“พี่เคยบอกว่า พี่จะรักผมไปตลอดชีวิต จะอยู่กับผมตลอดไป และจะไม่มีวันทอดทิ้งผม” เขาพึมพำขณะ บางสิ่งแผดผาอยู่ในดวงตาดำสนิทคู่นั้นอี้หรานตัวสั่น ย้อนกลับไปตอนนั้น จิ่นหลียืนอยู่ในโถงนี้ยามดึกสงัด ชายหนุ่มดูอ้างว้างและเปราะบางเสียจนทำอี้หรานใจสลายตามไปด้วยในตอนนั้น เธอจับได้ว่า เขามาที่นี่กลางดึก และเมื่อได้เห็นภาพจิ่นหลียืนอยู่อย่างนั้น ในใจอี้หรานก็รู้สึกเพียงแค่เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนคนนี้!หากเขารู้สึกหวั่นไหว เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้สึกมั่นคงไม่สำคัญว่าเธอจะพูดซ้ำว่ารักเขาสักกี่รอบ หรือแสร้งทำเหมือนเธอลืมเรื่องเกี่ยวกับกู้ ลี่เฉินและวัยเยาว์ไปแม้จะจำมันได้เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว เธอเคย… ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเขา‘ตอนนี้…’ หลิง อี้หรานมองไปที่จิ่นหลีอย่างสงบนิ่ง “แล้วทำไมกัน? คุณเองก็พูดว่ารักฉันเหมือนกันนี่? จากนั้นคุณก็บอกเองว่าไม่ได้รักฉันแล้ว ขอให้เราเลิกกัน คุณนึกอยากกลับคำพูดเมื่อไหร่ก็ทำ”“แล้วถ้าผมไม่ผิดคำพูด พี่จะยอมเป็นเหมือนเดิมไหม?” เขาถาม“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าสิ่งที่เกิดไปแล้วมันย้อนกลับมาไม่ได้?” อี้หรานถามกลับ“เรื่องพรรค์นั้นมันไม่มีจริงสักหน่
อี้หรานยกยิ้ม ใช้นิ้วไล้สัมผัสไปตามดวงตาและคิ้วของอีกฝ่ายชายหนุ่มกะพริบตาแต่ไม่ได้หันหน้าหนี ก่อนจะค่อย ๆ คลายแรงจับที่มือของหญิงสาวปลายนิ้วของหญิงสาวเลื่อนทีละน้อยจากคิ้ว มาที่ดวงตา มาที่สันจมูก จากนั้นมาที่ปากรูปปากของจิ่นหลีสวยมาก ริมฝีปากบางของเขาให้ความรู้สึกทั้งเย็นชา เซ็กซี่ ดึงดูด เมื่อมันโค้งขึ้นเมื่อเขายิ้ม อี้หรานก็ตกหลุมรักมันได้อย่างง่ายดาย“คุณพูดว่า คุณกลัวจะเดินตามรอยความผิดพลาดของพ่อ จนควบคุมชีวิตตัวเองไม่ได้ ฉันขอแปลว่านั่นหมายถึง คุณกลัวฉันจะหักหลังคุณ เหมือนที่แม่ทำกับพ่อของคุณใช่ไหม?” น้ำเสียงขออี้หรานอ่อนโยนราวกับเสียงของไวโอลิน หญิงสาวเอ่ยอย่างปราศจากความโกรธแค้นหรือขุ่นเคือง เหมือนฟ้าใสหลังพายุฝนสงบลงทว่าความเยือกเย็นของเธอกลับทำให้จิ่นหลีขมวดคิ้วเธอมีท่าทางเช่นนี้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาอยู่ที่บ้านเช่าเมื่อคราวก่อน เธอสงบเสียจนในใจเขาปั่นป่วน“ถึงฉันจะเคยพูดว่าฉันรักคุณและจะไม่มีวันทิ้งคุณ แต่ตอนที่คุณบอกว่ายอมแลกชีวิตเพื่อฉัน นั่นเป็นเพราะคุณยังเชื่อว่าฉันจะทรยศคุณ… เหมือนกับที่แม่คุณเคยทำกับพ่อ” เธอยังคงกล่าวต่ออาการดิ้นรนฉายขึ้นในแววตาของจิ่นหลี “ตร
วันต่อมา เหลียนอีมาพบอี้หรานหลังเลิกงาน ทั้งสองแวะร้านอาหารและทานมื้อเย็น“เมื่อวานนี้ระหว่างเธอกับจิ่นหลีเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?” ชิน เหลียนอีถามอย่างเป็นห่วงอี้หรานลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “เขาอยากเริ่มใหม่กับฉัน”“อะไรนะ?” เหลียนอีตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง “เริ่มใหม่? หมายถึงกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเหรอ?”“ใช่” อี้หรานตอบเหลียนอีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที “อี้ จิ่นหลี… หน้าไม่อาย เป็นคนอยากเลิกเองแท้ ๆ แล้วตอนนี้อยากจะกลับมาคบเหรอ? จงใจทรมานกันหรือเปล่า?”เหลียนอีเป็นเพียงคนเดียวในเมืองเฉินที่กล้าด่าชายหนุ่มว่าหน้าไม่อายอี้หรานร่าเริงขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนสนิท“อาจจะอยากทรมานกันก็ได้นะ” หลิง อี้หรานบอก“แล้วเธอตกลงหรือเปล่า?” ชิน เหลียนอีถามเธอส่ายหน้า “เปล่า ไม่มีทางหรอก”ระหว่างนั้นอาหารก็มาถึงที่โต๊ะพอดี อี้หรานก้มหน้าก้มตาทานเงียบ ๆ สีหน้าของเหลียนอีเปลี่ยนจากความโกรธเคืองไปเป็นลังเล “อี้หราน เธอทำใจเรื่องจิ่นหลีได้แล้วเหรอ?”เมื่อมาคิดดู อี้หรานทั้งเศร้าและหมดอาลัยตอนที่จิ่นหลีบอกเลิก เธอจะลืมเขาภายในไม่กี่เดือนได้เหรอ?“ใช่” อี้หรานตอบเสียงนุ่ม
ชิน เหลียนอีตอบกลับเพื่อนสนิท “ได้สิ เดี๋ยวบอกให้ทิงซินช่วยดูให้ แล้วพี่โจวเป็นยังไงบ้าง? ยังเปิดร้านได้ปกตินะ?”“เมื่อเช้าฉันโทรไปถามมาแล้ว พี่โจวบอกว่าไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครมาก่อกวนแล้ว” อี้หรานบอก“เยี่ยมไปเลย!” ในที่สุดเหลียนอีก็สบายใจหลังมื้อเย็น เหลียนอีขับรถไปส่งอี้หราน ก่อนจะแวะไปหาไป๋ ทิงซิน“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” ทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องทำงาน ทิงซินก็รีบวางเอกสารในมือแล้วรีบลุกไปหาแฟนสาว“วันนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ปวดเท่าเมื่อวานนี้” เธอตอบทิงซินขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ‘แปลว่าวันนี้ก็ยังปวดอยู่นิดนึงหรือเปล่านะ?’“แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะหายปวดท้อง?” เขาไม่เคยรู้เรื่องอาการปวดท้องประจำเดือนของผู้หญิงมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาแล้วหลังจากเห็นสภาพของเหลียนอีเมื่อวาน“คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปกติแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหาย” เหลียนอีว่า“เอ่อ… ให้ผมช่วยนวดท้องอีกดีไหม?” เขาเสนอเหลียนอีคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ ‘หมอนี่นวดท้องเก่งดีเหมือนกันแฮะ!’เหลียนอีตอบรับเสร็จก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาชายหนุ่มเห็นภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ก่อนหันไ
เมื่อวานนี้เหลียนอีไปที่ห้องของชายหนุ่มเพราะจะไปดูทิงซินเต้นตามที่สัญญาไว้ แต่ประจำเดือนของเธอดันมาเสียก่อนจนลืมเรื่องเต้นไปเสียสนิทไป๋ ทิงซินเลิกคิ้ว ประหลาดใจที่อีกฝ่ายยังไม่ลืมเรื่องนี้ไปอีก “อยากดูเหรอ?”หญิงสาวพยักหน้าถี่รัว“ไม่อยากให้ผมลูบท้องให้แล้วเหรอ?” เขาถาม“ไว้ค่อยทำหลังเต้นเสร็จก็ได้นี่” เธอตอบ ดวงตากลมโตดูราวกับบรรจุดวงดาวไว้ข้างใน มันทอประกายระยิบระยับ ไป๋ ทิงซินหมดคำจะพูด ก่อนลุกยืนอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนจะถึงคราวที่ต้องเอาใจแฟนสาวเสียแล้ว!ทว่า… “ถ้าอย่างนั้น คุณต้องสนใจแค่ผมเท่านั้นนะ ตกลงไหม?” เขาถามแววรู้สึกผิดฉายขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว เพราะเธอยังมีคนดังอีกหลายคนที่เธอยังต้องสนใจอยู่! แต่เพื่อดวงตาดำสนิทที่ร้อนแรงคู่นั้น เหลียนอีจึงรับคำทันที “สัญญาเลย ผู้ชายพวกนั้นฉันทำได้แค่ดู แต่กับคุณ ฉันยังทำอย่างอื่นได้…”ทิงซินรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างจะร้องไห้กับระเบิดหัวเราะเพราะคำพูดนั้น แต่เพื่อสนองความคาดหวังของเหลียนอี ชายหนุ่มเริ่มเต้น‘ฉันอยากให้เธอมองมาที่ฉัน’‘จับจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียว!’‘สิ่งไหนที่ทำให้เธอมีความสุข ฉันยอมทำได้ทุกอย่าง…’เมื่อสาวใช้นำ
“คุณดูสนิทกับหมอซูดีนะคะ” อี้หรานเอ่ยปากรู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนอย่างกู้ ลี่เฉินรู้จักกับหมอสูงวัยที่เป็นเพียงเจ้าของคลินิกเล็ก ๆ“เรารู้จักกันมานานแล้วครับ ผมขาหักตอนที่ญาติของคุณกับผมแอบหนีลงเขาเข้าเมืองมาด้วยกัน หมอหลายคนบอกว่าถึงแผลจะหายดีแต่ก็อาจจะมีผลข้างเคียงอื่น แม่ผมบังเอิญได้ยินเรื่องหมอซู เลยพาผมมารักษากับเขา” กู้ ลี่เฉินเล่าให้ฟังอี้หรานตกใจ “คุณขาหัก?”“ใช่ ตั้งสามเดือนกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ” เขาตอบ‘เพิ่งรู้ว่าเขาเคยบาดเจ็บด้วย ใช่ตอนที่เขาตกหน้าผาหรือเปล่านะ?’อี้หรานคิดกับตัวเอง ยังจำภาพตอนที่ช่วยพาอีกฝ่ายขึ้นมาจากหน้าผา ตอนนั้นเขาก็ดูเหมือนจะเดินไม่ได้ เธอเอาแต่บ่นงึมงำว่าเขาเป็นพวกลูกแหง่ แท้จริงแล้วเขาขาหักต่างหากแต่ว่า… เขากลับไม่เคยพูดถึงอาการบาดเจ็บที่ขาเลย กลับกันเขาเอาแต่ขอโทษที่ทำให้เธอลำบากในตอนที่ขี่หลังเธออยู่“ตอนนั้น…ขาคุณเจ็บมากไหม?” อี้หรานอดไม่ได้ที่จะถามเขาชายตามองเธอแวบนึงขณะที่ขับรถอยู่ “ผมคิดไปเองได้ไหมว่า ที่คุณถามแบบนี้เพราะคุณห่วงผม?”หญิงสาวเม้มปาก ไม่ต่อคำลี่เฉินจึงพูดต่อโดยไม่สนใจ “เจ็บสิ ผมนึกว่ามันจะเจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว แต่
‘เป็นเพราะฉันเคยมีแฟนมาเยอะหรือเปล่านะ เธอถึงได้คิดว่าฉันไม่จริงจัง?’เขายังจำที่ถูกหญิงสาวดูถูกเรื่องเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยได้ดี เธอบอกว่าถ้าเขาคิดถึงใครสักคนจริง ๆ ก็จะเข้าใจว่ามันไม่มีใครจะมาแทนที่กันได้‘หรือนี่จะเป็นกรรมตามสนอง?’ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำเอาชายหนุ่มหลงหน้ามืดแบบนี้ได้เท่ากับอี้หรานแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็นึกถึงแต่เธอตลอดเวลาถึงแม้จะแสร้งทำเป็นลืม ๆ ไป แต่เขาก็ไม่เคยลืมได้จริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว‘ฉันยอมแตกหักกับจิ่นหลีได้เพื่อเธอ!’ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังออกมาจากห้องตรวจ กู้ ลี่เฉินลุกขึ้นแล้วตรงไปเปิดประตูทันที!ภาพที่เห็นในห้องผ่าตัดคือหมอซูที่กำลังกดมีดปลายแหลมลงที่หลังมือของอี้หราน ขณะที่หญิงสาว… ชั่ววินาทีหนึ่ง ลี่เฉินไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของอี้หรานได้เลยดวงตากลมหลับปี๋ เรียวคิ้วขมวดมุ่น ฟันขาวขบริมฝีปากเพื่อสกัดเสียงร้อง เม็ดเหงื่อผุดซึมบริเวณหน้าผาก ก่อนจะไหลร่วงลงมาบนพวงแก้มมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของอี้หรานกำแน่น ราวกับว่าจะช่วยยับยั้งความเจ็บได้เขารู้ว่าเธอน่าจะเจ็บมากทีเดียว ในเมื่อหมอซูพูดเองว่าขั้นตอนการรักษ
หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ อี้หรานก็ได้ยินเสียงหมอซูพูดขึ้น “เรียบร้อยแล้ว!”ความรู้สึกเสียวซ่านที่หลังมือของเธอเบาบางลง อี้หรานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลืมตาท่อนแขนของลี่เฉินเป็นสิ่งแรกที่เธอมองเห็นอี้หรานรู้สึกตัวทันทีว่ากำลังจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะรีบปล่อยมือ “ฉันขอโทษค่ะ!”“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนบอกให้คุณจับไว้เอง” ลี่เฉินพูดขณะที่ชักแขนกลับไปหมอซูหันมาเอ่ยกับหญิงสาว “เอาล่ะ สัปดาห์หน้าก็มาตามนัดนะครับ ระวังอย่าให้มือสัมผัสน้ำสามชั่วโมงหลังจากนี้นะ แล้วก็อย่าใช้มือยกของหนักด้วย”“รับทราบค่ะ” อี้หรานตอบเมื่อออกมาจากคลินิก ลี่เฉินก็เอ่ยขึ้น “ผมจะไปส่งคุณเอง”“ฉัน…ขึ้นรถเมล์กลับเองก็ได้ค่ะ” เธอตอบ หมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ลี่เฉินคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ก่อนจะพูด “การที่ผมไปส่งไม่ได้แปลว่าผมหวังอะไรจากคุณ ไม่จำเป็นต้องหนีก็ได้ครับ”“ฉันแค่ไม่อยากรบกวนคุณ” เธอดันมือเขาออก ทำเอาชายหนุ่มร้องครางในลำคอพร้อมทั้งขมวดคิ้วอี้หรานประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางของอีกฝ่าย เธอไม่ได้ผลักเขาแรงขนาดนั้นเสียหน่อย! เห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงก้มไปดูแขนเสื้อของอีกฝ่าย‘วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แต่
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค