เช้าวันแรกของการนอนโรงพยาบาลของพิมพ์พิชชาไม่ได้สดใสนัก...ออกจะอึมครึมพิกลเสียด้วย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องทรายจะเป็นหนักได้ขนาดนี้...แสดงว่าพี่ชายไม่เก่งจริงนี่น่า” น้ำเสียงที่แสดงออกต้องการแขวะพี่ชายของคนไข้ของชายหนุ่มในชุดลายพรางพาให้พิมพ์พิชชาพาลหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหันมือบางสะกิดให้แพรวารินทร์ช่วยทำอะไรสักอย่างแต่เพื่อนสาวกลับไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย...แพรวารินทร์มัวแต่ปอกผลไม้อยู่ไม่ได้มองอะไรเลย
“เก่งไม่เก่งถึงเวลาคุณต้องผ่าตัดแล้วผมเป็นหมอเจ้าของไข้คุณจะรู้เอง...อยากลองมั้ยล่ะ” พี่เสือของหญิงสาวก็ไม่ได้ปล่อยให้มีใครมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน...นี่ล่ะที่ทำให้หายใจไม่ออก
ไม่รู้ไปเกาเหลากันเมื่อไร่นะคู่นี้...เฮ้อ หนักใจ
“พี่เมฆกับพี่เสือนี่ตลกดีเนาะ ฮะฮะ เอ่อ แล้วนี่พี่เมฆรู้ได้ยังไงคะว่าทรายอยู่โรงพยาบาล” พิมพ์พิชชาทำลายบรรยากาศมาคุด้วยการสอบถามชายในชุดลายพราง
พงศ์พยัคฆ์เบือนหน้าหนีทันทีราวกับไม่อยากจะมองหน้าคนอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมน้องสาวของเขา เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี เขาคนนี้ไงล่ะคนที่อยู่ในดวงใจของแพรวารินทร์ ผู้ชายแสนดีที่ชื่อ...เมฆา
“พี่โทรหาน้องแพรว่าจะเอาของฝากจากเชียงรายไปให้ที่บริษัทน่ะแต่น้องแพรบอกว่าไม่ได้อยู่ที่บริษัทเพราะน้องทรายเข้าโรงพยาบาลน่ะ พี่ก็เลยมาที่นี่”
“ฮะฮ่า ตกใจมากเลยสิที่ทรายเป็นแบบนี้”
“ตกใจสิ มากเลยด้วย”
การสนทนาภายในห้องตกเป็นของพิมพ์พิชชาและเมฆาขณะที่พี่ชายแท้ ๆ ของคนไข้กลับมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่แสดงความผิดปกติใด ๆ ดวงตาคู่คมไหววูบโดยไม่มีใครได้เห็นเมื่อย้อนคิดไปถึงอดีตอันยาวนาน...นานจนคิดว่าจะลืมแต่ก็ไม่เคยลืมได้สักวินาทีเดียว
9ปีก่อน
“จะเอาดอกไม้ไปไหนเหรือครับไอ้คุณเสือ” น้ำเสียงล้อเลียนที่ถูกส่งมาทำให้พงศ์พยัคฆ์ในวัย21ปียิ้มเขินออกมาน้อย ๆ ดวงตาคมยังคงจดจ้องช่อดอกกุหลาบขาวช่อโตในมือ ปัญจวัตรจึงยังคงล้อเลียนต่ออย่างสนุกสนาน “แหมๆๆ เอ ใครน๊าชอบดอกกุหลาบขาว เอๆ ใครน๊า...จะเอาไปสารภาพรัก?”
“เฮ้ยไม่ใช่...ฉันไม่ได้เอาไปให้เพราะเจตนาแบบนั้น” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยปฎิเสธ “อย่าเข้าใจผิดซิวะ ฉันไม่ได้รู้สึกพิเศษแบบนั้นกับน้องเขาซะหน่อย”
“แน่ใจนะเว้ย นายเนี่ยห่วงน้องเขายิ่งกว่าฉันที่เป็นญาติอีก” ปัญจวัตรเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตรง ๆแต่คนทั้งสองก็เข้าใจตรงกันว่า “น้องเขา” คนนั้นคือแพรวารินทร์ เขาไม่อยากจะเชื่อพงศ์พยัคฆ์ว่าชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเด็กสาวผู้ที่มีศักดิ์เป็นญาติของเขา คุณปู่ของเขาเป็นพี่ชายของพ่อเลี้ยงพยัคฆ์เขาจึงมีศักดิ์เป็นญาติที่สนิทกันแต่พงศ์พยัคฆ์ปฏิบัติกับแพรวารินทร์ดียิ่งกว่าตัวเขาที่มีศักดิ์เป็นพี่เสียอีก แบบนี้น่ะเหรอไม่ได้รู้สึกพิเศษ
“แน่ใจซิ น้องเว้ย เพื่อนน้องก็เหมือนน้อง” นักศึกษาแพทย์ตัวท็อปของมหาวิทยาลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก “ไม่ได้...พิเศษอะไรเลย”
“จะพยายามเชื่อเว้ย” ปัญจวัตรเอ่ยแล้วถอนหายใจขำๆ เพื่อนเขายังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองนั้นรู้สึกพิเศษกับญาติผู้น้องเขาเข้าเต็มเปาแล้ว เมื่อไหร่ล่ะเนี่ยพงศ์พยัคฆ์ถึงจะรู้หัวใจตัวเอง
“ไม่ไร้สาระกับนายแล้ว ไปล่ะ” คนพูดแล้วเพื่อนสนิทไม่เชื่อเอ่ยก่อนที่จะหอบช่อดอกกุหลาบเดินจากไป
ปัญจวัตรมองตามแล้วส่ายหน้าขำๆ “เอาเข้าไป ไม่ได้พิเศษอะไรแต่หอบดอกไม้ที่เขาชอบไปให้เขา เหอะ”
ด้านคนหอบดอกไม้มาฝาก “เพื่อนน้องสาวผู้ไม่ได้พิเศษอะไรเลย” นั้นอมยิ้มอย่างไม่เข้าใจตัวเองจนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของเด็กสาว ชายหนุ่มก้มลงมองช่อกุหลาบในมืออีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านยังไม่ทันที่จะได้เจอเจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากห้องนั่งเล่นเสียก่อนจนเขาต้องหยุดฟัง
“ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะที่ช่วยหนูไว้ ถ้าไม่ได้พี่เมฆช่วยคงแย่แน่เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”
“ทรายกับพี่เสือต้องชอบของขวัญวันเกิดปีนี้แน่ ๆเลย”
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ เออ จริงสิคะน้องแพร ความจริงแล้วพี่...กำลังจะไปช่วยงานที่หาดใหญ่น่ะ ก็เลยมาหาเราที่นี่”
“แล้วมาหาหนูทำไมคะ”
“พี่คิดว่าพี่รักน้องแพรค่ะ”
“พี่เมฆ?”
“แล้วเราล่ะรักพี่ไหม ถึงมันจะเร็วไปแต่พี่ก็รู้จักเรามาครบปีแล้วนะจะเร็วไปไหมถ้าพี่จะขอหมั้นเราไว้ก่อน”
เสียงสนทนาเงียบลงไปในขณะที่คนแอบฟังนั้นหัวใจเต้นโครมครามราวกับลุ้นคำตอบ คนที่สนทนากันอยู่หนึ่งคนคือแพรวารินทร์ส่วนอีกคนนั้นคือเมฆา นายทหารหนุ่มโปรไฟล์ดีที่บังเอิญเข้ามาช่วยแพรวารินทร์ไว้ไม่ให้ถูกรถชนเมื่อปีก่อน นับแต่นั้นนายทหารหนุ่มคนนี้ก็มาหาแพรวารินทร์ทุกเย็นราวกับคนว่างจัดจนคนทั้งคู่สนิทกัน...สนิทจนบางครั้งสาวน้อยละเลยเขากับน้องสาวเลยทีเดียว
“หนู...รักพี่เมฆค่ะ”
“จริงเหรอคะ พี่ดีใจนะที่เราใจตรงกัน” เสียงสนทนาดังขึ้นอีกครั้งคำตอบของแพรวารินทร์ยังไม่ทันจบประโยคแต่ทั้งคนด้านในและด้านนอกก็เข้าใจเพียงว่าแพรวารินทร์ใจตรงกับนายทหารหนุ่ม
คำตอบของแพรวารินทร์ทำให้พงศ์พยัคฆ์รู้สึกเจ็บอย่างบอกอาการไม่ได้ชายหนุ่มรีบเดินออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รั้งฟังต่อราวกับกลัวยิ่งฟังจะยิ่งเจ็บ
ปัจจุบัน
มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตของเขา...ในตอนนั้นเองที่เขารู้ใจตัวเองว่าเขารักเพื่อนน้องสาวคนนี้ในแบบที่พิเศษกว่าการเป็นพี่น้อง ความผูกพันแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ไม่อาจตัดใจได้ แต่ในตอนนั้นอีกเช่นกันที่เขาได้รู้ว่าแพรวารินทร์รักเมฆา
แน่นอน...คนแพ้ก็ต้องเก็บอาการและเดินจากออกมา
เขาจะไปเทียบอะไรผู้ชายคนนี้ได้
“อย่ามัวพูดเรื่องอื่นอยู่สิคะพี่เมฆ...พูดเรื่องสำคัญดีกว่า” เสียงหวานของแพรวารินทร์ที่เงียบมาโดยตลอดดังขึ้นทำให้คุณหมอหนุ่มหันมาสนใจปัจจุบันอีกครั้งแม้ว่าไม่อยากจะสนใจ
“คือ...”
“เซย์เยส หรือเซย์โนคะ” พิมพ์พิชชาเอ่ยพร้อมกับแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกับแพรวารินทร์ที่มองเมฆาอย่างคาดคั่น
เมฆายกมือเกาท้ายทอยด้วยก่อนจะเอ่ย “วันที่20เดือนหน้าที่เชียงใหม่”
“กรี๊ด แพรแกได้ยินมั้ย พี่เมฆขายออกแล้ว” พิมพ์พิชชาร้องกรี๊ดอย่างดีใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบแพรวารินทร์ที่นน้อยครั้งจะยิ้มเองก็คลี่ยิ้มจนแก้มแทบแตกเช่นกัน
“ดีใจด้วยค่ะพี่เมฆ ทราย เราต้องเตรียมชุดกันแล้ว กั้นประตูกันมั้ย?”
“เป็นความคิดที่ดีเลยแก เราต้องปล้นพี่เมฆให้หมดตัวเลยจะมาเป็นน้องเขยพวกเราทั้งที” พิมพ์พิชชาเอ่ยก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ “แล้วฉันจะออกโรงพยาบาลทันวันงานมั้ยอะแก...พี่เสือ น้องต้องได้ไปงานนะ น้องต้องหายทันวันงาน พี่เสือต้องช่วยน้องนะ”
“วันงานอะไร?”
เมฆายิ้มระรื่นก่อนที่จะตอบด้วยท่าทีโอ้อวด “งานแต่งของฉันไง วันที่20เดือนหน้านี้”
“งานแต่งงาน?” มันคือสิ่งที่ฟังแล้วในหัวมีแต่ความสงสัย อะไรกันเมฆากำลังจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ
“ใช่ค่ะ พี่เมฆจะแต่งงาน แล้วก็ไม่ได้แต่งกันใครที่ไหนนะคะ น้องพลอยลูกอาสิริของเรานี่เอง”
“น้องพลอย?” คนกำลังจะแต่งงานยิ้มก่อนที่จะตอบออกไป “ใช่ ฉันกับพลอยคบกันมาหลายปีแล้ว”
กริ๊ง
“น้องพลอยโทรตามแล้วพี่คงต้องกลับแล้วนะน้องแพร น้องทราย มันอาจจะฉุกละหุกไปหน่อยแต่หวังว่าคุณจะรับผมเป็นน้องเขยนะหมอ หวังว่าวันงานเราจะเจอกัน” คนที่อยู่ ๆ ก็มีธุระเร่งด่วนเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่ทันได้คิดถี่ถ้วนร่างสูงก็ตามไปทันทีจนสองสาวภายในห้องได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงง...พงศ์พยัคฆ์เป็นอะไรไปล่ะ
“เดี๋ยว” หมอหนุ่มเรียกไว้ก่อนที่จะเร่งรุดมายืนขวางหน้านายทหารหนุ่ม “ที่ผ่านมานายกับแพร...ไม่ได้รักกันแบบหญิงชายเหรอ”
“อ้าว ทำไมนายคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้วะ” เมฆาถามกลับอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน และแล้วเขาก็พอจะคาดเดาอะไรได้ คงไม่ใช่ว่านายคนนี้เข้าใจผิดว่าเขารักกับแพรวารินทร์หรอกนะถึงได้ละเลยเธอมาตลอด “เฮ้ย ฟังนะไอ้หมอแมว ฉันรักน้องแพรเหมือนน้องสาวแท้ ๆ เว้ย เขาเองก็รักฉันแบบพี่คนนึง”
“งั้นหรอกเหรอ” เสียงที่เปล่งออกมาราวกับพงศ์พยัคฆ์กำลังถามตัวเองแต่ถึงจะอย่างนั้นเมฆาก็เอ่ยอธิบายให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าใจ
“ความจริงฉันก็เคยชอบน้องเขาแบบชายหญิงนะ เคยสารภาพรักด้วยแต่น้องเขาบอกว่ารักฉันแบบพี่ชาย อยากให้ฉันเป็นพี่ชายเขาตลอดไป น้องเขาเป็นคนชัดเจนนะ ถ้าไม่ชอบก็วางสถานะให้อย่างตรงไปตรงมา แล้วนายล่ะ น้องเขาเคยขอให้นายเป็นพี่ชายตลอดไปไหม”
“...” ความเงียบของหมอหนุ่มทำให้เมฆาลอบยิ้ม คนตรงหน้าคงไม่ถูกขีดสถานะให้เป็นพี่ชายตลอดไปเป็นแน่ “ถ้าไม่ แสดงว่านายยังมีหวัง ให้ตายเถอะ ตอนนั้นคิดแบบนี้แล้วโคตรอิจฉาเลย แต่ตอนนี้ไม่แล้วเพราะนายชักจะทำตัวเองจนไม่อาจบอกได้เลยว่าน้องเขาจะมองนายเป็นคนแปลกหน้าหรืออากาศ ไม่คุยด้วยล่ะต้องรีบไปรับแฟน ไปล่ะไอ้หมอแมว”
“โอ๊ะ” คนนำลังจะก้าวออกไปส่งเสียงอุทานขึ้นก่อนจะเอ่ยบอก “คงไม่โกรธนะที่ฉันเปลี่ยนชื่อจากเสือให้เป็นแมวนะ ถึงโกรธฉันก็ไม่สนหรอก บาย”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ หึ แกนี่มันโง่งี่เง่าจริง ๆไอ้เสือเอ้ย” เมฆาออกไปแล้วแต่หมอหนุ่มยังคงยืนนิ่งคิดอยู่ ที่ผ่านมาเขางี่เง่าเข้าใจผิดใช่ไหม มันบ้าที่สุด เขามันบ้า โง่ และงี่เง่า
ปีนั้นด้วยด้วยความเจ็บปวดผิดหวังทำให้เขาอยากหายไปไกล ๆและในที่สุดก็เขาสอบชิงทุนไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยสายการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกทั้งที่ก่อนนั้นไม่เคยมีความคิดจากบ้านไปไหนเลยสักนิด
ในตอนแรกก็เป็นไปด้วยดีเขาสอบติดแต่แล้วเขาก็ถูกคนเป็นปู่บังคับให้สละสิทธิ์เพราะไม่อยากให้เขามุ่งมั่นกับการแพทย์มากนักด้วยว่าเขายังมีธุรกิจสายการบินและศูนย์การค้าของตระกูลให้ต้องสืบทอดในอนาคต เพราะท่านรู้ว่าถ้าให้เหตุผลเรื่องสานต่อธุรกิจเขาจะไม่ฟังคุณสัตยาผู้เป็นปู่จึงให้เหตุผลว่าเขาจะต้องแต่งงานกับแพรวารินทร์เพื่อปกป้องเด็กสาวจากผู้ไม่หวังดี เพราะพ่อเลี้ยงพยัคฆ์ลงแรงขอร้องด้วยเขาจึงยอมตกลงแต่งงานแต่ในใจก็เกิดทิฐิต่อต้านคนเป็นปู่และพ่อขึ้นมา ทั้งคู่ได้แยกแพรวารินทร์จากคนที่เธอรักแล้วเขายังจะมีหน้าเห็นแก่ตัวเข้าไปแทรกกลางอีกเหรอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่จนถึงทุกวันนี้เขาแทบจะไม่มองหน้าสบตาหญิงสาวเลย...เพราะไม่อยากให้เธอลำบากใจอย่างไรล่ะ
ในตอนนี้เขาก็ได้รู้ว่าตัวเขามันบ้าสิ้นดี งี่เง่า ไร้สาระ และเป็นสามีที่แย่มาก ถ้าเขาจะแก้ไขตอนนี้มันจะสายเกินไปหรือเปล่านะ หรือจะเป็นอย่างที่เมฆาพูด ตอนนี้เขาเป็นคนแปลกหน้า หรือ อากาศ สำหรับแพรวารินทร์ไปแล้วรึเปล่านะ
ร่างสูงที่ควรจะเฝ้าน้องหรือไม่ก็ทำงานกลับมานั่งซึมอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทที่นั่งนิ่งไม่ทักท้วงอะไร พงศ์พยัคฆ์นั่งนิ่งอยู่นานทว่าเพื่อนหนุ่มก็ไม่ถามอะไรสักทีในที่สุดชายหนุ่มก็ต้องสอบถามออกไป“จะไม่ถามหน่อยเหรอ?”“หึ...ไม่ล่ะ เดี๋ยวอยากบอกนายก็บอกพูดเองแหละ ฉันรู้” ปัญจวัตรเอ่ยบอกพร้อมกับยักไหล่ ไอ้หมอนี่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนมากี่ปีนะถึงได้คิดว่าเขาไม่รู้จักมันดี เขารู้จักพงศ์พยัคฆ์ดีถ้าอยากพูดชายหนุ่มจะพูดเอง แต่ถ้าไม่อยากจะพูดถามให้ตายก็ไม่พูด...นี่คือสิ่งที่เขารู้หลักจากคบกันมาจวนเจียนจะเข้าปีที่30“ฉัน...” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยหลังจากที่นั่งนิ่งมาสักพัก “เข้าใจมาตลอดว่าหนูแพรรักนายเมฆ”“อันนี้ฉันรู้”“แต่ความจริงแล้วฉันเข้าใจผิดว่ะ...หนูแพรปฏิเสธนายเมฆไปแล้ว ฉันเข้าใจผิดมาตลอด”“อันนี้ฉันก็เคยบอกนาย แต่นายไม่เชื่อ นายบอกว่านายได้ยินมากับหู” ปัญจวัตรเอ่ยแล้วก็ร้องเหอะออกมา...เขาเคยพูดแล้วว่าเข้าใจผิด ไงล่ะ ไม่เชื่อเขาดีนัก“9ปี...ไม่ใช่เวลาน้อย ๆ เลย ฉัน...โคตรเลวเลยว่ะ”“เออ...เลว” ปัญจวัตรไม่ใช่เพื่อนประเภทที่ดีแต่ปลอบใจ ชายหนุ่มพูดอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ “แต่โจรยังกลับใจได้ นั
ภาพคุณหมอหนุ่มที่คุ้นหน้าเดินจับมือหญิงสาวแสนสวยออกจากห้องทำงานเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะไม่มีใครเคยเห็นคุณหมอหนุ่มทำแบบนี้มาก่อนถึงได้รู้สึกแปลกตาและแปลกใจเป็นอย่างมากและหนึ่งในนั้นก็คือฟ้ารดาที่กำลังจะกลับบ้าน ภาพที่เห็นนอกจากสร้างความแปลกใจให้เธอแล้วยังสร้างความเสียใจให้เธออีกด้วย กุมารแพทย์สาวทอดสายตามองคนที่เธอรู้สึกพิเศษจนลับตาพลางขบคิดว่าเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกัน...คนรู้จักกันธรรมดาไม่จับมือถือแขนกันอย่างนั้นเป็นแน่“มองไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะหมอฟ้า หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอชัดๆ” เสียงพยาบาลสาวขี้อิจฉาเอ่ยขึ้น นางพยาบาลสาวไม่ชอบฟ้ารดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเยาะเย้ยและเสี้ยมกุมารแพทย์สาวในทางที่ผิด ฟ้ารดาหันหน้ามามองพยาบาลสาวก่อนจะเดินหนีอย่างไม่สนใจสร้างความโมโหให้พยาบาลสาวอย่างมากจนเผลอคิดในใจอย่างโกรธแค้น‘ฉันจะทำให้เธออับอายให้ได้ฟ้ารดา หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอแบบนี้คงเจ็บไม่น้อยฉันจะทำให้เรื่องนี้รู้ไปทั่วโรงพยาบาลเลย’ด้านคนถูกมองว่านอกใจทั้งที่ไม่เคยคบยังคงจับมือมัณฑนากรสาวไม่ยอมปล่อยทั้งที่สาวเจ้าสะบัดก็แล้วจนในที่สุดแพรวารินทร์ก็หยุด
ลานจดรถโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์ร่างสูงเท่ห์เดินมาถึงลานจอดรถก่อนจะหันไปเห็นรถของกุมารแพทย์สาวยังจอดอยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานของเธอมาสักพักแล้วปัญจวัตรมองด้วยใบหน้าฉงนก่อนที่ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วเคาะประตูรถร่างบางในรถลดกระจกลงก่อนจะหันมามอง“ยังไม่กลับเหรอหมอฟ้า”“ฉันจะกลับไม่กลับก็เรื่องของฉัน” กุมารแพทย์สาวเอ่ยบอกพลางเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“หมอฟ้า คุณร้องไห้ทำไมใครทำอะไรคุณ” ศัลยแพทย์หัวใจหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูรถแล้วดึงร่างบางออกมาจากรถ“ปล่อยนะหมอปัญจ์คุณทำบ้าอะไร” กุมารแพทย์สาวเอ่ยถามก่อนจะถูกพามาที่รถของปัญจวัตร ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับก่อนจะยัดร่างของกุมารแพทย์สาวเข้าไปแล้วรีบอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง“หมอฟ้าคุณร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรคุณรึว่าเพราะข่าวลือของไอ้เสือ” หมอหนุ่มพูดก่อนจะสังเกตุเห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงเมื่อเอ่ยถึงข่าวลือ“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ ปลดล็อกฉันจะกลับ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกแต่แทนที่หมอหนุ่มจะฟังกลับสตาร์ทเครื่องก่อนรถหรูจะพุ่งทะยายไปตามทาง บ้านเกตทิวรากุลรถหรูจอดเทียบท่าหน้าบ้านหลังใหญ่
เรือนแสนรักรถหรูแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถของเรือนแสนรักสร้างความแปลกใจให้แก่แม่อุ่นและบรรดาคนรับใช้ในเรือนแสนรักเป็นอย่างมากก่อนที่จะเรียกรอยยิ้มให้พวกเขาเมื่อชายหนุ่มเจ้าของรถก้าวลงมาก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่คุ้นเคยของบรรดาคนรับใช้“คุณเสือ คุณแพร” แม่อุ่นแม่นมคนสนิทเอ่ยอย่างยินดีที่ได้เห็นคู่สามีภรรยาที่วัน ๆ แทบไม่ได้เจอหน้ากันเดินมาหาตนพร้อมกัน“นมยังไม่นอนเหรอครับ นี่ดึกแล้วนะเดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามแม่นมคนสนิท“โธ่พ่อคุณทูนหัวของนม นมก็ว่าจะนอนแล้วค่ะแต่คุณหนูทรายเธอโทรมาบอกให้จัดการเรื่องให้ก็เลยต้องมาสั่งคนนี่ล่ะค่ะ นมว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะคะ” แม่อุ่นเอ่ยบอกก่อนที่พงศ์พยัคฆ์จะโอบเอวแม่อุ่นเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่ลืมที่จะใช้มืออีกข้างไปกุมมือบางของแพรวารินทร์แล้วเดินไปพร้อม ๆกัน“แล้วนี่คุณหนูทรายเป็นอย่างไรบ้างค่ะ นมลืมถามเธอตอนที่เธอโทรศัพท์มา” แม่อุ่นเอ่ยถามเมื่อทั้งสามนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น“อาทิตย์หน้าก็จะผ่าตัดแล้วครับปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ได้ จริง ๆผมอยากจะเฝ้าน้องนะครับแต่พ่อกับแม่บอกว่าจะเฝ้าเองให้ผมกับหนูแพรกลับมานอนที่บ้าน”“ดีแล้วค่ะ คุณแ
“ทำอะไรอยู่ครับนมหอมจัง” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามทันทีที่เข้ามาถึงห้องครัวของเรือนแสนรัก แม่อุ่นที่กำลังวุ่นอยู่กับข้าวต้มกุ้งตรงหน้าหันมองหน้าเจ้านายหนุ่มที่ตนอุ้มชูมาก่อนจะเอ่ยตอบ“ก็ข้าวต้มกุ้งของโปรดคุณเสือไงค่ะ รออีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ”“จริงเหรอครับดีจังเสือคิดถึงข้าวต้มกุ้งฝีมือนมที่สุดเลย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกพร้อมทั้งออดอ้อนแม่นมเล็กๆ“แหม่ถ้าจริงอย่างคุณเสือว่าทูนหัวคงอยู่ทานทุกมื้อแล้วค่ะ ไม่รีบร้อนออกไปปล่อยให้อาหารนมกินแห้วแบบนี้ตั้ง9ปีหรอกค่ะ” แม่อุ่นเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“นมครับต่อไปเสือจะทานอาหารนมทุกวันเลยหายงอนนะครับดีกันนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกพร้อมยกนิ้วก้อยขึ้นมา แม่อุ่นหัวเราะร่าก่อนจะยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเจ้านายหนุ่ม“คุณนมขาข้าวต้มกุ้งจะไหม้แล้วค่ะ” แต้วเอ่ยแซวผู้อาวุโสกว่าที่เธอรักดั่งบุพการี แม่อุ่นหันมาตีแขนแต๋วก่อนจะหันมาบอกนายหนุ่ม“คุณเสือไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะคะทูนหัวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ”“ครับนม ผมจะรอที่ศาลาริมน้ำนะครับ” พงศ์พ
พงศ์พยัคฆ์นั่งมองแพรวารินทร์คุยงานกับปกรณ์ลูกค้าวัยกลางคนของน้องสาวที่แพรวารินทร์ต้องเข้ามาพูดคุยและรับผิดชอบแทนโดยไม่คิดจะละสายตา เขาไม่ได้มองหญิงสาวมาตั้งนานในตอนนี้เขาจึงอยากจะมองชดเชยที่ไม่กล้ามองมานาน...มองเธอให้นานที่สุดแม้ว่าจะมีพงศ์พยัคฆ์มานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แต่แพรวารินทร์ก็ไม่ได้ประหม่าจนเสียงาน หญิงสาวพูดคุยกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงสบายหูจนแม้แต่พงศ์พยัคฆ์เองยังรู้สึกสบายไปด้วยแม้จะมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็ตาม“ผมไม่มีปัญหากับแบบที่นำเสนอนะครับ ทางผมไม่ได้รีบร้อนอะไรทางบริษัทไม่ต้องกังวล และคุณแพรวารินทร์เองก็ไม่ต้องมาคุมงานนี้แทนหรอกครับ ผมได้ยินว่าคุณแพรวารินทร์มีงานใหญ่ที่ต้องทำอีกหลายงาน ไม่ต้องลำบากหรอก บอกตามตรงผมถูกชะตาคุณพิมพ์พิชชามากอยากให้เธอได้เป็นคนควบคุมงานที่เธอออกแบบด้วยตัวเธอเอง”“ทางเราเองก็อยากให้พิมพ์พิชชาได้ทำค่ะ แต่ก็เกรงว่าทางคุณปกรณ์รอไม่ไหว”“รอได้ครับ ผมจะรอมัณฑนากรเจ้าของแบบนี้ แล้วก็หวังว่าคุณพิมพ์พิชชาจะหายกลับมาจัดการงานนี้ด้วยตัวเองได้ในเร็ววันนะครับ”“พิมพ์พิชชาจะกลั
ดวงตาคู่หวานทอดสายตามองปลาสวยงามในตู้ปลาตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเหนื่อยล้าและหมดแรงเท่าตอนนี้เลย ตอนรู้ความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์และหญิงสาวอีกคนก็ช็อคแล้วยิ่งได้เห็นทั้งคู่เดินจับจูงมือกันอีกยิ่งรู้สึกเสียใจ“ยังไม่เลิกทำหน้าเหมือนหมาเปิดปลากระป๋องไม่ได้อีกเหรอคุณ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยทักจากด้วยหลังทำให้คนยืนมองตู้ปลาอยู่ต้องละลายตาไปมอง “อุตส่าห์พาไปเลี้ยงข้าวปลอบใจถึงที่บ้านคุณยังไม่หายเศร้าอีกเหรอ อะไรจะอกหักเบอร์นั้นครับหมอฟ้ารดา”“ยุ่ง” คนโดนถามว่าแล้วก็หัวกลับไปดูปลาในตู้ต่อไป “เป็นปลานี่ดีเนอะ ไม่เห็นจะอกหักรักคุดเหมือนคนเลย”“อกหักแล้วเพี้ยนก็มีด้วยเว้ยเห้ย ไปกันใหญ่ ปะ ไปกินข้าวบ้านผมดีกว่าวันนี้ม้าผมทำแต่ของอร่อย เผื่อจะหายจากอาการอกหักบ้าง” ว่าแล้วก็ดันไหล่หญิงสาวจากด้านหลังออกไปจากโรงพยาบาลทันที ที่รีบก็เพราะเขากลัวสาวเจ้าจะได้เห็นภาพบาดตาเข้าอีกน่ะสิวันนี้ก็เป็นอีกวันที่บ้านเกตทิวรากุลได้ต้อนรับแขกสาวอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ต้อนรับไปแล้วทว่าคุณหญิงปริศนากลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรแม้แต่น้อย ออกจะชอบใจ
วันต่อมาโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์การที่พงศ์พยัคฆ์ไปไหนมาในกับแพรวารินทร์ถือเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงไม่หยุดตั้งแต่ที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของหมอหนุ่ม บ้างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอหนุ่มผู้แสนเย็นชาและเงียบขรึมที่ทำให้หมอหนุ่มเปลี่ยนเป็นคนที่มีรอยยิ้ม บ้างก็ใคร่รู้เหลือเกินว่าหญิงสาวเป็นใครทำไมถึงได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเสือยิ้มยากของโรงพบายาลได้แบบนี้และข่าวล่ามาแรงวันนี้ก็คือข่าวสารที่ว่าคืนวานนี้คุณหมอหนุ่มและหญิงสาวคนนั้นไม่ได้กลับออกไปจากโรงพยาบาลจนกระทั่งช่วงสาย ๆ จึงได้จูงมือกันออกไปข้างนอกคุณหญิงปริศนาเงี่ยหูฟังพยาบาลสาวที่เม้าท์กันอย่างเมามันก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวที่กำลังตั้งใจฟังอยู่ไม่แพ้กันแล้วก็ได้แต่พ้นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย“เรื่องชาวบ้านนี่ขยันจริง ๆ คนเรานี่”“นั่นสิคะ โอ๊ะ นั่นพี่เสือกับพี่แพรนี่คะ” ปรียาภัทรเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปเห็นคนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินไปยังลิฟต์จึงส่งเสียงเรียกทันที“พี่แพร พี่เสือ” เสียงร้องเรียกทำให้แพรวาริน
“จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่ กลายเป็นคำตอบของใจฉันความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง...”เมื่อเสียงเพลงจบลงแพรวารินทร์ได้แต่เขินอายจนต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทั้งเขินทั้งเสียใจที่หมอหนุ่มยังคงนิ่งโดยไม่รู้เลยว่าคนที่คิดว่านิ่งนั้นแอบยิ้มและร้องไชโยในใจอยู่ถ้าไม่ติดที่ต้องเก๊กนิ่งนะเขาจะกระโดดเต้นแร้งเต้นกาเลยด้วยซ้ำ“สำเร็จ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยเบาๆอย่างดีใจเมื่อแพรวารินทร์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“สำเร็จแต่ยังไม่พอ ต้องบอกตรง ๆ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกตัวเองและทำหน้านิ่งตัวตรงอีกครั้งด้านคนในห้องน้ำยืนมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอายก่อนจะกรี๊ดลั่นแต่หมอหนุ่มก็ไม่มีทางได้ยินเพราะเป็นห้องเก็บเสียง ก่อนที่จะโทรศัพท์หาที่ปรึกษาตัวแสบอย่างพิมพ์พิชชาพร้อมเล่าทุกอย่างให้ฟัง“แก ฉันร้องเพลงบอกรักไปแล้วแต่พี่เสือยังนิ่งอีกเอาไงดีล่ะ”ด้านพิมพ์พิชชาอมยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่เธอไม่เชื่อว่าพี่ชายเธอยังนิ่งแค่ยัยเพื่อนรักไม่เห็นเท่านั้นแหละ“บอกรักผ่านเพลงอาจจะครุมเครือมั้งแก พี่เส
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วแต่คุณหมอหนุ่มยังไม่เลิกงานซึ่งนั้นก็หมายความว่าผู้ติดตามอย่างแพรวารินทร์ก็ยังไม่เลิกงานด้วยหญิงสาวมองญาติคนไข้ฉุกเฉินของพงศ์พยัคฆ์อย่างหงุดหงิดเธอพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตกใจเสียใจที่ญาติเข้าโรงพยาบาลแต่มีสิทธิ์อะไรมากอดสามีเธอไว้แบบนั้นแถมยังเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหาเขาอีกนั้นสามีของเธอนะภรรยาเขานั่งอยู่นี่ไม่เห็นรึไง‘ชิ แกนั่งอยู่นี่ทั้งคน นางยังเบียดนมเข้าแนบอกพี่เสืออีกยัยนมแตงโม’ แพรวารินทร์ได้แต่แยกเขี้ยวใส่พร้อมก่นด่าในใจตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนหึงแล้วโวยวายไม่ได้แล้วว่าเป็นยังไงและพอเข้าใจความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์ในวันนั้นแล้วด้วย แพรวารินทร์ได้แต่หงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของพงศ์พยัคฆ์เพราะทนภาพบาดตาไม่ไหวอยากจะกระชากออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด“พิมพ์พิชชาส่งคุณมาใช่มั้ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเมื่อแพรวารินทร์กลับห้องทำงานไปแล้ว เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่พยายามเอาหน้าอกมาเบียดเขาเนี่ยไม่ใช่ญาติของคนไข้แน่นอนและจะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะส่งมาถ้าไม่ใช่น้องสาวเขา“รู้ด้วย ฉลาดจังหมอขา&r
เดอะ ซัน คอนโดมิเนี่ยมคนที่ไม่ออกจากเรือนแสนรักมาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางเลือกจะมายังคอนโดมิเนียมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและเป็นที่พักในช่วงที่เขาไปทำงานที่นิติเวชร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเข้ามายังห้องนอนแล้วทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง เขาน้อยใจที่เธอว่าเขาไม่มีเหตุผลและมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นและเขาหึงที่เธออยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่นและที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของแพรวารินทร์แต่เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไปแถมเธอยังไม่มีใจให้กันอีกด้วย พงศ์พยัคฆ์ล้มลงนอนก่อนจะฝืนหลับตาลงอย่างยากลำบาก“พี่เสือคิดถึงหนูแพรนะครับ ขอแค่คิดถึงแต่จะไม่ไปกวนใจอีกแล้ว”2วันผ่านไปเรือนแสนรักเป็นเวลาสองวันแล้วหลังจากพงศ์พยัคฆ์ขับรถออกไปและหมอหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาอีกตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาช่างดูหดหู่ในความรู้สึกของแพรวารินทร์และทุกคนในบ้านที่ต่างเฝ้ารอการกลับมาของหมอหนุ่มโดยเฉพาะแพรวารินทร์ที่มีอาการเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องขอลางานอีกหนึ่งอาทิตย์“แพรจะไปตามพี่เสือกลับมา พี่เสือ
ร่างสูงสมบูรณ์แบบของพงศ์พยัคฆ์หันมองไปยังโต๊ะที่มีคนคุ้นเคยในหัวใจของเขานั่งอยู่อย่างหงุดหงิดและพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ไม่เดินเข้าไปกระชากผู้ชายคนนั้นขึ้นมาต่อยเพราะรู้ดีว่าตนทำผิดไว้มากและถ้าเดินเข้าไปต่อยลูกค้าของเธออีกมีหวังโอกาสของเขาคงหมดลงเป็นแน่แม้ว่าคำว่าสามีจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นแต่เขาไม่ใช่สามีที่เธอรักและยังอยู่ในสถานะที่รอการพิจารณาว่าจะรักหรือไม่เท่านั้นหมอหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจกลุ่มเพื่อนร่วมงานตรงหน้าที่ชวนเขามาทานอาหารเที่ยงแทน ทีมแพทย์ที่สนิทของชายหนุ่มซึ่งนำทีมโดยรามินเอ่ยชวนเขามาทานอาหารเที่ยงที่นี่พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกขค.ของเพื่อนรักกับกุมารแพทย์สาวจึงไม่คิดปฏิเสธการร่วมโต๊ะในครั้งนี้แต่เมื่อมาถึงที่นั่งของเขาดันบังเอิญมองไปเห็นอีกมุมนึงของร้านซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของหัวใจของเขานั่งอยู่นั้นเอง“พี่เสือเป็นไรเปล่า ผมว่าพี่ทำหน้าดูน่ากลัวไงไม่รู้”รามินเอ่ยถามหลังจากเห็นรุ่นพี่หนุ่มทำหร้าเหมือนจะหักคอคนได้“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ที่มากันครบทีมแบบนี้เนื่องในโอกาสอะไร” พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกอขอคอของเพื่อนรักเอ่ย
รุ่งอรุณแห่งวันเริ่มต้นการทำงานได้เริ่มขึ้นอย่างอึมครึมแต่ที่อึมครึมหาใช่สภาพอากาศไม่แต่หากเป็นความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์หลังจากกลับจากไร่พยัคฆาเมื่อเช้าวานซืนรณพีร์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าทัศนะต้องการจะดูแบบและคุยรายละเอียดกับแพรวารินทร์เพียงแค่หมอหนุ่มทราบเท่านั้นแหละถึงกับหน้าบึ้งตึงไปเฉยๆ“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ หนูแพร” คือถ้อยคำที่พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามเมื่อช่วงเช้าวานที่ผ่านมาหากแต่แพรวารินทร์กลับบอกว่าเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำจะปฏิเสธไม่ได้เพราะเคยรับปากรณพีร์ไว้แล้วแค่เพียงได้ยินเช่นนั้นหมอหนุ่มที่เคยยิ้มแย้มเอาอกเอาใจก็เงียบลงทันตาแถมพูดถามคำตอบคำจนแพรวารินทร์ได้แต่สงสัยพอเอ่ยถามหมอหนุ่มกลับบอกว่าไม่เป็นไรแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับจางหายไปตลอดหนึ่งวันมานี้ยิ่งรุ่งเช้าที่ผ่านมาหมอหนุ่มก็รีบออกไปทำงานแต่เช้าตรู่“พี่เสือหึงแกอยู่น่ะสิยัยแพร”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกขณะที่เดินมาส่งแพรวารินทร์ที่รถเพื่อไปทำงานเนื่องจากรณพีร์เกรงว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกชายหนุ่มจึงให้พักอีกหนึ่งอาทิตย์พิมพ์พิชชาจึงได้พักยาวๆจนถึงสิ้นเดือนนี้“พูดไปนั่นยัยทร
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสวันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกของพงศ์พยัคฆ์จะอยู่ที่ไร่พยัคฆารุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ทั้งหมดยกเว้นท่านสัตยะจะเดินทางกลับกรุงเทพฯความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์กับแพรวารินทร์และปัญจวัตรกับฟ้ารดาดีขึ้นมากพอสมควรส่วนรณพีร์และพิมพ์พิชชาก็ถือว่าดีแต่เมื่อใกล้จะกลับพิมพ์พิชชายิ่งต้องหาวิธีบอกว่าความจำเธอกลับมาแล้ว พิมพ์พิชชายืนมองคนอื่น ๆอย่างคิดหนักโอกาสเล่นละครว่าความทรงจำเพิ่งกลับมามีแค่วันนี้เท่านั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี‘เอาไงดีเนี่ย บอกไปตรง ๆไม่มีใครเชื่อแน่ บอกว่าจำได้ตั้งแต่สองวันแรกที่มาอีตาคุณพีร์คงโกรธแน่ เอาไงดีล่ะ ใช่แล้ว…ยัยแพร’ พิมพ์พิชชาครุ่นคิดในใจก่อนจะคิดอะไรได้หญิงสาวรีบเดินไปหาแพรวารินทร์“แพรมาทางนี้กับทรายหน่อยสิ”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักไปในมุมลับตาคน“มีอะไรจ๊ะยัยคนความจำเสื่อม” แพรวารินทร์เอ่ยแกล้งเพื่อนรักที่ทำเป็นจำอะไรไม่ได้“แกรู้?” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างตกใจไม่คิดว่าเพื่อนรักจะล่วงรู้ว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอแกล้งจำอะไรไม่ได้
ในวันที่9ของการมาเยือนไร่พยัคฆ์ของพงศ์พยัคฆ์และครอบครัวเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจรัส โปรมแกรมการฟื้นฟูความทรงจำของพิมพ์พิชชาที่แพรวารินทร์วางไว้คือการไปปิ๊กนิคที่ทุ่งหญ้าพักใจแต่เมื่อถึงถึงวันจริงพงศ์พยัคฆ์กลับมีอาการตัวร้อนแพรวารินทร์จึงอยู่คอยดูแล มีเพียงปัญจวัตร ฟ้ารดา รณพีร์ และพิมพ์พิชชาเท่านั้นที่ไปตามโปรแกรมส่วนปรียาภัทรนั้นต้องอยู่เคลียร์งานเพื่อส่งให้เจ้านายที่โทรศัพท์มาทวงงานจึงไม่ได้ไป“หนูแพรครับ พี่เสืออยากไปนั่งชิงช้าริมน้ำจังไปด้วยกันหน่อยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่แพรวารินทร์กลับจากเรือนใหญ่เพราะผู้เป็นพ่อแม่สามีเรียกให้ไปพบด้วยสาเหตุบางอย่าง“แต่ไข้ยังไม่ลดเลยนะคะ” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ไม่มีไข้แล้วครับ แตะดูสิตัวไม่ร้อนแล้วเห็นไหม”หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะจับมือขวาของหญิงสาวขึ้นสัมผัสหน้าผาก“จริงด้วย ก่อนแพรจะไปเรือนใหญ่ยังตัวร้อนจี๋อยู่เลย”แพรวารินทร์เอ่ยอย่างสงสัยหากแต่หมอหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวได้สงสัยนานไม่หมอหนุ่มลดมือหญิงสาวลงก่อนจ
“หมอปัญจ์ ฉันอยากได้ดอกไม้ตรงนั้นเอาให้หน่อย” ฟ้ารดาเอ่ยบอกขณะเดินตามทางเพื่อกลับไปที่จุดรวมพลพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ดอกของไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ปัญจวัตรมองดอกไม้ที่อยู่สูงพอสมควรก่อนจะเอ่ยขึ้น“จัดไปตามคำขอครับ คุณผู้หญิง” เมื่อจบหมอหนุ่มก็ถอดรองเท้าก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้“ระวังนะหมอปัญจ์”“รับทราบครับผม” ปัญจวัตรเอ่ยบอกและในที่สุดหมอหนุ่มก็มาถึงจุดที่มีดอกไม้ที่ฟ้ารดาต้องการหมอหนุ่มเด็ดมันก่อนจะหันไปเห็นดอกไม้อีกชนิดที่สวยงามไม่แพ้กัน หมอหนุ่มดึงมาทั้งเถาก่อนจะทำเป็นมงกุฏดอกไม้ป่าพร้อมยิ้มสายตาพลันเหลือบไปเห็นน้องสาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านล่างหมอหนุ่มจับตามองก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ...คงไม่ได้คุยกับไอ้บอสดี้นั่นอีกนะ“ได้รึยังหมอปัญจ์”เสียงของฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหมอหนุ่มเงียบไปนาน ปัญจวัตรละสายตาจากน้องสาวกลับมาสนใจดอกไม้ในมือก่อนจะปีนป่ายหาทางลงไป“นี่ครับดอกไม้ของคุณ ส่
เพราะความขบเมื่อยตรงบริเวณต้นคอปลุกให้คนแกล้งลืมต้องรู้สึกตัวขึ้นบรรยากาศรอบข้างไม่ได้น่ามองกว่าเจ้านายปากเสียของเธอเลยเพราะไหล่ขวาถูกเธอครอบครองไว้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเอาศีรษะพิงต้นไม้ใหญ่ข้างๆแทนเพื่อไม่ให้รบกวนเธอแม้จะหลับอยู่ชายตรงหน้าก็มีเสน่ห์อยู่มาก ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักเวลายิ้มก็น่ารัก‘อีตาคุณพีร์ขี้เก๊ะหลงให้เข้าใจว่าชอบยัยแพรอยู่ได้ตั้งหลายปี หึถ้าอธิบายแต่แรกฉันคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วอีตาคนซื่อบื้อ’ พิมพ์พิชชาได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเบาๆก่อนจะย่องลงไปในน้ำอย่างระวังไม่ทำให้เจ้านายขี้เซาตื่น หญิงสาวมองคนหลับอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะวิดน้ำใสใส่เต็มแรงความเย็นจากของเหลวบางอย่างทำให้รณพีร์สะดุ้งตื่นพร้อมหาที่มาของสิ่งนั้น พลันสายตาปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังสะบัดน้ำใส่เขาอย่างสนุกสนาน“คุณพีร์คะมาเล่นน้ำกัน”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางสงสัยได้แน่นอนจากการพูดที่แสนจะสุภาพ“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”รณพีร์เอ่ยถามอยากรู้ว่าพิมพ์พิชชาเวอร์ชั่นเสียความทรงจำจะทำอย่า