โจว เชียนหยุนกล่อมลูกชายอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยผล็อยหลับไปในไม่ช้า ผู้เป็นแม่อดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ฉันหวังว่าเขาจะไม่โดนรังแกที่โรงเรียนนะ”“ใครกล้าทำแบบนั้นกับเขา? ฉันจะไปจัดการให้ถึงที่โรงเรียนเลยคอยดู!” ชิน เหลียนอีพูดขึ้นทันที มั่นใจว่าเด็กอนุบาลไม่คณามือตัวเองแน่โจว เชียนหยุนยิ้มออกมา บางครั้งเธอก็นึกอิจฉาเหลียนอี เชียนหยุนเองก็เคยเป็นคนใจกล้าแบบนั้น แต่เธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้แล้วอีกหลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบมา“อี้หราน เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดู ขอบคุณมากเลยนะ” เชียนหยุนเอ่ย“ฉันคุยกับบริษัทให้แล้ว แล้วทนายกู้ก็ตกลงจะช่วยด้วย พี่โจวอย่าคิดมากเลย” อี้หรานตอบกลับเชียนหยุนพยักหน้า พลางนึกประหลาดใจขึ้นมาที่เย่ เหวินหมิงเลือกฟังผลตัดสินที่ศาลในเมืองเฉิน เธอนึกว่าเขาจะเลือกศาลที่เมืองเอสเสียอีกเมืองเอสคือถิ่นของเหวินหมิงนับตั้งแต่เหวินหมิงเลือกศาลที่เมืองเฉิน เชียนหยุนก็ไม่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ข้ามเมืองอีก ซึ่งนั่นช่วยประหยัดเวลาของเธอได้เยอะทีเดียว“ว่าแต่พี่โจวขายร้านอาหารไปแล้ว ตอนนี้จะต้องหางานทำไหม?” อี้หรานเอ่ยถาม“ฉันว่าจะลองเปิดเป็นพวกร้านก๋วยเตี๋ยวดูก่อน แล้
ชิน เหลียนอีมองไปรอบ ๆ สังเกตเห็นร้านแผงลอยลักษณะเดียวกันอีกหลายร้าน ดูเหมือนว่าทำเลที่นี่จะค่อนข้างดี“พวกเธอยังไม่ได้กินข้าวกันนี่ เดี๋ยวฉันทำบะหมี่ให้นะ จะได้ลองชิมฝีมือฉันด้วย” โจว เชียนหยุนบอก“เอาสิ!” เหลียนอียิ้มร่า เธอยังไม่เคยลองชิมอาหารฝีมือพี่สาวคนนี้เลยสักครั้ง!“แล้วเธอล่ะ? เธอเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่” อี้หรานพูดพร้อมมองเชียนหยุนอย่างเป็นห่วง“เดี๋ยวฉันกินทีหลังได้ ฉันเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวนะ เธอคิดว่าฉันจะยอมทนหิวเหรอ?” เชียนหยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนส่งชามบะหมี่มาให้สองสาวทั้งสามนั่งกินข้าวกันบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เหลียนอีชมฝีมือทำอาหารของเชียนหยุนไม่หยุดปาก “นี่มันอร่อยกว่าที่แม่ฉันทำอีก”“แม่เธอยังทำกับข้าวให้กินอยู่อีกเหรอ?” อี้หรานเอ่ยถาม“ใช่ แม่ฉันน่ะฝีมือไม่ไปไหนมาเป็นสิบปีแล้ว แต่แม่ชอบทำครัวมาก พ่อฉันก็เลยให้กำลังใจแม่ว่าทำกับข้าวเก่งตลอด เพราะอย่างนั้นแม่ฉันเลยไม่เคยรู้ฝีมือที่แท้จริงของตัวเอง”เหลียนอีบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่แม่เธอไม่รู้อะไรแบบนี้ก็เป็นเพราะพ่อขี้อวยนี่แหละ บางครั้งพ่อก็จะแกล้งบอกให้แม่ไปพักผ่อนบ้าง แล้วพ่อจะทำอาหารให้เองเพราะท
ถึงจะทราบเจตนาของอีกฝ่าย แต่โจว เชียนหยุนก็รีบตรงไปขอโทษทันทีเพื่อลดความตึงเครียด “เดี๋ยวฉันทำชามใหม่ให้ดีกว่านะคะ? ถ้าคราวหน้าคุณมาทานร้านนี้อีกก็กินฟรีได้เลย ดีไหมคะ?”“แกจะชดใช้ฉันแค่นี้? มีแมลงวันอยู่ในชามนะโว้ย! ถ้าฉันกินเข้าไปแล้วอาหารเป็นพิษจะขึ้นมาล่ะวะ? ไหนค่ารักษาพยาบาล? ฉันไม่กล้ากินอาหารร้านแกอีกแล้ว!”“เลิกพูดแล้วบอกให้มันชดใช้มาสักที!”“เออ จ่ายมาซะ! ถ้าไม่จ่ายก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ขายของแถวนี้!”ชายทั้งสามคนพูด หนึ่งในนั้นแบมือที่มีซากแมลงวันให้เชียนหยุนดูเป็นหลักฐานลูกค้าคนอื่น ๆ ไม่กล้ากินอาหารต่อ ทุกคนวางตะเกียบแล้วหันมามองเป็นตาเดียวกันเชียนหยุนรู้ดีว่ากำลังถูกเรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่ในเมื่อเธอไม่มีหลักฐานว่าคนพวกนี้จัดฉากเรื่องแมลงวัน หญิงสาวจึงต้องยอมกัดฟันพูดออกไป “ถ้าอย่างนั้นฉันจะชดเชยให้คุณสองร้อยหยวน ตกลงไหม?”เงินสองพันนี่มันเกือบจะเท่าเงินที่เธอหาได้ทั้งหมดในแต่ละคืนด้วยซ้ำ!แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่พอใจกับจำนวนเงิน“สองร้อย? แกเห็นพวกเราเป็นขอทานเหรอ?” “อย่างน้อยต้องห้าหมื่นโว้ย ถ้าไม่จ่ายห้าหมื่น ก็เตรียมปิดร้านได้เลย!”‘ห้าหมื่นหยวน…’ เงินจำนวนมา
“ไปด้วยกันเถอะพี่โจว ทิ้งร้านไว้นี่แหละ!” อี้หรานพูดพร้อมคว้าแขนอีกฝ่าย อีกมือหนึ่งก็รีบกดหมายเลข 110 ในโทรศัพท์ชิน เหลียนอีคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วโยนกลับไปทางฝั่งพวกผู้ชาย จากนั้นค่อยหันมากล่าวกับเชียนหยุน “ไปด้วยกันเถอะ พวกนั้นมันตั้งใจมาหาเรื่อง! ฉันจะบอกให้ไป๋ ทิงซินมาสั่งสอนมันทีหลัง!”โชคร้ายที่ไป๋ ทิงซินไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เหลียนอีจึงได้แต่หาวิธีป้องกันตัวไปก่อน“สวัสดีค่ะ ตำรวจหรือเปล่าคะ? ฉันถูกก่อกวนค่ะ พวกนั้นจะทำร้ายฉันกับเพื่อน…” ทันทีที่โทรติด อี้หรานก็กรอกเสียงลงไปทันที“แม่งเอ๊ย นังบ้านั่นมันแจ้งตำรวจ! ไปเอาโทรศัพท์มันมา!” หนึ่งในนั้นสั่งก่อนจะพุ่งมาทางอี้หราน แต่เสียงท่อที่ถูกฟาดลงบนผิวเนื้อกลับดังขึ้นมา พอดีกับที่อี้หรานกำลังจะแจ้งที่อยู่ให้ตำรวจชายคนหนึ่งปรากฏกาย พร้อมทั้งใช้ท่อในมือฟาดนักเลงที่กำลังพุ่งมาทางอี้หรานพวกนักเลงที่เหลืออีกสองคนพยายามเข้ามาช่วยเพื่อน แต่มีผู้ชายอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วมาขวางไว้จากนั้นก็กลายเป็นภาพสองรุมสาม ผู้ชายสองคนที่เพิ่งเข้ามาร่วมวงจัดการโจรหัวหมอทั้งสามจนลงไปร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น“ฉันว่า… ไม่ต้องหนีแล้วล่ะ!” ชิน เหลียนอ
“ฉัน… ไม่เป็นไรค่ะ” ชิน เหลียนอียังคงประหลาดใจกับการมาถึงของแฟนหนุ่ม “คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” เธอถามเมื่อนึกได้ว่าตนไม่ได้บอกที่อยู่ให้ชายหนุ่ม“คุณถามอะไรแบบนั้น?” เขาว่า ได้ยินเสียงแฟนตัวเองร้องขึ้นมาตอนคุยโทรศัพท์ แถมยังมีเสียงผู้ชายไล่มาอีก เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นพอเหลียนอีเผลอกดวางสายไป เขาลองโทรกลับอีกรอบแต่เธอไม่รับสาย ไป๋ ทิงซินเป็นกังวลมากจนเหงื่อแตก จำได้แค่คำว่า ‘ถนนหวายไห่’ ที่แฟนสาวพูดถึงก่อนจะรีบขับรถออกมาทิงซินใช้เวลาเพียง 10 นาทีมาถึงที่หมายสำหรับการเดินทางที่ควรใช้เวลา 20 นาที ไม่สนใจว่าหลังจากนี้จะมีใบสั่งกี่ใบตามมาที่บ้าน!“คราวหน้าถ้าคุณเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็บอกที่อยู่ผมก่อนวางสายด้วยสิ! รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน?” ไป๋ ทิงซินแทบจะคำรามชิน เหลียนอีนิ่งงัน มองดูใบหน้าซีดของคนรักที่ปรากฏเม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก“ฉัน… ฉันขอโทษ!” เหลียนอีพูดเสียงเจื่อนชายหนุ่มมองคนรักขอโทษตัวเองเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ทำความผิด คำขอโทษที่ได้รับราวกับช่วยบรรเทาความกังวล ความร้อนใจ และความว้าวุ่นทั้งหมดในใจชายหนุ่มให้หายเกลี้ยงไป เหมือนมีฝน
ระหว่างเดินทางไปสถานีตำรวจ เหลียนอีก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แฟนหนุ่มฟังชายหนุ่มขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่านี่คงเป็นความโชคดีโดยบังเอิญที่จิ่นหลีคอยส่งคนมาตามดูอี้หราน ไม่อย่างนั้นแล้วหญิงสาวทั้งสามคงหนีไม่ทันแน่!“ฉันส่งบอดี้การ์ดมาคอยดูแลเธอบ้างดีไหม?” ไป๋ ทิงซินพูดขึ้นเหลียนอีรีบปฏิเสธทันที “อย่านะ ฉันไม่ชอบโดนจับตามอง มันอึดอัด”“แต่…”“สัญญาว่าฉันจะโทรหานายทันทีเลยถ้าฉันเป็นอะไรไป!” หญิงสาวรีบชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้สัญญาไป๋ ทิงซินรู้สึกว่าการกระทำนี้มันช่างตลกแล้วก็กวนใจเขาไปพร้อมกันเมื่อมาถึงสถานีตำรวจ อี้หรานเป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด พร้อมทั้งมอบคลิปเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์เป็นหลักฐาน กลุ่มคนร้ายจึงถูกส่งตัวให้ตำรวจไปจัดการต่อหลังจากแจ้งความเสร็จเรียบร้อย เหลียนอีจึงหันมาพูดกับอี้หราน “เดี๋ยวฉันกับทิงซินไปส่งเธอเอง”“โอเค” อี้หรานตอบตกลงทั้งสามคนเดินออกมาจากสถานีตำรวจ โดยมีบอดี้การ์ดสองคนเดินตามมาด้วยหลังให้ปากคำเสร็จทิงซินจอดรถไว้ด้านหน้าสถานี แต่เมื่อพวกเขาไปถึง กลับมีเบนท์ลีย์สีดำสนิทจอดอยู่ไม่ไกลกันอี้หรานชะงักทันที ‘นั่นมัน…รถของจิ่นหลี!’‘เขาก็อยู่ที่นี่เหมือ
มุมปากของอี้หรานยกขึ้น “ได้สิ เข้าใจแล้ว” เหลียนอีเปรียบเสมือนแสงสว่างในโลกที่มืดสนิทของเธอ หญิงสาวคือคนที่คอยประคองอี้หรานไว้เสมอในยามที่ต้องเผชิญปัญหา!ชิน เหลียนอีเดินไปที่รถกับไป๋ ทิงซิน ส่วนอี้หรานปลีกตัวตรงไปที่เบนท์ลีเหลียนอีจับตาดูรถคันสีดำค่อย ๆ ขับออกไป ก่อนหันไปพูดกับแฟนหนุ่มของตัวเอง “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”ชายหนุ่มขับรถออกมาจากสถานีตำรวจ “คุณอยากไปไหน?”“บ้านไง จะไปไหนได้อีก?” คนถูกถามตอบเสียงหงุดหงิด“ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดี งั้นเราไปดูหนังให้สบายใจขึ้นดีไหม?” เขาถาม“ไม่เอา ดูหนังไม่ช่วยอะไรหรอก เว้นแต่ว่า คุณจะระบำเปลื้องผ้าให้ฉันดูแทน” เหลียนอีโพล่งออกมา หญิงสาวจำได้ว่าทิงซินเคยทำแบบนั้นครั้งหนึ่งตอนที่ไปดื่มด้วยกัน แต่เธอไม่มีความทรงจำวันนั้นอยู่ในหัวเลย! เธอจำได้ราง ๆ เท่านั้นเธอรู้สึกว่านี่มันน่าอายมากทุกครั้งที่นึกขึ้นมา แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายที่จำไม่ได้ไป๋ ทิงซินชำเลืองมามองแฟนสาว “ถ้าคุณอยากเห็น เดี๋ยวไว้ดูตอนถึงบ้านผมแล้วกัน”เหลียนอีแทบสำลัก!‘เขาว่าอะไรนะ? เขาจะทำ… จะเต้นให้ฉันดู? เอาจริงดิ? เขาเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋แล้วไม่ใช่เหรอ? เขาไว้ตัวตลอดตั้งแต่… ตอนจีบ
“เปล่า…ยังไม่ท้อง แค่สงสัยน่ะ” เหลียนอีรีบอธิบายให้อีกคนเข้าใจ เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เธออายเล็กน้อยตอนที่ถูกสายตาคู่นั้นมองมาที่ท้องตัวเอง “แล้วก็… เดือนนี้ประจำเดือนฉันยังไม่มาเลย” เธอพูดเสริมทิงซินใคร่ครวญ ‘ถ้าแบบนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าเธอท้อง แต่…ถ้าเธอท้อง แปลว่าฉันก็…’“พรุ่งนี้เราจะไปตรวจเลือดดูกันที่โรงพยาบาล” ไป๋ ทิงซินบอกความรู้สึกบางอย่างแล่นจี๊ดขึ้นมาในหัวของเหลียนอีทันทีที่ได้ยินคำว่าตรวจเลือด “เราไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ ทำไมไม่ซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองดูก่อนดีกว่า?” ชายหนุ่มทำสีหน้าอ่านไม่ถูก มองไปที่แฟนสาว “คุณกลัวการเจาะเลือดเหรอ?”เธอพยักหน้ารับ ก่อนพูด “ถ้าผ่านร้านยาแล้วคุณลงไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้หน่อยนะคะ เอ่อ อย่าลืมซื้อมาเผื่อหลาย ๆ ยี่ห้อด้วยนะ”คนคิดเงินมองหน้าทิงซินแปลก ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มมาขอซื้อที่ตรวจครรภ์ แถมยังกวาดเอาทุกยี่ห้อที่มีอยู่บนชั้น นั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายโรคจิตสักคนในรายการโทรทัศน์เขากลับขึ้นรถ แล้วส่งชุดตรวจให้เหลียนอีหญิงสาวศึกษาวิธีใช้อย่างตั้งใจ เธอถึงกับอ่านแผ่นกระดาษที่เขียนบอกวิธีใช้ด้วยความระมัดระวังระคนตื่นเต้นเมื่อมา