ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจนทำให้อี้หรานต้องจำคุกและต้องฝืนทนกับความทุกข์ยากมากมายนั้นอาจทำลายชีวิตและจิตวิญญาณของมนุษย์คนหนึ่งให้ดับสิ้นลงได้เลยแต่อี้หรานยังคงอยู่ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและอนาคตของตัวเองถึงแม้ชีวิตจะต้องเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เพราะถูกความยุติธรรมทอดทิ้ง แต่เธอก็ยังเริ่มต้นใหม่ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอบอบบางคนนั้น กลับเป็นคนที่สู้ชีวิตยิ่งกว่าคนทั่วไปเธอทำให้ลี่เฉินนึกถึงเด็กหญิงคนหนึ่งจากความทรงจำในวัยเด็ก… บางครั้งชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นอาจโตมาเป็นอี้หราน ไม่ใช่หวา ลี่ฟาง!การได้พบหวา ลี่ฟางทำให้เขาเข้าใจว่า บางครั้ง จินตนาการมันช่างแตกต่างจากความเป็นจริงเหลือเกินผู้คนย่อมเปลี่ยนไปสาวน้อยที่เคยเปี่ยมไปด้วยความซื่อตรงและหมายจะผดุงความยุติธรรมในวันนั้น ในตอนนี้ หวา ลี่ฟางกลับต้องการเพียงได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราเท่านั้นถึงอย่างไรแล้วมันก็ไม่สำคัญ ในเมื่อลี่ฟางคือผู้มีพระคุณของเขา แม้แต่ชีวิต เขาก็มอบให้เธอได้หากคำขอนั้นไม่มากจนเกินไปกู้ ลี่เฉินลุกยืน แล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องรับแขกเมื่อหวา ลี่ฟางเห็นชายหนุ่ม เธอก็รีบพูดทันทีด้วยน้ำเสียงติดล
คำพูดของหวา ลี่ฟางถูกกลืนหายไปในลำคอขณะที่ใบหน้าฉายแววอับอาย หญิงสาวไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร“ฉัน… ฉันเคย…”กู้ ลี่เฉินกล่าวต่อ “ลี่ฟาง คุณช่วยชีวิตผม และผมเต็มใจที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่อี้หรานคือคนที่ผมรัก และถ้าเธออยากใช้ผม ผมก็ยินดีช่วยเธอ”ความริษยาพลุ่งพล่านขึ้นมาในกายลี่ฟางทันที!‘หลิง อี้หรานมีดีอะไรนักหนา? ถึงขนาดทำให้ลี่เฉินยอมพูดแบบนี้ได้!’“แต่อี้หรานพูดออกมาเองว่าไม่ได้รักคุณ เสียงที่ฉันอัดมามันก็ชัดมากพอแล้ว!” ลี่ฟางจงใจย้ำชั่ววินาทีต่อมา หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัด สัมผัสได้ถึงความรู้สึกชาวาบที่ไล่ขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า ดวงตาคมกริบคู่นั้นกำลังมองเธออย่างเย็นชา“ลี่ฟาง ผมหวังว่าจะคุณจะไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้กับผมอีก เข้าใจไหม?” ลี่เฉินยื่นคำเสียงเย็นหวา ลี่ฟางตัวชาทันที! รู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง!…หนึ่งวันก่อนที่อาหยันน้อยจะเข้าโรงเรียนอนุบาลตรงกับวันหยุดพอดี หลิง อี้หรานและชิน เหลียนอีนัดกันมาที่บ้านของโจว เชียนหยุนเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กน้อยที่ได้ขึ้นชั้นอนุบาลอี้หรานให้ชุดสีเทียนและสมุดวาดรูป ส่วนเหลียนอีให้เสื้อผ้าเข้าชุดและร
โจว เชียนหยุนกล่อมลูกชายอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยผล็อยหลับไปในไม่ช้า ผู้เป็นแม่อดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ฉันหวังว่าเขาจะไม่โดนรังแกที่โรงเรียนนะ”“ใครกล้าทำแบบนั้นกับเขา? ฉันจะไปจัดการให้ถึงที่โรงเรียนเลยคอยดู!” ชิน เหลียนอีพูดขึ้นทันที มั่นใจว่าเด็กอนุบาลไม่คณามือตัวเองแน่โจว เชียนหยุนยิ้มออกมา บางครั้งเธอก็นึกอิจฉาเหลียนอี เชียนหยุนเองก็เคยเป็นคนใจกล้าแบบนั้น แต่เธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้แล้วอีกหลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบมา“อี้หราน เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดู ขอบคุณมากเลยนะ” เชียนหยุนเอ่ย“ฉันคุยกับบริษัทให้แล้ว แล้วทนายกู้ก็ตกลงจะช่วยด้วย พี่โจวอย่าคิดมากเลย” อี้หรานตอบกลับเชียนหยุนพยักหน้า พลางนึกประหลาดใจขึ้นมาที่เย่ เหวินหมิงเลือกฟังผลตัดสินที่ศาลในเมืองเฉิน เธอนึกว่าเขาจะเลือกศาลที่เมืองเอสเสียอีกเมืองเอสคือถิ่นของเหวินหมิงนับตั้งแต่เหวินหมิงเลือกศาลที่เมืองเฉิน เชียนหยุนก็ไม่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ข้ามเมืองอีก ซึ่งนั่นช่วยประหยัดเวลาของเธอได้เยอะทีเดียว“ว่าแต่พี่โจวขายร้านอาหารไปแล้ว ตอนนี้จะต้องหางานทำไหม?” อี้หรานเอ่ยถาม“ฉันว่าจะลองเปิดเป็นพวกร้านก๋วยเตี๋ยวดูก่อน แล้
ชิน เหลียนอีมองไปรอบ ๆ สังเกตเห็นร้านแผงลอยลักษณะเดียวกันอีกหลายร้าน ดูเหมือนว่าทำเลที่นี่จะค่อนข้างดี“พวกเธอยังไม่ได้กินข้าวกันนี่ เดี๋ยวฉันทำบะหมี่ให้นะ จะได้ลองชิมฝีมือฉันด้วย” โจว เชียนหยุนบอก“เอาสิ!” เหลียนอียิ้มร่า เธอยังไม่เคยลองชิมอาหารฝีมือพี่สาวคนนี้เลยสักครั้ง!“แล้วเธอล่ะ? เธอเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่” อี้หรานพูดพร้อมมองเชียนหยุนอย่างเป็นห่วง“เดี๋ยวฉันกินทีหลังได้ ฉันเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวนะ เธอคิดว่าฉันจะยอมทนหิวเหรอ?” เชียนหยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนส่งชามบะหมี่มาให้สองสาวทั้งสามนั่งกินข้าวกันบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เหลียนอีชมฝีมือทำอาหารของเชียนหยุนไม่หยุดปาก “นี่มันอร่อยกว่าที่แม่ฉันทำอีก”“แม่เธอยังทำกับข้าวให้กินอยู่อีกเหรอ?” อี้หรานเอ่ยถาม“ใช่ แม่ฉันน่ะฝีมือไม่ไปไหนมาเป็นสิบปีแล้ว แต่แม่ชอบทำครัวมาก พ่อฉันก็เลยให้กำลังใจแม่ว่าทำกับข้าวเก่งตลอด เพราะอย่างนั้นแม่ฉันเลยไม่เคยรู้ฝีมือที่แท้จริงของตัวเอง”เหลียนอีบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่แม่เธอไม่รู้อะไรแบบนี้ก็เป็นเพราะพ่อขี้อวยนี่แหละ บางครั้งพ่อก็จะแกล้งบอกให้แม่ไปพักผ่อนบ้าง แล้วพ่อจะทำอาหารให้เองเพราะท
ถึงจะทราบเจตนาของอีกฝ่าย แต่โจว เชียนหยุนก็รีบตรงไปขอโทษทันทีเพื่อลดความตึงเครียด “เดี๋ยวฉันทำชามใหม่ให้ดีกว่านะคะ? ถ้าคราวหน้าคุณมาทานร้านนี้อีกก็กินฟรีได้เลย ดีไหมคะ?”“แกจะชดใช้ฉันแค่นี้? มีแมลงวันอยู่ในชามนะโว้ย! ถ้าฉันกินเข้าไปแล้วอาหารเป็นพิษจะขึ้นมาล่ะวะ? ไหนค่ารักษาพยาบาล? ฉันไม่กล้ากินอาหารร้านแกอีกแล้ว!”“เลิกพูดแล้วบอกให้มันชดใช้มาสักที!”“เออ จ่ายมาซะ! ถ้าไม่จ่ายก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ขายของแถวนี้!”ชายทั้งสามคนพูด หนึ่งในนั้นแบมือที่มีซากแมลงวันให้เชียนหยุนดูเป็นหลักฐานลูกค้าคนอื่น ๆ ไม่กล้ากินอาหารต่อ ทุกคนวางตะเกียบแล้วหันมามองเป็นตาเดียวกันเชียนหยุนรู้ดีว่ากำลังถูกเรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่ในเมื่อเธอไม่มีหลักฐานว่าคนพวกนี้จัดฉากเรื่องแมลงวัน หญิงสาวจึงต้องยอมกัดฟันพูดออกไป “ถ้าอย่างนั้นฉันจะชดเชยให้คุณสองร้อยหยวน ตกลงไหม?”เงินสองพันนี่มันเกือบจะเท่าเงินที่เธอหาได้ทั้งหมดในแต่ละคืนด้วยซ้ำ!แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่พอใจกับจำนวนเงิน“สองร้อย? แกเห็นพวกเราเป็นขอทานเหรอ?” “อย่างน้อยต้องห้าหมื่นโว้ย ถ้าไม่จ่ายห้าหมื่น ก็เตรียมปิดร้านได้เลย!”‘ห้าหมื่นหยวน…’ เงินจำนวนมา
“ไปด้วยกันเถอะพี่โจว ทิ้งร้านไว้นี่แหละ!” อี้หรานพูดพร้อมคว้าแขนอีกฝ่าย อีกมือหนึ่งก็รีบกดหมายเลข 110 ในโทรศัพท์ชิน เหลียนอีคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วโยนกลับไปทางฝั่งพวกผู้ชาย จากนั้นค่อยหันมากล่าวกับเชียนหยุน “ไปด้วยกันเถอะ พวกนั้นมันตั้งใจมาหาเรื่อง! ฉันจะบอกให้ไป๋ ทิงซินมาสั่งสอนมันทีหลัง!”โชคร้ายที่ไป๋ ทิงซินไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เหลียนอีจึงได้แต่หาวิธีป้องกันตัวไปก่อน“สวัสดีค่ะ ตำรวจหรือเปล่าคะ? ฉันถูกก่อกวนค่ะ พวกนั้นจะทำร้ายฉันกับเพื่อน…” ทันทีที่โทรติด อี้หรานก็กรอกเสียงลงไปทันที“แม่งเอ๊ย นังบ้านั่นมันแจ้งตำรวจ! ไปเอาโทรศัพท์มันมา!” หนึ่งในนั้นสั่งก่อนจะพุ่งมาทางอี้หราน แต่เสียงท่อที่ถูกฟาดลงบนผิวเนื้อกลับดังขึ้นมา พอดีกับที่อี้หรานกำลังจะแจ้งที่อยู่ให้ตำรวจชายคนหนึ่งปรากฏกาย พร้อมทั้งใช้ท่อในมือฟาดนักเลงที่กำลังพุ่งมาทางอี้หรานพวกนักเลงที่เหลืออีกสองคนพยายามเข้ามาช่วยเพื่อน แต่มีผู้ชายอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วมาขวางไว้จากนั้นก็กลายเป็นภาพสองรุมสาม ผู้ชายสองคนที่เพิ่งเข้ามาร่วมวงจัดการโจรหัวหมอทั้งสามจนลงไปร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น“ฉันว่า… ไม่ต้องหนีแล้วล่ะ!” ชิน เหลียนอ
“ฉัน… ไม่เป็นไรค่ะ” ชิน เหลียนอียังคงประหลาดใจกับการมาถึงของแฟนหนุ่ม “คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” เธอถามเมื่อนึกได้ว่าตนไม่ได้บอกที่อยู่ให้ชายหนุ่ม“คุณถามอะไรแบบนั้น?” เขาว่า ได้ยินเสียงแฟนตัวเองร้องขึ้นมาตอนคุยโทรศัพท์ แถมยังมีเสียงผู้ชายไล่มาอีก เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นพอเหลียนอีเผลอกดวางสายไป เขาลองโทรกลับอีกรอบแต่เธอไม่รับสาย ไป๋ ทิงซินเป็นกังวลมากจนเหงื่อแตก จำได้แค่คำว่า ‘ถนนหวายไห่’ ที่แฟนสาวพูดถึงก่อนจะรีบขับรถออกมาทิงซินใช้เวลาเพียง 10 นาทีมาถึงที่หมายสำหรับการเดินทางที่ควรใช้เวลา 20 นาที ไม่สนใจว่าหลังจากนี้จะมีใบสั่งกี่ใบตามมาที่บ้าน!“คราวหน้าถ้าคุณเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็บอกที่อยู่ผมก่อนวางสายด้วยสิ! รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน?” ไป๋ ทิงซินแทบจะคำรามชิน เหลียนอีนิ่งงัน มองดูใบหน้าซีดของคนรักที่ปรากฏเม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก“ฉัน… ฉันขอโทษ!” เหลียนอีพูดเสียงเจื่อนชายหนุ่มมองคนรักขอโทษตัวเองเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ทำความผิด คำขอโทษที่ได้รับราวกับช่วยบรรเทาความกังวล ความร้อนใจ และความว้าวุ่นทั้งหมดในใจชายหนุ่มให้หายเกลี้ยงไป เหมือนมีฝน
ระหว่างเดินทางไปสถานีตำรวจ เหลียนอีก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แฟนหนุ่มฟังชายหนุ่มขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่านี่คงเป็นความโชคดีโดยบังเอิญที่จิ่นหลีคอยส่งคนมาตามดูอี้หราน ไม่อย่างนั้นแล้วหญิงสาวทั้งสามคงหนีไม่ทันแน่!“ฉันส่งบอดี้การ์ดมาคอยดูแลเธอบ้างดีไหม?” ไป๋ ทิงซินพูดขึ้นเหลียนอีรีบปฏิเสธทันที “อย่านะ ฉันไม่ชอบโดนจับตามอง มันอึดอัด”“แต่…”“สัญญาว่าฉันจะโทรหานายทันทีเลยถ้าฉันเป็นอะไรไป!” หญิงสาวรีบชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้สัญญาไป๋ ทิงซินรู้สึกว่าการกระทำนี้มันช่างตลกแล้วก็กวนใจเขาไปพร้อมกันเมื่อมาถึงสถานีตำรวจ อี้หรานเป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด พร้อมทั้งมอบคลิปเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์เป็นหลักฐาน กลุ่มคนร้ายจึงถูกส่งตัวให้ตำรวจไปจัดการต่อหลังจากแจ้งความเสร็จเรียบร้อย เหลียนอีจึงหันมาพูดกับอี้หราน “เดี๋ยวฉันกับทิงซินไปส่งเธอเอง”“โอเค” อี้หรานตอบตกลงทั้งสามคนเดินออกมาจากสถานีตำรวจ โดยมีบอดี้การ์ดสองคนเดินตามมาด้วยหลังให้ปากคำเสร็จทิงซินจอดรถไว้ด้านหน้าสถานี แต่เมื่อพวกเขาไปถึง กลับมีเบนท์ลีย์สีดำสนิทจอดอยู่ไม่ไกลกันอี้หรานชะงักทันที ‘นั่นมัน…รถของจิ่นหลี!’‘เขาก็อยู่ที่นี่เหมือ