”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
เล็บมือที่ถูกฉีกด้วยแหนบเย็นๆ เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวดขั้นรุนแรงเหมือนดั่งสัตว์ป่าดุร้ายที่อ้าปากกว้างอันเต็มไปด้วยเลือดหญิงสาวสองสามคนในเครื่องแบบนักโทษเรือนจำกำลังกดขี่ข่มเหงผู้หญิงร่างบางผอมแห้งซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบนักโทษเรือนจำเหมือนกันหลิงอี้หรานทำได้เพียงแค่มองในขณะที่เล็บนิ้วมือของเธอถูกฉีกไปทีละนิ้ว กลิ่นอับในห้องขังพร้อมกับเลือดที่กำลังไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอนั้นช่างน่าขยะแขยง“ทนายหน้าใหม่ไม่มีอะไรมากไปกว่ากองขี้โคลน” เสียงอันเยือกเย็นและแข็งกร้านดังขึ้นเหนือศีรษะของหลิงอี้หราน เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังและมองไปยังใบหน้าที่สวยและทรงเสน่ห์ตรงหน้าของเธอ ใครจะคิดว่าดาราซึ่งเป็นที่นิยมทั้งทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ดูไร้เดียงสายิ่งกว่าดอกบัวจะเลวทรามได้ขนาดนี้?“ห่าวอี้เหมิง ทำไมกัน?” เธอถามด้วยเสียงอันสั่นเทา“เธอฆ่าน้องสาวของฉัน ยังจะกล้าถามว่าทำไมอีกเหรอ?” ห่างอี้เหมิงพูดอย่างดูถูกด้วยสายตาอันชั่วร้ายขั้นสุด แม้แต่มุมปากของเธอ ก็เผยให้เห็นถึงความเย็อกเย็นที่เสียดแทงเข้าทะลุกระดูก “ไม่ใช่ฉัน… ฉันผิดไปแล้ว!” เธอพูดด้วยความยากลำบากและส่ายหัวของเธออย่างต่อเนื่อ
“แ_่ง ไอผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าฉันเป็นเพียงคนธรรมดาที่เดินผ่านมา สวมเสื้อผ้าพวกจน ๆ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวด้วยวะ?”ซุน เถิงหยาง ถ่มน้ำลายและอยากจะต่อยไอ้คนที่เดินผ่านมานี่สักทีอย่างไรก็ตามในครู่ต่อมา ชายผู้เดินผ่านมานั้นเหยียบย่ำซุน เถิงหยาง ที่ใบหน้าแนบแน่นลงกับพื้น ซุน เถิงหยาง ผู้น่าสงสาร!เมื่อชายสองคนเห็นจึงรีบเข้าไปซัดชายผู้เดินผ่านมานี้ที่จู่ ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นทันใดนั้น ทั้งหมดที่หลิง อี้หราน เห็นนั้นคือชายผู้เดินผ่านมาซัดชายหนุ่มทั้งสามคน ช่างเป็นฉากที่ค่อนข้างโหดเหี้ยมทีเดียวไม่ไกลจากตรงนั้นมีรถคนหนึ่งที่อยู่ในมุมสี่แยกที่เปล่าเปลี่ยวนั้น เกา ฉงหมิงซึ่งนั่งอยู่ในรถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขาและอธิษฐานพึมพำ”นายน้อยอี้ได้โปรดอย่าทำอะไรบ้าๆนะครับ!”ถ้านายนายอี้ทำอะไรที่บ้าคลั่งลงไป ผลลัพธ์จะน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง คงไม่แปลกที่เขาจะฆ่าคนเกา ฉงหมิง เคยเห็นพฤติกรรมอันบ้าคลั่งของเขามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากที่จะเผชิญกับมันอีกไปตลอดชีวิตของเขาคนนี้ถนนถูกปิด ใครจะคาดคิดว่าคนห้าคนกับรถ Ferrari จะบุกเข้ามาที่นี่? พวกเขารบกวนนายน้อยอี้ที่ต้องการอยู่คนเดียวในวันน
"คุณหิวไหม? ฉันจะหาอะไรให้กิน" เธอกล่าว วันนี้เธอไม่เห็นเขากินอะไรเลยตอนที่เธอทำความสะอาดถนนหลิง อี้หราน โยนบะหมี่และไข่ลงไปในหม้อเพื่อทำบะหมี่ง่าย ๆ ให้กับเขา"นี่นะ กินสิ แต่อย่ากินเร็วเกินไปมันค่อนข้างจะร้อนน่ะ" เธอกล่าวเขาก้มหน้าและกินบะหมี่อย่างเงียบ ๆ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หลิง อี้หราน จ้องมองเขาด้วยความเงียบ ในตอนนั้นความเหงาที่เธอเคยรู้สึกเมื่อใดก็ตามที่เธอเพิ่งกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ดูเหมือนจะหายไป อาจเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ในห้อง?หลังจากที่เขากินเสร็จ หลิง อี้หราน ก็ทำความสะอาดจาน “ฉันมักจะนอนโดยเปิดไฟฉันหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ” เธอกล่าว นับตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเธอก็ติดนิสัยชอบเปิดไฟขณะนอนหลับ“แน่นอนครับ”หลิงอี้หรานนอนลงบนเตียงในขณะที่เขานอนบนเสื่อที่เธอปูไว้ที่พื้นเธอหลับตาลงและพยายามอย่างมากที่จะหลับ เธอไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นเมื่อใด แต่ในบางช่วงเวลาเธอเริ่มพบว่ามันน่ากลัวจริง ๆ ที่จะข่มตาให้หลับลงเพราะเมื่อเธอหลับลงคราใด เธอมักจะฝันถึงช่วงเวลาที่อยู่ในคุก เธอจะถูกทุบตีทำให้อับอายและถูกทารุณกรรม... และทุกนิ้วยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกหักและเ