โรงพยาบาลรักษ์บดินทร์
บานประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกด้วยฝีมือของนางพยาบาลวัยกลางคนก่อนที่ร่างสูงสมาร์ตในชุดสำหรับผ่าตัดจะก้าวเดินออกมา สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายแต่มีความขรึมอยู่ในท่าที ร่างนั้นเดินตรงไปหาญาติของคนไข้ด้วยท่าทีเป็นมิตรก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วอีก3-4วันก็คงจะฟื้น”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณจริง ๆ” หญิงสาววัยกลางคนกล่าวขอบคุณหมอหนุ่มผู้ทำการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองออกให้แก่ผู้เป็นสามีด้วยความตื้นตันใจ
นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์ สัตยบดินทร์หรือ หมอเสือ ศัลยแพทย์หนุ่มมือหนึ่งของประเทศที่เชี่ยวชาญทั้งการผ่าตัดระบบประสาท ทรวงอกและหัวใจ และการผ่าตัดทั่วไปจนสามารถเข้าผ่าตัดได้แทนได้ทุกเคสผ่าตัดยิ้มให้ญาติคนไข้เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับไม่ต้องขอบคุณหรอก งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็โน้มศีรษะลงทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ญาติคนไข้กล่าวชื่นชมถึงฝีมือการผ่าตัดและหน้าตาที่หล่อเหลาของผู้เป็นหมอกันอย่างยินดี
การได้เห็นรอยยิ้มโล่งใจไร้กังวลของญาติผู้ป่วยคือความสุขหนึ่งของชายหนุ่มตลอดหลายปีมานี้...ยอมรับว่ารอยยิ้มของคนไข้และญาติๆ คือกำลังใจที่มีค่าสำหรับเขา เขาผ่าตัดมาแล้วนับร้อยเคสแต่ก็มีหลายเคสที่การผ่าตัดอย่างเดียวไม่อาจจะช่วยได้ จนบางครั้งเขาก็อยากจะเรียนเฉพาะทางเพิ่มเพื่อเข้าไปช่วยในงานด้านนั้น ๆ ...ถ้าหากว่า9ปีก่อนตัวเขาไม่ต้องสละสิทธิ์สำหรับโอกาสหายากนั้นและได้ไปตามที่ตั้งใจไว้ก็คงจะดี...มันคงจะดีกว่านี้ ในทุก ๆ เรื่อง
“การผ่าตัดคงเหนื่อยน่าดูเลยซินะคะคุณหมอ”น้ำเสียงสอบถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยของหญิงสาวในชุดพยาบาลที่เดินตามมาทำให้คนนึกเสียดายดึงสติกลับมาสนใจปัจจุบันอีกครั้ง ชายหนุ่มมองพยาบาลสาวที่เดินตามมาเพื่อมองหาจุดประสงค์ของอีกฝ่าย
“คุณบีเดินตามผมมาทำไมครับ” เขาถามกลับไปด้วยไม่เข้าใจสาเหตุที่พยาบาลฝึกหัดสาวนามว่าเบญจาหรือบีที่เดินตามเขามาทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องตามมา
“บีคิดว่าคุณหมอน่าจะเมื่อยคอน่ะค่ะ บีเลยตามมาอาสาจะนวดให้” พยาบาลฝึกหัดสาวเอ่ยบอกความประสงค์ออกไปพร้อมทั้งส่งสายตาเชิญชวนให้แก่หมอหนุ่มอย่างแพราวพราว สองอาทิตย์ที่ตัวเธอมาเป็นพยาบาลฝึกหัดที่นี่ยอมรับเลยว่าเสน่ห์ของเธอทำให้คุณหมอหลายคนมองตามอย่างหลงใหลแต่กับคนตรงหน้านี้เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะเป็นเหมือนคนอื่น ๆ เลยและนั่นทำให้เธอสนใจอยากจะเอาชนะเขาให้ได้
“ไม่ต้องหรอกครับ เสียเวลาทำงานเปล่า ๆ” พงศ์พยัคฆ์ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่จะหันเดินเข้าห้องส่วนตัวไปอย่างไม่สนใจจะรักษาน้ำใจหรือให้เกียรติอีกฝ่าย...เขาก็ไม่ใช่คนใจดีนัก เขาให้เกียรติแค่คนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ที่บ้านไม่ได้สอนให้สุภาพกับคนที่มีความคิดไม่ดีกับตัวเอง
“เย็นชานักนะ คิดว่าฉันจะง้อเหรอ เหอะ” คนโดนเดินหนีไม่ไว้หน้าเอ่ยอย่างโกรธแค้น...ไม่เคยมีใครไม่สนใจเธอได้ ไม่มีทาง
เที่ยง
ก๊อกๆ ๆ
“หมอเสือคะ” เสียงเรียกอันไพเราะดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูดังก่อนที่ร่างบางของแพทย์หญิงฟ้ารดา อัครวิทย์ หรือ หมอฟ้า กุมารแพทย์คนสวยที่ได้รับการโหวตว่าเป็นหมอที่น่ารักที่สุดของโรงพยาบาลจะปรากฏขึ้น เสียงของเธอเรียกความสนใจของพงศ์พยัคฆ์จากแผ่นฟิล์มเอกซเรย์สองถึงสามแผ่นตรงหน้าให้หันหน้ามามองเธอได้อย่างดี ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานด้วยความสงสัยขณะที่คนมาใหม่นั้นคลี่ยิ้มกับท่าทีนั้นของเจ้าของห้อง
“เที่ยงแล้วค่ะ ไปทานข้าวกันค่ะ”
“อ้าว นี่เที่ยงแล้วเหรอครับผมยังคิดว่าเพิ่ง10โมงอยู่เลย มิน่าล่ะรู้สึกหิวแปลกๆ” หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองนาฬิกาที่มันไม่ใช่แค่เที่ยงตรงแต่เลยเที่ยงตรงไปเกือบ30นาทีแล้วก่อนจะยิ้มอ่อนใจให้ตัวเอง เขามักทำงานจนลืมเวลาแบบนี้เสมอ...ทุกทีนั่นล่ะ
หมอสาวได้แต่ส่ายหน้าคล้ายเอือมระอาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่เที่ยงนะคะแต่อีกครึ่งชั่วโมงจะบ่ายแล้วไปค่ะ ไปทานข้าวกันดีกว่า”
“เฮ้ยเสือ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” เสียงแทรกดังมาจากหน้าประตูก่อนที่ร่างสูงสมส่วนของนายแพทย์ปัญจวัตร เกตทิวรากุลหรือ หมอปัญจ์ ศัลยแพทย์ทรวงอกและหัวใจฝีมือดีของโรงพยาบาลจะปรากฏตัวขึ้นทำให้พงศ์พยัคฆ์และฟ้ารดาหันไปมอง
“งั้นดีเลยไปพร้อมกันสามคนนี่แหละ...หมอฟ้าคิดว่ายังไงครับ?” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยทำลายความเงียบเมื่อฟ้ารดาหันควับไปมองปัญจวัตรอย่างไม่พอใจ เขารู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มต้องการเข้ามาขัดขวางไม่ให้กุมารแพทย์สาวได้อยู่กับเขาสองต่อสองเพราะตั้งแต่ฟ้ารดามาทำงานที่นี่เมื่อสามปีก่อนก็มีข่าวลือว่าเขาคบหากับหญิงสาวในทางชู้สาว ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มผู้รักเพื่อนจึงต้องคอยกันข่าวลือในทางลบที่จะเกิดขึ้นโดยการแทรกกลางระหว่างเขากับเธออยู่บ่อยครั้งและเขาเองก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่มีเพื่อนคอยทำตัวราวกับเป็นเห็บเป็นหมัดอยู่ข้างๆ ออกจะคิดว่าดีซะอีกเพราะกุมารแพทย์สาวไม่ควรมีข่าวลือแย่ๆ กับเขาถึงแม้หลายคนอาจไม่รู้แต่ก็มีอาจารย์หมอบางคนในโรงพยาบาลที่ทราบว่าเขาแต่งงานแล้วอาจทำให้กุมารแพทย์สาวถูกมองไม่ดีในสายตาคนเหล่านั้นได้
“ก็ได้ค่ะ” แม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ไปกับหมอหนุ่มที่แอบชอบสองต่อสองแต่กุมารแพทย์สาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้ แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่ตาหมอช่างขัดโผล่มาทั้งที่ก่อนมาห้องนี้เธออุตส่าห์เหลียวซ้ายแลขวาดูต้นทางก่อนแล้วแต่เรื่องอะไรเธอจะยอมยกธงขาวให้ตาหมอเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนี่ได้ยิ้มเยาะเธอล่ะ หึ เมื่อเธอไม่ได้กินข้าวสองต่อสองกับพงศ์พยัคฆ์ ตาหมอเกย์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนี้ก็ต้องไม่ได้เช่นกัน
เธอจะพิทักษ์หัวใจตัวเอง และพิทักษ์อธิปไตยของพงศ์พยัคฆ์ไว้ให้ได้ “เราไปกันเลยดีกว่าค่ะ ฉันหิวแล้ว”
“งั้นไปรถผมแล้วกันผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไว้แล้ว” ปัญจวัตรเอ่ยบอกแก่ฟ้ารดาก่อนจะเดินนำออกจากห้อง หญิงสาวเดินตามหลังสองหนุ่มด้วยความเจ็บใจ พูดก็พูดเถอะ ถึงจะรู้ว่าปัญจวัตรคิดไม่ซื่อกับพงศ์พยัคฆ์จึงขัดขวางไม่ให้เธอได้ไปไหนมาไหนกับพงศ์พยัคฆ์ประจำก็เถอะ แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอไปทำให้อะไรให้ปัญจวัตรโกรธนักหนานะทำไมถึงได้ชอบขัดชอบขวางเธออยู่เรื่อย นายคนนี้น่ะไม่ใช่แค่ขัดเรื่องพงศ์พยัคฆ์หรอก เขาขัดเธอทุกเรื่องนั่นล่ะ แย้งกับเธอได้ทุกเรื่อง ทุกที่เลยล่ะตาคนนี้น่ะ
เวลาต่อมา...
ปัญจวัตรเดินนำสองหนุ่มสาวเข้ามาในร้านอาหารที่ชายหนุ่มจองไว้ก่อนที่พนักงานสาวจะเดินนำทั้งสามมายังโต๊ะติดกับกระจกใสมองออกไปภายนอกกระจกเห็นถนนใหญ่รถแล่นไปมาเสียงดังที่คุณหมอหนุ่มจองไว้
“แหม่! เลือกมุมดีนะคะหมอปัญจ์...มองเห็นถนนด้วยแถมได้ยินเสียงข้างนอกชัดแจ๋วเลย” ฟ้ารดาเอ่ยกับปัญจวัตรอย่างประชดประชัน ตั้งแต่เริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ จนมั่นใจว่าปัญจวัตรเป็นศัตรูหัวใจเมื่อปี2ก่อนเธอก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเธอกับตาคนนี้ไม่มีวันญาติดีกัน เกย์ร่างยักษ์คนนี้เธอจะขัดขวางไม่ให้ได้ล่วงล้ำอธิปไตยของพงศ์พยัคฆ์อย่างแน่นอน เพื่อผู้ชายที่เธอตกหลุมรัก เธอจะประชด เหน็บแนม และจิกกัดตาหมอเกย์นี่ให้ถึงที่สุด
“เปลี่ยนบรรยากาศไงหมอ...บรรยากาศแบบเดิมน่าเบื่อจะตาย” ปัญจวัตรยังคงไม่ทุกข์ร้อนกับคำประชดของกุมารแพทย์สาวก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หมอสาวนั่งทางฝั่งซ้ายซึ่งติดกับกระจกใสและผายมือให้เพื่อนสนิทนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับกระจกใสส่วนตนก็กลับมานั่งตรงข้ามกับกุมารแพทย์สาวที่ตอนนี้ชักสีหน้าใส่เขาอยู่ครู่ต่อมาพนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ
“นี่ฉันสั่งของโปรดนายมาเลยนะเนี่ยไอ้เสือ กินเยอะๆ” ปัญจวัตรเอ่ยขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานเพื่อนรัก “ทำงานลืมเวลาแบบนายเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาเข้าสักวัน...ถ้าหมอป่วยซะเองแล้วใครจะดูแลคนไข้กันล่ะ”
“อย่าว่าแต่คนอื่นครับหมอปัญจ์...นายก็กินเยอะ ๆ หมอฟ้าด้วยนะครับ” ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยกลับก่อนที่หยิบช้อนและส้อมขึ้นมาโดยไม่มีคำขอบคุณส่งให้ สำหรับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มองตาเขาและอีกฝ่ายก็เข้าใจกันแล้ว
ขณะที่พงศ์พยัคฆ์จะตักอาหารคำแรกเข้าปากก็มีบางสิ่งปรากฏต่อสายตาเขาจนต้องหุบยิ้ม มือหนาที่กำลังตกข้าวเข้าปากชะงัก...มันรวดเร็วจนมองไม่ทันแต่เพราะเขาเป็นคนที่สายตาดีทำให้เห็นจังหวะนั้นพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงและอีกคันด้านขวามือของชายหนุ่มขับย้อนศรมาก่อนที่รถทั้งสองจะชนประสานงากันเสียงดังสนั่น
โครม!!!
ปัญจวัตรตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นหันมองซ้ายขวาทันทีอย่างระแวดระวังพร้อมกับถามขึ้น “เสียงอะไรวะ”
“รถชนกัน” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะทิ้งช้อนลงและวิ่งออกไปนอกร้านทันทีสองหนุ่มสาวก็วิ่งตามออกไปด้วยสัญชาตญาณ ถ้าเกิดอุบัติเหตุแน่นอนว่าอาจจะมีคนได้รับบาดเจ็บดังนั้นแล้วพวกเขาควรจะไปให้ถึงที่เกิดเหตุให้ไวถ้าอยู่ใกล้ ๆ
หมอหนุ่มแหวกกลุ่มไทยมุงไปยังที่เกิดเหตุทันทีโดยมีปัญจวัตรและฟ้ารดาตามไปไม่ห่าง “ขอทางหน่อยครับผมเป็นหมอ”
“ผมเป็นหมอครับ หลีกทางหน่อย”
พงศ์พยัคฆ์เข้าไปดูอาการคนเจ็บของรถคันที่เขาเห็นเต็มตาว่าเป็นฝ่ายขับมาด้วยความเร็วและพุ่งชนประสานงากับรถอีกคัน ขณะที่ปัญจวัตรนั้นแยกไปดูรถอีกคันส่วนฟ้ารดายกโทรศัพท์มากดเรียกรถพยาบาลและตำรวจก่อนจะเข้าไปช่วยพงศ์พยัคฆ์
“รถพยาบาลกำลังจะมาแล้วค่ะ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกคนเจ็บยังคงมีสติอยู่ “อดทนไว้นะคะ"
พงศ์พยัคฆ์ที่ดูอาการของคนเจ็บถอนใจโล่งเมื่อสำรวจแล้วอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก “อาการน่าจะเคล็ดขัดยอกและกระดูกแขนร้าวไม่ถึงขั้นสาหัส อดทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา”
ในขณะที่หมอหนุ่มดูอาการคนเจ็บในรถที่ขับมาด้วยความเร็วปัญจวัตร ที่ไปดูอาการคนเจ็บที่ขับรถย้อนศรก็ตะโกนเรียก “เสือมาดูทางนี้หน่อย ที่หัวและจมูกมีเลือดออก”
“ฝากคุณหมอฟ้าดูทางนี้ด้วยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะตรงไปยังรถที่ปัญจวัตรดูอยู่ในรถมีผู้หญิงเป็นคนขับข้างๆ มีเด็กหญิงวัยประมาณสามถึงสี่ขวบนั่งร้องไห้อยู่ จากรูปการณ์หญิงสาวคงเป็นแม่ของเด็กหญิงและคงกลัวลูกจะบาดเจ็บจึงเอาตัวไปบังไว้และตอนที่รถประสานงากันศีรษะก็ไปกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างจนมีเลือดไหลออกมาอีกทั้งยังมีเลือดไหลออกทางจมูกซึ่งไม่ใช่เลือดกำเดาสาเหตุอาจจะมาจากอาการผิดปกติในระบบประสาท
“อาจจะมีเลือดคั่ง หรือไม่เธอก็น่าจะมีอาการผิดปกติในระบบประสาทมาก่อนหน้านี้แล้วทำให้มีเลือดไหลออกจากจมูก คงต้องพาไปทำำMRIที่โรงพยาบาลดูก่อน ถ้ามีเลือดคั่งก็คงเป็นเคสที่อันตรายมากแล้ว...เด็กเป็นไงบ้างวะ” พงศ์พยัคฆ์สันนิษฐานอาการอย่างไม่ปักใจในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ข้อสันนิษฐานของเขาแยกออกไปสองประเด็นคือมีเลือดคั่งในบริเวณที่อันตรายสาเหตุมาจากการกระแทกรุนแรงของรถ สองคือหญิงสาวอาจจะมีอาการผิดปกติที่ระบบประสาทอยู่ก่อนแล้วอาจจะเป็นเลือดคั่ง หรือไม่ก็เนื้องอกในสมอง แต่ถ้าหญิงสาวโชคร้ายเป็นทั้งสองข้อสันนิษฐานคงเป็นเคสที่อันตรายและต้องระวังมากในการผ่าตัด สีหน้าของคนที่ทำงานหลักเป็นประสาทศัลยแพทย์เครียดขึ้นก่อนจะหันไปถามถึงเด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่
“ไม่เป็นไรว่ะ แค่ตกใจงั้นฉันพาไปหาหมอเด็กก่อน ฉันไม่สันทัดเรื่องแบบนี้” ปัญจวัตรเอ่ยก่อนจะอุ้มเด็กหญิงไปที่หมอเด็กหรือกุมารแพทย์สาวนั่นเอง
เวลาต่อมาห้องผ่าตัดหลังจากรถพยาบาลพาคนเจ็บมาถึงโรงพยาบาลหญิงสาวก็ถูกนำตัวเข้าทำMRIทันทีและผลก็ออกมาว่ามีเลือดคั่งอยู่ในสมองบริเวณจุดสำคัญพอดีจึงถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดทันทีโดยมีพงศ์พยัคฆ์เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด โชคดีที่ไม่มีเนื้องอกอย่างที่พงศ์พยัคฆ์กังวลแต่คนเจ็บก็มีเลือดคั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว“การผ่าตัดครั้งนี้อันตรายมากเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษขอให้ทุกคนอย่าประมาท เอาล่ะก่อนอื่นเราจะเปิดกะโหลกเพื่อระบายเลือดที่คั่งออกทุกคนพร้อม” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นทุกคนพยักหน้าก่อนที่การผ่าตัดจะเริ่มขึ้นอย่างระมัดระวังจนกระทั่งสิ้นสุดการผ่าตัด ร่างอันเหนื่อยล้าก้าวออกจากห้องผ้าตัดก่อนที่จะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยล้าและโล่งใจ“เป็นไงบ้างวะเสือ ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย” ปัญจวัตรเอ่ยถามเพื่อนรักหลังจากให้การกับตำรวจเท่าที่เห็นและพาเด็กน้อยที่ดูท่าจะหิวไปทานข้าวเพราะตนกับกุมารแพทย์สาวก็ทานไปได้ไม่ถึงสามคำก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อนจากนั้นชายหนุ่มจึงขับรถกลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับฟ้ารดาและเด็กหญิงตัวน้อยที่หยุดร้องไห้แล้วหมอหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะสอบถามถึงการติดต่อญาติคนไข้ “ปลอดภัยแล้วการผ่าตัดผ่านไปได
วันต่อมา...บริษัทตกแต่งภายในเกตรัตนากรณ์ภายในห้องประชุมที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามละลานตาการประชุมอันเคร่งเครียดกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นก่อนที่จะหยุดลงเมื่อใบหน้าของบุคคลที่นั่งอยู่หัวโต๊ะดูเคร่งเครียดผิดปกติ“เอาล่ะผมขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้” รณพีร์ เกตรัตนากรณ์หรือบอสพีร์ประธานหนุ่มของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในชื่อดังแห่งนี้เอ่ยปิดการประชุมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเมื่อเห็นอาการผิดปกติของหญิงสาวที่ตนแอบชอบ“พิมพ์พิชชาคุณเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหน?” รณพีร์เอ่ยด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่คนอื่น ๆ ในห้องประชุมออกไปแล้วเหลือเพียงคนที่เขาถามไถ่และเพื่อนสนิทของเธอ ชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้วจนอดเป็นห่วงไม่ได้“นั่นสิทราย แกเป็นไรรึเปล่าปวดหัวเหรอ” แพรวารินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนสาวเอ่ยถามทันทีสภาพที่หญิงสาวได้เห็นคือพิมพ์พิชชาเพื่อนรักผู้พ่วงตำแหน่งน้องสาวสามีที่ยกมือนวดคลึงขมับอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี“ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดหัวนิดหน่อยเอง” พิมพ์พิชชาเอ่ยพร้อมยิ้มส่งให้เพื่อนรักทั้งที่อาการปวดหัวอย่างหนักกำลังเล่นงานเธออยู่ “เลิกประชุมแล้ว งั้นเราไปหาลูกค้ากันเถอะแ
ร่างของพิมพ์พิชชาถูกพาไปที่ห้องพักโดยมีแพรวารินทร์นั่งอยู่ข้างเตียง คุณหญิงพราวกะรัตและคุณสิงหานั่งมองร่างไร้สติของลูกสาวอยู่ที่โซฟา ส่วนรณพีร์นั้นขอตัวไปกลับก่อนเพราะมีนัดกับลูกค้า พงศ์พยัคฆ์ยืนกอดอกมองน้องสาวอยู่ที่ปลายเตียงก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้“บ่ายโมงกว่าแล้ว แม่ทานข้าวรึยังครับ” ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยถามผู้ให้กำเนิดอย่างเป็นห่วง“เรากำลังจะตั้งโต๊ะแต่แพรโทรมาซะก่อน อะ แล้วแพรทานข้าวรึยังลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกบุตรชายก่อนจะหันไปถามลูกสะใภ้แต่เหมือนหญิงชราจะไม่ได้คำตอบมีแต่ความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น“ให้เวลาหนูแพรสักนิดเถอะคุณหญิง อย่างที่อาพยัคฆ์เคยบอกหนูแพรกลัวการสูญเสียที่สุดสภาพของหนูทรายก่อนหน้านี้มันคงทำให้หนูแพรกลัว” คุณสิงหาเอ่ยบอกแก่คู่ชีวิตพร้อมโอบไหล่ไว้ ตนและภรรยารู้ดีว่าหญิงสาวคงสะเทือนใจไม่น้อยเลย เพราะนอกจากคุณตาแล้วพิมพ์พิชชานี่ล่ะคือคนสำคัญของแพรวารินทร์“ผมว่าแม่กับพ่อไปทานข้าวดีกว่าครับหนูทรายคงไม่ฟื้นตอนนี้หรอกอีกสองสามชั่วโมงยาสลบถึงจะหมดฤทธิ์”“ก็ดี ไปเถอะคุณกลับมาลูกคงฟื้นพอดี” คุณสิงหาเอ่ยขึ้นก่อนจะประคองภรรยาลุกขึ้นแต่ร่างของคุณหญิงพราวกะรัตกลับเดินไปห
เช้าวันแรกของการนอนโรงพยาบาลของพิมพ์พิชชาไม่ได้สดใสนัก...ออกจะอึมครึมพิกลเสียด้วย“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องทรายจะเป็นหนักได้ขนาดนี้...แสดงว่าพี่ชายไม่เก่งจริงนี่น่า” น้ำเสียงที่แสดงออกต้องการแขวะพี่ชายของคนไข้ของชายหนุ่มในชุดลายพรางพาให้พิมพ์พิชชาพาลหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหันมือบางสะกิดให้แพรวารินทร์ช่วยทำอะไรสักอย่างแต่เพื่อนสาวกลับไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย...แพรวารินทร์มัวแต่ปอกผลไม้อยู่ไม่ได้มองอะไรเลย“เก่งไม่เก่งถึงเวลาคุณต้องผ่าตัดแล้วผมเป็นหมอเจ้าของไข้คุณจะรู้เอง...อยากลองมั้ยล่ะ” พี่เสือของหญิงสาวก็ไม่ได้ปล่อยให้มีใครมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน...นี่ล่ะที่ทำให้หายใจไม่ออกไม่รู้ไปเกาเหลากันเมื่อไร่นะคู่นี้...เฮ้อ หนักใจ“พี่เมฆกับพี่เสือนี่ตลกดีเนาะ ฮะฮะ เอ่อ แล้วนี่พี่เมฆรู้ได้ยังไงคะว่าทรายอยู่โรงพยาบาล” พิมพ์พิชชาทำลายบรรยากาศมาคุด้วยการสอบถามชายในชุดลายพรางพงศ์พยัคฆ์เบือนหน้าหนีทันทีราวกับไม่อยากจะมองหน้าคนอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมน้องสาวของเขา เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี เขาคนนี้ไงล่ะคนที่อยู่ในดวงใจของแพรวารินทร์ ผู้ชายแสนดีที่ชื่อ...เมฆา“พี่โทรหาน้องแพรว่าจะ
ร่างสูงที่ควรจะเฝ้าน้องหรือไม่ก็ทำงานกลับมานั่งซึมอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทที่นั่งนิ่งไม่ทักท้วงอะไร พงศ์พยัคฆ์นั่งนิ่งอยู่นานทว่าเพื่อนหนุ่มก็ไม่ถามอะไรสักทีในที่สุดชายหนุ่มก็ต้องสอบถามออกไป“จะไม่ถามหน่อยเหรอ?”“หึ...ไม่ล่ะ เดี๋ยวอยากบอกนายก็บอกพูดเองแหละ ฉันรู้” ปัญจวัตรเอ่ยบอกพร้อมกับยักไหล่ ไอ้หมอนี่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนมากี่ปีนะถึงได้คิดว่าเขาไม่รู้จักมันดี เขารู้จักพงศ์พยัคฆ์ดีถ้าอยากพูดชายหนุ่มจะพูดเอง แต่ถ้าไม่อยากจะพูดถามให้ตายก็ไม่พูด...นี่คือสิ่งที่เขารู้หลักจากคบกันมาจวนเจียนจะเข้าปีที่30“ฉัน...” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยหลังจากที่นั่งนิ่งมาสักพัก “เข้าใจมาตลอดว่าหนูแพรรักนายเมฆ”“อันนี้ฉันรู้”“แต่ความจริงแล้วฉันเข้าใจผิดว่ะ...หนูแพรปฏิเสธนายเมฆไปแล้ว ฉันเข้าใจผิดมาตลอด”“อันนี้ฉันก็เคยบอกนาย แต่นายไม่เชื่อ นายบอกว่านายได้ยินมากับหู” ปัญจวัตรเอ่ยแล้วก็ร้องเหอะออกมา...เขาเคยพูดแล้วว่าเข้าใจผิด ไงล่ะ ไม่เชื่อเขาดีนัก“9ปี...ไม่ใช่เวลาน้อย ๆ เลย ฉัน...โคตรเลวเลยว่ะ”“เออ...เลว” ปัญจวัตรไม่ใช่เพื่อนประเภทที่ดีแต่ปลอบใจ ชายหนุ่มพูดอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ “แต่โจรยังกลับใจได้ นั
ภาพคุณหมอหนุ่มที่คุ้นหน้าเดินจับมือหญิงสาวแสนสวยออกจากห้องทำงานเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะไม่มีใครเคยเห็นคุณหมอหนุ่มทำแบบนี้มาก่อนถึงได้รู้สึกแปลกตาและแปลกใจเป็นอย่างมากและหนึ่งในนั้นก็คือฟ้ารดาที่กำลังจะกลับบ้าน ภาพที่เห็นนอกจากสร้างความแปลกใจให้เธอแล้วยังสร้างความเสียใจให้เธออีกด้วย กุมารแพทย์สาวทอดสายตามองคนที่เธอรู้สึกพิเศษจนลับตาพลางขบคิดว่าเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกัน...คนรู้จักกันธรรมดาไม่จับมือถือแขนกันอย่างนั้นเป็นแน่“มองไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะหมอฟ้า หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอชัดๆ” เสียงพยาบาลสาวขี้อิจฉาเอ่ยขึ้น นางพยาบาลสาวไม่ชอบฟ้ารดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเยาะเย้ยและเสี้ยมกุมารแพทย์สาวในทางที่ผิด ฟ้ารดาหันหน้ามามองพยาบาลสาวก่อนจะเดินหนีอย่างไม่สนใจสร้างความโมโหให้พยาบาลสาวอย่างมากจนเผลอคิดในใจอย่างโกรธแค้น‘ฉันจะทำให้เธออับอายให้ได้ฟ้ารดา หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอแบบนี้คงเจ็บไม่น้อยฉันจะทำให้เรื่องนี้รู้ไปทั่วโรงพยาบาลเลย’ด้านคนถูกมองว่านอกใจทั้งที่ไม่เคยคบยังคงจับมือมัณฑนากรสาวไม่ยอมปล่อยทั้งที่สาวเจ้าสะบัดก็แล้วจนในที่สุดแพรวารินทร์ก็หยุด
ลานจดรถโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์ร่างสูงเท่ห์เดินมาถึงลานจอดรถก่อนจะหันไปเห็นรถของกุมารแพทย์สาวยังจอดอยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานของเธอมาสักพักแล้วปัญจวัตรมองด้วยใบหน้าฉงนก่อนที่ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วเคาะประตูรถร่างบางในรถลดกระจกลงก่อนจะหันมามอง“ยังไม่กลับเหรอหมอฟ้า”“ฉันจะกลับไม่กลับก็เรื่องของฉัน” กุมารแพทย์สาวเอ่ยบอกพลางเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“หมอฟ้า คุณร้องไห้ทำไมใครทำอะไรคุณ” ศัลยแพทย์หัวใจหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูรถแล้วดึงร่างบางออกมาจากรถ“ปล่อยนะหมอปัญจ์คุณทำบ้าอะไร” กุมารแพทย์สาวเอ่ยถามก่อนจะถูกพามาที่รถของปัญจวัตร ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับก่อนจะยัดร่างของกุมารแพทย์สาวเข้าไปแล้วรีบอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง“หมอฟ้าคุณร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรคุณรึว่าเพราะข่าวลือของไอ้เสือ” หมอหนุ่มพูดก่อนจะสังเกตุเห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงเมื่อเอ่ยถึงข่าวลือ“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ ปลดล็อกฉันจะกลับ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกแต่แทนที่หมอหนุ่มจะฟังกลับสตาร์ทเครื่องก่อนรถหรูจะพุ่งทะยายไปตามทาง บ้านเกตทิวรากุลรถหรูจอดเทียบท่าหน้าบ้านหลังใหญ่
เรือนแสนรักรถหรูแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถของเรือนแสนรักสร้างความแปลกใจให้แก่แม่อุ่นและบรรดาคนรับใช้ในเรือนแสนรักเป็นอย่างมากก่อนที่จะเรียกรอยยิ้มให้พวกเขาเมื่อชายหนุ่มเจ้าของรถก้าวลงมาก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่คุ้นเคยของบรรดาคนรับใช้“คุณเสือ คุณแพร” แม่อุ่นแม่นมคนสนิทเอ่ยอย่างยินดีที่ได้เห็นคู่สามีภรรยาที่วัน ๆ แทบไม่ได้เจอหน้ากันเดินมาหาตนพร้อมกัน“นมยังไม่นอนเหรอครับ นี่ดึกแล้วนะเดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามแม่นมคนสนิท“โธ่พ่อคุณทูนหัวของนม นมก็ว่าจะนอนแล้วค่ะแต่คุณหนูทรายเธอโทรมาบอกให้จัดการเรื่องให้ก็เลยต้องมาสั่งคนนี่ล่ะค่ะ นมว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะคะ” แม่อุ่นเอ่ยบอกก่อนที่พงศ์พยัคฆ์จะโอบเอวแม่อุ่นเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่ลืมที่จะใช้มืออีกข้างไปกุมมือบางของแพรวารินทร์แล้วเดินไปพร้อม ๆกัน“แล้วนี่คุณหนูทรายเป็นอย่างไรบ้างค่ะ นมลืมถามเธอตอนที่เธอโทรศัพท์มา” แม่อุ่นเอ่ยถามเมื่อทั้งสามนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น“อาทิตย์หน้าก็จะผ่าตัดแล้วครับปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ได้ จริง ๆผมอยากจะเฝ้าน้องนะครับแต่พ่อกับแม่บอกว่าจะเฝ้าเองให้ผมกับหนูแพรกลับมานอนที่บ้าน”“ดีแล้วค่ะ คุณแ
“จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่ กลายเป็นคำตอบของใจฉันความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง...”เมื่อเสียงเพลงจบลงแพรวารินทร์ได้แต่เขินอายจนต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทั้งเขินทั้งเสียใจที่หมอหนุ่มยังคงนิ่งโดยไม่รู้เลยว่าคนที่คิดว่านิ่งนั้นแอบยิ้มและร้องไชโยในใจอยู่ถ้าไม่ติดที่ต้องเก๊กนิ่งนะเขาจะกระโดดเต้นแร้งเต้นกาเลยด้วยซ้ำ“สำเร็จ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยเบาๆอย่างดีใจเมื่อแพรวารินทร์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“สำเร็จแต่ยังไม่พอ ต้องบอกตรง ๆ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกตัวเองและทำหน้านิ่งตัวตรงอีกครั้งด้านคนในห้องน้ำยืนมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอายก่อนจะกรี๊ดลั่นแต่หมอหนุ่มก็ไม่มีทางได้ยินเพราะเป็นห้องเก็บเสียง ก่อนที่จะโทรศัพท์หาที่ปรึกษาตัวแสบอย่างพิมพ์พิชชาพร้อมเล่าทุกอย่างให้ฟัง“แก ฉันร้องเพลงบอกรักไปแล้วแต่พี่เสือยังนิ่งอีกเอาไงดีล่ะ”ด้านพิมพ์พิชชาอมยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่เธอไม่เชื่อว่าพี่ชายเธอยังนิ่งแค่ยัยเพื่อนรักไม่เห็นเท่านั้นแหละ“บอกรักผ่านเพลงอาจจะครุมเครือมั้งแก พี่เส
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วแต่คุณหมอหนุ่มยังไม่เลิกงานซึ่งนั้นก็หมายความว่าผู้ติดตามอย่างแพรวารินทร์ก็ยังไม่เลิกงานด้วยหญิงสาวมองญาติคนไข้ฉุกเฉินของพงศ์พยัคฆ์อย่างหงุดหงิดเธอพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตกใจเสียใจที่ญาติเข้าโรงพยาบาลแต่มีสิทธิ์อะไรมากอดสามีเธอไว้แบบนั้นแถมยังเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหาเขาอีกนั้นสามีของเธอนะภรรยาเขานั่งอยู่นี่ไม่เห็นรึไง‘ชิ แกนั่งอยู่นี่ทั้งคน นางยังเบียดนมเข้าแนบอกพี่เสืออีกยัยนมแตงโม’ แพรวารินทร์ได้แต่แยกเขี้ยวใส่พร้อมก่นด่าในใจตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนหึงแล้วโวยวายไม่ได้แล้วว่าเป็นยังไงและพอเข้าใจความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์ในวันนั้นแล้วด้วย แพรวารินทร์ได้แต่หงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของพงศ์พยัคฆ์เพราะทนภาพบาดตาไม่ไหวอยากจะกระชากออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด“พิมพ์พิชชาส่งคุณมาใช่มั้ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเมื่อแพรวารินทร์กลับห้องทำงานไปแล้ว เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่พยายามเอาหน้าอกมาเบียดเขาเนี่ยไม่ใช่ญาติของคนไข้แน่นอนและจะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะส่งมาถ้าไม่ใช่น้องสาวเขา“รู้ด้วย ฉลาดจังหมอขา&r
เดอะ ซัน คอนโดมิเนี่ยมคนที่ไม่ออกจากเรือนแสนรักมาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางเลือกจะมายังคอนโดมิเนียมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและเป็นที่พักในช่วงที่เขาไปทำงานที่นิติเวชร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเข้ามายังห้องนอนแล้วทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง เขาน้อยใจที่เธอว่าเขาไม่มีเหตุผลและมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นและเขาหึงที่เธออยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่นและที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของแพรวารินทร์แต่เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไปแถมเธอยังไม่มีใจให้กันอีกด้วย พงศ์พยัคฆ์ล้มลงนอนก่อนจะฝืนหลับตาลงอย่างยากลำบาก“พี่เสือคิดถึงหนูแพรนะครับ ขอแค่คิดถึงแต่จะไม่ไปกวนใจอีกแล้ว”2วันผ่านไปเรือนแสนรักเป็นเวลาสองวันแล้วหลังจากพงศ์พยัคฆ์ขับรถออกไปและหมอหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาอีกตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาช่างดูหดหู่ในความรู้สึกของแพรวารินทร์และทุกคนในบ้านที่ต่างเฝ้ารอการกลับมาของหมอหนุ่มโดยเฉพาะแพรวารินทร์ที่มีอาการเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องขอลางานอีกหนึ่งอาทิตย์“แพรจะไปตามพี่เสือกลับมา พี่เสือ
ร่างสูงสมบูรณ์แบบของพงศ์พยัคฆ์หันมองไปยังโต๊ะที่มีคนคุ้นเคยในหัวใจของเขานั่งอยู่อย่างหงุดหงิดและพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ไม่เดินเข้าไปกระชากผู้ชายคนนั้นขึ้นมาต่อยเพราะรู้ดีว่าตนทำผิดไว้มากและถ้าเดินเข้าไปต่อยลูกค้าของเธออีกมีหวังโอกาสของเขาคงหมดลงเป็นแน่แม้ว่าคำว่าสามีจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นแต่เขาไม่ใช่สามีที่เธอรักและยังอยู่ในสถานะที่รอการพิจารณาว่าจะรักหรือไม่เท่านั้นหมอหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจกลุ่มเพื่อนร่วมงานตรงหน้าที่ชวนเขามาทานอาหารเที่ยงแทน ทีมแพทย์ที่สนิทของชายหนุ่มซึ่งนำทีมโดยรามินเอ่ยชวนเขามาทานอาหารเที่ยงที่นี่พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกขค.ของเพื่อนรักกับกุมารแพทย์สาวจึงไม่คิดปฏิเสธการร่วมโต๊ะในครั้งนี้แต่เมื่อมาถึงที่นั่งของเขาดันบังเอิญมองไปเห็นอีกมุมนึงของร้านซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของหัวใจของเขานั่งอยู่นั้นเอง“พี่เสือเป็นไรเปล่า ผมว่าพี่ทำหน้าดูน่ากลัวไงไม่รู้”รามินเอ่ยถามหลังจากเห็นรุ่นพี่หนุ่มทำหร้าเหมือนจะหักคอคนได้“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ที่มากันครบทีมแบบนี้เนื่องในโอกาสอะไร” พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกอขอคอของเพื่อนรักเอ่ย
รุ่งอรุณแห่งวันเริ่มต้นการทำงานได้เริ่มขึ้นอย่างอึมครึมแต่ที่อึมครึมหาใช่สภาพอากาศไม่แต่หากเป็นความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์หลังจากกลับจากไร่พยัคฆาเมื่อเช้าวานซืนรณพีร์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าทัศนะต้องการจะดูแบบและคุยรายละเอียดกับแพรวารินทร์เพียงแค่หมอหนุ่มทราบเท่านั้นแหละถึงกับหน้าบึ้งตึงไปเฉยๆ“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ หนูแพร” คือถ้อยคำที่พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามเมื่อช่วงเช้าวานที่ผ่านมาหากแต่แพรวารินทร์กลับบอกว่าเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำจะปฏิเสธไม่ได้เพราะเคยรับปากรณพีร์ไว้แล้วแค่เพียงได้ยินเช่นนั้นหมอหนุ่มที่เคยยิ้มแย้มเอาอกเอาใจก็เงียบลงทันตาแถมพูดถามคำตอบคำจนแพรวารินทร์ได้แต่สงสัยพอเอ่ยถามหมอหนุ่มกลับบอกว่าไม่เป็นไรแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับจางหายไปตลอดหนึ่งวันมานี้ยิ่งรุ่งเช้าที่ผ่านมาหมอหนุ่มก็รีบออกไปทำงานแต่เช้าตรู่“พี่เสือหึงแกอยู่น่ะสิยัยแพร”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกขณะที่เดินมาส่งแพรวารินทร์ที่รถเพื่อไปทำงานเนื่องจากรณพีร์เกรงว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกชายหนุ่มจึงให้พักอีกหนึ่งอาทิตย์พิมพ์พิชชาจึงได้พักยาวๆจนถึงสิ้นเดือนนี้“พูดไปนั่นยัยทร
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสวันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกของพงศ์พยัคฆ์จะอยู่ที่ไร่พยัคฆารุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ทั้งหมดยกเว้นท่านสัตยะจะเดินทางกลับกรุงเทพฯความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์กับแพรวารินทร์และปัญจวัตรกับฟ้ารดาดีขึ้นมากพอสมควรส่วนรณพีร์และพิมพ์พิชชาก็ถือว่าดีแต่เมื่อใกล้จะกลับพิมพ์พิชชายิ่งต้องหาวิธีบอกว่าความจำเธอกลับมาแล้ว พิมพ์พิชชายืนมองคนอื่น ๆอย่างคิดหนักโอกาสเล่นละครว่าความทรงจำเพิ่งกลับมามีแค่วันนี้เท่านั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี‘เอาไงดีเนี่ย บอกไปตรง ๆไม่มีใครเชื่อแน่ บอกว่าจำได้ตั้งแต่สองวันแรกที่มาอีตาคุณพีร์คงโกรธแน่ เอาไงดีล่ะ ใช่แล้ว…ยัยแพร’ พิมพ์พิชชาครุ่นคิดในใจก่อนจะคิดอะไรได้หญิงสาวรีบเดินไปหาแพรวารินทร์“แพรมาทางนี้กับทรายหน่อยสิ”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักไปในมุมลับตาคน“มีอะไรจ๊ะยัยคนความจำเสื่อม” แพรวารินทร์เอ่ยแกล้งเพื่อนรักที่ทำเป็นจำอะไรไม่ได้“แกรู้?” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างตกใจไม่คิดว่าเพื่อนรักจะล่วงรู้ว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอแกล้งจำอะไรไม่ได้
ในวันที่9ของการมาเยือนไร่พยัคฆ์ของพงศ์พยัคฆ์และครอบครัวเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจรัส โปรมแกรมการฟื้นฟูความทรงจำของพิมพ์พิชชาที่แพรวารินทร์วางไว้คือการไปปิ๊กนิคที่ทุ่งหญ้าพักใจแต่เมื่อถึงถึงวันจริงพงศ์พยัคฆ์กลับมีอาการตัวร้อนแพรวารินทร์จึงอยู่คอยดูแล มีเพียงปัญจวัตร ฟ้ารดา รณพีร์ และพิมพ์พิชชาเท่านั้นที่ไปตามโปรแกรมส่วนปรียาภัทรนั้นต้องอยู่เคลียร์งานเพื่อส่งให้เจ้านายที่โทรศัพท์มาทวงงานจึงไม่ได้ไป“หนูแพรครับ พี่เสืออยากไปนั่งชิงช้าริมน้ำจังไปด้วยกันหน่อยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่แพรวารินทร์กลับจากเรือนใหญ่เพราะผู้เป็นพ่อแม่สามีเรียกให้ไปพบด้วยสาเหตุบางอย่าง“แต่ไข้ยังไม่ลดเลยนะคะ” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ไม่มีไข้แล้วครับ แตะดูสิตัวไม่ร้อนแล้วเห็นไหม”หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะจับมือขวาของหญิงสาวขึ้นสัมผัสหน้าผาก“จริงด้วย ก่อนแพรจะไปเรือนใหญ่ยังตัวร้อนจี๋อยู่เลย”แพรวารินทร์เอ่ยอย่างสงสัยหากแต่หมอหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวได้สงสัยนานไม่หมอหนุ่มลดมือหญิงสาวลงก่อนจ
“หมอปัญจ์ ฉันอยากได้ดอกไม้ตรงนั้นเอาให้หน่อย” ฟ้ารดาเอ่ยบอกขณะเดินตามทางเพื่อกลับไปที่จุดรวมพลพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ดอกของไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ปัญจวัตรมองดอกไม้ที่อยู่สูงพอสมควรก่อนจะเอ่ยขึ้น“จัดไปตามคำขอครับ คุณผู้หญิง” เมื่อจบหมอหนุ่มก็ถอดรองเท้าก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้“ระวังนะหมอปัญจ์”“รับทราบครับผม” ปัญจวัตรเอ่ยบอกและในที่สุดหมอหนุ่มก็มาถึงจุดที่มีดอกไม้ที่ฟ้ารดาต้องการหมอหนุ่มเด็ดมันก่อนจะหันไปเห็นดอกไม้อีกชนิดที่สวยงามไม่แพ้กัน หมอหนุ่มดึงมาทั้งเถาก่อนจะทำเป็นมงกุฏดอกไม้ป่าพร้อมยิ้มสายตาพลันเหลือบไปเห็นน้องสาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านล่างหมอหนุ่มจับตามองก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ...คงไม่ได้คุยกับไอ้บอสดี้นั่นอีกนะ“ได้รึยังหมอปัญจ์”เสียงของฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหมอหนุ่มเงียบไปนาน ปัญจวัตรละสายตาจากน้องสาวกลับมาสนใจดอกไม้ในมือก่อนจะปีนป่ายหาทางลงไป“นี่ครับดอกไม้ของคุณ ส่
เพราะความขบเมื่อยตรงบริเวณต้นคอปลุกให้คนแกล้งลืมต้องรู้สึกตัวขึ้นบรรยากาศรอบข้างไม่ได้น่ามองกว่าเจ้านายปากเสียของเธอเลยเพราะไหล่ขวาถูกเธอครอบครองไว้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเอาศีรษะพิงต้นไม้ใหญ่ข้างๆแทนเพื่อไม่ให้รบกวนเธอแม้จะหลับอยู่ชายตรงหน้าก็มีเสน่ห์อยู่มาก ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักเวลายิ้มก็น่ารัก‘อีตาคุณพีร์ขี้เก๊ะหลงให้เข้าใจว่าชอบยัยแพรอยู่ได้ตั้งหลายปี หึถ้าอธิบายแต่แรกฉันคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วอีตาคนซื่อบื้อ’ พิมพ์พิชชาได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเบาๆก่อนจะย่องลงไปในน้ำอย่างระวังไม่ทำให้เจ้านายขี้เซาตื่น หญิงสาวมองคนหลับอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะวิดน้ำใสใส่เต็มแรงความเย็นจากของเหลวบางอย่างทำให้รณพีร์สะดุ้งตื่นพร้อมหาที่มาของสิ่งนั้น พลันสายตาปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังสะบัดน้ำใส่เขาอย่างสนุกสนาน“คุณพีร์คะมาเล่นน้ำกัน”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางสงสัยได้แน่นอนจากการพูดที่แสนจะสุภาพ“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”รณพีร์เอ่ยถามอยากรู้ว่าพิมพ์พิชชาเวอร์ชั่นเสียความทรงจำจะทำอย่า