ชิน เหลียนอีตอบกลับเพื่อนสนิท “ได้สิ เดี๋ยวบอกให้ทิงซินช่วยดูให้ แล้วพี่โจวเป็นยังไงบ้าง? ยังเปิดร้านได้ปกตินะ?”“เมื่อเช้าฉันโทรไปถามมาแล้ว พี่โจวบอกว่าไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครมาก่อกวนแล้ว” อี้หรานบอก“เยี่ยมไปเลย!” ในที่สุดเหลียนอีก็สบายใจหลังมื้อเย็น เหลียนอีขับรถไปส่งอี้หราน ก่อนจะแวะไปหาไป๋ ทิงซิน“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” ทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องทำงาน ทิงซินก็รีบวางเอกสารในมือแล้วรีบลุกไปหาแฟนสาว“วันนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ปวดเท่าเมื่อวานนี้” เธอตอบทิงซินขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ‘แปลว่าวันนี้ก็ยังปวดอยู่นิดนึงหรือเปล่านะ?’“แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะหายปวดท้อง?” เขาไม่เคยรู้เรื่องอาการปวดท้องประจำเดือนของผู้หญิงมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาแล้วหลังจากเห็นสภาพของเหลียนอีเมื่อวาน“คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปกติแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหาย” เหลียนอีว่า“เอ่อ… ให้ผมช่วยนวดท้องอีกดีไหม?” เขาเสนอเหลียนอีคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ ‘หมอนี่นวดท้องเก่งดีเหมือนกันแฮะ!’เหลียนอีตอบรับเสร็จก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาชายหนุ่มเห็นภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ก่อนหันไ
เมื่อวานนี้เหลียนอีไปที่ห้องของชายหนุ่มเพราะจะไปดูทิงซินเต้นตามที่สัญญาไว้ แต่ประจำเดือนของเธอดันมาเสียก่อนจนลืมเรื่องเต้นไปเสียสนิทไป๋ ทิงซินเลิกคิ้ว ประหลาดใจที่อีกฝ่ายยังไม่ลืมเรื่องนี้ไปอีก “อยากดูเหรอ?”หญิงสาวพยักหน้าถี่รัว“ไม่อยากให้ผมลูบท้องให้แล้วเหรอ?” เขาถาม“ไว้ค่อยทำหลังเต้นเสร็จก็ได้นี่” เธอตอบ ดวงตากลมโตดูราวกับบรรจุดวงดาวไว้ข้างใน มันทอประกายระยิบระยับ ไป๋ ทิงซินหมดคำจะพูด ก่อนลุกยืนอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนจะถึงคราวที่ต้องเอาใจแฟนสาวเสียแล้ว!ทว่า… “ถ้าอย่างนั้น คุณต้องสนใจแค่ผมเท่านั้นนะ ตกลงไหม?” เขาถามแววรู้สึกผิดฉายขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว เพราะเธอยังมีคนดังอีกหลายคนที่เธอยังต้องสนใจอยู่! แต่เพื่อดวงตาดำสนิทที่ร้อนแรงคู่นั้น เหลียนอีจึงรับคำทันที “สัญญาเลย ผู้ชายพวกนั้นฉันทำได้แค่ดู แต่กับคุณ ฉันยังทำอย่างอื่นได้…”ทิงซินรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างจะร้องไห้กับระเบิดหัวเราะเพราะคำพูดนั้น แต่เพื่อสนองความคาดหวังของเหลียนอี ชายหนุ่มเริ่มเต้น‘ฉันอยากให้เธอมองมาที่ฉัน’‘จับจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียว!’‘สิ่งไหนที่ทำให้เธอมีความสุข ฉันยอมทำได้ทุกอย่าง…’เมื่อสาวใช้นำ
“คุณดูสนิทกับหมอซูดีนะคะ” อี้หรานเอ่ยปากรู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนอย่างกู้ ลี่เฉินรู้จักกับหมอสูงวัยที่เป็นเพียงเจ้าของคลินิกเล็ก ๆ“เรารู้จักกันมานานแล้วครับ ผมขาหักตอนที่ญาติของคุณกับผมแอบหนีลงเขาเข้าเมืองมาด้วยกัน หมอหลายคนบอกว่าถึงแผลจะหายดีแต่ก็อาจจะมีผลข้างเคียงอื่น แม่ผมบังเอิญได้ยินเรื่องหมอซู เลยพาผมมารักษากับเขา” กู้ ลี่เฉินเล่าให้ฟังอี้หรานตกใจ “คุณขาหัก?”“ใช่ ตั้งสามเดือนกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ” เขาตอบ‘เพิ่งรู้ว่าเขาเคยบาดเจ็บด้วย ใช่ตอนที่เขาตกหน้าผาหรือเปล่านะ?’อี้หรานคิดกับตัวเอง ยังจำภาพตอนที่ช่วยพาอีกฝ่ายขึ้นมาจากหน้าผา ตอนนั้นเขาก็ดูเหมือนจะเดินไม่ได้ เธอเอาแต่บ่นงึมงำว่าเขาเป็นพวกลูกแหง่ แท้จริงแล้วเขาขาหักต่างหากแต่ว่า… เขากลับไม่เคยพูดถึงอาการบาดเจ็บที่ขาเลย กลับกันเขาเอาแต่ขอโทษที่ทำให้เธอลำบากในตอนที่ขี่หลังเธออยู่“ตอนนั้น…ขาคุณเจ็บมากไหม?” อี้หรานอดไม่ได้ที่จะถามเขาชายตามองเธอแวบนึงขณะที่ขับรถอยู่ “ผมคิดไปเองได้ไหมว่า ที่คุณถามแบบนี้เพราะคุณห่วงผม?”หญิงสาวเม้มปาก ไม่ต่อคำลี่เฉินจึงพูดต่อโดยไม่สนใจ “เจ็บสิ ผมนึกว่ามันจะเจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว แต่
‘เป็นเพราะฉันเคยมีแฟนมาเยอะหรือเปล่านะ เธอถึงได้คิดว่าฉันไม่จริงจัง?’เขายังจำที่ถูกหญิงสาวดูถูกเรื่องเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยได้ดี เธอบอกว่าถ้าเขาคิดถึงใครสักคนจริง ๆ ก็จะเข้าใจว่ามันไม่มีใครจะมาแทนที่กันได้‘หรือนี่จะเป็นกรรมตามสนอง?’ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำเอาชายหนุ่มหลงหน้ามืดแบบนี้ได้เท่ากับอี้หรานแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็นึกถึงแต่เธอตลอดเวลาถึงแม้จะแสร้งทำเป็นลืม ๆ ไป แต่เขาก็ไม่เคยลืมได้จริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว‘ฉันยอมแตกหักกับจิ่นหลีได้เพื่อเธอ!’ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังออกมาจากห้องตรวจ กู้ ลี่เฉินลุกขึ้นแล้วตรงไปเปิดประตูทันที!ภาพที่เห็นในห้องผ่าตัดคือหมอซูที่กำลังกดมีดปลายแหลมลงที่หลังมือของอี้หราน ขณะที่หญิงสาว… ชั่ววินาทีหนึ่ง ลี่เฉินไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของอี้หรานได้เลยดวงตากลมหลับปี๋ เรียวคิ้วขมวดมุ่น ฟันขาวขบริมฝีปากเพื่อสกัดเสียงร้อง เม็ดเหงื่อผุดซึมบริเวณหน้าผาก ก่อนจะไหลร่วงลงมาบนพวงแก้มมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของอี้หรานกำแน่น ราวกับว่าจะช่วยยับยั้งความเจ็บได้เขารู้ว่าเธอน่าจะเจ็บมากทีเดียว ในเมื่อหมอซูพูดเองว่าขั้นตอนการรักษ
หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ อี้หรานก็ได้ยินเสียงหมอซูพูดขึ้น “เรียบร้อยแล้ว!”ความรู้สึกเสียวซ่านที่หลังมือของเธอเบาบางลง อี้หรานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลืมตาท่อนแขนของลี่เฉินเป็นสิ่งแรกที่เธอมองเห็นอี้หรานรู้สึกตัวทันทีว่ากำลังจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะรีบปล่อยมือ “ฉันขอโทษค่ะ!”“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนบอกให้คุณจับไว้เอง” ลี่เฉินพูดขณะที่ชักแขนกลับไปหมอซูหันมาเอ่ยกับหญิงสาว “เอาล่ะ สัปดาห์หน้าก็มาตามนัดนะครับ ระวังอย่าให้มือสัมผัสน้ำสามชั่วโมงหลังจากนี้นะ แล้วก็อย่าใช้มือยกของหนักด้วย”“รับทราบค่ะ” อี้หรานตอบเมื่อออกมาจากคลินิก ลี่เฉินก็เอ่ยขึ้น “ผมจะไปส่งคุณเอง”“ฉัน…ขึ้นรถเมล์กลับเองก็ได้ค่ะ” เธอตอบ หมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ลี่เฉินคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ก่อนจะพูด “การที่ผมไปส่งไม่ได้แปลว่าผมหวังอะไรจากคุณ ไม่จำเป็นต้องหนีก็ได้ครับ”“ฉันแค่ไม่อยากรบกวนคุณ” เธอดันมือเขาออก ทำเอาชายหนุ่มร้องครางในลำคอพร้อมทั้งขมวดคิ้วอี้หรานประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางของอีกฝ่าย เธอไม่ได้ผลักเขาแรงขนาดนั้นเสียหน่อย! เห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงก้มไปดูแขนเสื้อของอีกฝ่าย‘วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แต่
หลิง อี้หรานสบตากับดวงตาคมสีดำสนิทที่หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย ดูราวกับว่าดวงตาคู่นี้สามารถล่อลวงใครก็ตามที่ถูกมันจ้องมองอี้หรานแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาคือเฉินเฉิน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมที่จะเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอเธอเคยต้องเผชิญสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เดียวดาย“อย่าดีกับฉันนักเลยกู้ ลี่เฉิน มันไม่คุ้มหรอก” เธอพึมพำ ‘ฉันไม่คู่ควรกับความใจดีของคุณ’เขารีบพูด “คนที่ตัดสินใจว่ามันคุ้มหรือเปล่าคือ ผม ไม่ใช่คุณ และผมก็คิดว่ามันคุ้มค่า แม้จะต้องแลกด้วยความเจ็บปวดก็ตาม!”อี้หรานมองชายหนุ่มด้วยสายตาว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างบังเกิดขึ้นในใจ…หลังจากส่งอี้หรานที่บ้าน รวมถึงรอดูหญิงสาวเดินเข้าบ้านจนลับสายตาเสร็จเรียบร้อย กู้ ลี่เฉินก็ก้มดูปลาสเตอร์ที่แขนขวาของตนเอง“อี้หราน…” พึมพำชื่อของคนที่เพิ่งลงจากรถไป ก่อนประทับจุมพิตลงไปอย่างอ่อนโยนที่เปี่ยมไปความรู้สึกรักใคร่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะหลงใหลในตัวใครได้ถึงเพียงนี้ลี่เฉินเพียงอยากทะนุถนอมบาดแผลที่เธอทิ้งไว้ให้เท่านั้น“คุณจะรักผมบ้างได้ไหม?” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเรื่องผู้หญิงเคย
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของทั้งสองคน เหล่าพนักงานจึงได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวายผ่านไปราวสิบนาที อี้ จิ่นหลีถึงได้วางโทรศัพท์ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “ประชุมต่อ!”พนักงานรีบดำเนินการประชุมต่ออย่างหวาด ๆ โดยระมัดระวังคำพูดและน้ำเสียง ด้วยเกรงจะสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ เกา ฉงหมิงมองสีหน้าหม่นหมองของเจ้านายแล้วลอบคำรามอยู่ในใจ เขาเห็นสิ่งเดียวกับที่นายน้อยอี้เห็นทางโทรศัพท์ ภาพที่เห็นนั้นทำเอาฉงหมิงกลัวยิ่งกว่า‘ทำไมไอ้สองคนนั้นถึงได้ส่งรูปกู้ ลี่เฉินตอนอยู่กับคุณหลิงมา? ไม่รู้หรือไงว่านายน้อยไม่ชอบเนี่ย?’ถ้าอยากส่งรูปนักก็ควรจะส่งรูปดี ๆ มาสิ โธ่!ไม่เห็นจะต้องส่งภาพที่กู้ ลี่เฉินกับหลิง อี้หรานทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันมาเลย โดยเฉพาะรูปที่อี้หรานจับมือของลี่เฉินขึ้นมาเพื่อทำแผลให้รูปนั้นอีกแถมไอ้พวกนั้นยังถ่ายรูปมาเสียสวยงามเลยด้วย จับช็อตที่สองชายหญิงสบตากันได้พอดี อย่างกับภาพจากในละครอย่างไรอย่างนั้น!เกา ฉงหมิงได้แต่คิดในใจว่าคราวหน้าจะต้องส่งพวกทักษะถ่ายรูปต่ำ ๆ ไปคอยตามติดอี้หรานแทน ส่วนตอนนี้ เขาได้แต่ภาวนาว่านายน้อยอี้จะไม่อารมณ์บูดไปเสียก่อนไม่อย่างน
โจว เชียนหยุนกำลังง่วนกับการขายอาหารอยู่พอดี เมื่อเธอเห็นอี้หรานก็ร้องทักอย่างอบอุ่น “ลมอะไรหอบเธอมาวันนี้จ๊ะ?”อี้หรานพูด “เย็นนี้ฉันว่าง เลยแวะมาหาพี่สักหน่อย ยังมีคนมาหาเรื่องพี่อยู่หรือเปล่า?”สีหน้าของเชียนหยุนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่อี้หรานจะสังเกตเห็นได้ จึงรีบถามต่อทันที “มีใช่ไหม?”“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะแวะมาตรวจตราให้สักสองสามวัน แต่ว่า…”ก่อนที่เชียนหยุนจะพูดจบ กลุ่มคนท่าทางอันธพาลก็ปรากฏตัวขึ้น ทำเอาลูกค้าในร้านแตกกระเจิง คนพวกนั้นสั่งเมนูที่ถูกที่สุดของร้าน และยึดเอาที่นั่งไปหมดโจว เชียนหยุนมีโต๊ะพับแค่เพียงสี่ตัว ดังนั้นคนจำนวนเท่านั้นจึงสามารถแบ่งแยกกันนั่งได้จนครบทุกโต๊ะหากมีลูกค้าคนอื่นอยากขอนั่งร่วมโต๊ะ ก็จะถูกไล่ตะเพิดเสียงดัง!อี้หรานขมวดคิ้ว “นี่คือ… พวกที่มาก่อกวนพี่เหรอ?”โจว เชียนหยุนยิ้มแหยก่อนตอบ “ใช่ ฉันขายให้ลูกค้าคนอื่นได้เฉพาะคนที่สั่งแบบกลับบ้าน ส่วนตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีวิธีจัดการจริง ๆ ฉันคงย้ายที่ตั้งร้านใหม่”‘ดูเหมือนการลากคอสามคนนั้นไปหาตำรวจจะเป็นเพียงความโล่งใจชั่วคราวเท่านั