ใบหน้าของหลิง อี้หราน พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วกล่าวกับโจว เชียนหยุน “เขาเป็นแฟนของฉันค่ะ”“แฟนของเธอ?!” ดวงตาของโจว เชียนหยุน เบิกกว้างทันที เธอรู้สึกถึงบางอย่างระหว่างพวกเขาจากการสนทนาก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม... แฟน?! อี้หรานมีแฟนแล้ว?! แถมเขาดูเป็นคนลึกลับด้วย!ใช่ ลึกลับนี่คือสิ่งที่โจว เชียนหยุน รู้สึก แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่เป็นอันตราย แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่มีพิษภัย สัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าผู้ชายคนนั้นอันตรายผู้ชายคนนี้ดูหยิ่งยโสและทะนงตัว“ใช่ค่ะ แฟนของฉัน” หลิง อี้หราน ตอบ“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโจว เชียนหยุน เป็นเจ้าของร้านนี้” โจว เชียนหยุน กล่าวแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้ จิ่นหลี” อี้ จิ่นหลี กล่าวโจว เชียนหยุน ตกตะลึงอีกครั้ง ความประหลาดใจในดวงตาของเธอชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆอี้ จิ่นหลี คนนี้ไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้ใช่ไหม? โจว เชียนหยุน รู้สึกได้ว่าหัวของเธอกำลังหมุนอยู่ในตอนนี้กู้ ลี่เฉิน และอี้ จิ่นหลี มาที่ร้านอาหารของเธอ และทั้งสองคนก็มาที่นี่เพราะอี้หรานอี้หราน... คือใครกันแน่? เธอเป็นอย่างท
โจว เชียนหยุน นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอดึงหลิง อี้หราน ออกมาเพื่อถามเรื่องนี้ อี้หรานได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เธอ“ใช่ค่ะ พี่โจว เขาคืออี้ จิ่นหลี จากอี้ กรุ๊ป” นั่นคือสิ่งที่อี้หรานกล่าวกับเธอโจว เชียนหยุน รู้สึกราวกับว่าหัวของเธอถูกคลื่นฟ้าผ่าหลังจากที่เกิดฟ้าร้อง เธอรู้สึกหนักใจเล็กน้อยสาวส่งของในร้านอาหารของเธอเป็นแฟนกับอี้ จิ่นหลี เหรอเนี่ย? ใครจะเชื่อถ้าเธอบอกพวกเขา?เมื่อหลิง อี้หราน บอกว่าเธอยังมีอาหารที่ต้องส่ง อี้ จิ่นหลี ก็กล่าวขึ้นโดยไม่คาดคิด “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอพี่ที่นี่ วันนี้ผมว่างทั้งวัน”จากนั้นเธอก็ออกไปส่งอาหาร ในขณะที่อี้ จิ่นหลี อยู่ที่นี่และอ่านหนังสือของเขา!โจว เชียนหยุน คิดว่าเธอผ่านอะไรมามากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อยทำไมอี้หรานถึงมาทำงานให้เธอในเมื่ออี้หรานมีแฟนที่มีความสามารถขนาดนี้? อี้ จิ่นหลี… จริงจังกับอี้หรานหรือเปล่า?แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันกลับดูเป็นธรรมชาติ อย่างน้อยคนนอกอย่างเธอก็สามารถเห็นได้ว่า อี้ จิ่นหลี ให้ความสำคัญกับอี้หรานหลังจากเห็นว่าอี้ จิ่นหลี ดื่มกาแฟเสร็จแล้ว โจว เชียนหยุน ก็ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “คุ
“ฉันเข้าใจ... ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” โจว เชียนหยุน ลังเลและกล่าวว่า “ฉันเพิ่งรู้วันนี้ว่าอี้หรานเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยต้องการใช้เธอ ฉันจ้างเธอเพียงเพราะเธอเคยติดคุกเหมือนกับฉันและฉันก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้เธอโอกาส”ความเยือกเย็นในดวงตาของอี้ จิ่นหลี ลดลงเล็กน้อย “ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างคุณกับเย่ เหวินหมิง ผมแค่ต้องการให้อี้หรานทำงานอยู่ที่ร้านของคุณอย่างปลอดภัย คุณสามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”เขาจึงให้หมายเลขโทรศัพท์ของเขาแก่โจว เชียนหยุนโจว เชียนหยุน รีบจดเบอร์ของเขา มีคนไม่มากในเมือง เฉิน ที่จะได้รับรู้หมายเลขโทรศัพท์ของเขา แต่เธอกลับสามารถหามันได้จากสถานการณ์แบบนี้อี้ จิ่นหลี บอกว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างเธอกับเย่ เหวินหมิง นั่นหมายความว่าเขาจะไม่บอกเย่ เหวินหมิง เกี่ยวกับที่อยู่ของเธอสิ่งนี้ทำให้โจว เชียนหยุน โล่งใจอี้ จิ่นหลี อยู่ในร้านอาหารและกินอาหารเย็นกับหลิง อี้หราน ที่นั่นในตอนท้ายของวัน เพื่อนร่วมงานทุกคนของเธอในร้านอาหารต่างรู้ว่าหลิง อี้หราน มีแฟนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น
ช่วงนี้เขาตั้งใจจะนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่าการนอนบนเตียงเดียวกันจะกลายเป็นความต้องการของจิตใต้สำนึกหลิง อี้หราน ต้องเปิดไฟตลอดการนอนหลับ ดังนั้นเธอจึงกล่าวอย่างไพเราะว่า “ดูเหมือนคุณจะไม่คุ้นเคยกับการฉันที่เปิดไฟนอน บางทีคุณควรกลับไปนอนที่ห้องของคุณนะ”อี้ จิ่นหลี จึงตอบว่า “ผมอยากนอนกับพี่ ผมรู้สึกสบายใจเวลานอนกับพี่ ถ้าพี่อยากจะเปิดไฟก็ไม่เป็นอะไร”หลิง อี้หราน จึงตัดสินใจเก็บประโยคถัดไปไว้กับตัวเองคำพูดที่อี้ จิ่นหลี กล่าวออกมานั้น... ค่อนข้างยั่วยวน! เขาไม่รู้เหรอว่าคำพูดเหล่านั้นสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมได้?“จะนอนแล้วเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามขณะที่เขาจ้องมองหลิง อี้หราน เดินไปที่เตียง“อืม” หลิง อี้หราน ตอบด้วยใบหน้าที่กระสับกระส่ายหลิง อี้หราน ยกผ้าห่มขึ้นและขึ้นไปบนเตียง แขนของอี้ จิ่นหลี โอบรอบเอวของเธอไว้อย่างง่ายดาย เขาซุกใบหน้าของเขาไว้ในอกของเธอขณะที่กอดเธอแน่น ราวกับว่าเขายังเป็นเด็กที่ถูกให้ท้ายโดยผู้ใหญ่รอบ ๆตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กน้อย และทำตัวต่างออกไปจากปกติ หลิง อี้หราน กำลังจินตนาการถึงความไร้เดีย
“ถึงกู้ ลี่เฉิน จะต้องการแย่งพี่ไป เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะคนที่พี่ชอบคือผม และคนที่พี่จะตกหลุมรักในอนาคตก็คือผมด้วยใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลี พึมพำออกมาเสียงดัง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารวยรินบนใบหน้าของเธอ ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็พรมจูบที่ริมฝีปากของเธอเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเธอไป เธอจะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!...เมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาก็พบว่าอี้ จิ่นหลี ออกไปทำงานแล้ว หลังจากที่หลิง อี้หราน กินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็จัดเตรียมอาหารกลางวันให้กับอี้ จิ่นหลีกล่องอาหารกลางวันและส่วนผสมต่าง ๆ มีอยู่ในคฤหาสน์ อี้ หมดทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีพ่อครัวที่อยู่ใกล้ ๆ คอยให้คำแนะนำด้วยเช่นกัน หากหลิง อี้หราน มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเหลือเธอทันทีหลังจากทำอาหารกลางวันของอี้ จิ่นหลี แล้ว หลิง อี้หราน รู้สึกว่าฝีมือของเธอพัฒนาขึ้นหลิง อี้หราน หยิบกล่องอาหารกลางวันมาและมุ่งหน้าไปยัง อี้ กรุ๊ป เนื่องจากคนขับรถของตระกูล อี้ เป็นคนไปส่งเธอไปที่นั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าบริษัทจึงตกตะลึงเมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลิง อี้หราน ที่ออกมาจากรถแม้ว่าจะมีไม่กี
เนื่องจากเธอสามารถเข้าใจบทสนทนาได้ เธอจึงรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นอี้ จิ่นหลี จึงตอบออกไปว่า “เธอคนเดียวกันครับ”“โอ้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน จิน? คุณเป็นแฟนกันเหรอ?” เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าชาวต่างชาติมักใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาถ้าเป็นพนักงานธรรมดาคนอื่น ๆ พวกเขาคงไม่กล้าถามคำถามนี้กับอี้ จิ่นหลี โดยตรงจากนั้นหลิง อี้หราน ได้ยินอี้ จิ่นหลี ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษว่า “เธอคือคนที่ผมรักมากที่สุดครับ”หลิง อี้หรานรู้ สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกบีบแน่นด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่เพียงเท่านั้น แต่ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะหยุดนิ่งหลังจากการประชุมทางวิดีโอสิ้นสุดลง อี้ จิ่นหลี ก็เดินไปหาหลิง อี้หราน “เป็นอะไรไป ทำไมพี่หน้าแดง?”“ไม่… ไม่มีอะไร” หลิง อี้หราน ตอบอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลี จับหลิง อี้หราน เอาไว้ และจ้องมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “เป็นเพราะคำพูดที่คนพวกนั้นพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”หลิง อี้หราน ไม่ตอบอะไร และยังคงเงียบแบบนั้นต่อไป“คราวหน้าผมจะใช้โอกาสนี้แนะนำพี่ให้พวกเขารู้จัก” อี้ จิ่นหลี กล่าว“แนะนำ?” หลิง อี้หราน อุทานออกมาเสียงดัง อี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง เสียงของโจว เชียนหยุน “อี้หราน การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี หมอบอกว่าเมื่อการได้ยินของหยันน้อยจะมีความมั่นคงในสองวันข้างหน้า เขาสามารถเริ่มต้นการฝึกเพื่อจดจำเสียงได้”“ดีเลยค่ะ” หลิง อี้หราน ดีใจมากที่ได้ยินข่าวนี้ “ได้สิ ฉันจะไปเยี่ยมอาหยันน้อยบ่ายนี้ค่ะ”เมื่อพูดจบ หลิง อี้หราน ได้ถามเกี่ยวกับห้องผู้ป่วยเฉพาะที่อาหยันน้อยอยู่ก่อนจะวางสาย“เกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาการได้ยินเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามในขณะที่มองไปที่หลิง อี้หราน“ใช่ การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี บ่ายนี้ฉันว่าง ฉันเลยว่าจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิง อี้หราน ตอบ“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลี กล่าว“คุณอยากไปกับฉันเหรอ?” หลิง อี้หราน รู้สึกสับสน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “แต่… คุณยังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“ผมจะขอให้เลขาเลื่อนงานบ่ายนี้ออกไปก่อน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานเร่งด่วนอะไร” อี้ จิ่นหลี กล่าวอย่างเฉยเมยหลิง อี้หราน ตระหนักดีว่าในฐานะประธานของบริษัทใหญ่ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วน“อะไรกัน? พึ่งไม่อยากให้ผมไปด้วยเหรอ?” อี้ จินหลี่ ถาม“ไม่… นั่นไม่ใช่” ความตั้งใจของอี้ จิ่นหลี
หลิง อี้หราน อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ‘เธอมีความสำคัญในหัวใจของเขาจริง ๆ หรือเปล่า? พวกเขารู้จักกันแค่หกเดือนเท่านั้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจะลึกซึ้งถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?’แต่อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอเธอไม่มีอะไรจะให้เขา ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกลวงเธอใช่ไหม?“ตกลงไหมครับพี่?” น้ำเสียงของ อี้ จิ่นหลี เปรียบเหมือนแม่เหล็กที่เต็มไปด้วยความปรารถนา จนเธอไม่อาจเพิกเฉยได้ ในขณะเดียวกันเขาถามคำถามเดิมเป็นครั้งที่สาม“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะทำอาหารให้มากขึ้นถ้าฉันมีเวลา” หลิง อี้หราน กลับมารู้สึกตัว และรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรง“โอเค” อี้ จิ่นหลี หัวเราะเบา ๆหลิง อี้หราน รีบก้มศรีษะและทำความสะอาดกล่องอาหารกลางวันบนโต๊ะ เมื่อเธอกำลังจะปิดฝา เธอก็ส่งเสียงร้องและดึงนิ้วกลับโดยไม่รู้ตัว เธอสะอื้นออกมาอย่างเจ็บปวด“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลี ถามอย่างกังวล“ไม่มีอะไร แค่เล็บของฉัน มันบิ่นเพราะฝากล่องข้าว ฉันจะตัดมันตอนฉันกลับบ้าน” หลิง อี้หราน ตอบ แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเล็มเล็บบ่อย ๆ แต่สองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำมันบ่อย ๆ ดังนั้นเล็บของเธอจึงยาวกว่าปก
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค