สายตาที่อี้ จิ่นหลีใช้มองมาทำให้อี้หรานรับรู้ได้ถึงความอันตราย จนเธอ…อยากจะหนีไป!เธออยากหนีไปให้ไกลจนกว่าจะลับสายตาของเขา!ทันใดนั้น ฝ่ามือของเธอก็ถูกคว้าไปจับไว้ “คุณกลัวหรือเปล่า?”หลิง อี้หรานได้สติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน พบว่าเป็นลี่เฉินนั่นเองที่จับมือเธอ มือที่จับกันอยู่สั่นเล็กน้อยไม่สิ ความจริงแล้วมือที่สั่นคือมือของเธอต่างหาก!‘ฉันกลัวเหรอ? ฉันกลัวอี้ จิ่นหลี?’“ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เสียงของกู้ ลี่เฉินดังขึ้นใกล้หูอี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่มือจะค่อย ๆ หายสั่นหญิงสาวมองไปยังอี้ จิ่นหลีที่กำลังตรงมาทางนี้ ดวงตาจับจ้องมาที่เธอโดยไม่ลดละ ไม่ยอมคลาดสายตาแม้วินาทีเดียว ราวกับจะสื่อให้รู้ว่าเขามาที่นี่ก็เพราะเธอ!‘ไม่มีทาง!’หลิง อี้หรานเข้าใจว่า ตัวเองคงคิดมากไป ต่อให้อี้ จิ่นหลีจะมาตามหาเธอจริง ๆ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำให้มันวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น… เธอเคยพูดกับจิ่นหลีไปชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีวันกลับไปหาเขาอีก!ร่างสูงของจิ่นหลีตรงมาหาอี้หราน แววตาของชายหนุ่มส่อประกายเย็นชา ทว่ายังคงความเป็นกันเอง ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็กน้อย“ไม่ยักรู้ว
คนที่ยืนอยู่โดยรอบไม่มีใครกล้าขยับตัว ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งจะหายใจชายหนุ่มทั้งสองคนถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเฉิน แน่นอนว่าทั้งคู่อาจกลายเป็นเหมือนระเบิดเคลื่อนที่ได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป“แล้วไง?” อี้ จิ่นหลีถามเสียงเย็นหลิง อี้หรานมองอี้ จิ่นหลี โดยที่ยังจับมือของกู้ ลี่เฉินไว้อยู่ “คุณเป็นอะไรไหมคะ? เจ็บหรือเปล่า? ในงานเลี้ยงมีหมอบ้างไหม?”เธอเข้าใจว่าในงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้ย่อมต้องมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาคอยช่วยดูแล เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน“ผมไม่เป็นไรมาก แค่มือหัก” กู้ ลี่เฉินบอก รู้สึกเหมือนผ่านมาหลายปีมากแล้วที่ไม่ได้เจ็บปวดจากอาการกระดูกหักแบบนี้แต่เพราะความเจ็บในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่อี้หรานเคยเผชิญตอนที่ถูกหักนิ้ว‘เธอเคยผ่านอะไรมามากมายขนาดไหนกัน? สิ่งที่เธอเจอมาคงเจ็บยิ่งกว่าฉันตอนนี้เป็นสิบหรือร้อยเท่า!’ใบหน้าของอี้หรานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอรู้ดีว่า ต้นเหตุที่ทำให้ลี่เฉินต้องโชคร้ายแบบนี้ก็คือเธอ“จะไม่เป็นไรได้ยังไงคะ! ถ้าคุณไม่รีบรักษา เดี๋ยวมันก็…”ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจนจบประโยค แรงกระชากจากด้านหลังก็ดึงเธอเ
ดวงตาคมกริบจับจ้องยานพาหนะที่เคลื่อนไปจนลับสายตา ใบหน้าหล่อเหลาของกู้ ลี่เฉินเต็มไปด้วยความวิตกและหมองหม่น ‘อี้ จิ่นหลีคงกำลังจะบอกให้รู้ว่าเขาต้องได้ตัวทุกคนที่เขาต้องการ?’หลิง อี้หรานที่ถูกจับยัดไว้ที่เบาะหลังค่อย ๆ ดันกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถาม “อี้ จิ่นหลี คุณต้องการอะไร?”“ผมต้องการอะไร?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกันยิ้มเยาะ ก่อนจ้องมาที่หญิงสาวด้วยดวงตาทรงเสน่ห์ แววตาของจิ่นหลีเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังปะปนกันจนอี้หรานรู้สึกไม่ปลอดภัย หญิงสาวตัวสั่นน้อย ๆ ก่อนที่จิ่นหลีจะโน้มตัวมาใช้สองแขนกักขังเธอไว้ในวินาทีต่อมากระจกกั้นค่อย ๆ ถูกเลื่อนขึ้นมาบังระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง แบ่งแยกพื้นที่ภายในรถโดยสมบูรณ์ ด้านหลังของตัวรถที่ออกจะกว้างกว่าปกติ กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปทันทีสายตาของอี้หรานส่อแววตื่นตระหนกใบหน้าของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ “กู้ ลี่เฉินมันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ดีมากจนพี่แทบทนไม่ไหวที่จะใส่ชุดที่มันเตรียมให้ แล้วยังทนไม่ไหวที่จะได้กอดมันอีกเหรอ?”ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววริษยาโดยไม่ปิดบังใช่ เขาริษยา อิจฉาจนแทบบ้า! เขาไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้มาก่อน
หลิง อี้หรานจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เมื่อจูบดุเดือดสิ้นสุดลง เธอก็หอบหายใจราวกับปลาขาดน้ำปอยผมของหญิงสาวยุ่งไม่เป็นทรง พวงแก้มแดงเรื่อ ดวงตากลมรีจ้องมองมาที่จิ่นหลี ในที่สุดความเยือกเย็นที่อี้หรานมีก็ต้องสลายไป ภาพของอี้ จิ่นหลีกลับมาสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้นอีกครั้งแม้จะเห็นความโกรธได้จากดวงตาคู่นั้น ทว่าอี้ จิ่นหลีก็ยังรู้สึกหลงใหลมันเขายกมือขึ้น แล้วลูบผมเธออย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของจิ่นหลีเลื่อนมากระซิบข้างใบหูของอี้หรานด้วยเสียงแหบต่ำ “ลืมเรื่องที่เธอชอบลี่เฉินไปซะ…”‘ใช่ เพราะว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอชอบหมอนั่น เธอรักฉันได้คนเดียวเท่านั้น!’ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านทั่วแผ่นหลังของอี้หราน “ฉันจะชอบใครมันก็เรื่องของฉัน…”ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ จิ่นหลีก็ประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กลืนถ้อยคำเหล่านั้นไปจนหมด……หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก ทางฟากงานเลี้ยงเองก็เกิดความโกลาหลขึ้นเช่นกันชิน เหลียนอีอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้รับรู้ว่าอี้ จิ่นหลีเข้ามายึดพื้นที่ด้านนอกและปะทะกับกู้ ลี่เฉิน ‘อี้ จิ่นหลี? ถ้าเขามางานก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมต้องมายึดพื้นที่ด้วย? หรือจะเป็
หวา ลี่ฟางพยายามแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใย “ลี่เฉิน คุณควรไปให้หมอตรวจมือนะคะ มันเจ็บมากหรือเปล่า? ฉันเป็นห่วงเรื่องมือคุณ”“คุณเคยเป็นห่วงเรื่องอี้หรานบ้างไหม?” กู้ ลี่เฉินสวนทันควัน“ฮะ?” ลี่ฟางนิ่งอึ้ง สับสนไปครู่หนึ่ง“คุณเคยห่วงไหมว่าอี้หรานจะเคยบาดเจ็บที่มือยิ่งกว่าผมอีก? คุณเคยห่วงมือเขาบ้างไหม? คุณเอาแต่บอกว่าพวกคุณสนิทกันดี แต่คุณเคยไปเยี่ยมเขาที่เรือนจำบ้างไหม?” ลี่เฉินถามขณะจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเขาตรวจสอบประวัติของอี้หราน ลี่เฉินพบว่ามีเพียงชิน เหลียนอีที่เป็นเพื่อนสนิทของอี้หรานเท่านั้นที่มาเยี่ยมขณะที่ยังอยู่ในเรือนจำ ส่วนย่าของอี้หรานไม่สามารถเดินทางมาที่เมืองเฉินได้เนื่องจากสุขภาพย่ำแย่ แต่ถึงอย่างนั้นอี้หรานก็ยังได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นย่าหลายครั้งนอกเหนือจากนี้แล้ว ก็ไม่มีใครสนใจอี้หรานระหว่างที่ตกอยู่ในสถานะผู้ต้องขังอีกเมื่อลี่เฉินมาลองนึกถึงความเหินห่างระหว่างอี้หรานและครอบครัว รวมถึงเพื่อน ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจโดยไม่อาจอธิบายได้หวา ลี่ฟางตั้งตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรตอบลี่เฉินไปอย่างไรในตอนนั้นเอง ชิน เหลียนอีก็วิ่งเข้ามาหากู้ ลี่เฉินพร้อม
“ลี่เฉินคะ ถึงอี้หรานจะถูกอี้ จิ่นหลีพาตัวไป คุณก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ สองคนนั้นเคยคบกันมาก่อน ถึงจะเลิกกันแล้ว แต่ก็ดูเหมือน…”หวา ลี่ฟางหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่ากู้ ลี่เฉินไม่ได้ฟังเธอเลยแม้แต่น้อย! เหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงธาตุอากาศและสิ่งเดียวที่เขานึกถึงคือหลิง อี้หราน!ลี่ฟางกัดฟันกรอด ‘อี้หรานมีดีอะไรนัก?’‘ทำไมทุกคนจะต้องทะเลาะกันแย่งอี้หรานด้วย?’‘ฉันจะไม่ยอมให้หลิง อี้หรานมาพรากความสุขของฉันไป!’…เมื่ออี้หราน ก้าวลงมาจากรถ เธอก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอคุ้นเคยบ้านทรงตะวันออกล้อมรอบด้วยป่าไผ่ ท่าทางราวกับตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานป่าไผ่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับกำลังมองย้อนไปในอดีต“อี้ จิ่นหลี คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” อี้หรานถามด้วยความหวาดระแวง“ทำไม? ก็เพื่อขังพี่ไว้ที่นี่ไง ถามมาได้” เขาตอบพลางฉุดกระชากเธอให้เข้าไปในบ้านด้วยการออกแบบของบ้านค่อนข้างเก่าแก่ ถึงแม้จะมีบางจุดที่ได้รับการตกแต่งใหม่ แต่มนต์ขลังของมันก็ยังคงอยู่ตามเดิม ที่นี่มีทั้งระเบียงทางเดิน สะพาน สระ และดอกบัวลอยอยู่เต็มไปหมด ดูเป็นภาพหาดูได้ยากทีเดียว!หากนี่คือการมาเยือนต
เธอตัวสั่น ‘นี่เขา... ตั้งใจเก็บฉันไว้ที่นี่จนกว่าฉัน... จะตกหลุมรักเขาอีกครั้ง งั้นเหรอ?’“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ที่คุณกักขังฉันไว้มันผิดกฎหมายนะ!” หลิงอี้หรานตะโกนออกมา ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะบรรเทาความกลัวออกจากใจของเธอได้“ฉันเป็นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?” เขาพูด จูบเย็น ๆ ของเขาก็เลื่อนลงมายังใบหูของเธอ ลากไล้จากแก้มไปยังระหว่างคิ้วของเธอ “ก็คงบ้านั่นแหละ”เขาคงจะเป็นบ้าไปแล้วในตอนที่เขาตกหลุมรักเธอ และปล่อยให้เธอควบคุมทั้งความสุขและความเศร้าของเขา“เธอทำให้ฉันรู้ว่าความหึงหวงสามารถรุนแรงได้จนฉันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้...” เขาพึมพำเสียงแผ่วของเขาทำให้บรรยากาศในห้องสลัวนี้ดูคลุมเครือหลิงอี้หรานไม่สามารถผลักอี้จิ่นหลีออกไปได้ เขาระดมจูบไปบนใบหน้าของเธอ และนิ้วของเขาก็พยายามจะถอดชุดตัวยาวออกไปจากร่างของเธอ“อย่า!” เธอกรีดร้อง“ฉันไม่ชอบให้เธอสวมชุดที่ผู้ชายคนอื่นให้” เขาพูดอย่างเย็นชา โดยเฉพาะชุดที่เธอกำลังสวมอยู่ซึ่งมีไว้สำหรับคนที่กู้ลี่เฉินคิดถึงมากที่สุดกู้ลี่เฉินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอี้หรานเป็นเด็กหญิงที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ตอนเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มอบชุดให้กับเธออยู่ดี
ชินเหลียนอีและไป๋ทิงซินมายังคฤหาสน์ตระกูลอี้ แต่พวกเขากลับไม่พบกับอี้จิ่นหลี!เป็นเพราะพ่อบ้านของตระกูลอี้ อี้จิ่นหลีจึงไม่เคยพาหลิงอี้หรานมาบ้านเลยสักครั้งแน่นอนว่าเมื่อชินเหลียนอีขอเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลอี้ พ่อบ้านประจำตระกูลย่อมต้องปฏิเสธเธอ! เพราะแบบนั้น ชินเหลียนอีจึงทำได้เพียงมองประตูทางเข้าคฤหาสน์อี้และกระทืบเท้าเท่านั้นไป๋ทิงซินมองไปยังแฟนสาวที่กระวนกระวาย และรู้แล้วว่าหลินอี้หรานเป็นคนสำคัญของชินเหลียนอี“ถ้าผมเป็นคนที่โดนพาตัวไป คุณจะเป็นห่วงและออกตามหาผมไหม?” ไป๋ทิงซินถามขึ้นชินเหลียนอีตกตะลึงไป จากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ทำไมคุณถึงถามอะไรแบบนั้นขึ้นมาตอนนี้? นี่คุณคงไม่ได้หึงอี้หรานหรอก ใช่ไหม?”“แล้วถ้าใช่ล่ะ?” ไป๋ทิงซินถามขณะที่จ้องมองไปยังคนตรงหน้าชินเหลียนอีกะพริบตาใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ ๆ เธอจะเขย่งตัวขึ้น สองมือของเธอก็ดึงคอปกเสื้อของไป๋ทิงซินลงมา และจูบเขาด้วยริมฝีปากบาง “เอาล่ะ ๆ เป็นเด็กดีนะ คุณเป็นคนเดียวที่ฉันรักค่ะ อี้หรานน่ะเป็นเพื่อนสนิทฉัน อย่าหึงไปเลยนะ”ตอนนี้กลายเป็นไป๋ทิงซินแทนที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี‘เป็
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค