“ฉัน… ไม่เป็นไรค่ะ” ชิน เหลียนอียังคงประหลาดใจกับการมาถึงของแฟนหนุ่ม “คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” เธอถามเมื่อนึกได้ว่าตนไม่ได้บอกที่อยู่ให้ชายหนุ่ม“คุณถามอะไรแบบนั้น?” เขาว่า ได้ยินเสียงแฟนตัวเองร้องขึ้นมาตอนคุยโทรศัพท์ แถมยังมีเสียงผู้ชายไล่มาอีก เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นพอเหลียนอีเผลอกดวางสายไป เขาลองโทรกลับอีกรอบแต่เธอไม่รับสาย ไป๋ ทิงซินเป็นกังวลมากจนเหงื่อแตก จำได้แค่คำว่า ‘ถนนหวายไห่’ ที่แฟนสาวพูดถึงก่อนจะรีบขับรถออกมาทิงซินใช้เวลาเพียง 10 นาทีมาถึงที่หมายสำหรับการเดินทางที่ควรใช้เวลา 20 นาที ไม่สนใจว่าหลังจากนี้จะมีใบสั่งกี่ใบตามมาที่บ้าน!“คราวหน้าถ้าคุณเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็บอกที่อยู่ผมก่อนวางสายด้วยสิ! รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน?” ไป๋ ทิงซินแทบจะคำรามชิน เหลียนอีนิ่งงัน มองดูใบหน้าซีดของคนรักที่ปรากฏเม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก“ฉัน… ฉันขอโทษ!” เหลียนอีพูดเสียงเจื่อนชายหนุ่มมองคนรักขอโทษตัวเองเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ทำความผิด คำขอโทษที่ได้รับราวกับช่วยบรรเทาความกังวล ความร้อนใจ และความว้าวุ่นทั้งหมดในใจชายหนุ่มให้หายเกลี้ยงไป เหมือนมีฝน
ระหว่างเดินทางไปสถานีตำรวจ เหลียนอีก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แฟนหนุ่มฟังชายหนุ่มขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่านี่คงเป็นความโชคดีโดยบังเอิญที่จิ่นหลีคอยส่งคนมาตามดูอี้หราน ไม่อย่างนั้นแล้วหญิงสาวทั้งสามคงหนีไม่ทันแน่!“ฉันส่งบอดี้การ์ดมาคอยดูแลเธอบ้างดีไหม?” ไป๋ ทิงซินพูดขึ้นเหลียนอีรีบปฏิเสธทันที “อย่านะ ฉันไม่ชอบโดนจับตามอง มันอึดอัด”“แต่…”“สัญญาว่าฉันจะโทรหานายทันทีเลยถ้าฉันเป็นอะไรไป!” หญิงสาวรีบชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้สัญญาไป๋ ทิงซินรู้สึกว่าการกระทำนี้มันช่างตลกแล้วก็กวนใจเขาไปพร้อมกันเมื่อมาถึงสถานีตำรวจ อี้หรานเป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด พร้อมทั้งมอบคลิปเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์เป็นหลักฐาน กลุ่มคนร้ายจึงถูกส่งตัวให้ตำรวจไปจัดการต่อหลังจากแจ้งความเสร็จเรียบร้อย เหลียนอีจึงหันมาพูดกับอี้หราน “เดี๋ยวฉันกับทิงซินไปส่งเธอเอง”“โอเค” อี้หรานตอบตกลงทั้งสามคนเดินออกมาจากสถานีตำรวจ โดยมีบอดี้การ์ดสองคนเดินตามมาด้วยหลังให้ปากคำเสร็จทิงซินจอดรถไว้ด้านหน้าสถานี แต่เมื่อพวกเขาไปถึง กลับมีเบนท์ลีย์สีดำสนิทจอดอยู่ไม่ไกลกันอี้หรานชะงักทันที ‘นั่นมัน…รถของจิ่นหลี!’‘เขาก็อยู่ที่นี่เหมือ
มุมปากของอี้หรานยกขึ้น “ได้สิ เข้าใจแล้ว” เหลียนอีเปรียบเสมือนแสงสว่างในโลกที่มืดสนิทของเธอ หญิงสาวคือคนที่คอยประคองอี้หรานไว้เสมอในยามที่ต้องเผชิญปัญหา!ชิน เหลียนอีเดินไปที่รถกับไป๋ ทิงซิน ส่วนอี้หรานปลีกตัวตรงไปที่เบนท์ลีเหลียนอีจับตาดูรถคันสีดำค่อย ๆ ขับออกไป ก่อนหันไปพูดกับแฟนหนุ่มของตัวเอง “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”ชายหนุ่มขับรถออกมาจากสถานีตำรวจ “คุณอยากไปไหน?”“บ้านไง จะไปไหนได้อีก?” คนถูกถามตอบเสียงหงุดหงิด“ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดี งั้นเราไปดูหนังให้สบายใจขึ้นดีไหม?” เขาถาม“ไม่เอา ดูหนังไม่ช่วยอะไรหรอก เว้นแต่ว่า คุณจะระบำเปลื้องผ้าให้ฉันดูแทน” เหลียนอีโพล่งออกมา หญิงสาวจำได้ว่าทิงซินเคยทำแบบนั้นครั้งหนึ่งตอนที่ไปดื่มด้วยกัน แต่เธอไม่มีความทรงจำวันนั้นอยู่ในหัวเลย! เธอจำได้ราง ๆ เท่านั้นเธอรู้สึกว่านี่มันน่าอายมากทุกครั้งที่นึกขึ้นมา แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายที่จำไม่ได้ไป๋ ทิงซินชำเลืองมามองแฟนสาว “ถ้าคุณอยากเห็น เดี๋ยวไว้ดูตอนถึงบ้านผมแล้วกัน”เหลียนอีแทบสำลัก!‘เขาว่าอะไรนะ? เขาจะทำ… จะเต้นให้ฉันดู? เอาจริงดิ? เขาเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋แล้วไม่ใช่เหรอ? เขาไว้ตัวตลอดตั้งแต่… ตอนจีบ
“เปล่า…ยังไม่ท้อง แค่สงสัยน่ะ” เหลียนอีรีบอธิบายให้อีกคนเข้าใจ เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เธออายเล็กน้อยตอนที่ถูกสายตาคู่นั้นมองมาที่ท้องตัวเอง “แล้วก็… เดือนนี้ประจำเดือนฉันยังไม่มาเลย” เธอพูดเสริมทิงซินใคร่ครวญ ‘ถ้าแบบนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าเธอท้อง แต่…ถ้าเธอท้อง แปลว่าฉันก็…’“พรุ่งนี้เราจะไปตรวจเลือดดูกันที่โรงพยาบาล” ไป๋ ทิงซินบอกความรู้สึกบางอย่างแล่นจี๊ดขึ้นมาในหัวของเหลียนอีทันทีที่ได้ยินคำว่าตรวจเลือด “เราไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ ทำไมไม่ซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองดูก่อนดีกว่า?” ชายหนุ่มทำสีหน้าอ่านไม่ถูก มองไปที่แฟนสาว “คุณกลัวการเจาะเลือดเหรอ?”เธอพยักหน้ารับ ก่อนพูด “ถ้าผ่านร้านยาแล้วคุณลงไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้หน่อยนะคะ เอ่อ อย่าลืมซื้อมาเผื่อหลาย ๆ ยี่ห้อด้วยนะ”คนคิดเงินมองหน้าทิงซินแปลก ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มมาขอซื้อที่ตรวจครรภ์ แถมยังกวาดเอาทุกยี่ห้อที่มีอยู่บนชั้น นั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายโรคจิตสักคนในรายการโทรทัศน์เขากลับขึ้นรถ แล้วส่งชุดตรวจให้เหลียนอีหญิงสาวศึกษาวิธีใช้อย่างตั้งใจ เธอถึงกับอ่านแผ่นกระดาษที่เขียนบอกวิธีใช้ด้วยความระมัดระวังระคนตื่นเต้นเมื่อมา
“คุณผิดหวังเหรอ?” ชิน เหลียนอีพึมพำถามไป๋ ทิงซินส่งยิ้มบางกลับคืน “ไม่ท้องก็ไม่เป็นไรหรอก ไว้อีกสองสามปีเราค่อยมีลูกกันก็ได้ คุณออกมาก่อนเถอะ”ก่อนเหลียนอีจะตอบกลับมา “ฉันออกไปไม่ได้! ฉันไม่ได้เอาผ้าอนามัยมาด้วย คุณออกไปซื้อให้หน่อยได้ไหม?” ทิงซินยิ้มค้าง “ซื้อผ้าอนามัย?” เขาเสียงหลงเป็นครั้งที่สองของวัน“ใช่ หรือคุณอยากให้เดินออกไปแบบเลือดอาบขา?” เธอตอบ เน้นเสียงตรงคำว่า ‘เลือดอาบ’“ผมจะบอกคนใช้ไปซื้อให้” เขาตอบเหลียนอีรีบพูด “ไม่ได้! มันน่าอายจะตาย คุณไปเองไม่ได้เหรอ? รู้ไหม? สมัยยังอยู่มัธยม ฉันอิจฉาคนที่แฟนไปซื้อผ้าอนามัยให้มาตลอดเลย ฉันอยากมีแฟนที่ยอมไปซื้อผ้าอนามัยให้ฉันบ้าง”ทิงซินไม่เข้าใจว่าเหลียนอีจะอิจฉาเพื่อนในเรื่องนั้นไปทำไม‘ผ้าอนามัยนี่มัน เอ่อ สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?’แต่เมื่อเห็นแววตาคาดหวังจากหญิงสาว เขาก็ยอมใจอ่อนอีกครั้ง สุดท้ายจึงได้แต่พูดว่า “รออยู่นี่แล้วกัน”“ไม่มีปัญหา!” หญิงสาวยิ้มร่า ก่อนเอ่ยเสริม “ซื้อแบบกลางคืนของโซฟีมาให้ด้วยนะ!”ไป๋ ทิงซินพูดอะไรไม่ออก ในใจรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดูเหมือนว่าคืนนี้เขาเอาแต่ซื้อของที่ไม่จำเ
ชิน เหลียนอีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ถูกเอาใจ ‘มาลองคิด ๆ ดูแล้ว นอกจากพ่อแม่ ก็มีแค่ไป๋ ทิงซินที่เอาใจฉันขนาดนี้’หญิงสาวร้องครางออกมาขณะนอนเอนกายอยู่บนโซฟา ไป๋ ทิงซินสังเกตเห็นสีหน้าบูดเบี้ยวของอีกคนจึงรีบถาม “ปวดมากเลยเหรอ?”“ใช่” เหลียนอีพยักหน้าหงอย ๆ “ผู้ชายแบบนายโชคดีแค่ไหนที่ไม่ต้องปวดท้องทุกเดือน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบท้องของคนที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยน “แบบนี้พอช่วยได้ไหม?”“อืม ก็ได้อยู่ ลูบต่อให้ที กำลังเพลินเลย” เธอว่าชายหนุ่มที่มีฐานะเป็นถึงหัวหน้าตระกูลไป๋จึงต้องมานั่งก้มหัวลูบท้องให้ผู้หญิงอย่างช่วยไม่ได้เหลียนอีที่เพลินจนเริ่มเคลิ้มจะหลับ จู่ ๆ ก็หรี่ตาแล้วร้องออกมา “อย่าหยุดสิ ทำต่อ…คุณนี่มีฝีมือจริง ๆ เลยนะคะ”อีกครั้งที่ไป๋ ทิงซินพูดอะไรไม่ออก ‘นี่เธอคิดบ้างไหมเนี่ย ว่ากำลังพูดจาสองแง่สองง่ามอยู่?’เหลียนอีไม่คิดมาก่อนว่าแฟนหนุ่มของตัวเองจะมีทักษะในการ ‘นวด’ ขนาดนี้ ถ้าเธอรู้ว่าการให้เขาลูบท้องให้มันจะสบายขนาดนี้ เธอคงขอให้เขาลูบให้ทุกครั้งที่ประจำเดือนมาไปแล้ว แล้วเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยบอกว่าจะนอนอยู่บ้านทุกครั้งที่เป็นประจำเดือนด้วย!ตอนนั้นเอง เสียงของส
“งั้นก็ดีแล้ว” ไป๋ ทิงซินโล่งใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของเหลียนอีดูดีขึ้นมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าการได้เห็นเหลียนอีอ่อนแอแบบนี้ ทำเอาชายหนุ่มแทบจะยอมแลกร่างกับเหลียนอีเสียให้ได้! เขาอยากให้เธอสุขภาพแข็งแรงและมีรอยยิ้มในทุกวันก็เท่านั้นเขายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องเหลียนอีฝ่ามือใหญ่ยังคงลูบหน้าท้องของหญิงสาวเบา ๆ หวังว่ามันจะช่วยคลายความปวดได้“ว่าแต่ รอบนี้ฉันไม่ได้ท้อง ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องมากังวลไปด้วย คุณแน่ใจนะว่า…ไม่ได้ผิดหวัง?” ชิน เหลียนอีพูดอย่างอดไม่ได้“ผมไม่ได้ผิดหวัง คุณจะท้องหรือไม่ท้องฉันก็ไม่ผิดหวังอยู่ดี สักวันหนึ่งเราก็ต้องได้มีลูกด้วยกันอยู่แล้ว ผมแค่…” เขาเว้นช่วง “ผมแค่หายสติแตกตอนที่รู้ว่าคุณไม่ได้ท้องเฉย ๆ”เหลียนอีนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้คำว่า ‘สติแตก’ “นี่คุณสติแตกเลยเหรอ?”“ใช่สิ แทบบ้าเลยล่ะ ตอนที่คุณอยู่ในห้องน้ำ ผมคิดหนักเลยว่าจะทำยังไงดีถ้าคุณท้องจริง ๆ” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ “ถ้าคุณท้อง ผมคงจะทำให้คุณเป็นคุณนายไป๋ทันที ผมจะแต่งคุณเข้าตระกูล คนจะได้ไม่เอาไปลือเสียหาย แล้วคุณก็จะได้ดูแลลูกได้เต็มที่…”มันคือสิ่งที่เขาคว
ชายหนุ่มนิ่งไปเหลียนอีพูดต่อไป “ถ้า… ถ้าวันหนึ่งฉันท้องจริง ๆ แต่ครอบครัวของคุณยังไม่มั่นคง เราไม่จำเป็นต้องแต่งกันก็ได้ คุณไม่ต้องจัดงานแต่งอลังการให้ฉัน ฉันจะคลอดลูกแล้วก็เลี้ยงเขาเอง เพียงแค่ขอให้คุณมาหากันบ้างฉันจะได้รู้ว่า คุณยังปลอดภัย!”ไป๋ ทิงซินรู้สึกทึ่ง “คุณ…”“ฉันไม่กลัวข่าวลือด้วย พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้! ฉันต้องการแค่ได้อยู่กับคุณตลอดไป ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ช่าง ฉันต้องการแค่นี้!”เสียงของเธอดังฟังชัด แววตาแน่วแน่ทิงซินคว้าเอาตัวหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดทันทีเหลียนอีของเขาแข็งแกร่งและกล้าหาญมากกว่าที่เขาคิดนัก เขาเคยเข้าใจผิด คิดไปเองว่า เธอต้องการให้เขาปกป้อง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอก็มีมุมที่เป็นหญิงแกร่งด้วยเหมือนกัน!“ผมเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่ผมตกหลุมรักเป็นคนเจ๋งขนาดนี้!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยปาก “ดีชะมัดที่ได้รักคุณนะ!”เขาพร้อมจะค้นหาความเป็นไปได้ทั้งหมดบนโลกใบนี้ เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เหลียนอีมีความสุขโดยไม่ต้องเป็นกังวลกับสิ่งใด!…หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าอี้ จิ่งหลีจะพาเธอมายังอนุสรณ์สถานของตระกูลอี้มันคือบริเวณโถงไว้ทุกข์ที่มีแผ่นจารึกของพ่อจ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค