โจว เชียนหยุน นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอดึงหลิง อี้หราน ออกมาเพื่อถามเรื่องนี้ อี้หรานได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เธอ“ใช่ค่ะ พี่โจว เขาคืออี้ จิ่นหลี จากอี้ กรุ๊ป” นั่นคือสิ่งที่อี้หรานกล่าวกับเธอโจว เชียนหยุน รู้สึกราวกับว่าหัวของเธอถูกคลื่นฟ้าผ่าหลังจากที่เกิดฟ้าร้อง เธอรู้สึกหนักใจเล็กน้อยสาวส่งของในร้านอาหารของเธอเป็นแฟนกับอี้ จิ่นหลี เหรอเนี่ย? ใครจะเชื่อถ้าเธอบอกพวกเขา?เมื่อหลิง อี้หราน บอกว่าเธอยังมีอาหารที่ต้องส่ง อี้ จิ่นหลี ก็กล่าวขึ้นโดยไม่คาดคิด “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอพี่ที่นี่ วันนี้ผมว่างทั้งวัน”จากนั้นเธอก็ออกไปส่งอาหาร ในขณะที่อี้ จิ่นหลี อยู่ที่นี่และอ่านหนังสือของเขา!โจว เชียนหยุน คิดว่าเธอผ่านอะไรมามากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อยทำไมอี้หรานถึงมาทำงานให้เธอในเมื่ออี้หรานมีแฟนที่มีความสามารถขนาดนี้? อี้ จิ่นหลี… จริงจังกับอี้หรานหรือเปล่า?แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันกลับดูเป็นธรรมชาติ อย่างน้อยคนนอกอย่างเธอก็สามารถเห็นได้ว่า อี้ จิ่นหลี ให้ความสำคัญกับอี้หรานหลังจากเห็นว่าอี้ จิ่นหลี ดื่มกาแฟเสร็จแล้ว โจว เชียนหยุน ก็ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “คุ
“ฉันเข้าใจ... ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” โจว เชียนหยุน ลังเลและกล่าวว่า “ฉันเพิ่งรู้วันนี้ว่าอี้หรานเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยต้องการใช้เธอ ฉันจ้างเธอเพียงเพราะเธอเคยติดคุกเหมือนกับฉันและฉันก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้เธอโอกาส”ความเยือกเย็นในดวงตาของอี้ จิ่นหลี ลดลงเล็กน้อย “ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างคุณกับเย่ เหวินหมิง ผมแค่ต้องการให้อี้หรานทำงานอยู่ที่ร้านของคุณอย่างปลอดภัย คุณสามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”เขาจึงให้หมายเลขโทรศัพท์ของเขาแก่โจว เชียนหยุนโจว เชียนหยุน รีบจดเบอร์ของเขา มีคนไม่มากในเมือง เฉิน ที่จะได้รับรู้หมายเลขโทรศัพท์ของเขา แต่เธอกลับสามารถหามันได้จากสถานการณ์แบบนี้อี้ จิ่นหลี บอกว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างเธอกับเย่ เหวินหมิง นั่นหมายความว่าเขาจะไม่บอกเย่ เหวินหมิง เกี่ยวกับที่อยู่ของเธอสิ่งนี้ทำให้โจว เชียนหยุน โล่งใจอี้ จิ่นหลี อยู่ในร้านอาหารและกินอาหารเย็นกับหลิง อี้หราน ที่นั่นในตอนท้ายของวัน เพื่อนร่วมงานทุกคนของเธอในร้านอาหารต่างรู้ว่าหลิง อี้หราน มีแฟนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น
ช่วงนี้เขาตั้งใจจะนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่าการนอนบนเตียงเดียวกันจะกลายเป็นความต้องการของจิตใต้สำนึกหลิง อี้หราน ต้องเปิดไฟตลอดการนอนหลับ ดังนั้นเธอจึงกล่าวอย่างไพเราะว่า “ดูเหมือนคุณจะไม่คุ้นเคยกับการฉันที่เปิดไฟนอน บางทีคุณควรกลับไปนอนที่ห้องของคุณนะ”อี้ จิ่นหลี จึงตอบว่า “ผมอยากนอนกับพี่ ผมรู้สึกสบายใจเวลานอนกับพี่ ถ้าพี่อยากจะเปิดไฟก็ไม่เป็นอะไร”หลิง อี้หราน จึงตัดสินใจเก็บประโยคถัดไปไว้กับตัวเองคำพูดที่อี้ จิ่นหลี กล่าวออกมานั้น... ค่อนข้างยั่วยวน! เขาไม่รู้เหรอว่าคำพูดเหล่านั้นสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมได้?“จะนอนแล้วเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามขณะที่เขาจ้องมองหลิง อี้หราน เดินไปที่เตียง“อืม” หลิง อี้หราน ตอบด้วยใบหน้าที่กระสับกระส่ายหลิง อี้หราน ยกผ้าห่มขึ้นและขึ้นไปบนเตียง แขนของอี้ จิ่นหลี โอบรอบเอวของเธอไว้อย่างง่ายดาย เขาซุกใบหน้าของเขาไว้ในอกของเธอขณะที่กอดเธอแน่น ราวกับว่าเขายังเป็นเด็กที่ถูกให้ท้ายโดยผู้ใหญ่รอบ ๆตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กน้อย และทำตัวต่างออกไปจากปกติ หลิง อี้หราน กำลังจินตนาการถึงความไร้เดีย
“ถึงกู้ ลี่เฉิน จะต้องการแย่งพี่ไป เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะคนที่พี่ชอบคือผม และคนที่พี่จะตกหลุมรักในอนาคตก็คือผมด้วยใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลี พึมพำออกมาเสียงดัง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารวยรินบนใบหน้าของเธอ ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็พรมจูบที่ริมฝีปากของเธอเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเธอไป เธอจะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!...เมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาก็พบว่าอี้ จิ่นหลี ออกไปทำงานแล้ว หลังจากที่หลิง อี้หราน กินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็จัดเตรียมอาหารกลางวันให้กับอี้ จิ่นหลีกล่องอาหารกลางวันและส่วนผสมต่าง ๆ มีอยู่ในคฤหาสน์ อี้ หมดทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีพ่อครัวที่อยู่ใกล้ ๆ คอยให้คำแนะนำด้วยเช่นกัน หากหลิง อี้หราน มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเหลือเธอทันทีหลังจากทำอาหารกลางวันของอี้ จิ่นหลี แล้ว หลิง อี้หราน รู้สึกว่าฝีมือของเธอพัฒนาขึ้นหลิง อี้หราน หยิบกล่องอาหารกลางวันมาและมุ่งหน้าไปยัง อี้ กรุ๊ป เนื่องจากคนขับรถของตระกูล อี้ เป็นคนไปส่งเธอไปที่นั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าบริษัทจึงตกตะลึงเมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลิง อี้หราน ที่ออกมาจากรถแม้ว่าจะมีไม่กี
เนื่องจากเธอสามารถเข้าใจบทสนทนาได้ เธอจึงรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นอี้ จิ่นหลี จึงตอบออกไปว่า “เธอคนเดียวกันครับ”“โอ้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน จิน? คุณเป็นแฟนกันเหรอ?” เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าชาวต่างชาติมักใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาถ้าเป็นพนักงานธรรมดาคนอื่น ๆ พวกเขาคงไม่กล้าถามคำถามนี้กับอี้ จิ่นหลี โดยตรงจากนั้นหลิง อี้หราน ได้ยินอี้ จิ่นหลี ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษว่า “เธอคือคนที่ผมรักมากที่สุดครับ”หลิง อี้หรานรู้ สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกบีบแน่นด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่เพียงเท่านั้น แต่ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะหยุดนิ่งหลังจากการประชุมทางวิดีโอสิ้นสุดลง อี้ จิ่นหลี ก็เดินไปหาหลิง อี้หราน “เป็นอะไรไป ทำไมพี่หน้าแดง?”“ไม่… ไม่มีอะไร” หลิง อี้หราน ตอบอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลี จับหลิง อี้หราน เอาไว้ และจ้องมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “เป็นเพราะคำพูดที่คนพวกนั้นพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”หลิง อี้หราน ไม่ตอบอะไร และยังคงเงียบแบบนั้นต่อไป“คราวหน้าผมจะใช้โอกาสนี้แนะนำพี่ให้พวกเขารู้จัก” อี้ จิ่นหลี กล่าว“แนะนำ?” หลิง อี้หราน อุทานออกมาเสียงดัง อี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง เสียงของโจว เชียนหยุน “อี้หราน การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี หมอบอกว่าเมื่อการได้ยินของหยันน้อยจะมีความมั่นคงในสองวันข้างหน้า เขาสามารถเริ่มต้นการฝึกเพื่อจดจำเสียงได้”“ดีเลยค่ะ” หลิง อี้หราน ดีใจมากที่ได้ยินข่าวนี้ “ได้สิ ฉันจะไปเยี่ยมอาหยันน้อยบ่ายนี้ค่ะ”เมื่อพูดจบ หลิง อี้หราน ได้ถามเกี่ยวกับห้องผู้ป่วยเฉพาะที่อาหยันน้อยอยู่ก่อนจะวางสาย“เกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาการได้ยินเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามในขณะที่มองไปที่หลิง อี้หราน“ใช่ การผ่าตัดของอาหยันน้อยเป็นไปด้วยดี บ่ายนี้ฉันว่าง ฉันเลยว่าจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิง อี้หราน ตอบ“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลี กล่าว“คุณอยากไปกับฉันเหรอ?” หลิง อี้หราน รู้สึกสับสน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “แต่… คุณยังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“ผมจะขอให้เลขาเลื่อนงานบ่ายนี้ออกไปก่อน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานเร่งด่วนอะไร” อี้ จิ่นหลี กล่าวอย่างเฉยเมยหลิง อี้หราน ตระหนักดีว่าในฐานะประธานของบริษัทใหญ่ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วน“อะไรกัน? พึ่งไม่อยากให้ผมไปด้วยเหรอ?” อี้ จินหลี่ ถาม“ไม่… นั่นไม่ใช่” ความตั้งใจของอี้ จิ่นหลี
หลิง อี้หราน อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ‘เธอมีความสำคัญในหัวใจของเขาจริง ๆ หรือเปล่า? พวกเขารู้จักกันแค่หกเดือนเท่านั้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจะลึกซึ้งถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?’แต่อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอเธอไม่มีอะไรจะให้เขา ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกลวงเธอใช่ไหม?“ตกลงไหมครับพี่?” น้ำเสียงของ อี้ จิ่นหลี เปรียบเหมือนแม่เหล็กที่เต็มไปด้วยความปรารถนา จนเธอไม่อาจเพิกเฉยได้ ในขณะเดียวกันเขาถามคำถามเดิมเป็นครั้งที่สาม“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะทำอาหารให้มากขึ้นถ้าฉันมีเวลา” หลิง อี้หราน กลับมารู้สึกตัว และรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรง“โอเค” อี้ จิ่นหลี หัวเราะเบา ๆหลิง อี้หราน รีบก้มศรีษะและทำความสะอาดกล่องอาหารกลางวันบนโต๊ะ เมื่อเธอกำลังจะปิดฝา เธอก็ส่งเสียงร้องและดึงนิ้วกลับโดยไม่รู้ตัว เธอสะอื้นออกมาอย่างเจ็บปวด“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลี ถามอย่างกังวล“ไม่มีอะไร แค่เล็บของฉัน มันบิ่นเพราะฝากล่องข้าว ฉันจะตัดมันตอนฉันกลับบ้าน” หลิง อี้หราน ตอบ แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเล็มเล็บบ่อย ๆ แต่สองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำมันบ่อย ๆ ดังนั้นเล็บของเธอจึงยาวกว่าปก
หลังจากนั้นไม่นานหลิง อี้หราน ก็เสร็จสิ้นการชี้แนะอี้ จิ่นหลี ผ่านขั้นตอนการตัดแต่งเล็บของเธอหลิง อี้หราน รู้สึกเหนื่อยจากการสอนเขาตัดเล็บ และมันจะง่ายกว่ามากสำหรับเธอ ถ้าเธอตัดเล็บของเธอด้วยตัวเองแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะชื่นชอบการเล็มเล็บ ขณะที่เขามองดูเล็บอีกข้างหนึ่งของหลิง อี้หราน ก่อนที่จะเริ่มเล็มเล็บทีละนิ้วหลังจากตัดเล็บทุกนิ้วเสร็จแล้ว อี้ จิ่นหลี ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ถ้าเล็บของพี่ยาวขึ้นอีก ผมจะช่วยพี่เล็มเล็บอีกครั้งเอง”“...” หลิง อี้หราน รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งยังคงเป็นเวลาเที่ยงวัน ถ้าหลิง อี้หราน ไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมอาหยันน้อยในตอนนี้ มันอาจจะยังเร็วไปสักหน่อยขณะที่อี้ จิ่นหลี กลับมาที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อจัดการกับกิจการของบริษัท หลิง อี้หราน หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและเริ่มเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าเว็บประเด็นที่กำลังเป็นกระแสดึงดูดความสนใจของเธอ คือเป็นเรื่องของหลิง ลั่วอิน ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ เพราะเธอได้รับทั้งความรักและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าหลิง ลั่วอิน กับกู้ ลี่เฉิน ได้ตัดสินใจที่จะเข้