แม้ว่าเธอจะเคยอยู่กับเย่ เหวินหมิง มาตั้งแต่แรก แต่เธอก็ไม่เคยเห็นอี้ จิ่นหลี เพราะตระกูลเย่กับตระกูลอี้ไม่เคยทำข้อตกลงทางธุรกิจอะไรกัน ตอนนี้เธอได้เจอกับอี้ จิ่นหลี ถึงสองครั้งในเวลาเพียงสองวันดูเหมือนว่าเขาจะอยู่เคียงข้างอี้หรานตลอดเวลาโจว เชียนหยุน นึกถึงคำเตือนของอี้ จิ่นหลี ที่บอกเธอ เธอมองไปที่สายตาของหลิง อี้หราน พร้อมกับรู้สึกงงงวย คนอย่างอี้หรานได้รับความรักจากคนอย่างอี้ จิ่นหลี เธอกำลังไตร่ตรองว่ามันเป็นความโชคร้ายหรือคำอวยพรกันแน่อย่างไรก็ตาม เธอยังคงหวังว่าอี้หรานจะพบกับความสุข “เอ่อ คือว่า ฉันลืมซื้อผลไม้มาค่ะ ฉันจำได้ว่าอาหยันน้อยบอกกับฉันว่าเขาอยากกินทับทิมตอนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาล” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอกดค้นหาในโทรศัพท์ของเธอเพื่อหาสถานที่ซื้อทับทิมแน่นอนว่า หลิง อี้หราน หมายถึงภาษามือของอาหยันน้อยที่เขาแสดงให้เธอดู“ไม่จำเป็นหรอก อี้หราน เธอซื้อของเล่นให้อาหยันน้อยแล้ว ฉันจะซื้อทับทิมให้เขาทีหลังเอง” โจว เชียนหยุน โต้กลับอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรีบไป ฉันเห็นแผงขายผลไม้ตรงทางเข้าโรงพยาบาล น่าจะมีทับทิมอยู่ที่นั่นด้วย ฉันจะลงไปแล้วรีบขึ้นมาใหม่”
พูดตามตรง… สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะอี้หรานใช่ไหม? อี้หรานขอความช่วยเหลือจากอี้ จิ่นหลี่ ใช่หรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นไปได้ทั้งหมด?ขณะเดียวกัน หลิง อี้หราน กลับมาที่ตึกผู้ป่วยพร้อมกับถุงทับทิมในมือของเธอ“เอาล่ะ ถ้าอาหยันน้อยตื่นขึ้นมาแล้วหมออนุญาต เขาก็สามารถกินทับทิมได้” หลิง อี้หราน กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ“ขอบคุณนะอี้หราน” โจว เชียนหยุน กล่าวตอบ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย“แค่ทับทิมเองค่ะ” หลิง อี้หราน ตอบกลับ โดยคิดว่าที่ดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำเป็นเพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับอาการของหยันน้อย “การผ่าตัดของอาหยันน้อยประสบความสำเร็จแล้ว เขาแค่ต้องปรับตัวเข้ากับประสาทหูเทียมเองพี่โจว ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว พี่ไม่ต้องกังวลนะคะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”“ใช่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย” โจว เชียนหยุน พยักหน้าก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยชีวิตของอี้หราน เธอเต็มใจให้อี้หรานทำงานในร้านอาหารของเธอ เพราะอีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว อี้หรานคือผู้ช่วยชีวิตเธอต่างหาก!ถ้าไม่ใช่เพราะอี้หราน อาหยันน้อยก็คงไม่มีทางได้รับการรักษาแบบนี้อาห
“คุณอยากเดินเล่นที่นี่จริง ๆ เหรอ?” หลิง อี้หราน ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ “มีอะไรหรือเปล่า?” อี้ จิ่นหลี โต้กลับ “ครั้งที่แล้วพี่พาผมไปเดินตลาดกลางคืนด้วยไม่ใช่เหรอ? มันคล้ายกับที่นี่เลย”“แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวตนจริง ๆ ของคุณ” หลิง อี้หราน กล่าว ถ้าเธอรู้ว่าเขาคืออี้ จิ่นหลี เธอคงไม่พาเขาไปตลาดกลางคืนเพื่อซื้อเสื้อผ้า“อะไรคือความแตกต่าง? ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต ผมก็คือจินของพี่” อี้ จิ่นหลี มองดูเธออย่างครุ่นคิดสีหน้าของเขานั่น… อืม มันเหมือนกับการรู้แจ้งสำหรับหลิง อี้หราน! “งั้น...ไปเดินเล่นกัน” เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเดินตามเขาเข้าไปในศูนย์อาหารในอดีต เมื่อหลิง อี้หราน ยังเรียนอยู่ในวิทยาลัย เธอเคยมาสถานที่นี้กับเพื่อนร่วมชั้นบ่อย ๆ แต่เมื่อเธอเริ่มทำงาน เธอกลับไม่ได้มาที่นี้บ่อยนักหลังจากอยู่ในคุกเป็นเวลาสามปีและได้รับการปล่อยตัว เธอพยายามหาซื้ออาหารและเสื้อผ้า จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมาเดินเล่นที่นี้ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ฝูงชนในพื้นที่ก็เริ่มมากขึ้นทีละเล็กน้อย หลิง อี้หราน กับอี้ จิ่นหลี เดินไปรอบ ๆ ซื้อขนม และลูกชิ้นเสียบไม้เพื่อทำให้พวกเขาอิ่มท้องตลาดนี้เป็นตลาดที
เธอกลั้นหายใจ ‘การแสดงออกของเขาในตอนนี้ หมายความว่า… เขากำลังโกรธเหรอ?’“เธอบอกว่าเธอต้องการอิสระ และเธออยากจะทำงานเป็นผู้ช่วยที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ต่อไป เพราะเธอไม่อยากพึ่งพาฉัน ก็ได้ มันไม่แปลกเลย” เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “แต่ว่าคนเป็นแฟนกัน ก็ควรจะสามารถให้อะไรกับแฟนสาวได้บ้างใช่ไหม? เธอปฏิบัติกับฉันในฐานะแฟนของเธอบ้างหรือเปล่า?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากของเธอ และไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้“อี้หราน ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการพึ่งพาฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องปฏิเสธในสิ่งที่ฉันอยากให้เธอหนิ” อี้ จิ่นหลี กล่าวเขาต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดี เขาไม่ต้องการให้เธอทำงานหาเงินแม้แต่บาทเดียว แม้เขาจะรู้ว่าการกระทำของเธอมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอกับเขา แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ บางสิ่งคงต้องใช้เวลายาวนานสำหรับการเปลี่ยนแปลงความโกรธในใจที่เขาพยายามจะสยบมันไว้ กลับยังคงปะทุขึ้นปัญหาเดียวที่มีคือเขารู้สึกโกรธตัวเองมากยิ่งขึ้นหากเขาไม่ยอมให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างที่เป็นอยู่ และเต็มใจที่จะให้ความยุติธรรมตามที่เธอต้องการ เธอคงไม่ลงเอยแบบนี้เขาทำลายสิ่งที่เคยเป็นชีวิตของเธอ เขา
หลังจากเขาพูดจบ เขาก็หันไปหาผู้ช่วยร้าน “ห่อให้ทีครับ”ผู้ช่วยร้านมีความสุขมากและห่อเครื่องประดับผมทั้งหมดพร้อมใบเสร็จในทันทีอี้ จิ่นหลี จ่ายเงินสำหรับสินค้าและหยิบถุงที่มีเครื่องประดับผม หลิง อี้หราน ไม่ได้พูดอะไรเพื่อประท้วงเพราะเธอเข้าใจว่านี่เป็นของขวัญจากใจของเขาถ้าเธอปฏิเสธก็อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ“ไปซื้อเสื้อผ้าและรองเท้ากัน” เขาพูดราวกับว่าเขากำลังสนุกสนานกับการเลือกซื้อของ“แต่ฉันมีรองเท้าแล้ว เราไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มก็ได้”“แต่ฉันอยากเห็นเธอแต่งตัวสวย ๆ ผู้หญิงเคยมีคำพูดที่ว่าผู้ชายเป็นฝ่ายหาเงินให้ผู้หญิงใช้ใช่ไหม? คราวที่แล้วเธอยังเคยซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าให้ฉันเลย”โอเค เธอไม่มีอะไรจะหักล้างคำพูดพวกนี้ของเขาเธอเพียงแต่กังวลว่าเขาจะทุ่มซื้อแบรนด์หรูพวกนั้น เธอจึงรีบกล่าวว่า “แล้วฉันจะเลือกสิ่งที่ฉันชอบได้ไหม?”“ได้สิ” เขายิ้มเล็กน้อยขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้างสรรพสินค้า หลิง อี้หราน ก็พบเสื้อผ้าและรองเท้าที่เธอชอบเธอลองสวมแล้วคิดว่ามันดูดี นอกจากนี้ราคาก็ไม่แพงเช่นกันตอนนี้เธอกำลังอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเบจ ราวกับว่าเธออยู่ในวันหยุดฤดูร้อน และเธอยังสวมรอ
เธอจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ “มีอะไรเหรอ?”เขาเม้มริมฝีปาก สายตาของเขาเริ่มชัดเจนมายิ่งขึ้น เขายิ้มและกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ไปเปลี่ยนชุดเถอะ” อี้ จิ่นหลี จึงปล่อยมือออกหลังจากที่หลิง อี้หราน เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว อี้ จิ่นหลี ก็หลับตาลงครู่หนึ่ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความปรารถนาในสายตาของเขาก็จางหายไปก่อนหน้านี้เขารู้สึกต้องการเธอทันทีทันใด!ความอยากของเขาที่มีต่อเธอดูเหมือนจะหมดไปเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันคงยากสำหรับเธอที่จะยอมให้เขาอยู่ใกล้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้เธอหวาดกลัวเธอเป็นเหมือนสัตว์ตัวน้อย ๆ ที่ระมัดระวัง ตื่นตัวและขี้กลัว ทุกย่างก้าวของเธอใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เขาต้องใช้ความอดทนรอให้ความหวาดระแวงในใจของเธอที่มีต่อเขาหายไป และรอให้เธอเรียนรู้ที่จะพึ่งพาเขาเป็นทางเดียวเท่านั้นที่เธอจะสามารถตกหลุมรักเขาได้ และเธอจะไม่วันทิ้งเขาไป!เขาต้องอดทน… อดทน…เพียงเพราะเขาต้องการได้รับความรักจากเธอ!เมื่อหลิง อี้หราน เปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้ากลับชุดเดิมของเธอ เธอจึงออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าเพื่อกลับมาหาอี้ จิ่นหลี เขาก้มศีรษะลงเล็กน
สิ่งที่หยาน ฟางฟาง ไม่เคยคาดคิดก็คือผู้หญิงที่เธอคิดว่าจะเป็นคนบ้า ๆบอ ๆ กลับไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอเพียงมองดูอย่างสงบนิ่ง แต่ผู้ชายที่เธอสนใจกลับกล่าวออกมาก่อน “ไปให้พ้น!”หยาน ฟางฟาง เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้คำแบบนี้กับเธอ“คุณ…” ใบหน้าของหยาน ฟางฟาง แดงขึ้นจากความอับอาย ในขณะที่อี้ จิ่นหลี ดึงหลิง อี้หราน เข้าไปในลิฟต์หยาน ฟางฟาง อยากจะตามพวกเขาเข้าไปในลิฟต์ แต่เมื่อเธอเห็นสายตาเย็นชาของอี้ จิ่นหลี มองมาที่เธอ ร่างกายของเธอก็สั่นเทาและราวกับว่ามีเถาวัลย์มารัดเท้าของเธอไว้ เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง เพื่อนของหยาน ฟางฟาง ซุน เฟยหยาน ก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป “ผู้ชายคนนั้นมีรสนิยมที่ห่วยมาก เขาเคยเรียนเรื่องมารยาทในการพูดบ้างไหม!”หยาน ฟางฟาง กัดฟันด้วยความคับแค้นใจ เธอไม่เคยถูกใครปฏิเสธมาก่อน เธอเป็นเหมือนอัญมณีล้ำค่าในสายตาคนอื่นเสมอ เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายแบบนี้!เธอมองไปที่ลิฟต์ที่กำลังมุ่งหน้าลงไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เธอรีบดึงซุน เฟยหยาน ขึ้นลิฟต์อีกตัวไปที่ชั้นหนึ่งเช่นกัน พวกเขารีบวิ่งข้ามไปเห็นทั้
แค่ก! เธอแทบจะสำลักน้ำลาย ‘เขา... โทรหาหัวหน้าตำรวจจราจรโดยตรงหรือเปล่า? ฉันไม่คิดว่าหลายคนในเมือง เฉิน จะสามารถทำแบบนี้ได้’เมื่อไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว อี้ จิ่นหลี ยังคงขับรถต่อไป คราวนี้หลิง อี้หราน เริ่มสังเกตเห็นรถที่อี้ จิ่นหลี กล่าวถึงผ่านกระจกแม้ว่าจะมีรถไม่กี่คันระหว่างพวกเขา แต่ก็มีรถที่คอยติดตามพวกเขาอยู่ทันใดนั้น หลิง อี้หราน ก็เห็นรถตำรวจขับเข้ามา เขาบังคับให้รถคันนั้นจอดข้างถนน จากนั้นตำรวจสองคนก็ลงจากรถ... หลิง อี้หราน มองไม่เห็นอะไรเลยจากกระจกด้านข้าง‘รถตำรวจคันนี้ถูกส่งมาจากหัวหน้าตำรวจเหรอ?’ หลิง อี้หราน รู้สึกตัวสั่นอย่างเปิดเผย เธอเริ่มเข้าใจเพิ่มเกี่ยวกับอิทธิพลของอี้ จิ่นหลี ในเมือง เฉินภายใต้การจ้องเขม็งของตำรวจจราจร หยาน ฟางฟาง หยิบบัตรประจำตัวและใบขับขี่ของเธอออกมาอย่างไม่เต็มใจ เธอสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้โชคร้ายเธอจำได้ว่าไม่ได้ทำผิดกฎจราจร แล้วทำไมเธอถึงถูกตำรวจดึงตัวไป! รถที่เธอติดตามอยู่ตอนนี้ก็หายไปแล้ว!แต่เธอได้ขอให้เฟยหยานถ่ายรูปรถคนนั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ เธอแค่ต้องการสอดแนมไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนั้นหลังจากที่ตำรวจจากไป หยาน ฟ