“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งที่กระซิบที่ข้างหูทำให้นางตกใจยิ่งนัก ก่อนจะรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากจึงแตะเข้ากับริมฝีปากของเขาแต่แทนที่จะเป็นนางที่ร้องโวยวายกลับเป็นเขาที่แสดงท่าทีตกใจระคนรังเกียจ
“เจ้า!” เพื่อป้องกันไม่ให้เขาส่งเสียงไปมากกว่านี้ นางจึงรีบกระโจนเข้าหาแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับหัวเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งปิดปาก
“ท่านอย่าได้ตกใจ คนที่อยู่ในห้องเป็นพี่ชายของข้า ข้าเพียงมาหาเขา หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่”
“...” บุรุษที่ถูกนางปิดปากอยู่กลอกตาไปมาคล้ายอยากเอ่ยวาจา
“ท่านสัญญาได้หรือไม่ หากข้าปล่อยมือท่านจะไม่โวยวาย”
“...” เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ
‘นั่นใคร!’ เสียงที่ดังจากในห้องทำให้นางตกใจ นางปล่อยมือจากตัวเขาแล้วแสร้งยืนเบียดเขาทำตัวคล้ายชายงามออดอ้อนคุณชายที่มาเที่ยวหอชายงามทำให้บุรุษผู้นั้นตกใจจนตัวแข็งทื่อ เดือดร้อนให้นางต้องจับตัวเขาหันหลังให้ประตู
พรึ่บ! เมื่อเสียงประตูด้านหลังเปิดออกนางก็รีบจับมือของเขาให้มาโอบเอวตนเอง
“คุณชายขอรับ วันนี้ต้องขอบคุณท่านมากนะขอรับที่เรียกหาข้า” ฟ่านซีอิ๋งเอนซบใบหน้าลงกับแผงอกของบุรุษผู้นั้นหวังซ่อนใบหน้าของตน หากพี่ชายวิ่งออกจากห้องมาดูหน้าพวกนาง
“...”
“ข้าทราบดีว่าท่านยังไม่อยากกลับ แต่หากอยู่นานกว่านี้ประเดี๋ยวฮูหยินของท่านจับได้ ท่านก็จะไม่ได้มาหาข้าอีกนะขอรับ”
‘คุณชายขอรับมีปัญหาอันใดหรือไม่ ให้ข้าน้อยเรียกผู้คุ้มกันมาหรือไม่’ เสียงของคนด้านหลังทำให้นางหยุดฝีเท้า ก่อนจะขยับตัวและใบหน้าของตนผ่านอกของบุรุษผู้นั้นเพื่อลอบมองสิ่งที่อยู่ด้านหลังผ่านช่องว่างระหว่างตัวและแขนของเขา
‘ไม่ต้อง ช่างเถิด เราเข้าไปหาความสำราญด้านในต่อกันเถิด’
เมื่อประตูห้องที่พี่ชายอยู่ปิดลง นางก็รีบผละตัวออกห่างจากบุรุษผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
“ขออภัยคุณชายที่ล่วงเกินท่าน ข้าน้อยเพียงกลัวพี่ชายจะรู้สึกไม่ดี หากทราบว่าข้าน้อยเห็นเขามาเที่ยวในที่เช่นนี้”
“ซีอิ๋ง...เจ้าเป็นสตรีไม่ควรมาอยู่ในที่เช่นนี้” วาจาที่ออกจากปากบุรุษผู้นั้นทำให้นางตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านจำคนผิดแล้ว” นางตอบกลับพลางทำท่าจะวิ่งหนี แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งคออาภรณ์ด้านหลังเอาไว้
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าบุรุษที่อยู่ในห้องนั้นเป็นพี่ชายของเจ้ามิใช่หรือ”
“ท่านอาจจะฟังผิดแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าเป็นศัตรูสินะ” สิ้นเสียงเขา นางสัมผัสได้ถึงไอสังหาร
“มิใช่ ๆ พี่ชายไห่ถิงเป็นเปี่ยวเกอ[1]ของข้าขอรับ” นางมีสีหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยก่อนจะรีบเอ่ยคำโกหกออกไป
“เปี่ยวเกอหรือ ข้ารู้จักไห่ถิงมานานหลายปี ข้าเพิ่งทราบว่าเขามีเปี่ยวเกอหน้าตาเช่นเจ้า”
“กาลเวลาผันเปลี่ยน คนเราย่อมหน้าตาเปลี่ยนไปขอรับ”
“อืม...ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ไม่ได้เจอกันเพียงปีสองปี มิคาดว่าจะงดงามขึ้นถึงเพียงนี้” หากใครที่เคยดูแคลนต่อว่าเจ้าก้อนแป้งอ้วนกลมมาเห็นนางยามนี้เข้า เกรงว่าจะต้องสำลักน้ำลายตนเองตาย
“พี่ชาย! เมื่อครู่ท่านเอ่ยว่าอันใดนะขอรับข้าไม่ได้ยินที่ท่านกล่าว ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่”
“อย่าริอ่านทำตัวเป็นเด็กซุกซนมาวิ่งเล่นในที่เช่นนี้”
“ข้าเป็นบุรุษที่อยากลองมาเที่ยวหอชายงามบ้าง มันก็ไม่ผิดแปลกนี่ขอรับ”
“ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าเป็นน้องของไห่ถิง ข้าที่เป็นสหายของเขาจะรับหน้าที่ไปส่งเจ้าเอง”
“มิเป็นไรขอรับ ข้ามาเองก็กลับเองได้” กล่าวจบนางก็ทำท่าจะวิ่งหนี แต่เขาที่เคลื่อนไหวเร็วกว่ารีบคว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้
“อย่าได้เกรงใจกันเลย คนกันเองทั้งนั้น”
“แต่ว่า...”
“น้องของสหายก็เหมือนน้องของข้า ไปเถิดข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวน” เขาไม่ปล่อยให้นางหนีไปได้ มือใหญ่จับข้อมือกลมกลึงไว้แน่น
“ข้ายังไปไม่ได้ขอรับ” คุณหนูฟ่านพยายามรั้งฝีเท้าตนเองไม่ให้ก้าวตามแต่สตรีมีหรือจะสู้แรงบุรุษได้
“เพราะเหตุใด”
“ก็ข้า...ข้าเรียกชายงามมาปรนนิบัติยังไม่ได้จ่ายตำลึงให้พวกเขาเลย”
“อ๋อ! เป็นเช่นนั้นเอง ห้องของเจ้าคือห้องใด”
“ห้องนั้นขอรับ” เมื่อรู้ตัวว่าอย่างไรก็สลัดบุรุษผู้นี้ออกไปไม่ได้ นางจึงจำใจต้องชี้นิ้วไปที่ห้องนั้น
“อืม” เขาตอบรับก่อนจะลากนางให้เดินตามไป
[1] ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ที่เป็นผู้ชายอายุมากกว่า
........................................
จุดใต้ตำตอแล้วไหมละน้องเอ๋ย เจอเพื่อนพี่ชายซะงั้น
1ฝันร้ายที่ไม่อยากให้เกิด พรึ่บ! สตรีผู้มีดวงหน้าอ่อนหวานผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องพลางหอบเหนื่อยอย่างหนัก “นี่ข้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ” มันเป็นแค่ฝันที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ ยิ่งใกล้ปักปิ่นความฝันเหล่านั้นยิ่งชัดแจ้งขึ้นทุกที ความฝันที่ว่าพี่ชายเพียงคนเดียวของนางเป็นต้วนซิ่ว[1]ทั้งยังหลงรักสหายของตนอย่างหัวปักหัวปำ ยามที่สหายยังไม่มีคนรักก็แล้วไป แต่พออีกฝ่ายที่เป็นถึงซื่อจื่อ[2]ของจวนอ๋องตบแต่งพระชายาทั้งยังปักใจรักสตรีผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง พี่ใหญ่ที่คล้ายกับคนผิดหวังในความรักเกิดความคิดชั่วร้ายหวังกำจัดสตรีผู้นั้น แม้ชินอ๋องเป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่ที่ตอนนี้พาพระชายาออกท่องเที่ยวไปแล้ว แต่ทว่าก็ยังมีเสือหมอบมังกรซ่อน[3]ถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อปกป้องบุตรชาย ดังนั้นเมื่อพี่ใหญ่ของนางส่งคนไปทำร้ายพระชายาของชินอ๋องซื่อจื่ออยู่บ่อยครั้ง ความเป็นสหายก็ขาดสะบั้น สุดท้ายโทษหนักอย่างการปองร้ายเชื้อพระวงศ์ก็ตกใส่หัวตระกูลฟ่านของนาง โดนประหารยกตระกูล ส่วนนางที่ตบแต่งเข้าตระกูลซิว ก็ถูกแม่สามีส่งกลับจ
เพราะอารามแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าเขา จึงมีลมเย็นพัดโชยตลอดทำให้นางต้องกระชับเสื้อคลุมกันหนาวที่สวมไว้ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่รถม้าหลังจากที่ได้เครื่องรางที่ต้องการแล้ว “ขากลับจวนจะแวะเดินเล่นในตลาดก่อนหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ ข้าอยากรีบกลับไปนอนบนเตียงอุ่นของตนเอง” เพราะถูกคนอื่นเอ่ยวาจาเสียดสีเรื่องที่นางขี้ริ้วขี้เหร่กว่าพี่ชายที่เป็นบุรุษอยู่บ่อยครั้ง ยามอยู่ในจวนบิดามารดาและพี่ใหญ่จึงแทบประคองนางไว้กลางฝ่ามือ ทุกอย่างในเรือนของนางจึงเป็นของดี แม้แต่เตียงยังเป็นเตียงอุ่น เห็นหรือไม่ว่าตามใจนางมากเพียงใด หากวันหนึ่งเสียคนขึ้นมาก็อย่าได้แปลกใจ “เจ้าค่ะคุณหนู” ซูฉีรับคำก่อนจะประคองคุณหนูขึ้นรถม้า แล้วบอกกล่าวกับคนขับรถม้า ในระหว่างทางรถม้าที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าจู่ ๆ ก็ชะลอลงเล็กน้อยคล้ายกับมีเหตุการณ์บางอย่างอยู่ข้างหน้า “มีอันใดหรือไม่” คุณหนูฟ่านส่งเสียงถามคนขับรถม้า “ข้างหน้าเหมือนจะมีรถม้าจอดเสียอยู่ขอรับ” “รถม้าของเราสามารถผ่านไปได้หรือไม่” “ได้ขอรับ แต่ต้องระวังสักเล็กน้อย”
‘มีอันใดก็รีบเอ่ยมา’ แม้ไม่ได้เห็นสีหน้า แต่คนลอบฟังเช่นนางก็สามารถคาดเดาได้ว่าบุรุษผู้นั้นกำลังรู้สึกรำคาญ ‘ข้าเพียงแต่อยากจะเอ่ยวาจาขอบคุณท่านที่ได้ยื่นมือช่วยเหลือข้าในวันนั้นเจ้าค่ะ’ ‘ข้าน่ะหรือ ช่วยเหลือเจ้า’ นี่แหละนะบุรุษรูปงามมักไม่จดจำว่าตนเองได้ล่อลวงสตรีใดไปบ้าง ‘เจ้าค่ะ เป็นท่านที่ช่วยเหลือข้ายามที่ม้าเหล่านั้นกำลังพยศ’ ‘อ๋อ! ในตอนนั้นข้าเพียงไม่อยากให้รถม้าของตระกูลนั้นต้องจ่ายค่าเสียหายมากมาย’ แท้จริงที่ช่วยก็เพียงมีใจอยากช่วยไม่ให้จวนท่านตาต้องชดเชยค่าเสียหายจำนวนมากก็เท่านั้น บุรุษผู้นี้ปากร้ายยิ่งนัก สตรีงดงามรู้สึกซาบซึ้งแทนที่จะรับคำขอบคุณไว้กลับบอกไปเช่นนั้นไม่รู้คนงามจะหน้าชาเพียงใด ‘อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ มิเช่นนั้นข้าคงเจ็บหนัก’ ‘ที่เจ้ามาขวางทางข้าเพราะอยากเอ่ยวาจาเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่’ ‘ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนท่าน ข้าสามารถทำเช่นไรได้บ้างเจ้าคะ’ ก็ต้องพลีกายตบแต่งเป็นฮูหยินให้อย่างไรเล่า นี่เป็นการตอบแทนที่
2ไม่ใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่ ภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีคนเข้ามานั่งกินอาหารไม่น้อยเนื่องจากราคาไม่สูงมากจนเกินไป แต่เนื่องจากที่นี่ไม่มีห้องส่วนตัวคุณหนูคุณชายส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมนัก เพราะจะได้มองดูปาหี่ที่สาวใช้คนสนิทแหวกกลุ่มคนเข้าไปดู นางจึงเลือกที่จะนั่งบริเวณชั้นสอง ก่อนจะสั่งอาหารมาสามอย่างเพื่อกินระหว่างรอสาวใช้ ‘นั่นมันคุณหนูซิว คนงามจากจวนราชครูไม่ใช่หรือ’ เป็นบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นดึงความสนใจให้นางก้มลงไปมองเบื้องล่างตามพวกเขา ‘งดงามสมคำเล่าลือจริง ๆ’ เมื่อมีโอกาสได้เพ่งพิศเช่นนี้ นางคิดว่าพี่ใหญ่งดงามกว่าสตรีผู้นี้มาก หากไม่ติดว่าเป็นบุรุษคงเป็นที่หมายปองของบุรุษในเมืองหลวง เผลอ ๆ ได้เข้าวังเป็นนางสนมของฮ่องเต้ แต่เอาเถิดหากกวาดสายตามองสตรีทั่วเมืองหลวงคุณหนูจวนราชครูผู้นี้ก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ‘งดงามเช่นนี้คงมีคู่หมายแล้วกระมัง’ ‘นางยังไม่มีคู่หมายหรอก’ เป็นบุรุษผู้หนึ่งตอบ ‘เพราะเหตุใดเจ้าถึงทราบ’ ‘ก็จงเซ่อชื่นชอบคุณหนูซิวอย่างไรเล่า’ ‘ใช่! ข้าเฝ้ามอง
พอออกมาถึงด้านนอกของโรงเตี๊ยมนางก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก “วันนี้ในกลุ่มคนที่มาดูปาหี่พากันชื่นชมความงามของคุณหนูซิวด้วยเจ้าค่ะ” “ข้าเพิ่งทราบว่านางเป็นที่ชื่นชอบของคนในเมืองหลวงมากถึงเพียงนี้” “เพราะคุณหนูซิวมักจะออกมาตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหารอยู่บ่อยครั้งเจ้าค่ะ ชาวบ้านจึงได้ชื่นชอบเจ้าค่ะ” “เพราะเหตุนี้เสียงเล่าลือถึงนางจึงมีแต่เรื่องดี ๆ” ทำตนให้ดีงาม ไม่ด่างพร้อยเช่นนี้ มิใช่ว่าแท้จริงกำลังหมายตาตำแหน่งที่สูงกว่าการเป็นพระชายาของชินอ๋องซื่อจื่อหรือ เพราะแค่ชาติตระกูลนางก็สามารถแต่งกับบุรุษผู้นั้นได้แล้ว ไหนเลยจะต้องแสร้งทำตนเองให้ดีงามเพื่อเอาใจชาวบ้านร้านตลาด “แต่บ่าวว่าคุณหนูของบ่าวงดงามน่ามองกว่าเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอข้าเกินไป” “บ่าวไม่ได้เยินยอนะเจ้าคะ บ่าวว่าคุณหนูงดงาม มองอย่างไรก็ไม่เบื่อหน่ายมากกว่า” ไหนจะดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าประดับอย่างลงตัวนั่นอีก ใครกันที่เคยว่าคุณหนูงดงามไม่เท่าคุณชายใหญ่ คนพวกนั้นตาบอดหรืออย่างไร “เช่นนั้นกลับไปข้าจะสั่งท่านป้าแม่
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปนำพวกเขามาให้ข้าเลือกเถิด ข้าอยากได้คนที่เดินหมากเก่ง เชี่ยวชาญเพลงพิณและการขับร้องสักสองสามคน” “ขอรับคุณชาย” คนของหอชายงามตอบรับพลางนึกดูแคลนคนตรงหน้าในใจ คิดว่าเขามองไม่ออกอย่างไรว่าคนผู้นี้เป็นสตรีหาใช่คุณชายที่ใดไม่ อีกทั้งยังร้อนแรงเรียกหาชายงามถึงสามคนเพื่อมาปรนนิบัติ เมื่อคนของหอออกจากห้องไป นางก็เริ่มครุ่นคิดหาโอกาสไปลอบมองพี่ชายของตน ‘ข้าจะไปยืนที่หน้าห้องนั้นอย่างไรโดยไม่มีคนเห็น’ วิชาตัวเบาก็ไม่มีจะลอบเข้าทางหน้าต่างก็ไม่ได้ ‘เหตุใดถึงมาเร็วนักเล่า’ นางคิดเมื่อประตูห้องที่ตนอยู่ถูกเปิดออกอีกครั้ง “ขออภัยที่ให้รอนานขอรับคุณชาย” คนของหอชายงามกลับมาพร้อมบุรุษรูปงามพอประมาณจำนวนหกคน แต่ทว่าแต่ละคนจะแหวกคออาภรณ์ให้อ้าออกเพื่อให้เห็นแผงอกที่แน่นขนัด บ่งบอกถึงรูปร่างที่กำยำ หาได้อรชรอ้อนแอ้นแต่อย่างใด อึก! นางลอบกลืนน้ำลายลงคอพลางคิดว่าหรือที่พี่ชายนางมาที่นี่จะเป็นเพราะชื่นชอบบุรุษรูปร่างกำยำจริง ๆ “คุณชายสามารถเลือกได้เลยขอรับ ทุกคนที่ข้าน้อยคัดมาล้วนเดินหมากได้เก่
“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งที่กระซิบที่ข้างหูทำให้นางตกใจยิ่งนัก ก่อนจะรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากจึงแตะเข้ากับริมฝีปากของเขาแต่แทนที่จะเป็นนางที่ร้องโวยวายกลับเป็นเขาที่แสดงท่าทีตกใจระคนรังเกียจ “เจ้า!” เพื่อป้องกันไม่ให้เขาส่งเสียงไปมากกว่านี้ นางจึงรีบกระโจนเข้าหาแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับหัวเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งปิดปาก “ท่านอย่าได้ตกใจ คนที่อยู่ในห้องเป็นพี่ชายของข้า ข้าเพียงมาหาเขา หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่” “...” บุรุษที่ถูกนางปิดปากอยู่กลอกตาไปมาคล้ายอยากเอ่ยวาจา “ท่านสัญญาได้หรือไม่ หากข้าปล่อยมือท่านจะไม่โวยวาย” “...” เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ ‘นั่นใคร!’ เสียงที่ดังจากในห้องทำให้นางตกใจ นางปล่อยมือจากตัวเขาแล้วแสร้งยืนเบียดเขาทำตัวคล้ายชายงามออดอ้อนคุณชายที่มาเที่ยวหอชายงามทำให้บุรุษผู้นั้นตกใจจนตัวแข็งทื่อ เดือดร้อนให้นางต้องจับตัวเขาหันหลังให้ประตู พรึ่บ! เมื่อเสียงประตูด้านหลังเปิดออกนางก็รีบจับมือของเขาให้มาโอบเอวตนเอง “คุณชายขอรับ วันนี้ต้องขอบ
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปนำพวกเขามาให้ข้าเลือกเถิด ข้าอยากได้คนที่เดินหมากเก่ง เชี่ยวชาญเพลงพิณและการขับร้องสักสองสามคน” “ขอรับคุณชาย” คนของหอชายงามตอบรับพลางนึกดูแคลนคนตรงหน้าในใจ คิดว่าเขามองไม่ออกอย่างไรว่าคนผู้นี้เป็นสตรีหาใช่คุณชายที่ใดไม่ อีกทั้งยังร้อนแรงเรียกหาชายงามถึงสามคนเพื่อมาปรนนิบัติ เมื่อคนของหอออกจากห้องไป นางก็เริ่มครุ่นคิดหาโอกาสไปลอบมองพี่ชายของตน ‘ข้าจะไปยืนที่หน้าห้องนั้นอย่างไรโดยไม่มีคนเห็น’ วิชาตัวเบาก็ไม่มีจะลอบเข้าทางหน้าต่างก็ไม่ได้ ‘เหตุใดถึงมาเร็วนักเล่า’ นางคิดเมื่อประตูห้องที่ตนอยู่ถูกเปิดออกอีกครั้ง “ขออภัยที่ให้รอนานขอรับคุณชาย” คนของหอชายงามกลับมาพร้อมบุรุษรูปงามพอประมาณจำนวนหกคน แต่ทว่าแต่ละคนจะแหวกคออาภรณ์ให้อ้าออกเพื่อให้เห็นแผงอกที่แน่นขนัด บ่งบอกถึงรูปร่างที่กำยำ หาได้อรชรอ้อนแอ้นแต่อย่างใด อึก! นางลอบกลืนน้ำลายลงคอพลางคิดว่าหรือที่พี่ชายนางมาที่นี่จะเป็นเพราะชื่นชอบบุรุษรูปร่างกำยำจริง ๆ “คุณชายสามารถเลือกได้เลยขอรับ ทุกคนที่ข้าน้อยคัดมาล้วนเดินหมากได้เก่
พอออกมาถึงด้านนอกของโรงเตี๊ยมนางก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก “วันนี้ในกลุ่มคนที่มาดูปาหี่พากันชื่นชมความงามของคุณหนูซิวด้วยเจ้าค่ะ” “ข้าเพิ่งทราบว่านางเป็นที่ชื่นชอบของคนในเมืองหลวงมากถึงเพียงนี้” “เพราะคุณหนูซิวมักจะออกมาตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหารอยู่บ่อยครั้งเจ้าค่ะ ชาวบ้านจึงได้ชื่นชอบเจ้าค่ะ” “เพราะเหตุนี้เสียงเล่าลือถึงนางจึงมีแต่เรื่องดี ๆ” ทำตนให้ดีงาม ไม่ด่างพร้อยเช่นนี้ มิใช่ว่าแท้จริงกำลังหมายตาตำแหน่งที่สูงกว่าการเป็นพระชายาของชินอ๋องซื่อจื่อหรือ เพราะแค่ชาติตระกูลนางก็สามารถแต่งกับบุรุษผู้นั้นได้แล้ว ไหนเลยจะต้องแสร้งทำตนเองให้ดีงามเพื่อเอาใจชาวบ้านร้านตลาด “แต่บ่าวว่าคุณหนูของบ่าวงดงามน่ามองกว่าเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอข้าเกินไป” “บ่าวไม่ได้เยินยอนะเจ้าคะ บ่าวว่าคุณหนูงดงาม มองอย่างไรก็ไม่เบื่อหน่ายมากกว่า” ไหนจะดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าประดับอย่างลงตัวนั่นอีก ใครกันที่เคยว่าคุณหนูงดงามไม่เท่าคุณชายใหญ่ คนพวกนั้นตาบอดหรืออย่างไร “เช่นนั้นกลับไปข้าจะสั่งท่านป้าแม่
2ไม่ใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่ ภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีคนเข้ามานั่งกินอาหารไม่น้อยเนื่องจากราคาไม่สูงมากจนเกินไป แต่เนื่องจากที่นี่ไม่มีห้องส่วนตัวคุณหนูคุณชายส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมนัก เพราะจะได้มองดูปาหี่ที่สาวใช้คนสนิทแหวกกลุ่มคนเข้าไปดู นางจึงเลือกที่จะนั่งบริเวณชั้นสอง ก่อนจะสั่งอาหารมาสามอย่างเพื่อกินระหว่างรอสาวใช้ ‘นั่นมันคุณหนูซิว คนงามจากจวนราชครูไม่ใช่หรือ’ เป็นบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นดึงความสนใจให้นางก้มลงไปมองเบื้องล่างตามพวกเขา ‘งดงามสมคำเล่าลือจริง ๆ’ เมื่อมีโอกาสได้เพ่งพิศเช่นนี้ นางคิดว่าพี่ใหญ่งดงามกว่าสตรีผู้นี้มาก หากไม่ติดว่าเป็นบุรุษคงเป็นที่หมายปองของบุรุษในเมืองหลวง เผลอ ๆ ได้เข้าวังเป็นนางสนมของฮ่องเต้ แต่เอาเถิดหากกวาดสายตามองสตรีทั่วเมืองหลวงคุณหนูจวนราชครูผู้นี้ก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ‘งดงามเช่นนี้คงมีคู่หมายแล้วกระมัง’ ‘นางยังไม่มีคู่หมายหรอก’ เป็นบุรุษผู้หนึ่งตอบ ‘เพราะเหตุใดเจ้าถึงทราบ’ ‘ก็จงเซ่อชื่นชอบคุณหนูซิวอย่างไรเล่า’ ‘ใช่! ข้าเฝ้ามอง
‘มีอันใดก็รีบเอ่ยมา’ แม้ไม่ได้เห็นสีหน้า แต่คนลอบฟังเช่นนางก็สามารถคาดเดาได้ว่าบุรุษผู้นั้นกำลังรู้สึกรำคาญ ‘ข้าเพียงแต่อยากจะเอ่ยวาจาขอบคุณท่านที่ได้ยื่นมือช่วยเหลือข้าในวันนั้นเจ้าค่ะ’ ‘ข้าน่ะหรือ ช่วยเหลือเจ้า’ นี่แหละนะบุรุษรูปงามมักไม่จดจำว่าตนเองได้ล่อลวงสตรีใดไปบ้าง ‘เจ้าค่ะ เป็นท่านที่ช่วยเหลือข้ายามที่ม้าเหล่านั้นกำลังพยศ’ ‘อ๋อ! ในตอนนั้นข้าเพียงไม่อยากให้รถม้าของตระกูลนั้นต้องจ่ายค่าเสียหายมากมาย’ แท้จริงที่ช่วยก็เพียงมีใจอยากช่วยไม่ให้จวนท่านตาต้องชดเชยค่าเสียหายจำนวนมากก็เท่านั้น บุรุษผู้นี้ปากร้ายยิ่งนัก สตรีงดงามรู้สึกซาบซึ้งแทนที่จะรับคำขอบคุณไว้กลับบอกไปเช่นนั้นไม่รู้คนงามจะหน้าชาเพียงใด ‘อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ มิเช่นนั้นข้าคงเจ็บหนัก’ ‘ที่เจ้ามาขวางทางข้าเพราะอยากเอ่ยวาจาเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่’ ‘ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนท่าน ข้าสามารถทำเช่นไรได้บ้างเจ้าคะ’ ก็ต้องพลีกายตบแต่งเป็นฮูหยินให้อย่างไรเล่า นี่เป็นการตอบแทนที่
เพราะอารามแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าเขา จึงมีลมเย็นพัดโชยตลอดทำให้นางต้องกระชับเสื้อคลุมกันหนาวที่สวมไว้ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่รถม้าหลังจากที่ได้เครื่องรางที่ต้องการแล้ว “ขากลับจวนจะแวะเดินเล่นในตลาดก่อนหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ ข้าอยากรีบกลับไปนอนบนเตียงอุ่นของตนเอง” เพราะถูกคนอื่นเอ่ยวาจาเสียดสีเรื่องที่นางขี้ริ้วขี้เหร่กว่าพี่ชายที่เป็นบุรุษอยู่บ่อยครั้ง ยามอยู่ในจวนบิดามารดาและพี่ใหญ่จึงแทบประคองนางไว้กลางฝ่ามือ ทุกอย่างในเรือนของนางจึงเป็นของดี แม้แต่เตียงยังเป็นเตียงอุ่น เห็นหรือไม่ว่าตามใจนางมากเพียงใด หากวันหนึ่งเสียคนขึ้นมาก็อย่าได้แปลกใจ “เจ้าค่ะคุณหนู” ซูฉีรับคำก่อนจะประคองคุณหนูขึ้นรถม้า แล้วบอกกล่าวกับคนขับรถม้า ในระหว่างทางรถม้าที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าจู่ ๆ ก็ชะลอลงเล็กน้อยคล้ายกับมีเหตุการณ์บางอย่างอยู่ข้างหน้า “มีอันใดหรือไม่” คุณหนูฟ่านส่งเสียงถามคนขับรถม้า “ข้างหน้าเหมือนจะมีรถม้าจอดเสียอยู่ขอรับ” “รถม้าของเราสามารถผ่านไปได้หรือไม่” “ได้ขอรับ แต่ต้องระวังสักเล็กน้อย”
1ฝันร้ายที่ไม่อยากให้เกิด พรึ่บ! สตรีผู้มีดวงหน้าอ่อนหวานผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องพลางหอบเหนื่อยอย่างหนัก “นี่ข้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ” มันเป็นแค่ฝันที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ ยิ่งใกล้ปักปิ่นความฝันเหล่านั้นยิ่งชัดแจ้งขึ้นทุกที ความฝันที่ว่าพี่ชายเพียงคนเดียวของนางเป็นต้วนซิ่ว[1]ทั้งยังหลงรักสหายของตนอย่างหัวปักหัวปำ ยามที่สหายยังไม่มีคนรักก็แล้วไป แต่พออีกฝ่ายที่เป็นถึงซื่อจื่อ[2]ของจวนอ๋องตบแต่งพระชายาทั้งยังปักใจรักสตรีผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง พี่ใหญ่ที่คล้ายกับคนผิดหวังในความรักเกิดความคิดชั่วร้ายหวังกำจัดสตรีผู้นั้น แม้ชินอ๋องเป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่ที่ตอนนี้พาพระชายาออกท่องเที่ยวไปแล้ว แต่ทว่าก็ยังมีเสือหมอบมังกรซ่อน[3]ถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อปกป้องบุตรชาย ดังนั้นเมื่อพี่ใหญ่ของนางส่งคนไปทำร้ายพระชายาของชินอ๋องซื่อจื่ออยู่บ่อยครั้ง ความเป็นสหายก็ขาดสะบั้น สุดท้ายโทษหนักอย่างการปองร้ายเชื้อพระวงศ์ก็ตกใส่หัวตระกูลฟ่านของนาง โดนประหารยกตระกูล ส่วนนางที่ตบแต่งเข้าตระกูลซิว ก็ถูกแม่สามีส่งกลับจ