คนที่ยืนอยู่โดยรอบไม่มีใครกล้าขยับตัว ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งจะหายใจชายหนุ่มทั้งสองคนถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเฉิน แน่นอนว่าทั้งคู่อาจกลายเป็นเหมือนระเบิดเคลื่อนที่ได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป“แล้วไง?” อี้ จิ่นหลีถามเสียงเย็นหลิง อี้หรานมองอี้ จิ่นหลี โดยที่ยังจับมือของกู้ ลี่เฉินไว้อยู่ “คุณเป็นอะไรไหมคะ? เจ็บหรือเปล่า? ในงานเลี้ยงมีหมอบ้างไหม?”เธอเข้าใจว่าในงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้ย่อมต้องมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาคอยช่วยดูแล เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน“ผมไม่เป็นไรมาก แค่มือหัก” กู้ ลี่เฉินบอก รู้สึกเหมือนผ่านมาหลายปีมากแล้วที่ไม่ได้เจ็บปวดจากอาการกระดูกหักแบบนี้แต่เพราะความเจ็บในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่อี้หรานเคยเผชิญตอนที่ถูกหักนิ้ว‘เธอเคยผ่านอะไรมามากมายขนาดไหนกัน? สิ่งที่เธอเจอมาคงเจ็บยิ่งกว่าฉันตอนนี้เป็นสิบหรือร้อยเท่า!’ใบหน้าของอี้หรานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอรู้ดีว่า ต้นเหตุที่ทำให้ลี่เฉินต้องโชคร้ายแบบนี้ก็คือเธอ“จะไม่เป็นไรได้ยังไงคะ! ถ้าคุณไม่รีบรักษา เดี๋ยวมันก็…”ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจนจบประโยค แรงกระชากจากด้านหลังก็ดึงเธอเ
ดวงตาคมกริบจับจ้องยานพาหนะที่เคลื่อนไปจนลับสายตา ใบหน้าหล่อเหลาของกู้ ลี่เฉินเต็มไปด้วยความวิตกและหมองหม่น ‘อี้ จิ่นหลีคงกำลังจะบอกให้รู้ว่าเขาต้องได้ตัวทุกคนที่เขาต้องการ?’หลิง อี้หรานที่ถูกจับยัดไว้ที่เบาะหลังค่อย ๆ ดันกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถาม “อี้ จิ่นหลี คุณต้องการอะไร?”“ผมต้องการอะไร?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกันยิ้มเยาะ ก่อนจ้องมาที่หญิงสาวด้วยดวงตาทรงเสน่ห์ แววตาของจิ่นหลีเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังปะปนกันจนอี้หรานรู้สึกไม่ปลอดภัย หญิงสาวตัวสั่นน้อย ๆ ก่อนที่จิ่นหลีจะโน้มตัวมาใช้สองแขนกักขังเธอไว้ในวินาทีต่อมากระจกกั้นค่อย ๆ ถูกเลื่อนขึ้นมาบังระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง แบ่งแยกพื้นที่ภายในรถโดยสมบูรณ์ ด้านหลังของตัวรถที่ออกจะกว้างกว่าปกติ กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปทันทีสายตาของอี้หรานส่อแววตื่นตระหนกใบหน้าของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ “กู้ ลี่เฉินมันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ดีมากจนพี่แทบทนไม่ไหวที่จะใส่ชุดที่มันเตรียมให้ แล้วยังทนไม่ไหวที่จะได้กอดมันอีกเหรอ?”ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววริษยาโดยไม่ปิดบังใช่ เขาริษยา อิจฉาจนแทบบ้า! เขาไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้มาก่อน
หลิง อี้หรานจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เมื่อจูบดุเดือดสิ้นสุดลง เธอก็หอบหายใจราวกับปลาขาดน้ำปอยผมของหญิงสาวยุ่งไม่เป็นทรง พวงแก้มแดงเรื่อ ดวงตากลมรีจ้องมองมาที่จิ่นหลี ในที่สุดความเยือกเย็นที่อี้หรานมีก็ต้องสลายไป ภาพของอี้ จิ่นหลีกลับมาสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้นอีกครั้งแม้จะเห็นความโกรธได้จากดวงตาคู่นั้น ทว่าอี้ จิ่นหลีก็ยังรู้สึกหลงใหลมันเขายกมือขึ้น แล้วลูบผมเธออย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของจิ่นหลีเลื่อนมากระซิบข้างใบหูของอี้หรานด้วยเสียงแหบต่ำ “ลืมเรื่องที่เธอชอบลี่เฉินไปซะ…”‘ใช่ เพราะว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอชอบหมอนั่น เธอรักฉันได้คนเดียวเท่านั้น!’ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านทั่วแผ่นหลังของอี้หราน “ฉันจะชอบใครมันก็เรื่องของฉัน…”ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ จิ่นหลีก็ประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กลืนถ้อยคำเหล่านั้นไปจนหมด……หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก ทางฟากงานเลี้ยงเองก็เกิดความโกลาหลขึ้นเช่นกันชิน เหลียนอีอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้รับรู้ว่าอี้ จิ่นหลีเข้ามายึดพื้นที่ด้านนอกและปะทะกับกู้ ลี่เฉิน ‘อี้ จิ่นหลี? ถ้าเขามางานก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมต้องมายึดพื้นที่ด้วย? หรือจะเป็
หวา ลี่ฟางพยายามแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใย “ลี่เฉิน คุณควรไปให้หมอตรวจมือนะคะ มันเจ็บมากหรือเปล่า? ฉันเป็นห่วงเรื่องมือคุณ”“คุณเคยเป็นห่วงเรื่องอี้หรานบ้างไหม?” กู้ ลี่เฉินสวนทันควัน“ฮะ?” ลี่ฟางนิ่งอึ้ง สับสนไปครู่หนึ่ง“คุณเคยห่วงไหมว่าอี้หรานจะเคยบาดเจ็บที่มือยิ่งกว่าผมอีก? คุณเคยห่วงมือเขาบ้างไหม? คุณเอาแต่บอกว่าพวกคุณสนิทกันดี แต่คุณเคยไปเยี่ยมเขาที่เรือนจำบ้างไหม?” ลี่เฉินถามขณะจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเขาตรวจสอบประวัติของอี้หราน ลี่เฉินพบว่ามีเพียงชิน เหลียนอีที่เป็นเพื่อนสนิทของอี้หรานเท่านั้นที่มาเยี่ยมขณะที่ยังอยู่ในเรือนจำ ส่วนย่าของอี้หรานไม่สามารถเดินทางมาที่เมืองเฉินได้เนื่องจากสุขภาพย่ำแย่ แต่ถึงอย่างนั้นอี้หรานก็ยังได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นย่าหลายครั้งนอกเหนือจากนี้แล้ว ก็ไม่มีใครสนใจอี้หรานระหว่างที่ตกอยู่ในสถานะผู้ต้องขังอีกเมื่อลี่เฉินมาลองนึกถึงความเหินห่างระหว่างอี้หรานและครอบครัว รวมถึงเพื่อน ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจโดยไม่อาจอธิบายได้หวา ลี่ฟางตั้งตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรตอบลี่เฉินไปอย่างไรในตอนนั้นเอง ชิน เหลียนอีก็วิ่งเข้ามาหากู้ ลี่เฉินพร้อม
“ลี่เฉินคะ ถึงอี้หรานจะถูกอี้ จิ่นหลีพาตัวไป คุณก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ สองคนนั้นเคยคบกันมาก่อน ถึงจะเลิกกันแล้ว แต่ก็ดูเหมือน…”หวา ลี่ฟางหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่ากู้ ลี่เฉินไม่ได้ฟังเธอเลยแม้แต่น้อย! เหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงธาตุอากาศและสิ่งเดียวที่เขานึกถึงคือหลิง อี้หราน!ลี่ฟางกัดฟันกรอด ‘อี้หรานมีดีอะไรนัก?’‘ทำไมทุกคนจะต้องทะเลาะกันแย่งอี้หรานด้วย?’‘ฉันจะไม่ยอมให้หลิง อี้หรานมาพรากความสุขของฉันไป!’…เมื่ออี้หราน ก้าวลงมาจากรถ เธอก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอคุ้นเคยบ้านทรงตะวันออกล้อมรอบด้วยป่าไผ่ ท่าทางราวกับตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานป่าไผ่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับกำลังมองย้อนไปในอดีต“อี้ จิ่นหลี คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” อี้หรานถามด้วยความหวาดระแวง“ทำไม? ก็เพื่อขังพี่ไว้ที่นี่ไง ถามมาได้” เขาตอบพลางฉุดกระชากเธอให้เข้าไปในบ้านด้วยการออกแบบของบ้านค่อนข้างเก่าแก่ ถึงแม้จะมีบางจุดที่ได้รับการตกแต่งใหม่ แต่มนต์ขลังของมันก็ยังคงอยู่ตามเดิม ที่นี่มีทั้งระเบียงทางเดิน สะพาน สระ และดอกบัวลอยอยู่เต็มไปหมด ดูเป็นภาพหาดูได้ยากทีเดียว!หากนี่คือการมาเยือนต
เธอตัวสั่น ‘นี่เขา... ตั้งใจเก็บฉันไว้ที่นี่จนกว่าฉัน... จะตกหลุมรักเขาอีกครั้ง งั้นเหรอ?’“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ที่คุณกักขังฉันไว้มันผิดกฎหมายนะ!” หลิงอี้หรานตะโกนออกมา ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะบรรเทาความกลัวออกจากใจของเธอได้“ฉันเป็นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?” เขาพูด จูบเย็น ๆ ของเขาก็เลื่อนลงมายังใบหูของเธอ ลากไล้จากแก้มไปยังระหว่างคิ้วของเธอ “ก็คงบ้านั่นแหละ”เขาคงจะเป็นบ้าไปแล้วในตอนที่เขาตกหลุมรักเธอ และปล่อยให้เธอควบคุมทั้งความสุขและความเศร้าของเขา“เธอทำให้ฉันรู้ว่าความหึงหวงสามารถรุนแรงได้จนฉันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้...” เขาพึมพำเสียงแผ่วของเขาทำให้บรรยากาศในห้องสลัวนี้ดูคลุมเครือหลิงอี้หรานไม่สามารถผลักอี้จิ่นหลีออกไปได้ เขาระดมจูบไปบนใบหน้าของเธอ และนิ้วของเขาก็พยายามจะถอดชุดตัวยาวออกไปจากร่างของเธอ“อย่า!” เธอกรีดร้อง“ฉันไม่ชอบให้เธอสวมชุดที่ผู้ชายคนอื่นให้” เขาพูดอย่างเย็นชา โดยเฉพาะชุดที่เธอกำลังสวมอยู่ซึ่งมีไว้สำหรับคนที่กู้ลี่เฉินคิดถึงมากที่สุดกู้ลี่เฉินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอี้หรานเป็นเด็กหญิงที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ตอนเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มอบชุดให้กับเธออยู่ดี
ชินเหลียนอีและไป๋ทิงซินมายังคฤหาสน์ตระกูลอี้ แต่พวกเขากลับไม่พบกับอี้จิ่นหลี!เป็นเพราะพ่อบ้านของตระกูลอี้ อี้จิ่นหลีจึงไม่เคยพาหลิงอี้หรานมาบ้านเลยสักครั้งแน่นอนว่าเมื่อชินเหลียนอีขอเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลอี้ พ่อบ้านประจำตระกูลย่อมต้องปฏิเสธเธอ! เพราะแบบนั้น ชินเหลียนอีจึงทำได้เพียงมองประตูทางเข้าคฤหาสน์อี้และกระทืบเท้าเท่านั้นไป๋ทิงซินมองไปยังแฟนสาวที่กระวนกระวาย และรู้แล้วว่าหลินอี้หรานเป็นคนสำคัญของชินเหลียนอี“ถ้าผมเป็นคนที่โดนพาตัวไป คุณจะเป็นห่วงและออกตามหาผมไหม?” ไป๋ทิงซินถามขึ้นชินเหลียนอีตกตะลึงไป จากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ทำไมคุณถึงถามอะไรแบบนั้นขึ้นมาตอนนี้? นี่คุณคงไม่ได้หึงอี้หรานหรอก ใช่ไหม?”“แล้วถ้าใช่ล่ะ?” ไป๋ทิงซินถามขณะที่จ้องมองไปยังคนตรงหน้าชินเหลียนอีกะพริบตาใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ ๆ เธอจะเขย่งตัวขึ้น สองมือของเธอก็ดึงคอปกเสื้อของไป๋ทิงซินลงมา และจูบเขาด้วยริมฝีปากบาง “เอาล่ะ ๆ เป็นเด็กดีนะ คุณเป็นคนเดียวที่ฉันรักค่ะ อี้หรานน่ะเป็นเพื่อนสนิทฉัน อย่าหึงไปเลยนะ”ตอนนี้กลายเป็นไป๋ทิงซินแทนที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี‘เป็
เขาเปิดประตูทิ้งไว้ แต่... เธอรู้ดีกว่าถ้าเขาพูดว่าเขาจะกักตัวเธอไว้ที่นี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่มีทางที่เธอจะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แม้ว่าเธอจะเหยียบออกไปนอกประตูแล้วก็ตามตอนนั้นเองที่ประตูเปิดออก อี้จิ่นหลีเดินเข้ามาพร้อมด้วยกองเสื้อผ้าในมือ“ตื่นแล้วเหรอ?” เขาถามพลางมองหลิงอี้หรานที่นั่งอยู่บนเตียง และห่อตัวด้วยผ้าปูที่นอนเธอกัดริมฝีปากและมองเขาเงียบ ๆเขายักไหล่และเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “นี่ชุดให้เธอเปลี่ยน ให้ฉันช่วยเปลี่ยนนะ จะได้ดูว่าพอดีหรือเปล่าน่ะ”เธอรีบปฏิเสธเขาทันที “ไม่ต้อง! ฉันเปลี่ยนเองได้!”“ก็ได้ ๆ เธอเปลี่ยนเองก็ได้” เขาไม่ขัดและวางเสื้อผ้าลงข้างตัวเธอเธอมองไปยังเขา ‘เขายังอยู่ตรงนี้ แล้วจะให้ฉันแต่งตัวยังไง?’ดูเหมือนเขาจะเห็นเธอดูลังเล “ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน เธอก็เคยเปลี่ยนชุดต่อหน้าฉันไม่ใช่เหรอ?”“คุณเคยเป็นแฟนและคนรักของฉัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว” เธอกล่าวสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง “ก็ได้ ฉันไม่มองแล้วนี่ไง เปลี่ยนซะสิ”เธอตะลึงไป และไม่คิดว่าเขาจะหลับตาลงแบบนี้การที่เขายืนนิ่งหลับตาอยู่เช่นนั้น ทำให้เขาดูเหมือ