หลิง อี้หรานตรงเข้าไปทักทายเย่ เหวินหมิงและคง จื่ออิน “สวัสดีค่ะ คุณเย่ คุณคง!”“เธอนี่เอง” เย่ เหวินหมิงมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อนหลายครั้ง และจำได้แม่นว่านี่คือผู้หญิงของอี้ จิ่นหลี!ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นคนพาหยันน้อยมาด้วยในคราวก่อน หรือจะพูดให้ถูกคือ ผู้หญิงคนนี้รู้จักกับโจว เชียนหยุนโจว เชียนหยุนแวบเข้ามาในความคิดของเย่ เหวินหมิงทันที“ฉันหลิง อี้หราน เป็นทนายของคุณโจว เชียนหยุนในคดีสิทธิ์เลี้ยงดูค่ะ” อี้หรานแนะนำตัวหลังจากที่เอ่ยชื่อของโจว เชียนหยุน สีหน้าของคง จื่ออินก็เปลี่ยนไปทันที “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่? โจว เชียนหยุนขอให้คุณมาขอร้องแทนหรือเปล่า? เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดู พวกเราไม่ถอยแน่ อยู่กับเชียนหยุนไปหยันน้อยคงมีชีวิตที่ลำบาก”หลิง อี้หรานมองหน้าคง จื่ออิน จื่ออินไม่ใช่คนประเภทสวยสะดุดตา แต่ก็ยังนับว่าดูดี มีภาพลักษณ์บอบบางทำให้ผู้ชายรู้สึกอยากปกป้อง“เปล่าค่ะ คุณโจวไม่ได้ส่งฉันมาขอร้องหรืออะไรทั้งนั้น แต่ฉันมาเพื่อพบคุณค่ะ คุณคง” อี้หรานพูดขณะจับจ้องไปที่คง จื่ออิน“ฉัน?” จื่ออินชะงักเล็กน้อย “ฉันไม่คิดว่าฉันมีอะไรจะคุยกับคุ
เท่าที่อี้หรานสืบทราบมา เย่ เหวินหมิงเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี เธอจึงหวังว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้อะไร ๆ มันเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่อย่างนั้น เธอคงต้องขอให้ไป๋ ทิงซินช่วยหางานอื่นให้พี่โจวทำเมื่ออี้หรานเดินจากไป เย่ เหวินหมิงรีบหันไปมองคง จื่ออินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “คุณทำแบบนั้นทำไม?”คง จื่ออินหน้าซีด กัดริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด ก่อนเอ่ยตอบ “ฉันแค่… อยากจะช่วยคุณ คุณดูอยากได้สิทธิ์เลี้ยงดูมาก ถ้า… ถ้าเกิดโจว เชียนหยุนมีรายรับไม่เพียงพอ ศาลก็คง… ไม่อนุมัติให้หล่อนได้สิทธิ์เลี้ยงดูไป”เย่ เหวินหมิงเม้นปากแน่น นัยน์ตาดำสนิทจ้องมองคง จื่ออินอย่างเคร่งเครียด คง จื่ออินร้อนตัวอยู่ในใจ รู้สึกราวกับถูกสายตาคู่นั้นจ้องมองอย่างทะลุปรุโปร่ง ความจริงแล้วเธอไม่ได้ส่งคนไปก่อกวนโจว เชียนหยุนเพราะเรื่องคดีความสิทธิ์เลี้ยงดูหยันน้อย แต่เพราะเธอต้องการระบายความแค้นส่วนตัวย้อนกลับไปตอนนั้น เย่ เหวินหมิงหนีออกไปจากงานเลี้ยงเพราะโจว เชียนหยุนและไอ้เด็กผีนั่น ทั้งที่กำลังจะถึงช่วงประกาศวันที่จัดงานแต่งงานของเขาและจื่ออิน จนทำให้เธอต้องกลายเป็นตัวตลกของสังคม! “อย่ามาล้ำเส้นผมอีก แล้วก็เลิกยุ่งกับ
หลิง อี้หรานรู้จักเพื่อนสนิทของตัวเองดี ว่าถึงเหลียนอีจะเป็นแฟนเกิร์ลตัวยง แต่เธอแค่ชื่นชมคนดังที่เธอชอบเท่านั้น ไป๋ ทิงซินคือคนเดียวที่เหลียนอีรักทิงซินเองก็คงรักเหลียนอีมากเช่นกัน ถึงได้ยอมอดทนเพื่อพาเหลียนอีมาที่นี่อี้หรานนึกดีใจกับเพื่อนสนิท เหลียนอีโชคดีที่ได้เจอกับคนใจกว้าง และหวังว่าเพื่อนสนิทจะมีความสุขแบบนี้ต่อไปเมื่อเห็นว่าเหลียนอีคุยกับคนดังเสร็จเรียบร้อย อี้หรานจึงตรงเข้าไปหา “ฉันจะกลับแล้ว เลยแวะมาบอกลาเธอสักหน่อย”“จะกลับแล้วเหรอ? ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยก่อนล่ะ? คนเราไม่ได้เดินกระทบไหล่คนดังได้ทุกวันแบบนี้นะ” ชิน เหลียนอีตอบ“เธออยู่เลย ฉันไม่ได้ชอบพวก เอ่อ… ดารา ขนาดนั้น” อี้หรานบอกเหลียนอีเห็นด้วย จึงไม่ได้รั้งเพื่อนสนิท กลับพูดเพียงแค่ “เธอเจอคง จื่ออินกับเย่ เหวินหมิงแล้วใช่ไหม?”“เจอแล้ว แล้วก็คุยด้วยเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ไว้เรารอดูว่า หลังจากนี้จะมีใครมากวนอะไรพี่โจวอีกหรือเปล่า” อี้หรานบอกไป จากนั้นจึงลดเสียงเป็นการกระซิบแทน “เธอเป็นติ่งแล้วก็อย่าลืมนึกถึงความรู้สึกแฟนตัวเองด้วยนะจ๊ะ”“ใจเย็นน่า ทิงซินใจกว้างจะตาย” เหลียนอีพูดอย่างมั่นใจ'ใจกว้าง?’
อี้หรานชะงักงัน กระทั่งเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่ เธอจึงเอ่ยเสียงงึมงำ “ฉันไม่…”พูดไปได้ไม่กี่คำ ริมฝีปากก็ถูกหยุดไว้ด้วยปลายนิ้วของลี่เฉินปลายนิ้วเย็นเฉียบกดลงมาเบา ๆ บนริมฝีปากของเธอ สายตาคมกริบของชายหนุ่มส่อแววเว้าวอน “ไม่พูดแล้วได้ไหมครับ? อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่ใส่ชุดนี้อยู่”อี้หรานสั่นน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ“เอาล่ะครับ เรากลับบ้านกันเถอะ คุณแต่งตัวแบบนี้ ถ้าเรียกแท็กซี่คงไม่ดีเท่าไหร่” เขาบอกหลิง อี้หรานเอ่ยขอบคุณแล้วเดินออกไปพร้อมลี่เฉินทันทีที่มาถึงบริเวณทางออก ทั้งคู่ก็สังเกตเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ไม่ไกล ท่าทางกำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่ มีสองสามคนในนั้นกำลังพูดผ่านวิทยุสื่อสารดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง!กู้ ลี่เฉินขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”“มีคน… มีคนจัดการพื้นที่ข้างนอก แล้วให้คนเข้ามาล้อมที่นี่เต็มไปหมดครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบกู้ ลี่เฉินนิ่งไป งานเลี้ยงการกุศลถูกจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างตระกูลกู้กับบริษัทใหญ่อื่น ๆ ในเมืองเฉินหากมีคนคิดจะก่อเรื่อง การกระทำแบบนี้ก็เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรู!คนที่กล้าทำแบบนี้ในเมือง
สายตาที่อี้ จิ่นหลีใช้มองมาทำให้อี้หรานรับรู้ได้ถึงความอันตราย จนเธอ…อยากจะหนีไป!เธออยากหนีไปให้ไกลจนกว่าจะลับสายตาของเขา!ทันใดนั้น ฝ่ามือของเธอก็ถูกคว้าไปจับไว้ “คุณกลัวหรือเปล่า?”หลิง อี้หรานได้สติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน พบว่าเป็นลี่เฉินนั่นเองที่จับมือเธอ มือที่จับกันอยู่สั่นเล็กน้อยไม่สิ ความจริงแล้วมือที่สั่นคือมือของเธอต่างหาก!‘ฉันกลัวเหรอ? ฉันกลัวอี้ จิ่นหลี?’“ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เสียงของกู้ ลี่เฉินดังขึ้นใกล้หูอี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่มือจะค่อย ๆ หายสั่นหญิงสาวมองไปยังอี้ จิ่นหลีที่กำลังตรงมาทางนี้ ดวงตาจับจ้องมาที่เธอโดยไม่ลดละ ไม่ยอมคลาดสายตาแม้วินาทีเดียว ราวกับจะสื่อให้รู้ว่าเขามาที่นี่ก็เพราะเธอ!‘ไม่มีทาง!’หลิง อี้หรานเข้าใจว่า ตัวเองคงคิดมากไป ต่อให้อี้ จิ่นหลีจะมาตามหาเธอจริง ๆ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำให้มันวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น… เธอเคยพูดกับจิ่นหลีไปชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีวันกลับไปหาเขาอีก!ร่างสูงของจิ่นหลีตรงมาหาอี้หราน แววตาของชายหนุ่มส่อประกายเย็นชา ทว่ายังคงความเป็นกันเอง ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็กน้อย“ไม่ยักรู้ว
คนที่ยืนอยู่โดยรอบไม่มีใครกล้าขยับตัว ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งจะหายใจชายหนุ่มทั้งสองคนถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเฉิน แน่นอนว่าทั้งคู่อาจกลายเป็นเหมือนระเบิดเคลื่อนที่ได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป“แล้วไง?” อี้ จิ่นหลีถามเสียงเย็นหลิง อี้หรานมองอี้ จิ่นหลี โดยที่ยังจับมือของกู้ ลี่เฉินไว้อยู่ “คุณเป็นอะไรไหมคะ? เจ็บหรือเปล่า? ในงานเลี้ยงมีหมอบ้างไหม?”เธอเข้าใจว่าในงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้ย่อมต้องมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาคอยช่วยดูแล เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน“ผมไม่เป็นไรมาก แค่มือหัก” กู้ ลี่เฉินบอก รู้สึกเหมือนผ่านมาหลายปีมากแล้วที่ไม่ได้เจ็บปวดจากอาการกระดูกหักแบบนี้แต่เพราะความเจ็บในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่อี้หรานเคยเผชิญตอนที่ถูกหักนิ้ว‘เธอเคยผ่านอะไรมามากมายขนาดไหนกัน? สิ่งที่เธอเจอมาคงเจ็บยิ่งกว่าฉันตอนนี้เป็นสิบหรือร้อยเท่า!’ใบหน้าของอี้หรานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอรู้ดีว่า ต้นเหตุที่ทำให้ลี่เฉินต้องโชคร้ายแบบนี้ก็คือเธอ“จะไม่เป็นไรได้ยังไงคะ! ถ้าคุณไม่รีบรักษา เดี๋ยวมันก็…”ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจนจบประโยค แรงกระชากจากด้านหลังก็ดึงเธอเ
ดวงตาคมกริบจับจ้องยานพาหนะที่เคลื่อนไปจนลับสายตา ใบหน้าหล่อเหลาของกู้ ลี่เฉินเต็มไปด้วยความวิตกและหมองหม่น ‘อี้ จิ่นหลีคงกำลังจะบอกให้รู้ว่าเขาต้องได้ตัวทุกคนที่เขาต้องการ?’หลิง อี้หรานที่ถูกจับยัดไว้ที่เบาะหลังค่อย ๆ ดันกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถาม “อี้ จิ่นหลี คุณต้องการอะไร?”“ผมต้องการอะไร?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกันยิ้มเยาะ ก่อนจ้องมาที่หญิงสาวด้วยดวงตาทรงเสน่ห์ แววตาของจิ่นหลีเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังปะปนกันจนอี้หรานรู้สึกไม่ปลอดภัย หญิงสาวตัวสั่นน้อย ๆ ก่อนที่จิ่นหลีจะโน้มตัวมาใช้สองแขนกักขังเธอไว้ในวินาทีต่อมากระจกกั้นค่อย ๆ ถูกเลื่อนขึ้นมาบังระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง แบ่งแยกพื้นที่ภายในรถโดยสมบูรณ์ ด้านหลังของตัวรถที่ออกจะกว้างกว่าปกติ กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปทันทีสายตาของอี้หรานส่อแววตื่นตระหนกใบหน้าของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ “กู้ ลี่เฉินมันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ดีมากจนพี่แทบทนไม่ไหวที่จะใส่ชุดที่มันเตรียมให้ แล้วยังทนไม่ไหวที่จะได้กอดมันอีกเหรอ?”ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววริษยาโดยไม่ปิดบังใช่ เขาริษยา อิจฉาจนแทบบ้า! เขาไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้มาก่อน
หลิง อี้หรานจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เมื่อจูบดุเดือดสิ้นสุดลง เธอก็หอบหายใจราวกับปลาขาดน้ำปอยผมของหญิงสาวยุ่งไม่เป็นทรง พวงแก้มแดงเรื่อ ดวงตากลมรีจ้องมองมาที่จิ่นหลี ในที่สุดความเยือกเย็นที่อี้หรานมีก็ต้องสลายไป ภาพของอี้ จิ่นหลีกลับมาสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้นอีกครั้งแม้จะเห็นความโกรธได้จากดวงตาคู่นั้น ทว่าอี้ จิ่นหลีก็ยังรู้สึกหลงใหลมันเขายกมือขึ้น แล้วลูบผมเธออย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของจิ่นหลีเลื่อนมากระซิบข้างใบหูของอี้หรานด้วยเสียงแหบต่ำ “ลืมเรื่องที่เธอชอบลี่เฉินไปซะ…”‘ใช่ เพราะว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอชอบหมอนั่น เธอรักฉันได้คนเดียวเท่านั้น!’ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านทั่วแผ่นหลังของอี้หราน “ฉันจะชอบใครมันก็เรื่องของฉัน…”ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ จิ่นหลีก็ประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กลืนถ้อยคำเหล่านั้นไปจนหมด……หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก ทางฟากงานเลี้ยงเองก็เกิดความโกลาหลขึ้นเช่นกันชิน เหลียนอีอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้รับรู้ว่าอี้ จิ่นหลีเข้ามายึดพื้นที่ด้านนอกและปะทะกับกู้ ลี่เฉิน ‘อี้ จิ่นหลี? ถ้าเขามางานก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมต้องมายึดพื้นที่ด้วย? หรือจะเป็
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค