Home / โรแมนติก / พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก / บทที่1 นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์

Share

บทที่1 นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์

last update Last Updated: 2025-03-02 14:14:05

โรงพยาบาล

 

บานประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกด้วยฝีมือของนางพยาบาลวัยกลางคนก่อนที่ร่างสูงสมาร์ทในชุดsurubs * สีเขียวจะก้าวเดินออกมาและเดินมาทางญาติของคนไข้

 

"การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วอีก3-4วันก็คงจะฟื้น" นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์หรือหมอเสือ ประสาทศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศเอ่ยบอกญาติของคนไข้ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สร้างความโล่งอกและดีใจให้แก่ญาติได้อย่างดี

 

"ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ " หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยขอบคุณหมอหนุ่มผู้ทำการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองออกให้แก่ผู้เป็นสามี

 

"มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับไม่ต้องขอบคุณหรอก งั้นหมอขอตัวนะครับ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยลาก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพแล้วเดินจากไปทิ้งให้ญาติคนไข้เอ่ยชื่นชมถึงฝีมือการผ่าตัดและหน้าตาที่หล่อเหลาของผู้เป็นหมอ

 

"หมอเสือคะ เที่ยงแล้วเราไปทานข้าวกันค่ะ" เสียงเอ่ยชวนของแพทย์หญิงฟ้ารดาหรือหมอฟ้ากุมารแพทย์สุดน่ารักของโรงพยาบาลเรียกความสนใจของพงศ์พยัคฆ์จากแผ่นฟิล์มเอกซเรย์สองถึงสามแผ่นตรงหน้าให้หันหน้ามามองเธอ

 

"นี่เที่ยงแล้วเหรอครับผมยังคิดว่าเพิ่ง10โมง มิน่าล่ะรู้สึกหิวแปลกๆ " หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองนาฬิกาที่มันไม่ใช่เที่ยงตรงแต่เลยเที่ยงตรงไปเกือบ30นาทีชายหนุ่มมักทำงานจนลืมเวลาแบบนี้เสมอจนหมอสาวได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

"ไม่ใช่เที่ยงนะคะแต่อีกครึ่งชั่วโมงจะบ่ายแล้วไปค่ะไปทานข้าวกันดีกว่า" "เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเสือ" เสียงของนายแพทย์ปัญญาธรหรือหมอปัญจ์ศัลยแพทย์ทรวงอกและหัวใจฝีมือดีของโรงพยาบาลเรียกความสนใจจากพงศ์พยัคฆ์และฟ้ารดาให้หันไปมอง

 

"งั้นดีเลยไปพร้อมกันสามคนนี้แหละ คุณหมอฟ้าคิดว่าไงครับ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นเมื่อรู้ว่าเพื่อนหนุ่มต้องการเข้ามาขัดขวางไม่ให้กุมารแพทย์สาวได้อยู่กับเขาสองต่อสองเพราะตั้งแต่ฟ้ารดามาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อนก็มีข่าวลืมว่าเขาคบหากับหญิงสาวในทางชู้สาวศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มผู้รักเพื่อนจึงต้องคอยกันข่าวลืมในทางลบที่จะเกิดขึ้นโดยการแทรกกลางระหว่างเขากับเธออยู่บ่อยครั้งและเขาเองก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่มีเพื่อนคอยทำตัวราวกับเป็นเห็บเป็นหมัดอยู่ข้างๆ ออกจะคิดว่าดีซะอีกเพราะกุมารแพทย์สาวไม่ควรมีข่าวลือแย่ๆ กับเขาถึงแม้หลายคนอาจไม่รู้แต่ก็มีอาจารย์หมอบางคนในโรงพยาบาลที่ทราบว่าเขาแต่งงานแล้วอาจทำให้กุมารแพทย์สาวถูกมองไม่ดีในสายตาคนเหล่านั้นได้

 

"ก็ได้ค่ะ" แม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ไปกับหมอหนุ่มสองต่อสองแต่กุมารแพทย์สาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้

 

"งั้นไปรถผมแล้วกันผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไว้แล้ว" ปัญญาธรเอ่ยบอกแก่ฟ้ารดาก่อนจะเดินนำไปที่รถ

 

ร้านอาหาร

 

"ผมปัญญาธรที่จองไว้ครับ" ปัญญาธรเอ่ยขึ้นกับพนักงานร้านทันทีที่เข้ามาในร้าน

 

"เชิญทางนี้ค่ะ" พนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนเดินนำทั้งสามมายังโต๊ะติดกับกระจกใสมองออกไปภายนอกกระจกเห็นถนนใหญ่รถแล่นไปมา

 

"แหม่เลือกมุมดีนะคะหมอปัญจ์มองเห็นถนนด้วยแถมได้ยินเสียงข้างนอกชัดแจ๋วเลย" ฟ้ารดาเอ่ยกับปัญญาธรอย่างประชด

 

"เปลี่ยนบรรยากาศไงหมอ" ปัญญาธรยังคงไม่ทุกข์ร้อนกับคำประชดของกุมารแพทย์สาวก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หมอสาวนั่งทางฝั่งซ้ายซึ่งติดกับกระจกใสและผายมือให้เพื่อนนั่งตรงฝั้งตรงข้ามกับกระจกใสส่วนตนก็กลับมานั่งตรงข้ามกับกุมารแพทย์สาว

 

"อาหารที่สั่งมาแล้วค่ะ" พนักงานสาวคนเดิมเดินถือถาดมาก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะและเดินจากไป

 

"นี่ฉันสั่งของโปรดนายมาเลยนะเนี่ยไอ้เสือกินเยอะๆ ทำงานลืมเวลาแบบนายเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาเข้าสักวันถ้าหมอป่วยซะเองแล้วจะดูแลคนไข้ได้ไง" ปัญญาธรเอ่ยขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานเพื่อนรัก

 

เอี๊ยดโครม!

 

ขณะที่พงศ์พยัคฆ์จะตักอาหารคำแรกเข้าปากก็มีบางสิ่งปรากฏต่อสายตาเขาจนมือที่ถือช้อนตักข้าวเข้าปากต้องชะงักมันรวดเร็วจนมองไม่ทันแต่เพราะเขาเป็นคนที่สายตาดีมากทำให้เห็นจังหวะนั้นพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงและอีกคันด้านขวามือของชายหนุ่มขับย้อนศรมาก่อนที่รถทั้งสองจะชนประสานงากันเสียงดังสนั่น

 

"เสียงไรวะ" ปัญญาธรที่ไม่ได้มองเอ่ยถามทันทีที่มีเสียงดัง

 

"รถชนกัน" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะทิ้งช้อนลงและวิ่งออกไปนอกร้านทันทีสองหนุ่มสาวก็วิ่งตามออกไปด้วยสัญชาติญาณของหมอ

 

"ขอทางหน่อยครับผมเป็นหมอ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยตะโกนพร้อมแทรกกลุ่มไทยมุงเข้าไปดูอาการคนเจ็บปัญญาธรแยกไปดูรถอีกคนส่วนฟ้ารดายกโทรศัพท์มากดเรียกรถพยาบาลและตำรวจก่อนจะเข้าไปช่วยพงศ์พยัคฆ์

 

"รถพยาบาลกำลังจะมาแล้วค่ะ" ฟ้ารดาเอ่ยบอกคนเจ็บยังคงมีสติอยู่

 

"อาการน่าจะแค่เคล็ดขัดยอกและกระดูกแขนร้าวไม่ถึงขั้นสาหัส" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากดูอาการของคนเจ็บ

 

"เสือมาดูทางนี้สิฉันว่าหัวอาจแทกกับของแข็งเข้าอย่างจังเลย" ปัญญาธรเอ่ยเรียกเพื่อนรักให้มาดูฝั้งรถที่ขับย้อนศร

 

"ฝากคุณหมอฟ้าดูทางนี้ด้วยนะครับ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะตรงไปยังรถที่ปัญญาธรดูอยู่ในรถมีผู้หญิงเป็นคนขับข้างๆ มีเด็กหญิงวัยประมาณสามสี่ขวบนั่งร้องไห้อยู่จากรูปการณ์หญิงสาวคงเป็นแม่ของเด็กหญิงและคงกลัวลูกจะบาดเจ็บจึงเอาตัวไปบังไว้และตอนที่รถประสานงากันศีรษะก็ไปกระแทกเข้ากับอะไรบ้างอย่าง

 

"คงมีเลือดคั่งในสมองว่ะต้องผ่าตัดด่วนเคสนี้อันตรายมากเด็กเป็นไงบ้างว่ะ" พงศ์พยัคฆ์สันนิษฐานอาการก่อนจะถามถึงเด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่

 

"ไม่เป็นไรว่ะแค่ตกใจงั้นฉันพาไปหาหมอเด็กก่อน ฉันไม่สันทัด" ปัญญาธรเอ่ยก่อนจะอุ้มเด็กหญิงไปที่หมอเด็กหรือกุมารแพทย์สาวนั้นเอง

 

"รถพยาบาลมาแล้วค่ะ" ฟ้ารดาเอ่ยบอกในอ้อมแขนมีเด็กน้อยอยู่

 

"งั้นพวกนายเอารถกลับนะเดี๋ยวฉันไปกับรถพยาบาลโทรบอกโรงพยาบาลว่าเตรียมห้องผ่าตัดและเครื่องมือผ่าตัดที่แผนกประสาทไว้" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะหันไปบอกบุรุษพยาบาลที่มากับรถพยาบาล

 

ห้องผ่าตัด

 

หลังจากรถพยาบาลพาคนเจ็บมาถึงโรงพยาบาลหญิงสาวก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดทันทีโดยมีพงศ์พยัคฆ์เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด

 

"การผ่าตัดครั้งนี้อันตรายมากเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษขอให้ทุกคนอย่างประมาท เอาล่ะก่อนอื่นเราจะเปิดกระโหลกเพื่อระบายเลือดที่คั่งออกทุกคนพร้อม" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นทุกคนพยักหน้าก่อนที่การผ่าตัดจะเริ่มขึ้นอย่างระมัดระวังจนกระทั้งสิ้นสุดการผ่าตัด

 

"เป็นไงบ้างวะเสือ" ปัญญาธรเอ่ยถามเพื่อนรักหลังจากให้การกับตำรวจเท่าที่เห็นและพาเด็กน้อยที่ดูท่าจะหิวไปทานข้าวเพราะตนกับกุมารแพทย์สาวก็ทานไปได้ไม่ถึงสามคำก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อนจากนั้นชายหนุ่มจึงขับรถกลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับฟ้ารดาและเด็กหญิงตัวน้อยที่หยุดร้องไห้แล้ว

 

"ปลอดภัยแล้วการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีแล้วมีญาติมารับแม่หนูนี่รึยัง" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะถามหาญาติของคนไข้

 

"เดี๋ยวพ่อของน้องน้ำก็คงมา" ปัญญาธรเอ่ยบอก

 

"น้องน้ำ" พงศพยัคฆ์เอ่ยอย่างงุนงง

 

"ใช่น้องเขาชื่อน้องน้ำแล้วก็เป็นลูกไอ้ไมค์ด้วย" ปัญญาธรเอ่ยไขข้องสงสัยของเพื่อนรักในตอนที่ตนหยิบโทรศัพท์ของคนเจ็บขึ้นมาจะโทรหาคนรู้จักได้เห็นรูปของหญิงสาวกับชายหนุ่มที่รู้จักอุ้มเด็กหญิงอยู่พอฟ้ารดาเอ่ยถามเด็กน้อยก็บอกว่าเป็นคุณพ่อทำให้ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาโทรอย่างไม่ลังเล

 

"ลูกไอ้ไมค์เหรอ สวัสดีครับน้องน้ำ อาชื่อเสือนะอาเป็นเพื่อนกับพ่อของหนูตอนนี้แม่หนูปลอดภัยแล้วนะครับ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกแก่เด็กน้อยที่เพิ่งรู้ว่าเป็นลูกเพื่อนสนิทอีกคนแต่เพราะตนและปัญญาธรเรียนแพทย์ส่วนพิชัยพลหรือไมค์นั้นเรียนวิศวะฯ ทำให้ห่างกันไปจนกระทั้งได้ข่าวว่าเพื่อนสนิทแต่งงานและมีลูกแล้วแต่เพราะงานและหลานๆ เรื่องทำให้ทั้งสามไม่ได้ติดต่อกันแม้มีเบอร์โทร

 

"เสือ นุชเป็นไงบ้างวะ" พิชัยพลรีบตรงมาหาเพื่อนสนิททันทีพร้อมกับตำรวจที่มาสอบปากคำ

 

"ปลอดภัยแล้วอีกสองสามวันคงฟื้น" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกพร้อมเอามือแตะไหล่เพื่อน

 

"เกิดอะไรขึ้นวะ" พิชัยพลเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

"เมียนายขับย้อนศรแล้วรถก็ชนประสานงากับรถของคู่กรณีที่ขับมาด้วยความเร็วเกินกำหนด" พงศ์พยัคฆ์ที่เห็นเหตุการณ์เต็มสองตาเอ่ยบอกเพื่อนและนายตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

 

"ขอโทษนะครับคุณเห็นเหตุการณ์รึเปล่าเพราะคู่กรณีของคุณนุชตรีญาบอกว่าเขาขับตามกฏหมายกำหนดแต่คุณนุชตรีญาขับย้อนศรมาด้วยความเร็ว" นายตำรวจหนุ่มเอ่ยถามเพราะจากคำให้การณ์ของคู่กรณีไม่ตรงกับที่หมอหนุ่มพูด

 

"ผมนั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านหน้าจุดเกิดเหตุหันหน้าเข้าทางถนนจุดที่ชนก็หน้าร้านพอดี รถคันนั้นขับมาด้วยความเร็วเกินที่กฏหมายกำหนด ส่วนรถของนุชตรีญาขับย้อนศรมาไม่เร็วมาก แล้วก็นะคุณตำรวจฝ่ายคู่กรณีไม่ได้เป็นอะไรมากแต่นุชตรีญาถูกชนจนศีรษะไปกระแทกกับอะไรบางอย่างจนมีเลือดคั่งความน่าจะเป็นมันเป็นได้มากกว่าว่ารถของนุชตรีญาถูกชนกระแทกอย่างแรงนะครับ หรือถ้าคุณตำรวจไม่เชื่อที่ผมพูดตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าร้านได้นะผมจำได้ว่าตอนเข้าไปผมเห็นอยู่" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกแก่นายตำรวจหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบและเยือกเย็นหลังจากนายตำรวจหนุ่มพูดเป็นนัยๆ ว่าตนพูดเข้าข้างภรรยาของเพื่อนสนิท

 

นายตำรวจหนุ่มได้แต่นิ่งไปก่อนที่ลูกน้องจะโทรศัพท์เข้ามาบอกสิ่งที่เห็นในกล้องวงจรปิดของทางร้านซึ่งตรงกับที่ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยบอก

 

"ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับที่พูดเหมือนกับว่าคุณหมอปกป้องเพื่อนคือเพราะคู่กรณีเป็นลูกชายคนใหญ่คนโตทำให้ผมเชื่อว่าฝั่งคุณผิด" นายตำรวจหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพเพราะตัวคู่กรณีดูมีเครดิตดีกว่าอีกฝ่ายตนจึงเชื่อในสิ่งที่คู่กรณีพูด

 

"งั้นก็สรุปว่าผิดทั้งคู่แต่ผิดคนละอย่างใช่มั้ยครับ" พิชัยพลเอ่ยถาม

 

"ใช่ครับผิดทั้งคู่แต่ผิดคนละอย่าง คงต้องเรียกมาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาและเสียค่าปรับและดำเนินการตามความผิดครับ คงต้องรอให้คุณนุชตรีญาหายดีแล้วค่อยเข้าพบเจ้าพนักงานนะครับ" นายตำรวจหนุ่มเอ่ยบอก

 

"ขอบคุณครับ ขอบใจนายด้วยว่ะเสือถ้าไม่ได้นายแล้วก็อีกสองคนช่วยฉันคงเสียนุชกับน้องน้ำไป" พิชัยพลเอ่ยขอบคุณนายตำรวจหนุ่มก่อนหันมาขอบคุณเพื่อนที่เข้าไปช่วยไว้ทัน

 

"เปลี่ยนคำขอบใจเป็นเลี้ยงข้าวได้ป่ะไอ้เสือมันยังไม่ได้กินไรเลยคำแรกกำลังจะเข้าปากดังโครมซะก่อนดีนะก่อนมาเนี้ยฉันแวะพาน้องน้ำกับหมอฟ้าทานข้าวก่อนไม่งั้นล่ะก็แย่แน่" ปัญญาธรเอ่ยขึ้นเพราะจำได้ว่าเพื่อนรักยังไม่ได้ทานอะไร

 

"งั้นฉันเลี้ยงข้าวนายแล้วกันไอ้เสือแล้วก็เลี้ยงกาแฟนายกับหมอคนนี้ด้วยไอ้ปัญจ์ตอบแทนที่ช่วยดูแลน้องน้ำให้ไปกัน" พิชัยพลเอ่ยบอกและชวนทั้งสามไปทานข้าวที่ร้านของผู้เป็นพี่สาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล

 

"คราวนี้อย่างให้มีเหตุแบบเมื่อกี้อีกแล้วกันสัญชาติญาณของหมอจะได้ไม่ต้องทำลายการทำงานของกระเพาะอาหารโรคกระเพาะจะได้ไม่ถามหา" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยอย่างขำขันก่อนเดินตามเพื่อนสนิทไปติดๆ ตามด้วยสองหนุ่มสาวที่เดินตามหลังไป

 

Related chapters

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่2 เหตุไม่คาดคิด

    บริษัทตกแต่งภายใน"เอาล่ะผมขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้" รณพีร์หรือพีประธานหนุ่มของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในชื่อดังเอ่ยปิดการประชุมเมื่อเห็นอาการผิดปกติของหญิงสาวที่ตนแอบชอบ"เพลงพิชชาคุณเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหน" รณพีร์ด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว"นั้นสิทรายแก เป็นไรรึเปล่าปวดหัวเหรอ" แพรวารินทร์ที่นั่งอยู่ข้างเพื่อนสาวเอ่ยถามทันทีสภาพที่หญิงสาวได้เห็นคือเพลงพิชชาหรือทรายมัณฑนากรเพื่อนรักเอามือกุมศีรษะน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด"แพรฉันปวดหัวโอ้ยไม่ไหวแล้ว" เพลงพิชชาเอ่ยขึ้นก่อนจะหมดสติไป"คุณพีค่ะรีบพาทรายไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ" แพรวารินทร์รีบเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม"โอเค" รณพีร์ตอบตกลงแล้วเดินไปอุ้มร่างของมัณฑนากรสาวที่ตนแอบรักไว้แนบอกแล้วเดินพาร่างบางไปที่รถของตนโดยมีแพรวารินทร์เดินตามหลังมาอย่างเป็นห่วงเพื่อนสนิทก่อนจะโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่สามีหรือก็คือแม่ของหญิงสาวไร้สติเพื่อบอกอาการของเพื่อนสาวโรงพยาบาลรณพีร์พาร่างไร้สติของเพลงพิชชามาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอาจเป็นเพราะโชคชะตาหรือแค่ทฤษฎีโลกกลมทำให้เป็นโรงพยาบาลที่พงศ์พยัคฆ์ทำงานอยู่และรณพี

    Last Updated : 2025-03-02
  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่3 คำขอ

    ร่างของเพลงพิชชาถูกพาไปที่ห้องพักโดยมีแพรวารินทร์นั่งอยู่ข้างเตียง พราวกะรัตและสิงหานั่งมองร่างไร้สติของลูกสาวอยู่ที่โซฟา ส่วนรณพีร์นั้นขอตัวกลับไปบริษัทก่อน พงศ์พยัคฆ์ยืนกอดอกมองน้องสาวอยู่ที่ปลายเตียงก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้"บ่ายโมงกว่าแล้วพ่อกับแม่ทานข้าวรึยังครับ" ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยถามผู้ให้กำเนิดอย่างเป็นห่วง"เรากำลังจะตั้งโต๊ะแต่หนูแพรโทรมาซะก่อน หนูแพรทานข้าวรึยังลูก" ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกบุตรชายก่อนจะหันไปถามลูกสะใภ้แต่เหมือนหญิงชราจะไม่ได้คำตอบมีแต่ความเงียบตอบกลับมา"ให้เวลาหนูแพรสักนิดเถอะคุณอย่างที่อาพยัคฆ์เคยบอกหนูแพรกลัวการสูญเสียที่สุดสภาพของหนูทรายก่อนหน้านี้มันคงทำให้หนูแพรกลัว" สิงหาเอ่ยบอกแก่คู่ชีวิตพร้อมโอบไหล่ไว้ ตนและภรรยารู้ดีว่าหญิงสาวคงสะเทือนใจเหมือนที่พ่อเลี้ยงพยัคฆ์เคยบอกว่าหญิงสาวกลัวความสูญเสียเป็นที่สุดหลังจากสูญเสียผู้ให้กำเนิดไป"ผมว่าพ่อกับแม่ไปทานข้าวดีกว่าครับหนูทรายคงไม่ฟื้นตอนนี้หรอกอีกสองสามชั่วโมงยาสลบถึงจะหมดฤทธิ์" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอก"ก็ดีไปเถอะคุณกลับมาลูกคงฟื้นพอดี" สิงหาเอ่ยขึ้นก่อนจะประคองภรรยาลุกขึ้นแต่ร่างของพราวกะรัตกลับเดินไปหาแพรวาร

    Last Updated : 2025-03-02
  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่4 เพิ่งจะคิดได้

    คอนโดมิเนียมxxx"แน่ใจนะหมอว่าที่นี่มีคนอยู่" เสียงเรียบของแพรวารินทร์เอ่ยถามหมอหนุ่มเมื่อเข้ามาในคอนโดฯ ของชายหนุ่มภาพที่เห็นตรงหน้าของแพรวารินทร์คือตำราแพทย์และหนังสืออื่นๆ ที่วางอยู่เกือบทุกที่ในห้องและเหมือนกับถูกหยิบออกมาอ่านแล้ววางทิ้งไว้ไม่เก็บไว้ที่เดิม กองกระดาษสามถึงสี่กองตั้งอย่างไม่เป็นระเบียบ บนพื้นมีกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งเกลื่อนกลาด บนเพดานและบนพื้นมีฝุ่นจับราวกับไม่ได้ทำความสะอาดมานานพอสมควร จากรูปการณ์เหมือนไม่มีผู้อาศัยมาสักพักแล้ว"ทำไมเธอถึงถามแบบนี้" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม"ของในห้องเหมือนไม่ได้แตะต้องมาสักเดือนได้มั้งฝุ่นก็จับ นอกจากเหมือนไม่มีคนอยู่แล้วแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นก็คงไม่กล้าเข้ามาแน่" มัณฑนากรสาวเอ่ยบอก"ก็คงงั้นมั้งพี่ไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้วจริงๆ " พงศ์พยัคฆ์เอ่ยตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน"หมอนี่ก็แปลกไม่กลับบ้านมาเป็นปีๆ ไอ้เราก็นึกว่าขลุกอยู่คอนโดฯ แต่ที่ไหนได้คอนโดฯ ก็ไม่อยู่หมอไปสร้างบ้านอยู่ใต้ดินรึไง" แพรวารินทร์เอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ ไม่ต้องการคำตอบก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินไปยังกองหนังสือต่างๆ ทิ้งให้พงศ์พยัคฆ์ได้แต่ส่ายหัวเมื่อถู

    Last Updated : 2025-03-02
  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่5 ต้องแก้ไขด้วยหัวใจ

    แพรวารินทร์เดินหนีออกจากห้องของชายหนุ่มแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งสีขาวข้างลิฟต์เธอพูดมันออกไปแล้วหวังว่าสิ่งที่พูดไปอาจทำให้เธอไม่ต้องจำใจตกอยู่ในสภาพเดิมนะ "หวังว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้เราได้หลุดออกจากสภาพนี้นะแพรวารินทร์"ในขณะที่ชายหนุ่มได้ใช้ความคิดและได้สำนึกต่อความผิดที่กระทำเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นจังหวะดนตรีที่เขาชื่นชอบพงศ์พยัคฆ์ล้วงโทรศัพท์หรูขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มบางๆ เขากำลังอยากระบายให้ใครซักคนที่เข้าใจเขาฟังและคนที่ชายหนุ่มนึกถึงก็โทรศัพท์มาพอดีพงศ์พยัคฆ์กดรับสายแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดออกมาปลายสายก็เอ่ยขึ้นเสียงก่อน"ทำไมรับช้าจังว่ะ" ปัญญาธรเอ่ยถามทันทีที่ชายหนุ่มกดรับสายพงศ์พยัคฆ์เอ่ยขอโทษด้วยเสียงเรียบ"โทษทีว่ะนายมีธุระอะไรเปล่า" "ไม่มีไรเที่ยงแล้วฉันเอาข้าวมาให้อยู่ในลิฟต์เดี๋ยวขึ้นไป" ปัญญาธรเอ่ยพร้อมมองตัวเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ"โอเคเเล้วเจอกัน" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกเสียงเรียบแต่แค่นี้เพื่อนรักอย่างปัญญาธรก็พอรู้ว่าคงมีสิ่งที่อยากระบายเป็นแน่ประตูลิฟต์เปิดออกร่างสูงเท่ห์ของศัลยแพทย์หนุ่มก้าวเดินออกมาก่อนสายตาจะหันไปเห็นแพรวารินทร์"น้องแพรมานั่งทำอะไรตรงนี้

    Last Updated : 2025-03-02
  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่6 สิ่งที่เลือก

    "ถ้าอยากจะแก้ไขความรู้สึกของน้องแพรฉันว่านายควรใช้หัวใจในการแก้ไขไม่ใช่ใช้แต่สมองและการกระทำ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริงแต่ถ้าการกระทำนั้นไม่ได้ออกมาจากใจมันก็สูญเปล่าและอีกอย่างนายควรเลือกได้แล้วว่าจะปล่อยน้องเขาไปหรือเก็บน้องเขาไว้ข้างตัวนายตลอดไป" คำพูดของปัญญาธรยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของพงศ์พยัคฆ์แม้เจ้าของคำพูดนั้นกลับไปแล้วก็ตาม"เฮ้อ"ร่างสูงสง่าที่นอนราบลงกับที่นอนถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตกก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาก่ายหน้าผากเขาควรทำอย่างไร? นั้นคือสิ่งที่ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนั่งเล่นพงศ์พยัคฆ์จึงลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปยังห้องนั่งเล่นสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพแพรวารินทร์นั่งแยกกองหนังสืออยู่ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะถอนหายใจหนักๆ เหมือนตัดสินใจบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ"แพรวารินทร์พี่มีเรื่องจะพูดด้วยขอเวลาสักนิดได้มั้ย" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยด้วยเสียงเรียบแต่ไม่เย็นชาเหมือนทุกครั้งแพรวารินทร์หันหน้ามามองก่อนจะถามอย่างแปลกใจ"หมอมีอะไรรึเปล่าถ้ามีอะไรจะพูดหมอก็พูดมาเถอะจะได้รีบเก็บของแพรอยากกลับไปหาทรายแล้ว" "แพรวารินทร์เธอคิดยังไงถ้าพ

    Last Updated : 2025-03-04
  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทนำ

    ภายในบ้านไม้สีขาวหลังงามที่ผู้สร้างตั้งชื่อว่าบ้านแสนรักทุกอย่างภายในนั้นเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาทั้งที่มีคนอาศัยอยู่ ผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้นอกจากคนรับใช้แล้วก็มีชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองคนอาศัยอยู่ ทั้งคู่เป็นคู่สามีภรรยาที่นับว่าแปลกสำหรับบรรดาคนรับใช้ในบ้าน เพราะถึงจะรับรู้ว่าบ้านนี้มีเจ้านายสองคนแต่ทว่าคนทั้งคู่กลับไม่เคยปรากฏตัวพร้อมกันเลยสักครั้ง ไม่มีใครเคยเห็นทั้งคู่สวีตหวานกันเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป ไม่มีสักครั้งที่ทั้งคู่ได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกันและ...ไม่มีใครเคยเห็นทั้งคู่นอนห้องเดียวกันตั้งแต่มาทำงานที่บ้านหลังนี้'ทำไมชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้กันนะ' แพรวารินทร์ สัตยบดินทร์หรือแพรวา มัณฑนากรสาววัย26ปีได้แต่เฝ้าถามตัวเองในใจในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดแล้วเหลือบไปเห็นกรอบรูปขนาดใหญ่หลายรูปที่แขวนอยู่ทางมุมหนึ่งของบันไดในรูปคือชายหนุ่มวัยประมาณ21ปีในชุดสูทครีมขาวในพิธีแต่งงานใบหน้าเงียบขรึมติดจะเฉยชาและมีความเย็นชาอยู่ในทีด้านซ้ายของชายหนุ่มคือเด็กสาวในชุดเจ้าสาวเข้าชุดกับชุดของชายหนุ่มใบหน้างามดูอ่อนวัยมือถือช่อกุหลาบขาวแสนสวยแต่ใบหน้านั้นฝืนยิ้มจนสามารถรับรู้ได้'9ปีแล้วสินะรูปนี้

    Last Updated : 2025-03-02

Latest chapter

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่6 สิ่งที่เลือก

    "ถ้าอยากจะแก้ไขความรู้สึกของน้องแพรฉันว่านายควรใช้หัวใจในการแก้ไขไม่ใช่ใช้แต่สมองและการกระทำ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริงแต่ถ้าการกระทำนั้นไม่ได้ออกมาจากใจมันก็สูญเปล่าและอีกอย่างนายควรเลือกได้แล้วว่าจะปล่อยน้องเขาไปหรือเก็บน้องเขาไว้ข้างตัวนายตลอดไป" คำพูดของปัญญาธรยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของพงศ์พยัคฆ์แม้เจ้าของคำพูดนั้นกลับไปแล้วก็ตาม"เฮ้อ"ร่างสูงสง่าที่นอนราบลงกับที่นอนถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตกก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาก่ายหน้าผากเขาควรทำอย่างไร? นั้นคือสิ่งที่ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนั่งเล่นพงศ์พยัคฆ์จึงลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปยังห้องนั่งเล่นสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพแพรวารินทร์นั่งแยกกองหนังสืออยู่ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะถอนหายใจหนักๆ เหมือนตัดสินใจบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ"แพรวารินทร์พี่มีเรื่องจะพูดด้วยขอเวลาสักนิดได้มั้ย" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยด้วยเสียงเรียบแต่ไม่เย็นชาเหมือนทุกครั้งแพรวารินทร์หันหน้ามามองก่อนจะถามอย่างแปลกใจ"หมอมีอะไรรึเปล่าถ้ามีอะไรจะพูดหมอก็พูดมาเถอะจะได้รีบเก็บของแพรอยากกลับไปหาทรายแล้ว" "แพรวารินทร์เธอคิดยังไงถ้าพ

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่5 ต้องแก้ไขด้วยหัวใจ

    แพรวารินทร์เดินหนีออกจากห้องของชายหนุ่มแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งสีขาวข้างลิฟต์เธอพูดมันออกไปแล้วหวังว่าสิ่งที่พูดไปอาจทำให้เธอไม่ต้องจำใจตกอยู่ในสภาพเดิมนะ "หวังว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้เราได้หลุดออกจากสภาพนี้นะแพรวารินทร์"ในขณะที่ชายหนุ่มได้ใช้ความคิดและได้สำนึกต่อความผิดที่กระทำเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นจังหวะดนตรีที่เขาชื่นชอบพงศ์พยัคฆ์ล้วงโทรศัพท์หรูขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มบางๆ เขากำลังอยากระบายให้ใครซักคนที่เข้าใจเขาฟังและคนที่ชายหนุ่มนึกถึงก็โทรศัพท์มาพอดีพงศ์พยัคฆ์กดรับสายแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดออกมาปลายสายก็เอ่ยขึ้นเสียงก่อน"ทำไมรับช้าจังว่ะ" ปัญญาธรเอ่ยถามทันทีที่ชายหนุ่มกดรับสายพงศ์พยัคฆ์เอ่ยขอโทษด้วยเสียงเรียบ"โทษทีว่ะนายมีธุระอะไรเปล่า" "ไม่มีไรเที่ยงแล้วฉันเอาข้าวมาให้อยู่ในลิฟต์เดี๋ยวขึ้นไป" ปัญญาธรเอ่ยพร้อมมองตัวเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ"โอเคเเล้วเจอกัน" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกเสียงเรียบแต่แค่นี้เพื่อนรักอย่างปัญญาธรก็พอรู้ว่าคงมีสิ่งที่อยากระบายเป็นแน่ประตูลิฟต์เปิดออกร่างสูงเท่ห์ของศัลยแพทย์หนุ่มก้าวเดินออกมาก่อนสายตาจะหันไปเห็นแพรวารินทร์"น้องแพรมานั่งทำอะไรตรงนี้

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่4 เพิ่งจะคิดได้

    คอนโดมิเนียมxxx"แน่ใจนะหมอว่าที่นี่มีคนอยู่" เสียงเรียบของแพรวารินทร์เอ่ยถามหมอหนุ่มเมื่อเข้ามาในคอนโดฯ ของชายหนุ่มภาพที่เห็นตรงหน้าของแพรวารินทร์คือตำราแพทย์และหนังสืออื่นๆ ที่วางอยู่เกือบทุกที่ในห้องและเหมือนกับถูกหยิบออกมาอ่านแล้ววางทิ้งไว้ไม่เก็บไว้ที่เดิม กองกระดาษสามถึงสี่กองตั้งอย่างไม่เป็นระเบียบ บนพื้นมีกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งเกลื่อนกลาด บนเพดานและบนพื้นมีฝุ่นจับราวกับไม่ได้ทำความสะอาดมานานพอสมควร จากรูปการณ์เหมือนไม่มีผู้อาศัยมาสักพักแล้ว"ทำไมเธอถึงถามแบบนี้" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม"ของในห้องเหมือนไม่ได้แตะต้องมาสักเดือนได้มั้งฝุ่นก็จับ นอกจากเหมือนไม่มีคนอยู่แล้วแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นก็คงไม่กล้าเข้ามาแน่" มัณฑนากรสาวเอ่ยบอก"ก็คงงั้นมั้งพี่ไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้วจริงๆ " พงศ์พยัคฆ์เอ่ยตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน"หมอนี่ก็แปลกไม่กลับบ้านมาเป็นปีๆ ไอ้เราก็นึกว่าขลุกอยู่คอนโดฯ แต่ที่ไหนได้คอนโดฯ ก็ไม่อยู่หมอไปสร้างบ้านอยู่ใต้ดินรึไง" แพรวารินทร์เอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ ไม่ต้องการคำตอบก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินไปยังกองหนังสือต่างๆ ทิ้งให้พงศ์พยัคฆ์ได้แต่ส่ายหัวเมื่อถู

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่3 คำขอ

    ร่างของเพลงพิชชาถูกพาไปที่ห้องพักโดยมีแพรวารินทร์นั่งอยู่ข้างเตียง พราวกะรัตและสิงหานั่งมองร่างไร้สติของลูกสาวอยู่ที่โซฟา ส่วนรณพีร์นั้นขอตัวกลับไปบริษัทก่อน พงศ์พยัคฆ์ยืนกอดอกมองน้องสาวอยู่ที่ปลายเตียงก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้"บ่ายโมงกว่าแล้วพ่อกับแม่ทานข้าวรึยังครับ" ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยถามผู้ให้กำเนิดอย่างเป็นห่วง"เรากำลังจะตั้งโต๊ะแต่หนูแพรโทรมาซะก่อน หนูแพรทานข้าวรึยังลูก" ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกบุตรชายก่อนจะหันไปถามลูกสะใภ้แต่เหมือนหญิงชราจะไม่ได้คำตอบมีแต่ความเงียบตอบกลับมา"ให้เวลาหนูแพรสักนิดเถอะคุณอย่างที่อาพยัคฆ์เคยบอกหนูแพรกลัวการสูญเสียที่สุดสภาพของหนูทรายก่อนหน้านี้มันคงทำให้หนูแพรกลัว" สิงหาเอ่ยบอกแก่คู่ชีวิตพร้อมโอบไหล่ไว้ ตนและภรรยารู้ดีว่าหญิงสาวคงสะเทือนใจเหมือนที่พ่อเลี้ยงพยัคฆ์เคยบอกว่าหญิงสาวกลัวความสูญเสียเป็นที่สุดหลังจากสูญเสียผู้ให้กำเนิดไป"ผมว่าพ่อกับแม่ไปทานข้าวดีกว่าครับหนูทรายคงไม่ฟื้นตอนนี้หรอกอีกสองสามชั่วโมงยาสลบถึงจะหมดฤทธิ์" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอก"ก็ดีไปเถอะคุณกลับมาลูกคงฟื้นพอดี" สิงหาเอ่ยขึ้นก่อนจะประคองภรรยาลุกขึ้นแต่ร่างของพราวกะรัตกลับเดินไปหาแพรวาร

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่2 เหตุไม่คาดคิด

    บริษัทตกแต่งภายใน"เอาล่ะผมขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้" รณพีร์หรือพีประธานหนุ่มของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในชื่อดังเอ่ยปิดการประชุมเมื่อเห็นอาการผิดปกติของหญิงสาวที่ตนแอบชอบ"เพลงพิชชาคุณเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหน" รณพีร์ด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว"นั้นสิทรายแก เป็นไรรึเปล่าปวดหัวเหรอ" แพรวารินทร์ที่นั่งอยู่ข้างเพื่อนสาวเอ่ยถามทันทีสภาพที่หญิงสาวได้เห็นคือเพลงพิชชาหรือทรายมัณฑนากรเพื่อนรักเอามือกุมศีรษะน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด"แพรฉันปวดหัวโอ้ยไม่ไหวแล้ว" เพลงพิชชาเอ่ยขึ้นก่อนจะหมดสติไป"คุณพีค่ะรีบพาทรายไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ" แพรวารินทร์รีบเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม"โอเค" รณพีร์ตอบตกลงแล้วเดินไปอุ้มร่างของมัณฑนากรสาวที่ตนแอบรักไว้แนบอกแล้วเดินพาร่างบางไปที่รถของตนโดยมีแพรวารินทร์เดินตามหลังมาอย่างเป็นห่วงเพื่อนสนิทก่อนจะโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่สามีหรือก็คือแม่ของหญิงสาวไร้สติเพื่อบอกอาการของเพื่อนสาวโรงพยาบาลรณพีร์พาร่างไร้สติของเพลงพิชชามาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอาจเป็นเพราะโชคชะตาหรือแค่ทฤษฎีโลกกลมทำให้เป็นโรงพยาบาลที่พงศ์พยัคฆ์ทำงานอยู่และรณพี

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทที่1 นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์

    โรงพยาบาล บานประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกด้วยฝีมือของนางพยาบาลวัยกลางคนก่อนที่ร่างสูงสมาร์ทในชุดsurubs * สีเขียวจะก้าวเดินออกมาและเดินมาทางญาติของคนไข้ "การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วอีก3-4วันก็คงจะฟื้น" นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์หรือหมอเสือ ประสาทศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศเอ่ยบอกญาติของคนไข้ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สร้างความโล่งอกและดีใจให้แก่ญาติได้อย่างดี "ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ " หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยขอบคุณหมอหนุ่มผู้ทำการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองออกให้แก่ผู้เป็นสามี "มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับไม่ต้องขอบคุณหรอก งั้นหมอขอตัวนะครับ" พงศ์พยัคฆ์เอ่ยลาก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพแล้วเดินจากไปทิ้งให้ญาติคนไข้เอ่ยชื่นชมถึงฝีมือการผ่าตัดและหน้าตาที่หล่อเหลาของผู้เป็นหมอ "หมอเสือคะ เที่ยงแล้วเราไปทานข้าวกันค่ะ" เสียงเอ่ยชวนของแพทย์หญิงฟ้ารดาหรือหมอฟ้ากุมารแพทย์สุดน่ารักของโรงพยาบาลเรียกความสนใจของพงศ์พยัคฆ์จากแผ่นฟิล์มเอกซเรย์สองถึงสามแผ่นตรงหน้าให้หันหน้ามามองเธอ "นี่เที่ยงแล้วเหรอครับผมยังคิดว่าเพิ่ง10โมง มิน่าล่ะรู้สึกหิวแปลกๆ " หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองนาฬิกาที่มันไ

  • พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก   บทนำ

    ภายในบ้านไม้สีขาวหลังงามที่ผู้สร้างตั้งชื่อว่าบ้านแสนรักทุกอย่างภายในนั้นเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาทั้งที่มีคนอาศัยอยู่ ผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้นอกจากคนรับใช้แล้วก็มีชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองคนอาศัยอยู่ ทั้งคู่เป็นคู่สามีภรรยาที่นับว่าแปลกสำหรับบรรดาคนรับใช้ในบ้าน เพราะถึงจะรับรู้ว่าบ้านนี้มีเจ้านายสองคนแต่ทว่าคนทั้งคู่กลับไม่เคยปรากฏตัวพร้อมกันเลยสักครั้ง ไม่มีใครเคยเห็นทั้งคู่สวีตหวานกันเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป ไม่มีสักครั้งที่ทั้งคู่ได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกันและ...ไม่มีใครเคยเห็นทั้งคู่นอนห้องเดียวกันตั้งแต่มาทำงานที่บ้านหลังนี้'ทำไมชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้กันนะ' แพรวารินทร์ สัตยบดินทร์หรือแพรวา มัณฑนากรสาววัย26ปีได้แต่เฝ้าถามตัวเองในใจในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดแล้วเหลือบไปเห็นกรอบรูปขนาดใหญ่หลายรูปที่แขวนอยู่ทางมุมหนึ่งของบันไดในรูปคือชายหนุ่มวัยประมาณ21ปีในชุดสูทครีมขาวในพิธีแต่งงานใบหน้าเงียบขรึมติดจะเฉยชาและมีความเย็นชาอยู่ในทีด้านซ้ายของชายหนุ่มคือเด็กสาวในชุดเจ้าสาวเข้าชุดกับชุดของชายหนุ่มใบหน้างามดูอ่อนวัยมือถือช่อกุหลาบขาวแสนสวยแต่ใบหน้านั้นฝืนยิ้มจนสามารถรับรู้ได้'9ปีแล้วสินะรูปนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status