หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ อี้หรานก็ได้ยินเสียงหมอซูพูดขึ้น “เรียบร้อยแล้ว!”ความรู้สึกเสียวซ่านที่หลังมือของเธอเบาบางลง อี้หรานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลืมตาท่อนแขนของลี่เฉินเป็นสิ่งแรกที่เธอมองเห็นอี้หรานรู้สึกตัวทันทีว่ากำลังจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะรีบปล่อยมือ “ฉันขอโทษค่ะ!”“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนบอกให้คุณจับไว้เอง” ลี่เฉินพูดขณะที่ชักแขนกลับไปหมอซูหันมาเอ่ยกับหญิงสาว “เอาล่ะ สัปดาห์หน้าก็มาตามนัดนะครับ ระวังอย่าให้มือสัมผัสน้ำสามชั่วโมงหลังจากนี้นะ แล้วก็อย่าใช้มือยกของหนักด้วย”“รับทราบค่ะ” อี้หรานตอบเมื่อออกมาจากคลินิก ลี่เฉินก็เอ่ยขึ้น “ผมจะไปส่งคุณเอง”“ฉัน…ขึ้นรถเมล์กลับเองก็ได้ค่ะ” เธอตอบ หมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ลี่เฉินคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ก่อนจะพูด “การที่ผมไปส่งไม่ได้แปลว่าผมหวังอะไรจากคุณ ไม่จำเป็นต้องหนีก็ได้ครับ”“ฉันแค่ไม่อยากรบกวนคุณ” เธอดันมือเขาออก ทำเอาชายหนุ่มร้องครางในลำคอพร้อมทั้งขมวดคิ้วอี้หรานประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางของอีกฝ่าย เธอไม่ได้ผลักเขาแรงขนาดนั้นเสียหน่อย! เห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงก้มไปดูแขนเสื้อของอีกฝ่าย‘วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แต่
หลิง อี้หรานสบตากับดวงตาคมสีดำสนิทที่หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย ดูราวกับว่าดวงตาคู่นี้สามารถล่อลวงใครก็ตามที่ถูกมันจ้องมองอี้หรานแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาคือเฉินเฉิน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมที่จะเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอเธอเคยต้องเผชิญสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เดียวดาย“อย่าดีกับฉันนักเลยกู้ ลี่เฉิน มันไม่คุ้มหรอก” เธอพึมพำ ‘ฉันไม่คู่ควรกับความใจดีของคุณ’เขารีบพูด “คนที่ตัดสินใจว่ามันคุ้มหรือเปล่าคือ ผม ไม่ใช่คุณ และผมก็คิดว่ามันคุ้มค่า แม้จะต้องแลกด้วยความเจ็บปวดก็ตาม!”อี้หรานมองชายหนุ่มด้วยสายตาว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างบังเกิดขึ้นในใจ…หลังจากส่งอี้หรานที่บ้าน รวมถึงรอดูหญิงสาวเดินเข้าบ้านจนลับสายตาเสร็จเรียบร้อย กู้ ลี่เฉินก็ก้มดูปลาสเตอร์ที่แขนขวาของตนเอง“อี้หราน…” พึมพำชื่อของคนที่เพิ่งลงจากรถไป ก่อนประทับจุมพิตลงไปอย่างอ่อนโยนที่เปี่ยมไปความรู้สึกรักใคร่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะหลงใหลในตัวใครได้ถึงเพียงนี้ลี่เฉินเพียงอยากทะนุถนอมบาดแผลที่เธอทิ้งไว้ให้เท่านั้น“คุณจะรักผมบ้างได้ไหม?” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเรื่องผู้หญิงเคย
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของทั้งสองคน เหล่าพนักงานจึงได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวายผ่านไปราวสิบนาที อี้ จิ่นหลีถึงได้วางโทรศัพท์ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “ประชุมต่อ!”พนักงานรีบดำเนินการประชุมต่ออย่างหวาด ๆ โดยระมัดระวังคำพูดและน้ำเสียง ด้วยเกรงจะสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ เกา ฉงหมิงมองสีหน้าหม่นหมองของเจ้านายแล้วลอบคำรามอยู่ในใจ เขาเห็นสิ่งเดียวกับที่นายน้อยอี้เห็นทางโทรศัพท์ ภาพที่เห็นนั้นทำเอาฉงหมิงกลัวยิ่งกว่า‘ทำไมไอ้สองคนนั้นถึงได้ส่งรูปกู้ ลี่เฉินตอนอยู่กับคุณหลิงมา? ไม่รู้หรือไงว่านายน้อยไม่ชอบเนี่ย?’ถ้าอยากส่งรูปนักก็ควรจะส่งรูปดี ๆ มาสิ โธ่!ไม่เห็นจะต้องส่งภาพที่กู้ ลี่เฉินกับหลิง อี้หรานทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันมาเลย โดยเฉพาะรูปที่อี้หรานจับมือของลี่เฉินขึ้นมาเพื่อทำแผลให้รูปนั้นอีกแถมไอ้พวกนั้นยังถ่ายรูปมาเสียสวยงามเลยด้วย จับช็อตที่สองชายหญิงสบตากันได้พอดี อย่างกับภาพจากในละครอย่างไรอย่างนั้น!เกา ฉงหมิงได้แต่คิดในใจว่าคราวหน้าจะต้องส่งพวกทักษะถ่ายรูปต่ำ ๆ ไปคอยตามติดอี้หรานแทน ส่วนตอนนี้ เขาได้แต่ภาวนาว่านายน้อยอี้จะไม่อารมณ์บูดไปเสียก่อนไม่อย่างน
โจว เชียนหยุนกำลังง่วนกับการขายอาหารอยู่พอดี เมื่อเธอเห็นอี้หรานก็ร้องทักอย่างอบอุ่น “ลมอะไรหอบเธอมาวันนี้จ๊ะ?”อี้หรานพูด “เย็นนี้ฉันว่าง เลยแวะมาหาพี่สักหน่อย ยังมีคนมาหาเรื่องพี่อยู่หรือเปล่า?”สีหน้าของเชียนหยุนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่อี้หรานจะสังเกตเห็นได้ จึงรีบถามต่อทันที “มีใช่ไหม?”“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะแวะมาตรวจตราให้สักสองสามวัน แต่ว่า…”ก่อนที่เชียนหยุนจะพูดจบ กลุ่มคนท่าทางอันธพาลก็ปรากฏตัวขึ้น ทำเอาลูกค้าในร้านแตกกระเจิง คนพวกนั้นสั่งเมนูที่ถูกที่สุดของร้าน และยึดเอาที่นั่งไปหมดโจว เชียนหยุนมีโต๊ะพับแค่เพียงสี่ตัว ดังนั้นคนจำนวนเท่านั้นจึงสามารถแบ่งแยกกันนั่งได้จนครบทุกโต๊ะหากมีลูกค้าคนอื่นอยากขอนั่งร่วมโต๊ะ ก็จะถูกไล่ตะเพิดเสียงดัง!อี้หรานขมวดคิ้ว “นี่คือ… พวกที่มาก่อกวนพี่เหรอ?”โจว เชียนหยุนยิ้มแหยก่อนตอบ “ใช่ ฉันขายให้ลูกค้าคนอื่นได้เฉพาะคนที่สั่งแบบกลับบ้าน ส่วนตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีวิธีจัดการจริง ๆ ฉันคงย้ายที่ตั้งร้านใหม่”‘ดูเหมือนการลากคอสามคนนั้นไปหาตำรวจจะเป็นเพียงความโล่งใจชั่วคราวเท่านั
กู้ ลี่เฉินไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอี้หรานจะมาพบตน ด้วยท่าทีเหินห่างของอี้หรานที่มีให้เขามาตลอดชายหนุ่มนึกประหลาดใจว่าอีกฝ่ายมาด้วยสาเหตุอะไร“คุณอยากไปงานการกุศลคืนนี้?” เขาถาม“ใช่ค่ะ ฉันไปได้ไหม?” อี้หรานเอ่ยอย่างกระตือรือร้นเขาตอบกลับ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ? แต่ตอบมาก่อนว่าทำไมอยู่ดี ๆ คุณถึงอยากไป คงไม่ได้ไปตามติ่งใครใช่ไหม?”งานเลี้ยงนี้มีคนดังเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ย่อมดึงดูดเหล่าแฟนคลับไม่น้อยแต่ถึงเธอจะอยากไปเจอคนดังคนไหนก็ตาม เขาก็ยินดีช่วยคนในวงการบันเทิงล้วนเกรงใจเขาอยู่แล้ว“ฉันอยากเจอเย่ เหวินหมิงกับคง จื่ออิน ฉันได้ยินว่าพวกเขาจะมางานนี้ด้วย” อี้หรานบอก“ไปหาสองคนนั้น?” ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววงุนงง “สองคนนั้นจะมาร่วมงานครับ แต่ว่าคุณ…”“พอดีเป็นเหตุผลส่วนตัวค่ะ คือมันเกี่ยวกับเพื่อนของฉัน” อี้หรานตอบสั้น ๆ “ได้สิ เดี๋ยวผมจัดการให้ เวลาเรากระชั้นไปหน่อยแต่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร!” ลี่เฉินบอกอี้หรานงงไปพักหนึ่ง ‘อะไรคือเวลากระชั้นไปหน่อย?’ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวจึงเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดว่าเวลากระชั้น ลี่เฉินสั่งให้คนขับรถตู้คันเล็กมาจอด แล้วให้แซม สไตลิสต์
“เธอปฏิเสธลี่เฉินเหรอ?” แซมหันไปถามอี้หรานด้วยความประหลาดใจอี้หรานทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ยิ่งกว่านั้น ลี่เฉินนั่งอยู่ต่อหน้าเธอนี่เองแซมยังไม่หยุดละเลงเครื่องสำอางบนใบหน้าหวานขณะที่หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก “เธอกล้ามากนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นผู้หญิงกล้าปฏิเสธลี่เฉิน”“นายดูพอใจที่ฉันโดนเทนะ?” ลี่เฉินเหลือบตามาทางแซม“ก็ฉันไม่เคยเห็นนี่ นี่มันเรื่องใหม่เลยนะเนี่ย” แซมยกยิ้ม ปากคุยไปด้วยโดยไม่ได้หยุดมือ เมื่อรถมาจอดที่ทางเข้างานเลี้ยง ทั้งหน้าและผมของอี้หรานก็เสร็จเรียบร้อยพอดี!“ฉันไม่ได้เตรียมชุดมาให้ เห็นนายบอกว่ามีชุดแล้ว” แซมหันไปมองลี่เฉินชายหนุ่มส่งชุดราตรีที่อยู่ในถุงคลุมเสื้อผ้าให้แก่อี้หราน “ชุดอยู่ในถุง ขนาดน่าจะพอดีกับคุณ คุณเปลี่ยนชุดบนรถได้เลย เดี๋ยวพวกผมลงไปก่อน!”พูดจบก็หันไปสั่งให้ทุกคนออกจากรถ ยกเว้นหลิง อี้หรานหญิงสาวเปิดถุงออก มีชุดราตรียาวอยู่ด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาม่านตาหญิงสาวสั่นริก รู้สึกแสบตาเล็กน้อยสิ่งนี้คือ… ชุดราตรีสีม่วงที่กระโปรงปักเป็นลวดลายผีเสื้อและดอกไม้อย่างงดงาม ชุดนี้เหมือนกับชุดที่เขาเคยเล่าให้เธอฟัง… สมัยที่พวกเขายังเด็กเขาบอกว่า
ลี่เฉินอ่อนโยนเหมือนกลัวว่าถ้ากอดแน่นขึ้นอีกนิดแล้วจะทำให้คนในอ้อมกอดแหลกสลายไป“ขอโทษที…” เสียงกระซิบจากชายหนุ่มดังอยู่ข้างหู “อี้หราน ผมขอ…อยู่อย่างนี้สักพักได้ไหม?” เขาพูดอุบอิบ น้ำเสียงปนสะอื้นน้อย ๆ ราวกับกำลังเอ่ยปากขอร้องในตอนนี้ ลี่เฉินแทบจะเหมือนคนสิ้นท่าเขาคือเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงที่สูงส่งและมีอิทธิพลในวงการมากมาย จะมีตอนไหนบ้างที่เขาต้องมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้?หลิง อี้หรานรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในใจ หญิงสาวไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเท่านั้นเขากอดเธออย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังโอบกอดภาพฝันอันสวยงาม ทั้งสองใกล้กันจนอี้หรานได้กลิ่นจาง ๆ จากชายหนุ่ม แล้วยังสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายผ่านไปครู่ใหญ่ ลี่เฉินก็ผละออกชายหนุ่มเอ่ยขอโทษอีกครั้ง “ขอโทษที ผมหุนหันไปหน่อย… ที่ทำไปเมื่อกี้ แล้วก็ดันสับสนว่าคุณเป็น…ใครอีกคน”“ไม่เป็นไรค่ะ” อี้หรานตอบ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร“ผมจะไม่ทำอีก” ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มจ้องมองมาพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น “ผมจะไม่สับสนระหว่างคุณกับใครอีก คุณคือหลิง อี้หราน อี้หรานที่มีเพียงแค่คนเดียวบนโลก”‘แ
“ฉันเอง… ฮี่ ๆ ได้ยินมาว่ามีคนดังมางานเยอะมาก ฉันเลยขอให้ทิงซินพาฉันมาด้วย” ชิน เหลียนอีหัวเราะแห้ง ๆ นึกเขินอายขึ้นมาเมื่อบอกเพื่อนสนิทว่าเธอ ‘ขอ’ แฟนหนุ่ม ที่ต้องแลกมาด้วยการทั้งหอมทั้งจุ๊บ ก่อนที่ทิงซินจะยอมอนุมัติหลังจากผ่านค่ำคืนแสนสุขไปด้วยกันแน่นอนว่าไป๋ ทิงซินยื่นเงื่อนไขให้เธอก่อนมางาน เธอไม่ได้รับอนุญาตให้กรี๊ดตอนเจอเหล่าหนุ่มคนดัง ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปขอลายเซ็น รวมถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปขอถ่ายรูปคู่ด้วยเหลียนอีตอบตกลงอย่างลังเล แต่คิดว่าแค่ได้เห็นก็ดีพอแล้วอย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คาดว่าจะมาเจอเพื่อนสนิทที่นี่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับ… เหลียนอีมองกู้ ลี่เฉินอย่างพิจารณาเธอจำเขาได้ทันทีเนื่องจากเป็นแฟนตัวยง!เจ้าชายแห่งวงการมายา! ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังดาวรุ่งชื่อดังมากมาย! ว่ากันว่าถ้าเขาเป็นป๋าดันให้ แม้แต่หมูก็กลายเป็นดาราดังได้!“อี้หราน เธอมาทำอะไรที่นี่? เธอกับ-”“ฉันอยากมาเจอคนบางคน ก็เลยขอให้คุณกู้พามาด้วย” อี้หรานรีบอธิบาย“เจอคน? ใครกัน?” เหลียนอีถามอย่างใคร่รู้ ‘เท่าที่ฉันรู้ อี้หรานไม่ใช่แฟนคลับใครนี่นา! เธอคงไม่ได้มาเพราะอยากได้ลายเซ็นใครหรอกมั้ง?’