หลิง อี้หราน อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ‘เธอมีความสำคัญในหัวใจของเขาจริง ๆ หรือเปล่า? พวกเขารู้จักกันแค่หกเดือนเท่านั้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจะลึกซึ้งถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?’แต่อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอเธอไม่มีอะไรจะให้เขา ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกลวงเธอใช่ไหม?“ตกลงไหมครับพี่?” น้ำเสียงของ อี้ จิ่นหลี เปรียบเหมือนแม่เหล็กที่เต็มไปด้วยความปรารถนา จนเธอไม่อาจเพิกเฉยได้ ในขณะเดียวกันเขาถามคำถามเดิมเป็นครั้งที่สาม“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะทำอาหารให้มากขึ้นถ้าฉันมีเวลา” หลิง อี้หราน กลับมารู้สึกตัว และรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรง“โอเค” อี้ จิ่นหลี หัวเราะเบา ๆหลิง อี้หราน รีบก้มศรีษะและทำความสะอาดกล่องอาหารกลางวันบนโต๊ะ เมื่อเธอกำลังจะปิดฝา เธอก็ส่งเสียงร้องและดึงนิ้วกลับโดยไม่รู้ตัว เธอสะอื้นออกมาอย่างเจ็บปวด“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลี ถามอย่างกังวล“ไม่มีอะไร แค่เล็บของฉัน มันบิ่นเพราะฝากล่องข้าว ฉันจะตัดมันตอนฉันกลับบ้าน” หลิง อี้หราน ตอบ แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเล็มเล็บบ่อย ๆ แต่สองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำมันบ่อย ๆ ดังนั้นเล็บของเธอจึงยาวกว่าปก
หลังจากนั้นไม่นานหลิง อี้หราน ก็เสร็จสิ้นการชี้แนะอี้ จิ่นหลี ผ่านขั้นตอนการตัดแต่งเล็บของเธอหลิง อี้หราน รู้สึกเหนื่อยจากการสอนเขาตัดเล็บ และมันจะง่ายกว่ามากสำหรับเธอ ถ้าเธอตัดเล็บของเธอด้วยตัวเองแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะชื่นชอบการเล็มเล็บ ขณะที่เขามองดูเล็บอีกข้างหนึ่งของหลิง อี้หราน ก่อนที่จะเริ่มเล็มเล็บทีละนิ้วหลังจากตัดเล็บทุกนิ้วเสร็จแล้ว อี้ จิ่นหลี ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ถ้าเล็บของพี่ยาวขึ้นอีก ผมจะช่วยพี่เล็มเล็บอีกครั้งเอง”“...” หลิง อี้หราน รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งยังคงเป็นเวลาเที่ยงวัน ถ้าหลิง อี้หราน ไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมอาหยันน้อยในตอนนี้ มันอาจจะยังเร็วไปสักหน่อยขณะที่อี้ จิ่นหลี กลับมาที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อจัดการกับกิจการของบริษัท หลิง อี้หราน หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและเริ่มเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าเว็บประเด็นที่กำลังเป็นกระแสดึงดูดความสนใจของเธอ คือเป็นเรื่องของหลิง ลั่วอิน ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ เพราะเธอได้รับทั้งความรักและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าหลิง ลั่วอิน กับกู้ ลี่เฉิน ได้ตัดสินใจที่จะเข้
เธอ… เธอเผลอหลับไป!“ตื่นแล้วเหรอ? พี่อยากนอนต่ออีกหน่อยไหม?” เสียงของอี้ จิ่นหลี ดังขึ้นหลิง อี้หราน ตกใจและมองไปที่อี้ จิ่นหลี “ฉัน... ฉันเผลอหลับไป ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน?”“ก็พี่นอนหลับสนิทมาก ผมอยากให้พี่ได้นอนต่ออีกหน่อย” อี้ จิ่นหลี ตอบ“แต่ฉันบอกว่าฉันจะไปเยี่ยมหยันน้อย ฉันนอนเกินเวลาไปมาก…” หลิง อี้หราน กล่าวขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา โชคดีที่เพิ่งจะบ่ายสามโมง ดังนั้นจึงยังไม่สายเกินไปสำหรับเธอที่จะไปโรงพยาบาล“ยังมีเวลาไปโรงพยาบาล ผมจะไปกับที่นั่นกับพี่” อี้ จิ่นหลี กล่าวขณะที่เขาลุกขึ้นและสวมเสื้อโค้ทของเขา จากนั้นเขาก็เดินไปหาหลิง อี้หรานหลิง อี้หราน พยักหน้าและนึกถึงว่าเธอนอนหลับก่อนหน้านี้ได้อย่างไร ผมของเธอมันคงจะยุ่ง เธอจึงหยิบยางรัดผมของเธอออกมา และหยิบผมขึ้นมากำมือหนึ่ง ก่อนจะรวบผมของเธอให้เป็นหางม้าอย่างเร่งรีบหลิง อี้หราน รวบผมเร็วมาก และการกระทำทั้งหมดใช้เวลาเพียงห้าถึงหกวินาทีในการรวบผมอี้ จิ่นหลี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและตกตะลึงเล็กน้อย “พี่มัดผมเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ไม่หรอก ฉันเคยใช้เวลาถึงครึ่งวันในการมัดผม และจากนั้นตอนที่ฉันอยู่ในคุก…” หลิง อี้หราน ห
แม้ว่าเธอจะเคยอยู่กับเย่ เหวินหมิง มาตั้งแต่แรก แต่เธอก็ไม่เคยเห็นอี้ จิ่นหลี เพราะตระกูลเย่กับตระกูลอี้ไม่เคยทำข้อตกลงทางธุรกิจอะไรกัน ตอนนี้เธอได้เจอกับอี้ จิ่นหลี ถึงสองครั้งในเวลาเพียงสองวันดูเหมือนว่าเขาจะอยู่เคียงข้างอี้หรานตลอดเวลาโจว เชียนหยุน นึกถึงคำเตือนของอี้ จิ่นหลี ที่บอกเธอ เธอมองไปที่สายตาของหลิง อี้หราน พร้อมกับรู้สึกงงงวย คนอย่างอี้หรานได้รับความรักจากคนอย่างอี้ จิ่นหลี เธอกำลังไตร่ตรองว่ามันเป็นความโชคร้ายหรือคำอวยพรกันแน่อย่างไรก็ตาม เธอยังคงหวังว่าอี้หรานจะพบกับความสุข “เอ่อ คือว่า ฉันลืมซื้อผลไม้มาค่ะ ฉันจำได้ว่าอาหยันน้อยบอกกับฉันว่าเขาอยากกินทับทิมตอนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาล” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอกดค้นหาในโทรศัพท์ของเธอเพื่อหาสถานที่ซื้อทับทิมแน่นอนว่า หลิง อี้หราน หมายถึงภาษามือของอาหยันน้อยที่เขาแสดงให้เธอดู“ไม่จำเป็นหรอก อี้หราน เธอซื้อของเล่นให้อาหยันน้อยแล้ว ฉันจะซื้อทับทิมให้เขาทีหลังเอง” โจว เชียนหยุน โต้กลับอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรีบไป ฉันเห็นแผงขายผลไม้ตรงทางเข้าโรงพยาบาล น่าจะมีทับทิมอยู่ที่นั่นด้วย ฉันจะลงไปแล้วรีบขึ้นมาใหม่”
พูดตามตรง… สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะอี้หรานใช่ไหม? อี้หรานขอความช่วยเหลือจากอี้ จิ่นหลี่ ใช่หรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นไปได้ทั้งหมด?ขณะเดียวกัน หลิง อี้หราน กลับมาที่ตึกผู้ป่วยพร้อมกับถุงทับทิมในมือของเธอ“เอาล่ะ ถ้าอาหยันน้อยตื่นขึ้นมาแล้วหมออนุญาต เขาก็สามารถกินทับทิมได้” หลิง อี้หราน กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ“ขอบคุณนะอี้หราน” โจว เชียนหยุน กล่าวตอบ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย“แค่ทับทิมเองค่ะ” หลิง อี้หราน ตอบกลับ โดยคิดว่าที่ดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำเป็นเพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับอาการของหยันน้อย “การผ่าตัดของอาหยันน้อยประสบความสำเร็จแล้ว เขาแค่ต้องปรับตัวเข้ากับประสาทหูเทียมเองพี่โจว ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว พี่ไม่ต้องกังวลนะคะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”“ใช่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย” โจว เชียนหยุน พยักหน้าก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยชีวิตของอี้หราน เธอเต็มใจให้อี้หรานทำงานในร้านอาหารของเธอ เพราะอีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว อี้หรานคือผู้ช่วยชีวิตเธอต่างหาก!ถ้าไม่ใช่เพราะอี้หราน อาหยันน้อยก็คงไม่มีทางได้รับการรักษาแบบนี้อาห
“คุณอยากเดินเล่นที่นี่จริง ๆ เหรอ?” หลิง อี้หราน ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ “มีอะไรหรือเปล่า?” อี้ จิ่นหลี โต้กลับ “ครั้งที่แล้วพี่พาผมไปเดินตลาดกลางคืนด้วยไม่ใช่เหรอ? มันคล้ายกับที่นี่เลย”“แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวตนจริง ๆ ของคุณ” หลิง อี้หราน กล่าว ถ้าเธอรู้ว่าเขาคืออี้ จิ่นหลี เธอคงไม่พาเขาไปตลาดกลางคืนเพื่อซื้อเสื้อผ้า“อะไรคือความแตกต่าง? ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต ผมก็คือจินของพี่” อี้ จิ่นหลี มองดูเธออย่างครุ่นคิดสีหน้าของเขานั่น… อืม มันเหมือนกับการรู้แจ้งสำหรับหลิง อี้หราน! “งั้น...ไปเดินเล่นกัน” เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเดินตามเขาเข้าไปในศูนย์อาหารในอดีต เมื่อหลิง อี้หราน ยังเรียนอยู่ในวิทยาลัย เธอเคยมาสถานที่นี้กับเพื่อนร่วมชั้นบ่อย ๆ แต่เมื่อเธอเริ่มทำงาน เธอกลับไม่ได้มาที่นี้บ่อยนักหลังจากอยู่ในคุกเป็นเวลาสามปีและได้รับการปล่อยตัว เธอพยายามหาซื้ออาหารและเสื้อผ้า จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมาเดินเล่นที่นี้ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ฝูงชนในพื้นที่ก็เริ่มมากขึ้นทีละเล็กน้อย หลิง อี้หราน กับอี้ จิ่นหลี เดินไปรอบ ๆ ซื้อขนม และลูกชิ้นเสียบไม้เพื่อทำให้พวกเขาอิ่มท้องตลาดนี้เป็นตลาดที
เธอกลั้นหายใจ ‘การแสดงออกของเขาในตอนนี้ หมายความว่า… เขากำลังโกรธเหรอ?’“เธอบอกว่าเธอต้องการอิสระ และเธออยากจะทำงานเป็นผู้ช่วยที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ต่อไป เพราะเธอไม่อยากพึ่งพาฉัน ก็ได้ มันไม่แปลกเลย” เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “แต่ว่าคนเป็นแฟนกัน ก็ควรจะสามารถให้อะไรกับแฟนสาวได้บ้างใช่ไหม? เธอปฏิบัติกับฉันในฐานะแฟนของเธอบ้างหรือเปล่า?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากของเธอ และไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้“อี้หราน ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการพึ่งพาฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องปฏิเสธในสิ่งที่ฉันอยากให้เธอหนิ” อี้ จิ่นหลี กล่าวเขาต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดี เขาไม่ต้องการให้เธอทำงานหาเงินแม้แต่บาทเดียว แม้เขาจะรู้ว่าการกระทำของเธอมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอกับเขา แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ บางสิ่งคงต้องใช้เวลายาวนานสำหรับการเปลี่ยนแปลงความโกรธในใจที่เขาพยายามจะสยบมันไว้ กลับยังคงปะทุขึ้นปัญหาเดียวที่มีคือเขารู้สึกโกรธตัวเองมากยิ่งขึ้นหากเขาไม่ยอมให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างที่เป็นอยู่ และเต็มใจที่จะให้ความยุติธรรมตามที่เธอต้องการ เธอคงไม่ลงเอยแบบนี้เขาทำลายสิ่งที่เคยเป็นชีวิตของเธอ เขา
หลังจากเขาพูดจบ เขาก็หันไปหาผู้ช่วยร้าน “ห่อให้ทีครับ”ผู้ช่วยร้านมีความสุขมากและห่อเครื่องประดับผมทั้งหมดพร้อมใบเสร็จในทันทีอี้ จิ่นหลี จ่ายเงินสำหรับสินค้าและหยิบถุงที่มีเครื่องประดับผม หลิง อี้หราน ไม่ได้พูดอะไรเพื่อประท้วงเพราะเธอเข้าใจว่านี่เป็นของขวัญจากใจของเขาถ้าเธอปฏิเสธก็อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ“ไปซื้อเสื้อผ้าและรองเท้ากัน” เขาพูดราวกับว่าเขากำลังสนุกสนานกับการเลือกซื้อของ“แต่ฉันมีรองเท้าแล้ว เราไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มก็ได้”“แต่ฉันอยากเห็นเธอแต่งตัวสวย ๆ ผู้หญิงเคยมีคำพูดที่ว่าผู้ชายเป็นฝ่ายหาเงินให้ผู้หญิงใช้ใช่ไหม? คราวที่แล้วเธอยังเคยซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าให้ฉันเลย”โอเค เธอไม่มีอะไรจะหักล้างคำพูดพวกนี้ของเขาเธอเพียงแต่กังวลว่าเขาจะทุ่มซื้อแบรนด์หรูพวกนั้น เธอจึงรีบกล่าวว่า “แล้วฉันจะเลือกสิ่งที่ฉันชอบได้ไหม?”“ได้สิ” เขายิ้มเล็กน้อยขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้างสรรพสินค้า หลิง อี้หราน ก็พบเสื้อผ้าและรองเท้าที่เธอชอบเธอลองสวมแล้วคิดว่ามันดูดี นอกจากนี้ราคาก็ไม่แพงเช่นกันตอนนี้เธอกำลังอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเบจ ราวกับว่าเธออยู่ในวันหยุดฤดูร้อน และเธอยังสวมรอ