายตาแกก็รีบเดินมาเคาะประตูห้องนอนของน้ำตาล แผนการบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในสมอง“มีอะไรคะป้านวล”น้ำตาลซึ่งอยู่ในชุดนอนบางๆ เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตกใจ“คุณมาร์คเมามาก... หนูตาลช่วยเข้าไปดูหน่อยสิคะ”“เอ่อ... ตาลจะช่
คนโดนจูบร้องห้าม หากมาร์เซโล่ก็ไม่ยอมฟัง ยังคงระดมจูบไซ้เฟ้นฟอนผิวสาวไล่เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาวๆ อย่างหื่นหิว“หอมเหลือเกินน้ำตาลจ๋า”มาร์เซโล่พึมพำขณะจูบได้ซอกคอและเนินอกของน้องเมียอย่างเร่าร้อน กลิ่นแป้งอ่อนๆ ระคนกลิ่นสาบสาวที่จมูกของเขาสัมผัสได้ ทำให้เลือดในกายของมาร์เซโล่สูบฉีดรุนแรงขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ไม่นะพี่มาร์ค... ฮือๆ หยุดนะ... พี่มาร์คกำลังเมานะคะ”น้ำตาลร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามให้สติพี่เขย ใบหน้าสะสวยเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา‘เมา’ หรือ ‘ไม่เมา’ มาร์เซโล่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีกว่าใคร เขารวบไหล่หล่อนแล้วกระชากสายชุดนอนอย่างแรงเหมือนคนคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “อูย... ”มาร์เซโล่พรูลมหายออกมากับสิ่งที่เห็น เมื่อสายชุดนอนเส้นเล็กๆ ที่เกี่ยวอยู่กับหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างถูกกระชากออกมาจากลาดไหล่สล้างตอนที่ป้านวลไปเคาะประตูเรียก น้ำตาลกำลังจะเข้านอน หล่อนจึงอยู่ในสภาพโนบราอย่างที่เห็น เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามานั่งเช็ดตัวให้พี่เขย ทำให้สองเต้าเต่งตึงผุดผึงออกมาอวดความอวบใหญ่ในทันทีที่ชุดนอนสีชมพูเนื้อผ้าซาตินพลิ้วบางถูกกระชากลงมากองอยู่ที่เอว“น
แต่ถ้าโดนจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายเหมือนอย่างที่มาร์เซโล่ขู่ว่ากำลังจะทำ... มีหวังว่าหล่อนคงขาดใจตายคาลิ้นของเขาแน่ๆ“อู้ว... สวยเหลือเกินตาลจ๋า”มาร์เซโล่ตาวาว เมื่อขาข้างหนึ่งของน้องเมียถูกมือใหญ่ของเขายกง้างขึ้นพาดเอาไว้กับพนักโซฟา ขณะที่ปลายเท้าอีกข้างยังวางอยู่กับพื้น“น่ากินเหลือเกิน”มาร์เซโล่พึมพำกับสิ่งที่เห็น ในท่าทางที่น้องเมียถูกบังคับให้ลำตัวกึ่งตะแคงถ่างขา ทำให้แลเห็นพูเนื้ออูมแน่นเหมือนส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ซอกขา โคกเนื้อสาวแอ่นอ้าขึ้นมาอวดความอิ่มสมบูรณ์นูนแน่นเหมือนหลังเต่า ทำเอามาร์เซโร่ตาวาว รีบทาบสองมือแหวกพุ่มแพรไหมสีดำแล้วกอบพูเนื้อเอาไว้ในอุ้งมือ“โห... ”ดวงตาของพี่เขยแทบถลนออกมาจากเบ้า สองมือรีบแบะบีบกลีบเนื้อสีชมพูจนปูดปลิ้น ระรัวปลายลิ้นลงมาตวัดเลียพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบเข้ากับกลีบเนื้อสีชมพู ทั้งดูดทั้งเลียหนุบหนับ“อูยยย... อร่อยสุดๆ”มาร์เซโล่แผ่ปลายลิ้นออกกว้างแล้วกวาดเลียผนังเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่มสลับไปมาทั้งสองข้าง ไม่นานน้ำหล่อลื่นใสๆ ของคนโดนรุกรานก็หลั่งซ่านออกมาชโลมสองกลีบขมิบแน่น“อ๊อย... ”น้ำตาลเสียวจนต้องขมิบกลีบเนื้อรัดปล
ประกบกันแน่น แอ่นอ้าขึ้นรับปากและลิ้นของเขาที่แนบประทับลงมาดูดเลียอย่างเร่าร้อนลนลาน“อยากมีผัวนักใช่ไหม... เดี๋ยวเธอจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”มาร์เซโล่ดันขาของน้ำตาลให้แบะอ้าขึ้นไปขนานกับลำตัวอีกครั้ง“มะ... ไม่เอานะ”น้องเมียร้องห้าม พี่เขยกระตุกยิ้มพลางส่ายเสียดแก่นกายเข้ากับรูเสียว“อู้ย... ”น้ำตาลกัดริมฝีปากแน่น สายตาหวาดๆ หลุบลงมองส่วนปลายของแก่นกายที่มีน้ำใสปริ่มเล็ดออกมาชโลมหัวมังกรแดงก่ำ ถูกกดเข้ากับกลีบเนื้อซึ่งแฉะฉ่ำไปด้วยเมือกคาวสวาทของหล่อน ก่อนที่ร่องเสียวจะเกร็งสะท้านเพราะความยาวใหญ่ที่เสียบพรวดเข้าใส่จนล้ำลึกสุดโคนพวงสวรรค์เสียงดังบลั่ก“อร๊ายยย... อูย”ในเสี้ยววินาทีที่พรหมจารีได้ถูกทำลายลงแล้ว ใบหน้าของน้ำตาลบิดเบ้ ริมฝีปากระริกสั่น ดวงตาเหลือกลานไปชั่วขณะเมื่ออาวุธประจำกายของมาร์เซโล่เคลื่อนเข้ามาคาคับอยู่ในรูเนื้อฟิตแน่น“เจ็บนิดเดียวนะ”พี่เขยปลอบ“แน่นเหลือเกิน... อ๊อย”น้ำตาลพึมพำเสียงสั่นพร่า ท่าทางของหล่อนแสดงความอึดอัดทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามือสองข้างยังโดนมัดล็อคเอาไว้เหนือศีรษะ“อู้ว... ทั้งแน่นทั้งรัด”มาร์เซโล่พรูลมหายใจร้อนผ่าวออ
มาร์เซโล่กระตุกยิ้ม“อุ๊ย... ตะ... ตาลทำไม่เป็นค่ะ”หญิงสาวรีบส่ายหน้า“ไม่ยาก... รับรองว่าตาลจะชอบ”พี่เขยบอกพลางถอนท่อนเอ็นอวบใหญ่ออกมาจากร่องเนื้อตอดรัด รีบขยับลงมานั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาแทนที่หล่อน เอื้อมมือมาโอบเอวของน้องเมียที่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก“คร่อมลงมา”พี่เขยสั่งเสียงเข้ม“อุ๊ย... มันผาดโผนเกินไปนะคะพี่มาร์ค ตะ... ตาลทำไม่เป็น”หญิงสาวส่ายหน้า แววตาบอกความเขินอาย หากสุดท้ายก็หลุบตาลงมองท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่ตั้งเป็นลำตระหง่านอยู่ตรงง่ามขาของพี่เขยด้วยความรู้สึกเสียววาบในช่องท้อง“ไม่ยาก... ”มาร์เซโล่เอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาโอบเอวหล่อน รั้งร่างเอิบอิ่มเย้ายวนของหญิงสาวให้ขึ้นมานั่งคร่อมกึ่งกลางกายของเขาจนได้ท่าทางของหญิงสาวแลดูเก้ๆ กังๆ อย่างเห็นได้ชัด หล่อนยอมรับว่าตอนนั้นมือไม้ของตัวเองดูเกะกะไปหมด ทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องขอให้พี่เขยช่วยแก้มัด ครั้นเมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระกลับไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน“เกาะพี่... กอดพี่สิจ๊ะ”เสียงร้องบอกของพี่เขยทำให้น้ำตาลค่อยๆ วางมือทาบลงบนแผงอกซึ่งรกไปด้วยเส้นขนของมาร์เซโล่ ขณะที่มือของเขากำลังโอบดุ้นเนื้อ ส่ายเสียดหัวมั