อี้ จิ่นหลี ยังคงดื่มกาแฟของเขาต่อไปอย่างสบาย ๆ เขาชิมมันอย่างไม่ตั้งใจนัก เขาคุยกับกู้ ลี่เฉิน เรื่องของอี้หราน แทนที่จะพูดถึงเรื่องการเกิดความโกลาหลในเมืองเฉินกู้ ลี่เฉิน หรี่ตาลงและจิบกาแฟอีกครั้งความตึงเครียดระหว่างพวกเขาทั้งสองคนหายไปและตอนนี้ก็กลายเป็นเหมือนการพบปะกันระหว่างเพื่อนโจว เชียนหยุน รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยส่วนลูกค้าคนอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงต่างมองมาที่ทั้งคู่เป็นครั้งคราว พวกเขาสองคนดูเหมือนคนดัง ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับพยายามดึงโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปผู้หญิงคนนั้นเล็งโทรศัพท์ของเธอไปที่อี้ จิ่นหลี กับกู้ ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ เธอก็ถูกมือใหญ่หยุดบอดี้การ์ดของอี้ จิ่นหลี เขาพูดกับผู้หญิงคนนั้นตรง ๆ ว่า “ท่านประธานไม่ชอบให้ใครถ่ายภาพ ถ้าคุณยืนยันจะถ่าย ผมคงต้องพาคุณออกไป”ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่คือ… ภัยคุกคามหรือไม่! อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ไร้วิญญาณของบอดี้การ์ดและร่างกายที่กำยำ คำพูดประท้วงเหล่านั้นก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในท้องของเธอความรู้สึกของเธอบอกว่าถึงแม้เธอจะประท้วงออกมา แต่เธอก็จะกลายเป็นคนขายหน้าในตอนสุดท้ายหญิงส
ใบหน้าของหลิง อี้หราน พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วกล่าวกับโจว เชียนหยุน “เขาเป็นแฟนของฉันค่ะ”“แฟนของเธอ?!” ดวงตาของโจว เชียนหยุน เบิกกว้างทันที เธอรู้สึกถึงบางอย่างระหว่างพวกเขาจากการสนทนาก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม... แฟน?! อี้หรานมีแฟนแล้ว?! แถมเขาดูเป็นคนลึกลับด้วย!ใช่ ลึกลับนี่คือสิ่งที่โจว เชียนหยุน รู้สึก แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่เป็นอันตราย แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่มีพิษภัย สัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าผู้ชายคนนั้นอันตรายผู้ชายคนนี้ดูหยิ่งยโสและทะนงตัว“ใช่ค่ะ แฟนของฉัน” หลิง อี้หราน ตอบ“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโจว เชียนหยุน เป็นเจ้าของร้านนี้” โจว เชียนหยุน กล่าวแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้ จิ่นหลี” อี้ จิ่นหลี กล่าวโจว เชียนหยุน ตกตะลึงอีกครั้ง ความประหลาดใจในดวงตาของเธอชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆอี้ จิ่นหลี คนนี้ไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้ใช่ไหม? โจว เชียนหยุน รู้สึกได้ว่าหัวของเธอกำลังหมุนอยู่ในตอนนี้กู้ ลี่เฉิน และอี้ จิ่นหลี มาที่ร้านอาหารของเธอ และทั้งสองคนก็มาที่นี่เพราะอี้หรานอี้หราน... คือใครกันแน่? เธอเป็นอย่างท
โจว เชียนหยุน นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอดึงหลิง อี้หราน ออกมาเพื่อถามเรื่องนี้ อี้หรานได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เธอ“ใช่ค่ะ พี่โจว เขาคืออี้ จิ่นหลี จากอี้ กรุ๊ป” นั่นคือสิ่งที่อี้หรานกล่าวกับเธอโจว เชียนหยุน รู้สึกราวกับว่าหัวของเธอถูกคลื่นฟ้าผ่าหลังจากที่เกิดฟ้าร้อง เธอรู้สึกหนักใจเล็กน้อยสาวส่งของในร้านอาหารของเธอเป็นแฟนกับอี้ จิ่นหลี เหรอเนี่ย? ใครจะเชื่อถ้าเธอบอกพวกเขา?เมื่อหลิง อี้หราน บอกว่าเธอยังมีอาหารที่ต้องส่ง อี้ จิ่นหลี ก็กล่าวขึ้นโดยไม่คาดคิด “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอพี่ที่นี่ วันนี้ผมว่างทั้งวัน”จากนั้นเธอก็ออกไปส่งอาหาร ในขณะที่อี้ จิ่นหลี อยู่ที่นี่และอ่านหนังสือของเขา!โจว เชียนหยุน คิดว่าเธอผ่านอะไรมามากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อยทำไมอี้หรานถึงมาทำงานให้เธอในเมื่ออี้หรานมีแฟนที่มีความสามารถขนาดนี้? อี้ จิ่นหลี… จริงจังกับอี้หรานหรือเปล่า?แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันกลับดูเป็นธรรมชาติ อย่างน้อยคนนอกอย่างเธอก็สามารถเห็นได้ว่า อี้ จิ่นหลี ให้ความสำคัญกับอี้หรานหลังจากเห็นว่าอี้ จิ่นหลี ดื่มกาแฟเสร็จแล้ว โจว เชียนหยุน ก็ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “คุ
“ฉันเข้าใจ... ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” โจว เชียนหยุน ลังเลและกล่าวว่า “ฉันเพิ่งรู้วันนี้ว่าอี้หรานเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยต้องการใช้เธอ ฉันจ้างเธอเพียงเพราะเธอเคยติดคุกเหมือนกับฉันและฉันก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้เธอโอกาส”ความเยือกเย็นในดวงตาของอี้ จิ่นหลี ลดลงเล็กน้อย “ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างคุณกับเย่ เหวินหมิง ผมแค่ต้องการให้อี้หรานทำงานอยู่ที่ร้านของคุณอย่างปลอดภัย คุณสามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”เขาจึงให้หมายเลขโทรศัพท์ของเขาแก่โจว เชียนหยุนโจว เชียนหยุน รีบจดเบอร์ของเขา มีคนไม่มากในเมือง เฉิน ที่จะได้รับรู้หมายเลขโทรศัพท์ของเขา แต่เธอกลับสามารถหามันได้จากสถานการณ์แบบนี้อี้ จิ่นหลี บอกว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างเธอกับเย่ เหวินหมิง นั่นหมายความว่าเขาจะไม่บอกเย่ เหวินหมิง เกี่ยวกับที่อยู่ของเธอสิ่งนี้ทำให้โจว เชียนหยุน โล่งใจอี้ จิ่นหลี อยู่ในร้านอาหารและกินอาหารเย็นกับหลิง อี้หราน ที่นั่นในตอนท้ายของวัน เพื่อนร่วมงานทุกคนของเธอในร้านอาหารต่างรู้ว่าหลิง อี้หราน มีแฟนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น
ช่วงนี้เขาตั้งใจจะนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่าการนอนบนเตียงเดียวกันจะกลายเป็นความต้องการของจิตใต้สำนึกหลิง อี้หราน ต้องเปิดไฟตลอดการนอนหลับ ดังนั้นเธอจึงกล่าวอย่างไพเราะว่า “ดูเหมือนคุณจะไม่คุ้นเคยกับการฉันที่เปิดไฟนอน บางทีคุณควรกลับไปนอนที่ห้องของคุณนะ”อี้ จิ่นหลี จึงตอบว่า “ผมอยากนอนกับพี่ ผมรู้สึกสบายใจเวลานอนกับพี่ ถ้าพี่อยากจะเปิดไฟก็ไม่เป็นอะไร”หลิง อี้หราน จึงตัดสินใจเก็บประโยคถัดไปไว้กับตัวเองคำพูดที่อี้ จิ่นหลี กล่าวออกมานั้น... ค่อนข้างยั่วยวน! เขาไม่รู้เหรอว่าคำพูดเหล่านั้นสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมได้?“จะนอนแล้วเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามขณะที่เขาจ้องมองหลิง อี้หราน เดินไปที่เตียง“อืม” หลิง อี้หราน ตอบด้วยใบหน้าที่กระสับกระส่ายหลิง อี้หราน ยกผ้าห่มขึ้นและขึ้นไปบนเตียง แขนของอี้ จิ่นหลี โอบรอบเอวของเธอไว้อย่างง่ายดาย เขาซุกใบหน้าของเขาไว้ในอกของเธอขณะที่กอดเธอแน่น ราวกับว่าเขายังเป็นเด็กที่ถูกให้ท้ายโดยผู้ใหญ่รอบ ๆตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กน้อย และทำตัวต่างออกไปจากปกติ หลิง อี้หราน กำลังจินตนาการถึงความไร้เดีย
“ถึงกู้ ลี่เฉิน จะต้องการแย่งพี่ไป เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะคนที่พี่ชอบคือผม และคนที่พี่จะตกหลุมรักในอนาคตก็คือผมด้วยใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลี พึมพำออกมาเสียงดัง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารวยรินบนใบหน้าของเธอ ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็พรมจูบที่ริมฝีปากของเธอเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเธอไป เธอจะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!...เมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาก็พบว่าอี้ จิ่นหลี ออกไปทำงานแล้ว หลังจากที่หลิง อี้หราน กินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็จัดเตรียมอาหารกลางวันให้กับอี้ จิ่นหลีกล่องอาหารกลางวันและส่วนผสมต่าง ๆ มีอยู่ในคฤหาสน์ อี้ หมดทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีพ่อครัวที่อยู่ใกล้ ๆ คอยให้คำแนะนำด้วยเช่นกัน หากหลิง อี้หราน มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเหลือเธอทันทีหลังจากทำอาหารกลางวันของอี้ จิ่นหลี แล้ว หลิง อี้หราน รู้สึกว่าฝีมือของเธอพัฒนาขึ้นหลิง อี้หราน หยิบกล่องอาหารกลางวันมาและมุ่งหน้าไปยัง อี้ กรุ๊ป เนื่องจากคนขับรถของตระกูล อี้ เป็นคนไปส่งเธอไปที่นั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าบริษัทจึงตกตะลึงเมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลิง อี้หราน ที่ออกมาจากรถแม้ว่าจะมีไม่กี
เนื่องจากเธอสามารถเข้าใจบทสนทนาได้ เธอจึงรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นอี้ จิ่นหลี จึงตอบออกไปว่า “เธอคนเดียวกันครับ”“โอ้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน จิน? คุณเป็นแฟนกันเหรอ?” เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าชาวต่างชาติมักใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาถ้าเป็นพนักงานธรรมดาคนอื่น ๆ พวกเขาคงไม่กล้าถามคำถามนี้กับอี้ จิ่นหลี โดยตรงจากนั้นหลิง อี้หราน ได้ยินอี้ จิ่นหลี ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษว่า “เธอคือคนที่ผมรักมากที่สุดครับ”หลิง อี้หรานรู้ สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกบีบแน่นด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่เพียงเท่านั้น แต่ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะหยุดนิ่งหลังจากการประชุมทางวิดีโอสิ้นสุดลง อี้ จิ่นหลี ก็เดินไปหาหลิง อี้หราน “เป็นอะไรไป ทำไมพี่หน้าแดง?”“ไม่… ไม่มีอะไร” หลิง อี้หราน ตอบอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลี จับหลิง อี้หราน เอาไว้ และจ้องมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “เป็นเพราะคำพูดที่คนพวกนั้นพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”หลิง อี้หราน ไม่ตอบอะไร และยังคงเงียบแบบนั้นต่อไป“คราวหน้าผมจะใช้โอกาสนี้แนะนำพี่ให้พวกเขารู้จัก” อี้ จิ่นหลี กล่าว“แนะนำ?” หลิง อี้หราน อุทานออกมาเสียงดัง อี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง เสียงของโจว เชียนหยุน “อี้หราน การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี หมอบอกว่าเมื่อการได้ยินของหยันน้อยจะมีความมั่นคงในสองวันข้างหน้า เขาสามารถเริ่มต้นการฝึกเพื่อจดจำเสียงได้”“ดีเลยค่ะ” หลิง อี้หราน ดีใจมากที่ได้ยินข่าวนี้ “ได้สิ ฉันจะไปเยี่ยมอาหยันน้อยบ่ายนี้ค่ะ”เมื่อพูดจบ หลิง อี้หราน ได้ถามเกี่ยวกับห้องผู้ป่วยเฉพาะที่อาหยันน้อยอยู่ก่อนจะวางสาย“เกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาการได้ยินเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามในขณะที่มองไปที่หลิง อี้หราน“ใช่ การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี บ่ายนี้ฉันว่าง ฉันเลยว่าจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิง อี้หราน ตอบ“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลี กล่าว“คุณอยากไปกับฉันเหรอ?” หลิง อี้หราน รู้สึกสับสน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “แต่… คุณยังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“ผมจะขอให้เลขาเลื่อนงานบ่ายนี้ออกไปก่อน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานเร่งด่วนอะไร” อี้ จิ่นหลี กล่าวอย่างเฉยเมยหลิง อี้หราน ตระหนักดีว่าในฐานะประธานของบริษัทใหญ่ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วน“อะไรกัน? พึ่งไม่อยากให้ผมไปด้วยเหรอ?” อี้ จินหลี่ ถาม“ไม่… นั่นไม่ใช่” ความตั้งใจของอี้ จิ่นหลี