โจว เชียนหยุนกำลังง่วนกับการขายอาหารอยู่พอดี เมื่อเธอเห็นอี้หรานก็ร้องทักอย่างอบอุ่น “ลมอะไรหอบเธอมาวันนี้จ๊ะ?”อี้หรานพูด “เย็นนี้ฉันว่าง เลยแวะมาหาพี่สักหน่อย ยังมีคนมาหาเรื่องพี่อยู่หรือเปล่า?”สีหน้าของเชียนหยุนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่อี้หรานจะสังเกตเห็นได้ จึงรีบถามต่อทันที “มีใช่ไหม?”“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะแวะมาตรวจตราให้สักสองสามวัน แต่ว่า…”ก่อนที่เชียนหยุนจะพูดจบ กลุ่มคนท่าทางอันธพาลก็ปรากฏตัวขึ้น ทำเอาลูกค้าในร้านแตกกระเจิง คนพวกนั้นสั่งเมนูที่ถูกที่สุดของร้าน และยึดเอาที่นั่งไปหมดโจว เชียนหยุนมีโต๊ะพับแค่เพียงสี่ตัว ดังนั้นคนจำนวนเท่านั้นจึงสามารถแบ่งแยกกันนั่งได้จนครบทุกโต๊ะหากมีลูกค้าคนอื่นอยากขอนั่งร่วมโต๊ะ ก็จะถูกไล่ตะเพิดเสียงดัง!อี้หรานขมวดคิ้ว “นี่คือ… พวกที่มาก่อกวนพี่เหรอ?”โจว เชียนหยุนยิ้มแหยก่อนตอบ “ใช่ ฉันขายให้ลูกค้าคนอื่นได้เฉพาะคนที่สั่งแบบกลับบ้าน ส่วนตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีวิธีจัดการจริง ๆ ฉันคงย้ายที่ตั้งร้านใหม่”‘ดูเหมือนการลากคอสามคนนั้นไปหาตำรวจจะเป็นเพียงความโล่งใจชั่วคราวเท่านั
กู้ ลี่เฉินไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอี้หรานจะมาพบตน ด้วยท่าทีเหินห่างของอี้หรานที่มีให้เขามาตลอดชายหนุ่มนึกประหลาดใจว่าอีกฝ่ายมาด้วยสาเหตุอะไร“คุณอยากไปงานการกุศลคืนนี้?” เขาถาม“ใช่ค่ะ ฉันไปได้ไหม?” อี้หรานเอ่ยอย่างกระตือรือร้นเขาตอบกลับ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ? แต่ตอบมาก่อนว่าทำไมอยู่ดี ๆ คุณถึงอยากไป คงไม่ได้ไปตามติ่งใครใช่ไหม?”งานเลี้ยงนี้มีคนดังเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ย่อมดึงดูดเหล่าแฟนคลับไม่น้อยแต่ถึงเธอจะอยากไปเจอคนดังคนไหนก็ตาม เขาก็ยินดีช่วยคนในวงการบันเทิงล้วนเกรงใจเขาอยู่แล้ว“ฉันอยากเจอเย่ เหวินหมิงกับคง จื่ออิน ฉันได้ยินว่าพวกเขาจะมางานนี้ด้วย” อี้หรานบอก“ไปหาสองคนนั้น?” ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววงุนงง “สองคนนั้นจะมาร่วมงานครับ แต่ว่าคุณ…”“พอดีเป็นเหตุผลส่วนตัวค่ะ คือมันเกี่ยวกับเพื่อนของฉัน” อี้หรานตอบสั้น ๆ “ได้สิ เดี๋ยวผมจัดการให้ เวลาเรากระชั้นไปหน่อยแต่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร!” ลี่เฉินบอกอี้หรานงงไปพักหนึ่ง ‘อะไรคือเวลากระชั้นไปหน่อย?’ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวจึงเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดว่าเวลากระชั้น ลี่เฉินสั่งให้คนขับรถตู้คันเล็กมาจอด แล้วให้แซม สไตลิสต์
“เธอปฏิเสธลี่เฉินเหรอ?” แซมหันไปถามอี้หรานด้วยความประหลาดใจอี้หรานทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ยิ่งกว่านั้น ลี่เฉินนั่งอยู่ต่อหน้าเธอนี่เองแซมยังไม่หยุดละเลงเครื่องสำอางบนใบหน้าหวานขณะที่หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก “เธอกล้ามากนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นผู้หญิงกล้าปฏิเสธลี่เฉิน”“นายดูพอใจที่ฉันโดนเทนะ?” ลี่เฉินเหลือบตามาทางแซม“ก็ฉันไม่เคยเห็นนี่ นี่มันเรื่องใหม่เลยนะเนี่ย” แซมยกยิ้ม ปากคุยไปด้วยโดยไม่ได้หยุดมือ เมื่อรถมาจอดที่ทางเข้างานเลี้ยง ทั้งหน้าและผมของอี้หรานก็เสร็จเรียบร้อยพอดี!“ฉันไม่ได้เตรียมชุดมาให้ เห็นนายบอกว่ามีชุดแล้ว” แซมหันไปมองลี่เฉินชายหนุ่มส่งชุดราตรีที่อยู่ในถุงคลุมเสื้อผ้าให้แก่อี้หราน “ชุดอยู่ในถุง ขนาดน่าจะพอดีกับคุณ คุณเปลี่ยนชุดบนรถได้เลย เดี๋ยวพวกผมลงไปก่อน!”พูดจบก็หันไปสั่งให้ทุกคนออกจากรถ ยกเว้นหลิง อี้หรานหญิงสาวเปิดถุงออก มีชุดราตรียาวอยู่ด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาม่านตาหญิงสาวสั่นริก รู้สึกแสบตาเล็กน้อยสิ่งนี้คือ… ชุดราตรีสีม่วงที่กระโปรงปักเป็นลวดลายผีเสื้อและดอกไม้อย่างงดงาม ชุดนี้เหมือนกับชุดที่เขาเคยเล่าให้เธอฟัง… สมัยที่พวกเขายังเด็กเขาบอกว่า
ลี่เฉินอ่อนโยนเหมือนกลัวว่าถ้ากอดแน่นขึ้นอีกนิดแล้วจะทำให้คนในอ้อมกอดแหลกสลายไป“ขอโทษที…” เสียงกระซิบจากชายหนุ่มดังอยู่ข้างหู “อี้หราน ผมขอ…อยู่อย่างนี้สักพักได้ไหม?” เขาพูดอุบอิบ น้ำเสียงปนสะอื้นน้อย ๆ ราวกับกำลังเอ่ยปากขอร้องในตอนนี้ ลี่เฉินแทบจะเหมือนคนสิ้นท่าเขาคือเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงที่สูงส่งและมีอิทธิพลในวงการมากมาย จะมีตอนไหนบ้างที่เขาต้องมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้?หลิง อี้หรานรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในใจ หญิงสาวไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเท่านั้นเขากอดเธออย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังโอบกอดภาพฝันอันสวยงาม ทั้งสองใกล้กันจนอี้หรานได้กลิ่นจาง ๆ จากชายหนุ่ม แล้วยังสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายผ่านไปครู่ใหญ่ ลี่เฉินก็ผละออกชายหนุ่มเอ่ยขอโทษอีกครั้ง “ขอโทษที ผมหุนหันไปหน่อย… ที่ทำไปเมื่อกี้ แล้วก็ดันสับสนว่าคุณเป็น…ใครอีกคน”“ไม่เป็นไรค่ะ” อี้หรานตอบ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร“ผมจะไม่ทำอีก” ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มจ้องมองมาพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น “ผมจะไม่สับสนระหว่างคุณกับใครอีก คุณคือหลิง อี้หราน อี้หรานที่มีเพียงแค่คนเดียวบนโลก”‘แ
“ฉันเอง… ฮี่ ๆ ได้ยินมาว่ามีคนดังมางานเยอะมาก ฉันเลยขอให้ทิงซินพาฉันมาด้วย” ชิน เหลียนอีหัวเราะแห้ง ๆ นึกเขินอายขึ้นมาเมื่อบอกเพื่อนสนิทว่าเธอ ‘ขอ’ แฟนหนุ่ม ที่ต้องแลกมาด้วยการทั้งหอมทั้งจุ๊บ ก่อนที่ทิงซินจะยอมอนุมัติหลังจากผ่านค่ำคืนแสนสุขไปด้วยกันแน่นอนว่าไป๋ ทิงซินยื่นเงื่อนไขให้เธอก่อนมางาน เธอไม่ได้รับอนุญาตให้กรี๊ดตอนเจอเหล่าหนุ่มคนดัง ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปขอลายเซ็น รวมถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปขอถ่ายรูปคู่ด้วยเหลียนอีตอบตกลงอย่างลังเล แต่คิดว่าแค่ได้เห็นก็ดีพอแล้วอย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คาดว่าจะมาเจอเพื่อนสนิทที่นี่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับ… เหลียนอีมองกู้ ลี่เฉินอย่างพิจารณาเธอจำเขาได้ทันทีเนื่องจากเป็นแฟนตัวยง!เจ้าชายแห่งวงการมายา! ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังดาวรุ่งชื่อดังมากมาย! ว่ากันว่าถ้าเขาเป็นป๋าดันให้ แม้แต่หมูก็กลายเป็นดาราดังได้!“อี้หราน เธอมาทำอะไรที่นี่? เธอกับ-”“ฉันอยากมาเจอคนบางคน ก็เลยขอให้คุณกู้พามาด้วย” อี้หรานรีบอธิบาย“เจอคน? ใครกัน?” เหลียนอีถามอย่างใคร่รู้ ‘เท่าที่ฉันรู้ อี้หรานไม่ใช่แฟนคลับใครนี่นา! เธอคงไม่ได้มาเพราะอยากได้ลายเซ็นใครหรอกมั้ง?’
วงไอดอลชายส่วนมากมักจะมาจากบริษัทกู้กรุ๊ปชิน เหลียนอีพร่ำบอกทิงซินอยู่ตลอดว่า เขาคือผู้ชายที่หล่อและหน้าตาดีที่สุด และเธอก็ชอบเขาจนแทบบ้า แต่ถึงอย่างนั้นแฟนสาวของเขาก็ยังเอาแต่ดูวิดีโอนักร้องพวกนั้นอยู่เรื่อย ๆ ส่วนเขาเองได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหึงหวงหากทิงซินพยายามจะเอามือถือของเหลียนอีไปซ่อน หญิงสาวจะรีบทำหน้าตาน่าสงสารพร้อมทั้งบอกว่า นี่เป็นเพียงงานอดิเรกเดียวที่เธอชอบ และเมื่อเขาได้ฟังคำพูดของเธอ เขาก็เกิดรู้สึกละอายใจขึ้นมาที่ใช้วิธีบังคับเธอแบบนี้ไป๋ ทิงซินโดนชิน เหลียนอีปั่นหัวเล่นจนละเอียด!“ไม่คิดเลยว่าคุณจะสนใจอะไรแบบนี้ด้วยนะครับ ประธานไป๋” กู้ ลี่เฉินเอ่ยมุมปากของไป๋ ทิงซินกระตุก “ผมแค่เห็นว่ามีวงนักร้องชายอยู่มาก แต่พวกเขาดูคล้ายกันไปหมด ผมว่าบริษัทคุณน่าจะลองทำวงผู้หญิงดูบ้างนะครับ”ชิน เหลียนอีไม่ได้ชอบผู้หญิง ดังนั้นต่อให้กู้กรุ๊ปทำเกิร์ลกรุ๊ปก็ไม่เป็นไรกู้ ลี่เฉินเลิกคิ้ว แลดูประหลาดใจที่ได้ยินอะไรแบบนี้จากปากไป๋ ทิงซิน“คุณดูสนใจธุรกิจบันเทิงนะครับประธานไป๋ ชอบดูวงนักร้องหญิงหรือเปล่าครับ?”ก่อนที่ไป๋ ทิงซินจะทันได้ตอบ เสียงของเหลียนอีก็ดังแทร
การแต่งหน้าอ่อน ๆ เช่นนี้รวมกับชุดราตรียาวที่สวมใส่ ช่วยกันขับให้อี้หรานดูสวยราวกับเป็นดาวเด่นของเมืองในขณะที่หวา ลี่ฟางกลับต้องพยายามแต่งหน้าแต่งตัวอย่างหนัก เธอมีช่างแต่งหน้าฝีมือดีคอยช่วยแปลงโฉม แต่ลี่ฟางก็ยังคงถูกค่อนขอดเป็นประจำเรื่องที่มีพื้นหลังเป็นหญิงชนบท แม้แต่เงินก็ดูเหมือนจะช่วยปิดกลิ่นโคลนสาบควายได้ไม่มิด!‘ทำไมมันถึงดูต่างกันขนาดนี้? ตอนเด็ก ๆ พวกเราเคยหน้าคล้ายกัน จนบางครั้งคนเข้าใจว่าเราสองคนเป็นฝาแฝด! ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ฉันคงเอารูปตัวเองตอนเด็ก ๆ มาหลอกกู้ ลี่เฉินไม่ได้!’‘แต่ยิ่งโตขึ้น ฉันก็ยิ่งเหมือนอี้หรานน้อยลงเรื่อย ๆ ! อี้หรานสวยสะพรั่งขึ้น ในขณะที่ฉันก็หน้าจืดลงทุกวัน ตาฉันไม่ได้โตแบบนั้น สันจมูกไม่ได้เรียวสวย แม้แต่ผิวฉันก็ไม่ละเอียดเท่าของเธอ!’ความเกลียดชังค่อย ๆ เติบโตขึ้นในความคิดของหวา ลี่ฟาง“ฉันมาที่นี่กับเขาไม่ได้เหรอ?” อี้หรานนึกขำแล้วย้อนถามลี่ฟางอีกฝ่ายทำราวกับว่าถูกเธอขโมยของมีค่าไป ราวกับว่าหลิง อี้หรานคือหัวขโมยแต่ใครกันแน่ที่เป็นหัวขโมยตัวจริง?คนบางคนอาจอ้างได้ว่าสิ่งที่พวกเขาขโมยมาได้ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นของตนเมื่อนานมาแล้ว!หวา ล
หวา ลี่ฟางมองดูภาพที่กู้ ลี่เฉินมองตามแผ่นหลังของหลิง อี้หรานอย่างนึกอิจฉา “อยากรู้นักว่าตอนนี้ความสัมพันธ์อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีคืออะไร? ได้ข่าวว่าสองคนนั้นยังติดต่อกันอยู่ถึงจะเลิกกันไปแล้ว”ประโยคหลังลี่ฟางจงใจใส่สีลงไปเอง หวังให้กู้ ลี่เฉินมองอี้หรานเปลี่ยนไปทว่า เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด กู้ ลี่เฉินกลับหันมาใช้สายตาเย็นชาทิ่มแทงเธอหวา ลี่ฟางสั่นสะท้าน รู้สึกถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง “ลี่ฟาง คุณน่าจะรู้นะว่าผมรักอี้หราน ขอทีอย่าพูดจาแย่ ๆ ถึงอี้หรานให้ผมได้ยินอีก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นลี่ฟางอ้ำอึ้ง “ฉัน… เปล่านะ ฉันแค่-”“คุณแค่อะไร?” ดวงตาคมกริบคู่นั้นไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ รวมถึงน้ำเสียงเย็นชาที่เขาใช้ ทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูกดดันหวา ลี่ฟางสะดุ้งเล็กน้อย นับตั้งแต่ตัวเธอสวมรอยเป็นอี้หราน กู้ ลี่เฉินก็เปลี่ยนมาปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพและอ่อนโยน เขายอมอดกลั้นไว้เสมอยามที่เธอทำอะไรพลาดไปทว่าตอนนี้ เขาช่างเย็นชายิ่งนัก!ทันใดนั้นลี่ฟางก็นึกถึงคอมเมนท์หนึ่งที่พูดเกี่ยวกับลี่เฉิน ที่เธอบังเอิญอ่านเจอบนโลกออนไลน์‘เฉยเมย, ใจดำ, กักขฬะ… บางทีนี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของล