Share

บทที่ 3 ถูกจับได้เสียแล้ว (1/4)

last update Last Updated: 2024-11-28 21:53:47

3

ถูกจับได้เสียแล้ว

            ผลั่ก! บุรุษที่บอกว่าเป็นสหายของพี่ชายดันประตูให้เปิดออกอย่างแรง

            ชายงามในห้องทั้งสามคนที่กำลังกินอาหารอยู่พลันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบวางมือแล้วหันไปยิ้มต้อนรับคุณชายจิตใจดี

            “คุณชายกลับมาแล้วหรือขอรับ”

            “บอกลาชายงามของเจ้าซะ”

            “พวกท่านตามสบายเถิดขอรับ นี่เป็นค่าเสียเวลาของพวกท่าน พี่ชายข้าจะพากลับจวนแล้ว เอาไว้ข้าจะมาหาพวกท่านใหม่นะขอรับ”

            “เจ้ายังคิดจะมาในที่เช่นนี้อยู่อีกหรือ” สหายของพี่ชายหันมาถลึงตาใส่นาง

            ‘มันเป็นคำบอกลาที่ไม่ให้ดูเสียมารยาทเจ้าค่ะ บุรุษกักขฬะเช่นท่านคงไม่เข้าใจ’ นางค่อนขอดเขาในใจ

            “คุณชายอย่าได้เกรงใจพวกเราเลยขอรับ” ชายงามทั้งสามมองคุณชายจิตใจดีด้วยสายตาอาวรณ์อยู่บ้าง

            “รีบจ่ายตำลึงจะได้รีบกลับ”

            “ขอรับ ๆ” นางตอบรับพลางนึกในใจ หากรีบก็กลับเองสิจะมาเร่งนางด้วยเหตุใด

            “รับไปเถิดขอรับ ข้าเรียกพวกท่านมาข้าก็ต้องจ่าย” นางมอบก้อนตำลึงให้พวกเขาพลางน้ำตาตกใน ตำลึงทองที่นางเก็บหอมรอมริบไว้เกือบจะหมดถุงแล้ว

            หอชายงามช่างเป็นแหล่งสูบเงินชั้นยอดเสียจริง ข้าเปิดบ้างดีหรือไม่ เผื่อจะได้มีเงินถุงเงินถังโดยไม่ต้องเอ่ยขอท่านแม่

            “เสร็จแล้วใช่หรือไม่”

            “ขอรับ”

            “เช่นนั้นก็กลับจวนได้แล้ว” กล่าวจบก็จับข้อมือกลมกลึงแล้วลากคุณชายตัวปลอมออกจากห้องแห่งนั้น ทิ้งให้ชายงามทั้งสามมองตาม

            “คุณชายรูปงามคงเป็นสามีของแม่นางน้อยผู้นั้นเป็นแน่”

            “ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่คงเป็นคนนิสัยไม่ดีเท่าใด มิเช่นนั้นฮูหยินของเขาคงไม่ลอบหนีมาเที่ยวหาความสำราญในหอชายงามเช่นนี้”

            “ช่างน่าเสียดายแม่นางน้อยผู้นั้น สตรีจิตใจดีมีเมตตาเช่นนางสมควรจะได้เจอบุรุษที่ดี”

            “นั่นสิ! ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดาย” ชายงามทั้งสามกล่าวก่อนจะพากันออกจากห้องเช่นกัน

           

            ด้านคุณหนูผู้มีจิตใจเมตตานั้นกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ดวงตาเมล็ดซิ่งกลอกมองซ้ายทีขวาทีคล้ายกำลังหาทางเอาตัวรอด

            “หากคิดจะหนีไปก่อน เลิกคิดได้เลย”

            ‘หากท่านไปส่งข้าที่หน้าทางเข้าจวน ข้าก็ถูกท่านพ่อท่านแม่ต่อว่าสิ”

            “หากเจ้าหนีไป ไม่ให้ข้าไปส่งถึงจวน ข้าจะไปบอกไห่ถิง ให้กลับจวนไปลงโทษซีอิ๋ง”

            “ข้าทำผิด เหตุใดซีอิ๋งนางถึงต้องถูกลงโทษแทนขอรับ”

            “ในบรรดาคนตระกูลฟ่านนอกจากไห่ถิง ข้าก็รู้จักเพียงนาง ดังนั้นเป็นนางต้องรับโทษแทนเจ้าก็ถูกต้องแล้ว”

            “ข้า เผิงเย่ฟางขอรับ หากข้าทำสิ่งใดผิดก็ให้มาลงโทษที่ข้าเผิงเย่ฟางเถิด”

            “ขึ้นรถม้าได้แล้ว”

            “ข้า ข้า...”

            “ลงโทษซีอิ๋ง” เขากดเสียงต่ำเพื่อข่มขู่

            ‘ข้า เผิงเย่ฟาง ท่านไม่ได้ยินหรืออย่างไร’ แม้จะโต้แย้งไปเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าอยากสังหารคนของเขา นางได้แต่คอตกยอมเดินขึ้นรถม้าแต่โดยดี

            “ก็ได้ขอรับ”

            ก็เป็นอย่างที่คิด ภายในรถม้าเงียบกริบไร้เสียง สหายของพี่ชายผู้นี้นั่งหลับตานิ่งไม่ยอมเอ่ยปากสนทนาพานทำให้นางรู้สึกอึดอัดไปด้วย

            ‘สหายพี่ชายคนนี้มีนามว่าอะไร’ เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นหน้าเช่นนี้

            ‘บะ บุรุษผู้นี้ คงไม่ใช่พี่ชายซืออี้หรอกนะ’ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ

            จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร ในเมื่อพี่ชายซืออี้เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่จะทำให้นางและคนตระกูลฟ่านถูกประหารทั้งตระกูล

            คังซืออี้ คือบุตรชายคนเดียวของชินอ๋อง อดีตแม่ทัพใหญ่ซึ่งบัดนี้ส่งคืนอำนาจทางการทหารแล้วพาพระชายาออกท่องเที่ยว ปล่อยให้บุตรชายอย่างคังซืออี้หรือชินอ๋องซื่อจื่ออยู่จวนตามลำพัง และเขาผู้นี้ยังเป็นคนที่ฟ่านไห่ถิงพึงใจ จนนำไปสู่การล่มสลายของตระกูลฟ่าน

            “อย่าได้ริอ่านจ้องมองบุรุษอื่นด้วยสายตาเช่นนั้น”

            “ขะ ขอรับ” ฟ่านซีอิ๋งตื่นตกใจไม่น้อยที่เขาทราบว่านางลอบมองเขาอยู่

            “มิเช่นนั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็นต้วนซิ่วได้”

            “ขอรับ” โล่งอกไป นึกว่าความแตกเสียแล้ว แม้จะทราบดีว่าพี่ใหญ่และบิดามารดาเฝ้าประคบประหงมนาง แต่หากพวกเขาทราบว่านางปลอมตัวเป็นบุรุษลอบไปที่หอชายงาม ต่อให้รักมากเพียงใดก็คงไม่พ้นต้องโดนลงโทษเป็นแน่

            “อยากทราบสิ่งใดก็เอ่ยปากถามมา”

            “ท่านกล่าวว่าเป็นสหายของพี่ไห่ถิง ท่านมีนามว่าอันใดหรือขอรับ”

            “ข้า...คังซืออี้” สิ้นเสียงของเขา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง สีหน้าของนางฉายแววตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ทำให้เขาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

            “ทะ ท่านคือพี่ซืออี้”

            “อืม” เขาตอบรับพลางปรายตามองท่าทีของอีกฝ่าย

            “ที่แท้เป็นชินอ๋องซื่อจื่อนี่เอง ขออภัยที่ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่”

Related chapters

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 3 ถูกจับได้เสียแล้ว (2/4)

    “ที่แท้เป็นชินอ๋องซื่อจื่อนี่เอง ขออภัยที่ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่” “คนกันเองทั้งนั้นเจ้าอย่าได้กังวล ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าข้าไม่รู้จักทางไปจวนเผิง รถม้าคันนี้จึงจะไปส่งเจ้าที่จวนฟ่านแทน” “มิรบกวนชินอ๋องซื่อจื่อขอรับ จอดให้ข้าลงตรงนี้ก็ได้ขอรับ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะหาทางกลับจวนเอง” “แต่บริเวณนี้มันมืดนัก ทางซ้ายก็เป็นจวนร้างไร้ผู้คนอยู่อาศัย เพราะทางขวาคือจวนที่มีคนเล่าลือกันว่ามีผีออกมาทักทายผู้คนที่ผ่านไปมาอยู่บ่อยครั้ง” “ผะ ผีหรือขอรับ แล้วเหตุใดท่านถึงมาผ่านทางนี้” “ทางนี้มันเงียบสงบ ไม่มีรถม้าคันอื่นมาวิ่งเบียดให้วุ่นวาย แต่หากเจ้ายืนยันจะลงที่นี่ข้าก็จนใจจะเอ่ยปากห้าม” “เช่นนั้นต้องรบกวนชินอ๋องซื่อจื่อไปส่งข้าใกล้ ๆ จวนตระกูลฟ่านด้วยขอรับ แต่ไม่ต้องส่งหน้าประตูจวนนะขอรับ ดึกดื่นเช่นนี้ข้าเกรงใจพวกเขา” “มิเป็นไร หากพวกเขาจะลงโทษเจ้าที่หนีออกมาเที่ยว บอกพวกเขาไปได้เลยว่าฟ่านซีอิ๋งเป็นคนบอกให้เจ้าออกมาตามดูไห่ถิง” ‘ข้าจะบอกเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ในเมื่อจะเผิงเย่ฟางหรือฟ่านซีอิ๋งก็เป็นข

    Last Updated : 2024-11-28
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 3 ถูกจับได้เสียแล้ว (3/4)

    ‘อย่ามาคิดกลั่นแกล้งข้าเพื่อกลบเกลื่อนนะ ข้ายังจำภาพของท่านในหอชายงามได้ขึ้นใจ หน๊อย! กลับมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วคงเพิ่งจะนึกได้ว่าต้องกลับบ้านมาร่วมพิธีปักปิ่นของข้าสินะ’ จึงโผล่หน้ามาเอาวันนี้ “คารวะชินอ๋องซื่อจื่อ” เป็นฟ่านเฉียนและฮูหยินแสดงความเคารพต่อสหายของบุตรชาย อย่างไรอีกฝ่ายก็มีศักดิ์สูงกว่าพวกตนเพราะเป็นถึงซื่อจื่อของอดีตแม่ทัพใหญ่ทั้งยังเป็นหลานชายของฮ่องเต้ “ท่านน้าทั้งสองอย่าได้เกรงใจกันเลย เป็นข้าที่ต้องคารวะท่านทั้งสอง” เขาโค้งตัวคำนับบิดามารดาของสหายด้วยท่าทีนอบน้อม “อย่าได้มากพิธีเลย” เป็นท่านเจ้ากรมยุติธรรมรีบประคองบุรุษที่สูงศักดิ์กว่า “ท่านพ่อท่านแม่ ช่วงนี้ซืออี้จะขอมาอยู่อาศัยที่จวนของเราเป็นการชั่วคราว” ‘พี่ใหญ่ ท่านหลงใหลสหายจนไม่อยากห่างเชียวหรือถึงได้ให้เขามาค้างอ้างแรมถึงที่จวน’ ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาบุรุษมาเบี่ยงเบนความสนใจของพี่ชายเสียแล้ว มิเช่นนั้นโทษประหารคงได้ตกใส่หัวคนตระกูลฟ่านเช่นในฝันร้ายของนาง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่” เป

    Last Updated : 2024-11-28
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 3 ถูกจับได้เสียแล้ว (4/4)

    ‘ย้ายมาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ใหญ่จะหลงใหลจนยอมลงมือทำร้ายผู้อื่นเพื่อความรักเช่นนั้น’ นางคงต้องรีบมองหาบุรุษมาเบี่ยงเบนความสนใจของพี่ใหญ่แล้ว ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ครึ่งเค่อ บุรุษสองคนที่นั่งรถม้ากลับจวนฟ่านเพื่อเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของคุณหนูฟ่านในวันพรุ่งนี้นั่งสนทนากันถึงเรื่องที่สหายสูงศักดิ์จะขอไปอาศัยที่จวนฟ่านเป็นการชั่วคราว “ตำหนักอ๋องน่ะหรือทรุดโทรมเพราะไร้คนดูแล” โกหกหรือไม่ นั่นตำหนักชินอ๋องเชียวนะ พวกขันทีนางกำนัลก็ยังมีอยู่ไม่ใช่หรือจะไร้คนดูแลได้อย่างไร “ใช่ เพราะเหตุนี้ข้าจึงสั่งปรับปรุงเมื่อวันก่อน ในระหว่างนี้ข้าจึงอยากจะขอไปอยู่ที่จวนของเจ้า” “เหตุใดต้องเป็นจวนของข้า เจ้าน่ะมีท่านลุงเป็นฮ่องเต้ มีท่านย่าเป็นไทเฮาลืมแล้วหรือ เหตุใดไม่เข้าไปอยู่ในวังหลวงเป็นการชั่วคราว” “ในวังหลวงหูตามากมาย ยากจะแยกแยะได้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู อีกอย่างการไปอยู่ร่วมจวนกับเจ้า ย่อมสะดวกในการปรึกษาหารือกัน ทั้งยังไม่เป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใด ข้าหรือเจ้าไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเกินไป” วาจาของสหายทำให

    Last Updated : 2024-11-28
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 4 สหายของพี่ชายที่ต้องผูกมิตร (1/4)

    4สหายของพี่ชายที่ต้องผูกมิตร ส่วนฟ่านซีอิ๋งก็ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต เพราะวันนี้เป็นพิธีปักปิ่นแสนสำคัญที่สตรีทุกคนต้องผ่านพิธีนี้ แน่นอนว่าสหายของพี่ชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในจวนก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานนี้อย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเจ้ากรมยุติธรรมเป็นคนเรียบง่าย งานเลี้ยงจึงไม่ใหญ่มาก มีเพียงคนในตระกูลฟ่านและคนตระกูลเผิงทั้งสายหลักและสายรองมาร่วม “ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปี ไม่คิดว่าน้องซีอิ๋งจะงดงามเช่นนี้” “ข้าเห็นด้วยขอรับพี่เจียงหัว” “แล้วเมื่อก่อนใครกันที่เคยล้อเลียนนางว่าเป็นอีกาในฝูงหงส์” “ก็คราวนั้นนางตัวอ้วนกลม ทั้งยังมีขี้มูกเกรอะกรังดูไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย” “ข้าก็เคยล้อเลียนนางไม่รู้นางจะยังโกรธข้าหรือไม่” “เช่นนั้นพวกเราควรไปขอโทษและผูกสัมพันธ์กับนางดีหรือไม่” “ย่อมไม่มีอะไรสายเกินไปหากคิดจะแก้ไข” เป็นฟ่านไห่ถิงที่ได้ยินบทสนทนานั้นจึงเอ่ยปากกับพวกญาติพี่น้อง คนตระกูลฟ่านตระกูลเผิงรักใคร่สามัคคีกันย่อมเป็นเรื่องดี แต่จ

    Last Updated : 2024-12-03
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 4 สหายของพี่ชายที่ต้องผูกมิตร (2/4)

    “พวกเราก็ต้องขอโทษเจ้าด้วยเช่นกัน” เมื่อเห็นกลุ่มคุณชายทั้งหลายเอ่ยวาจา กลุ่มสตรีก็ทำเช่นเดียวกัน “พวกเจ้าก็เช่นเดียวกัน อย่าได้ทำเช่นนี้เราเป็นพี่น้องกันมิใช่หรือ” กล่าวจบก็ฉีกยิ้มอ่อนโยนคล้ายไม่ถือสา ทั้งที่แท้จริงอยากสะบัดอาภรณ์ใส่แล้วเดินหนียิ่งนัก “เจ้าช่างจิตใจดีงาม” “พวกเจ้ายกยอจนข้าจะลอยขึ้นไปหาเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว” “เจ้าก็กล่าววาจาเกินไป” “ข้าว่าจะถามเจ้าอยู่ ปิ่นนั่นใครมอบให้เจ้าหรือ งดงามยิ่งนัก” “ปิ่นอันไหนหรือ” ยามนี้นางปักปิ่นอยู่สองอัน คือที่บิดามารดามอบให้ และที่พี่ใหญ่มอบให้ “ปิ่นที่มีไข่มุกสีชาด” “อ๋อ! เป็นพี่ใหญ่น่ะที่มอบให้ข้า” “งดงามยิ่งนัก ลวดลายของปิ่นก็งดงามอ่อนช้อยคล้ายฝีมือของช่างหลวง” “ช่างหลวงหรือเจ้าคะ” เป็นฟ่านเจียงหรูเอ่ยถาม “ช่างหลวงคือช่างที่ทำเครื่องประดับให้เชื้อพระวงศ์น่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นของจากวังหลวงทุกอย่างล้วนประณีตและสูงค่า” ‘ก็คงเป็นพี่ชายที่ขอร้องให้สหายจัดหามาให้สินะ’ ฟ่านซีอิ๋งคิด มุมปากพลางยกยิ้มอย่าง

    Last Updated : 2024-12-03
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 4 สหายของพี่ชายที่ต้องผูกมิตร (3/4)

    “ซืออี้ เจ้าจะล่อลวงสตรีที่ใดก็เชิญตามสบาย แต่อย่ามาล่อลวงน้องสาวข้า เข้าใจหรือไม่” “ข้าเคยล่อลวงสตรีที่ใดกัน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เอ๊ะ! นั่นยุเหวียนเซียวนี่ ข้าขอกินด้วยคนสิ” หากเคยทำก็คงเป็นตอนล้วงเอาความลับจากผู้อื่นเพียงเท่านั้น “เจ้าอยากกินก็ขอจากซีซีสิ จะมาแย่งของข้าด้วยเหตุใด” ฟ่านไห่ถิงกล่าวพลางแย่งชามในมือสหายคืนมา “ซีอิ๋ง ยุเหวียนเซียวของพี่เล่า” “ท่านอยากกินหรือเจ้าคะ” “ย่อมอยากกิน ขอยุเหวียนเซียวของเจ้าให้พี่สักถ้วยได้หรือไม่” กล่าวจบก็ส่งสายตาอ้อนวอนให้นาง พรึ่บ! เป็นคุณชายฟ่านที่วางถ้วยขนมแล้วยกมือปิดตาพลางรั้งสหายให้ถอยห่างจากน้องสาว ไอ้ท่าทางออดอ้อนนั้นคืออันใด ช่างน่าขนลุกนัก “ซีซีรีบตักยุเหวียนเซียวใส่ถ้วยให้สหายพี่เถิด” “ปล่อยข้านะ เจ้าคนหวงน้อง” “คิก ๆ” เสียงหัวเราะของสตรีตัวน้อยทำให้ทั้งสองหยุดยื้อแย่งกันก่อนจะหันไปมองดวงหน้าหวานที่ประดับรอยยิ้ม “เจ้าอย่ามองน้องสาวข้า” กล่าวจบก็ใช้มือปิดตาสหายอีกรอบ รอยยิ้มของฟ่านซีอิ๋งงดงามยิ่งกว่ามารดาเสียอีก หากส

    Last Updated : 2024-12-03
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 4 สหายของพี่ชายที่ต้องผูกมิตร (4/4)

    ท่าทางห่างไกลจากการเป็นสตรีที่กิริยามารยาทเรียบร้อยทำให้มุมปากของชินอ๋องซื่อจื่อยกยิ้มยามมองตามหลังนางไปก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับมาสนทนากับสหาย หลังจากออกมาจากเรือนของพี่ชายแล้วฟ่านซีอิ๋งก็ครุ่นคิดถึงความสนิทสนมของพี่ชายและสหาย ‘เท่าที่สังเกตยามที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ดูไม่ผิดปกติอันใด’ ท่าทีของพี่ใหญ่ที่มีต่อสหายก็ไม่ผิดแปลกอันใดมิใช่หรือ ‘โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งสับสน’ “คุณหนูเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณหนูของตนทำท่าคล้ายจะตีอกชกหัวตนเองทันทีที่กลับมาถึงเรือน “ไม่มีอันใด” “คุณหนูกำลังเบื่อหน่ายหรือเจ้าคะ” ‘ข้าน่ะหรือจะเบื่อหน่าย แค่พยายามคิดหาทางไม่ให้ฝันร้ายกลายเป็นจริงก็เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก’ “เจ้าว่าหลังจากที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้ว คุณหนูทั้งหลายเขาทำสิ่งใดกัน” “ก็คงเป็นการฝึกศาสตร์ทั้งสี่ให้เชี่ยวชาญ เรียนมารยาทให้งดงามไร้ที่ติ ยามเข้าร่วมงานเลี้ยงจะได้ต้องตาบุรุษเลิศล้ำสักคน ทั้งยังต้องฝึกเข้าครัวทำอาหาร...” “พอ ๆ เจ้า

    Last Updated : 2024-12-03
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 5 ผีหรือบุรุษรูปงามกัน (1/4)            

    5ผีหรือบุรุษรูปงามกัน สองวันมานี้ฟ่านซีอิ๋งรู้สึกได้ว่ายามค่ำคืนในป่าไผ่หลังจวนเหมือนจะเกิดเรื่องอันใดบางอย่างที่ทำให้บ่าวไพร่ตื่นเต้นดีใจ นางจึงสั่งให้สาวใช้คนสนิทไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น “เรื่องนี้บ่าวทราบเจ้าค่ะคุณหนู” “ทราบก็รีบเล่ามาเถิด” “บ่าวได้ยินว่าช่วงนี้บริเวณป่าไผ่มีอิ๋งหั่วฉงมากมาย” “อิ๋งหั่วฉงหรือ” นางเคยอ่านเจอว่ามันจะออกมาบินช่วงหน้าฝนมิใช่หรือ อีกทั้งในตำรายังบอกไว้ว่าในเมืองหลวงหาดูอิ๋งหั่วฉงได้ยาก “เจ้าค่ะ แม้จะไม่ได้มีมากหลายตัวเช่นนอกเมืองหลวง แต่ทว่าก็พอทำให้สาวใช้พากันตื่นเต้นดีใจได้ มันงดงามมายคล้ายกับดวงดาวเลยเจ้าค่ะ” “อืม เจ้าว่าคืนนี้จะมีอยู่อีกหรือไม่” “บ่าวไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ได้ยินบ่าวชายผู้หนึ่งที่มีบ้านอยู่แถวเมืองจินเซ่อกล่าวว่าอิ๋งหั่วฉงจะออกมาให้เห็นแค่วันสองวันก่อนจะหายไปไม่ออกมาอีกเจ้าค่ะ” “ช่างเถิด ข้าเพียงแค่สงสัยหาได้อยากดูไม่” แม้จะคิดเช่นนั้นแต่คืนนี้นางว่าจะลอบออกจากเรือนไปดูเสียหน่อย “เช่นนั้นหากคืนนี้ที่ใดมีอิ๋งห

    Last Updated : 2024-12-04

Latest chapter

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : โปรดปรานจนวาระสุดท้าย (จบบริบูรณ์)

    โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (4/4)

    “อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (3/4)

    “ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (2/4)

    “ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (1/4)

    หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (5/5)

    “ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (4/5)

    “ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” นางถามไถ่เขาเช่นนี้ทุกวัน นางช่างเป็นสตรีที่น่าอิจฉา ครอบครัวของสามีดีกับนางเหลือเกิน สามีหรือก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นบุรุษมักมากพร้อมรับสตรีเข้าเรือนมากมาย ทำให้นางยิ่งสำนึกในบุญคุณของเขา จึงพยายามปรนนิบัติดูแลเขาให้ดีที่สุด “เหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง” “เช่นนั้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนกินข้าวดีหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ อาบน้ำร้อนทุกวันไม่ดีกับร่างกายกระมัง เจ้ากินข้าวก่อนเถิด วันนี้พี่มีงานมากมายจึงมาบอกเจ้าว่าอย่ารอพี่เข้านอน เพราะพี่อาจจะนอนที่ห้องหนังสือเลย” “เจ้าค่ะ” ฮูหยินน้อยจวนฟ่านคล้ายจะรู้สึกผิดหวัง นางก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาเสียใจ “เช่นนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” เขากล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่มีท่าทางหยอกเย้าหรือกินเต้าหู้นางเช่นทุกวัน” ‘เขาโกรธอันใดข้าหรือไม่’ ‘หรือเขาเบื่อหน่ายข้าแล้ว จึงพยายามหลีกเลี่ยงเช่นนี้’ หูเซียงเฟยไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นท่าทางเมินเฉยของเขา ในเมื่อเขาบอกว่าอาจจะไม่กลับมา นางจึงถ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (3/5)

    “แต่หากเจ้าไม่อยาก...” เขากำลังจะบอกว่าไม่อยากฝืนใจนาง เขามีเวลาเป็นปีที่จะยั่วยวนจนนางหลวมตัวหลวมใจยินดีที่จะเป็นฟ่านฮูหยินตลอดไป “ท่านได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” นางรีบกล่าวคล้ายกลัวเขาเข้าใจผิด ที่เขายอมรับข้อเสนอตบแต่งนางเป็นฮูหยินเอกนับว่ามีพระคุณกับนางยิ่งนัก “หากพี่สอน เจ้าจะหาว่าพี่หน้าไม่อายหรือไม่” “ไม่ว่าเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นลองสัมผัสมันดูหรือไม่ ทำความคุ้นเคยกับมันก่อน” น้ำเสียงที่แฝงด้วยยั่วเย้าและแววตาที่ล่อลวงทำให้นางหลวมตัวพยักหน้าตอบรับด้วยใจหนึ่งก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น แม้ก่อนออกเรือนมารดาจะนำหนังสือปกขาวที่เคยได้รับมามอบให้ แต่ทว่านางลองศึกษาแล้วยังไม่กระจ่างเท่าใด ทราบแต่เพียงว่าครั้งแรกจะเจ็บมากเท่านั้น “เจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยสีหน้าเขินอาย แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปจับเจ้าสิ่งนั้นที่คล้ายผงกหัวเรียกนางอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง” “มันเหมือนมีชีวิตเลยนะเจ้าคะ” “เพราะมันปรารถนาอยากจะปลดปล่อยอย่างไรเล่า” “แล้วยามที่มันแข็งขึงเช่นนี้ ท่านปวดหรือไม่เจ้าคะ”

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (2/5)

    ‘หากเจ้ายอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟังตามจริง ข้าอาจจะตบแต่งกับเจ้าตามข้อตกลงก็ได้’ ‘เช่นนั้นเราเปลี่ยนที่สนทนาได้หรือไม่เจ้าคะ’ ‘ย่อมได้’ เขากล่าวพลางวางตะเกียบลง ‘ท่านกินให้อิ่มก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารอได้’ อย่างไรกลับไปก็โดนหาเรื่องอยู่แล้ว หากนางจะกลับช้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ‘เช่นนั้นก็รอข้า’ ‘เจ้าค่ะ’ หลังจากย้ายที่สนทนาแล้วนางก็เล่าเรื่องราวที่ตนต้องเข้าร่วมการคัดเลือกนางสนมของฮ่องเต้ ซึ่งพี่สาวที่เข้าเกณฑ์จะต้องเข้าร่วมเช่นกันกับฮูหยินรองที่ยามนี้ทำตัวเช่นฮูหยินเอกกดขี่นางและมารดา พยายามหาบุรุษมีตำหนิมาแต่งกับนางเพื่อจะได้ตัดคู่แข่งในการคัดเลือกนางสนมออกไป ซึ่งตัวหูเซียงเฟยที่ไม่ได้อยากเป็นสนมของฮ่องเต้ จึงคิดเลือกบุรุษสักคนด้วยความคิดที่ว่าหากต้องพลีกายให้กับใครสักคน นางขอเป็นคนเลือกเอง ทว่าสถานที่เลือกบุรุษของนางกลับเป็นร้านบะหมี่ข้างทาง ไม่ใช่โรงเตี๊ยมที่คุณชายมักจะไปนั่งจิบชา ซึ่งนางให้เหตุผลว่าที่มาเลือกบุรุษในที่นี่ก็เพราะ ในสายตานางบะหมี่ร้านนี้รสเลิศกว่าอาหารในโรงเตี๊ยม แต่กลับถ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status