พงศ์พยัคฆ์นั่งมองแพรวารินทร์คุยงานกับปกรณ์ลูกค้าวัยกลางคนของน้องสาวที่แพรวารินทร์ต้องเข้ามาพูดคุยและรับผิดชอบแทนโดยไม่คิดจะละสายตา เขาไม่ได้มองหญิงสาวมาตั้งนานในตอนนี้เขาจึงอยากจะมองชดเชยที่ไม่กล้ามองมานาน...มองเธอให้นานที่สุด
แม้ว่าจะมีพงศ์พยัคฆ์มานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แต่แพรวารินทร์ก็ไม่ได้ประหม่าจนเสียงาน หญิงสาวพูดคุยกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงสบายหูจนแม้แต่พงศ์พยัคฆ์เองยังรู้สึกสบายไปด้วยแม้จะมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็ตาม
“ผมไม่มีปัญหากับแบบที่นำเสนอนะครับ ทางผมไม่ได้รีบร้อนอะไรทางบริษัทไม่ต้องกังวล และคุณแพรวารินทร์เองก็ไม่ต้องมาคุมงานนี้แทนหรอกครับ ผมได้ยินว่าคุณแพรวารินทร์มีงานใหญ่ที่ต้องทำอีกหลายงาน ไม่ต้องลำบากหรอก บอกตามตรงผมถูกชะตาคุณพิมพ์พิชชามากอยากให้เธอได้เป็นคนควบคุมงานที่เธอออกแบบด้วยตัวเธอเอง”
“ทางเราเองก็อยากให้พิมพ์พิชชาได้ทำค่ะ แต่ก็เกรงว่าทางคุณปกรณ์รอไม่ไหว”
“รอได้ครับ ผมจะรอมัณฑนากรเจ้าของแบบนี้ แล้วก็หวังว่าคุณพิมพ์พิชชาจะหายกลับมาจัดการงานนี้ด้วยตัวเองได้ในเร็ววันนะครับ”
“พิมพ์พิชชาจะกลับมาจัดการงานนี้ในเร็ววันแน่นอนค่ะ”
“ถ้าคุณรับประกัน ผมก็รอได้ครับ อ้อจริงสิ ผมรู้จักหมอเก่ง ๆ หลายคนให้ผมแนะนำให้มั้ย”
“ไม่รบกวนคุณปกรณ์หรอกค่ะ พี่ชายของพิมพ์พิชชาเขาเป็นหมอน่ะค่ะคนนี้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยกับลูกค้าก่อนจะชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นั่งมองเธออยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ “นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์พี่ชายแท้ ๆ ของพิมพ์พิชชาเขาค่ะ”
“โอ้ว เกือบหน้าแตกแล้วสิผมกำลังจะแนะนำคุณหมอพงศ์พยัคฆ์พอดีเลยเพราะเห็นว่าอยู่โต๊ะข้าง ๆ” ปกรณ์ผู้เป็นลูกค้าเอ่ยด้วยความขัดเขินเล็กน้อยก่อนจะหันไปชวนพงศ์พยัคฆ์ให้มานั่งด้วยกัน “ถ้าหมอเสือไม่ได้นัดใครไว้ เชิญมานั่งดื่มกาแฟกันสักแก้วนะครับ”
“ไม่ได้นัดใครไว้ครับคุณกรณ์ ผมมารอคนนี้ครับ”
“รอคุณแพรวารินทร์?”
“ครับ รอภรรยาน่ะครับ”
“ภรรยา โฮ ไม่คิดไม่ฝันว่าผู้หญิงที่ปราบเสือยิ้มยากได้จะเป็นคนรู้จักกันนะครับเนี่ย”
“ปราบเหรอคะ?” แพรวารินทร์สะดุดใจกับคำว่าปราบจนต้องเอ่ยออกมาแม้ว่าจะขัดเขินเพราะมีคนแนะนำว่าเธอคือภรรยา
“ใช่สิ หมอเสือน่ะเขาว่ากันว่าเป็นเสือยิ้มยาก หวงเนื้อหวงตัว เป็นภรรยาเสือยิ้มยากได้แสดงว่าต้องปราบผู้ชายคนนี้ได้อยู่หมัด หรือผมพูดผิดครับ”
“ก็ยังปราบไม่ได้หรอกค่ะ ยังดื้อบ้าง ดังนั้นอย่าพูดเหมือนแพรเก่งมากแบบนั้นเลยค่ะ” แพรวารินทร์เอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะพูดคุยกันเรื่องอื่นต่อโดยมีพงศ์พยัคฆ์ร่วมวงด้วยในบ้างเรื่องที่ชายหนุ่มเข้าใจจนกระทั่งเสร็จสิ้นกันพูดคุย
“ยังไงผมก็ขอฝากความหวังเปลี่ยนบ้านสวนหลังเก่าให้เป็นสวนสุขไว้กับหมอเสือแล้วกันนะครับ ผมจะรอคุณพิมพ์พิชชากลับมาเนรมิตให้”
“ขอบคุณที่ไว้ใจยัยน้องครับ อีกไม่นานยัยน้องจะต้องกลับมาสานฝันของคุณกรณ์ได้แน่นอนครับ”
“ผมเชื่อมือหมออยู่แล้ว งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน อ้อ มื้อนี้ให้ผมได้เลี้ยงคุณทั้งสองคนนะครับ เนื่องในโอกาสพิเศษที่ผมได้เจอผู้หญิงที่ปราบเสือยิ้มยากสักที” ปกรณ์เย้าแหย่ในประโยคสุดท้ายก่อนจะจ่ายค่าเครื่องดื่มและเดินจากไป แพรวารินทร์ที่ยังคงนั้นอยู่ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความขบขัน
“ปราบเสือยิ้มยาก...ใช่เราที่ไหนเล่า”
“หนูแพรไม่อยากปราบพี่เหรอ?” คนที่ถูกเรียกว่าเสือยิ้มยากถามทันทีด้วยความอยากรู้แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับไม่ใช่คำตอบที่เขาพึงพอใจเท่าไหร่นัก
“ไม่”
“ทำไมล่ะ?”
“คุณหมอน่ะปราบง่าย ๆ ที่ไหน แพรงัดทุกวิธีก็ทำไม่ได้หรอก”
“ก็ไม่แน่นะ หนูแพรอาจจะปราบพี่ได้อย่างราบคาบ หมอบแทบเท้าหนูแพรเลยก็ได้”
“พูดเป็นเล่นไป” หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ชะงักมือบางยื่นไปหมายจะหยิบบางสิ่งที่เธอเคยหยิบประจำเมื่อคุยงานเสร็จ...สมุดโน้ตจดงาน
“โอ้ยตายแล้ว ลืมเรื่องสมุดโน้ตไปเลย”
“สมุดโน้ต?”
“สมุดที่เอาไว้จดงานน่ะค่ะ แพรไปลืมไว้บ้านลูกค้าแล้วลืมไปเอาเพราะเกิดเรื่องกับทราย” แพรวารินทร์ตอบคำถามแล้วก็รู้สึกเคือง ๆ “ลูกค้า” ที่พูดถึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากวันนั้นเธอก็ได้รู้ว่าลูกค้าวีไอพีคนนั้นไม่ได้ไปฮ่องกงด่วนอย่างที่บอกและยิ่งกว่านั้นคืออีกฝ่ายรู้ว่าเธอลืมสมุดโน๊ตไว้แต่ไม่ยอมส่งคืนรณพีร์ ต้องให้เธอไปเอาเองเท่านั้น...ช่างเป็นคนที่ชื่นชอบการกลั่นแกล้งคนจริง ๆ
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเอามั้ย?”
“จะไปนิติเวชไม่ใช่เหรอคะ?”
“ไปเอาก่อนค่อยไปนิติเวชก็ได้ครับ พี่แค่แวะเอาเอกสารไปคืนน่ะ ไม่ได้เร่งด่วน”
“คุณหมอ....ยังสนใจด้านนั้นอยู่เหรอคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจว่าตัวเองควรถามคำถามนี้หรือไม่ ในตอนแรกพงศ์พยัคฆ์ไม่ได้คิดจะเป็นหมอผ่าตัด เขาเคยอยากเป็นแพทย์นิติเวช และเกือบจะได้ทำงานด้านนั้นอยู่แล้วแต่แล้ววันนึงก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้พงศ์พยัคฆ์เปลี่ยนใจมาเรียนต่อด้านศัลยศาสตร์ โดนเฉพาะด้านสมองหลังจากที่จบจากคณะนิติเวชศาสตร์ได้เพียงไม่นาน แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปของการหักเหมาสนใจด้านการผ่านตัดแต่หลังจากนั้นมาเธอก็คิดมาตลอดว่าเขาจะไม่หวนกลับไปสนใจวิชาการผ่าชันสูตรที่เรียนมาจนกระทั่งได้เห็นเอกสารชันสูตรศพที่ห้องพักของเขาเมื่อวานนี้ล่ะ
“พี่ก็ยังไม่ได้ทิ้งการเป็นนิติเวชนะ คิดว่าที่พี่กลับบ้านดึก ๆ หรือบางวันไม่กลับนี่พี่มีแค่งานผ่าตัดเหรอ พี่แดนไม่ให้พี่ผ่าตัดมากกว่า4เคสหรอก ส่วนใหญ่แล้วจะไปนิติเวชตำรวจซะส่วนใหญ่น่ะเพราะพสินธ์ไหว้วานให้ช่วย แต่ถ้าหนูแพรไม่โอเคพี่ไม่ทำแล้วก็ได้นะ”
“อะไร ทำไมแพรต้องไม่โอเค?”
“ก็หนูแพรกลัว...”
“ใครกลัว ไม่มี๊” หญิงสาวร้องปฏิเสธก่อนจะหลบสายตาอย่างคนปากแข็ง ถึงจะปฏิเสธอย่างนั้นแต่ตอนที่รู้ว่าเขาจะสอบเข้าคณะนิติเวชศาสตร์ก็เคยร้องไห้งอแงและบอกว่าจะไม่เข้าใกล้เขามาแล้ว...ก็เธอกลัวผีนี่นา
“มะ...”
“ไม่มีก็คือไม่มี”
“ครับ ๆ ไม่มีครับ ปะ เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวถึงโรงพยาบาลช้ายัยตัวแสบจะบ่นเอา” พงศ์พยัคฆ์เลือกที่ยอมลงให้ตามที่หญิงสาวต้องการก่อนที่แพรวารินทร์จะค้อนให้คนทำท่าเหมือนยอมแต่สายตายังล้อเลียนและเดินออกจากร้านไป
การจะไปเอาสมุดโน้ตจะต้องโทรไปเช็คก่อนว่าเจ้าของบ้านผู้เก็บของสำคัญไว้อยู่หรือไม่ แต่วันนี้เหมือนจะยังไม่ใช่วันที่เหมาะสมที่หญิงสาวจะได้สมุดโน๊ตกลับมาคำตอบของปลายสายจึงเป็นคำว่าไม่ว่างและตามด้วยคำว่าติดธุระอยู่ต่างจังหวัด
“ไม่เป็นไรคะบอส ไว้วันหลังก็ได้” น้ำเสียงหวานตอบปลายสายขณะที่พงศ์พยัคฆ์นั้นกำลังให้ความสนใจกับการจราจรที่ติดขัดอยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มเหลือบมองมาที่ร่างบางซึ่งกำลังเก็บสมาร์ทโฟนย่อนกลับลงไปในกระเป๋าก่อนจะถามทั้งที่สายตายังคงมองด้านหน้า
“เขาไม่อยู่เหรอครับ?”
“ค่ะ บอสบอกว่าเขาอยู่ภูเก็ต อีกสักพักถึงจะกลับ คุณหมอไปทำธุระของคุณหมอได้เลยค่ะไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว” คนที่เพิ่งวางสายจากเจ้านายซึ่งเป็นธุระสอบถามลูกค้าวีไอพีให้เอ่ยก่อนจะถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ
“สมุดโน้ตนั้นมีอะไรสำคัญรึเปล่า ดูหนูแพรเซ็งไม่น้อยเลย แล้วก็เหมือนกังวลหน่อย ๆ ด้วย”
“ก็มีเรื่องสำคัญหลายอย่างในนั้นคะ มันค่อนข้างน่าอาย” แพรวารินทร์ตอบแค่นั้นก็ไม่พูดอะไรอีก จะให้เธอพูดต่อได้ยังไงว่าสมุดโน๊ตเล่มนั้นมีรูปวาดตลก ๆ และข้อความอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับผู้ชายจอมเย็นชาที่ชื่อพงศ์พยัคฆ์ที่เธอมักจะวาดและเขียนในตอนว่าง ๆ และเครียด ๆ น่ะ
ขืนรู้ก็หมดกันพอดีสิความลับของเธอน่ะ
เวลาต่อมา
ถึงแม้ว่าพงศ์พยัคฆ์จะบอกว่าใช้เวลาทำธุระไม่นานแต่พอเอาเข้าจริงแล้วเธอกับเขาก็ติดเเหง็กอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจกว่า1ชั่วโมงเพราะมีเพื่อนสมัยเรียนนิติเวชของพงศ์พยัคฆ์หลายคนทำงานที่นี่และเคยพบเจอแพรวารินทร์ตั้งแต่ตอนยังเป็นเพียงเพื่อนน้องสาว จนกระทั่งมีโอกาศได้ไปร่วมงานแต่งงานของทั้งคู่การได้พบเจอภรรยาของเพื่อนที่หายหน้าหายตาก็ต้องมีการพูดคุยกันบ้าง
แพรวารินทร์ค่อนข้างจะสงวนท่าทีแต่ก็เคยพูดคุยกับเพื่อน ๆ เหล่านี้ของพงศ์พยัคฆ์มาบ้างการพูดคุยจึงไม่ได้อึดอัดนักออกจะสนุกสนามเสียด้วยซ้ำเพราะเพื่อนหลายคนของพงศ์พยัคฆ์เป็นคนตลกซ้ำยังเผาพงศ์พยัคฆ์ให้แพรวารินทร์ฟังหลายต่อหลายเรื่องและบางเรื่องก็น่าขำจนแยกย้ายกันมาแล้วและมาถึงโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์แล้วหญิงสาวยังไม่หยุดขบขัน
“ขำอะไรขนาดนั้นครับ?”
“ก็มันน่าขำนี่คะ เผลอหลับขณะชันสูตรศพ ดีนะเขาไม่หลอกพี่หมอเอาน่ะ” แพรวารินทร์ตอบแล้วก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง นึกถึงวีรกรรมที่เพื่อนชายหนุ่มเล่าให้ฟังขึ้นมาก็นึกขำขึ้นมาจนไม่อาจห้ามได้
พงศ์พยัคฆ์นึกอยากสาปส่งไอ้เพื่อนจอมนินทาแต่ก็สาปส่งแค่เพียงในใจและเกาท้ายทอยด้วยความเขินเก้อ ก็ตอนนั้นเขาเริ่มทำงานผ่าตัดด้วยและวันนั้นก็มีผ่าตัดตั้ง2เคสนี่นะ เจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีที่เป็นตำรวจก็ตามตัวเขามาบอกว่าเป็นคดีลับและด่วนมากทำให้เขาไม่ได้พักเลยจะไม่ให้เผลอหลับไปได้ยังไง ช่วงนั้นไม่กลับบ้านเพราะไม่อยากไปงานที่มหาวิของแพรวารินทร์ให้เธอต้องโดนเพื่อนแซวว่าแต่งงานแล้วซะด้วย
“พอเลยครับ ไม่เห็นจะน่าขำเลย คนเราทำงานเหนื่อย ๆ มันก็ต้องมีเผลอหลับกันบ้าง ว่าแต่เมื่อกี้กับตอนอยู่กับเพื่อนพี่หนูแพรเรียกพี่ว่าอะไรนะ พี่หมอเหรอ?”
“ก็ไม่อยากให้ใครเขารู้ว่าแพรเป็นภรรยาที่มีสามีไม่ค่อยกินปลา แพรเลยต้องเรียกว่าพี่หมอเหมือนที่เรียกพี่ ๆ เขา เขาจะได้ไม่สงสัยความสัมพันธ์ของเราก็เลยเรียกแบบนั้น แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้ว แพรเรียกคุณหมอก็ได้นะ”
“แล้วทำไมไม่เรียกพี่เสือเหมือนเดิมล่ะครับ”
“พี่เสือที่แพรรู้จักชอบกินปลา ไว้ลบล้างความผิดได้ค่อยเรียกแบบเดิม”
“งั้น...ตอนนี้เรียกพี่ว่าพี่หมอนะ อย่าเรียกคุณหมอเลยพี่ไม่ค่อยชอบ แล้วพี่จะรีบพิสูจน์ให้หนูแพรเห็นว่าพี่เหมาะจะเป็นพี่เสือของหนูแพร”
“เวลาจะพิสูจน์เองค่ะ แพรจะรอดู” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะเดินนำหน้าพงศ์พยัคฆ์เข้ามาในโรงพยาบาล แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ตามมาฉวยมือบางไปกุมไว้อย่างทุกที ครั้งนี้แพรวารินทร์ไม่ขัดยอมปล่อยให้พงศ์พยัคฆ์จูงมือเดินต่อหน้าสายตาผู้คนไปแบบนั้นโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีคนเห็นและรู้สึกเจ็บปวดจากการได้พบเห็น
ดวงตาคู่หวานทอดสายตามองปลาสวยงามในตู้ปลาตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเหนื่อยล้าและหมดแรงเท่าตอนนี้เลย ตอนรู้ความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์และหญิงสาวอีกคนก็ช็อคแล้วยิ่งได้เห็นทั้งคู่เดินจับจูงมือกันอีกยิ่งรู้สึกเสียใจ“ยังไม่เลิกทำหน้าเหมือนหมาเปิดปลากระป๋องไม่ได้อีกเหรอคุณ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยทักจากด้วยหลังทำให้คนยืนมองตู้ปลาอยู่ต้องละลายตาไปมอง “อุตส่าห์พาไปเลี้ยงข้าวปลอบใจถึงที่บ้านคุณยังไม่หายเศร้าอีกเหรอ อะไรจะอกหักเบอร์นั้นครับหมอฟ้ารดา”“ยุ่ง” คนโดนถามว่าแล้วก็หัวกลับไปดูปลาในตู้ต่อไป “เป็นปลานี่ดีเนอะ ไม่เห็นจะอกหักรักคุดเหมือนคนเลย”“อกหักแล้วเพี้ยนก็มีด้วยเว้ยเห้ย ไปกันใหญ่ ปะ ไปกินข้าวบ้านผมดีกว่าวันนี้ม้าผมทำแต่ของอร่อย เผื่อจะหายจากอาการอกหักบ้าง” ว่าแล้วก็ดันไหล่หญิงสาวจากด้านหลังออกไปจากโรงพยาบาลทันที ที่รีบก็เพราะเขากลัวสาวเจ้าจะได้เห็นภาพบาดตาเข้าอีกน่ะสิวันนี้ก็เป็นอีกวันที่บ้านเกตทิวรากุลได้ต้อนรับแขกสาวอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ต้อนรับไปแล้วทว่าคุณหญิงปริศนากลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรแม้แต่น้อย ออกจะชอบใจ
วันต่อมาโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์การที่พงศ์พยัคฆ์ไปไหนมาในกับแพรวารินทร์ถือเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงไม่หยุดตั้งแต่ที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของหมอหนุ่ม บ้างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอหนุ่มผู้แสนเย็นชาและเงียบขรึมที่ทำให้หมอหนุ่มเปลี่ยนเป็นคนที่มีรอยยิ้ม บ้างก็ใคร่รู้เหลือเกินว่าหญิงสาวเป็นใครทำไมถึงได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเสือยิ้มยากของโรงพบายาลได้แบบนี้และข่าวล่ามาแรงวันนี้ก็คือข่าวสารที่ว่าคืนวานนี้คุณหมอหนุ่มและหญิงสาวคนนั้นไม่ได้กลับออกไปจากโรงพยาบาลจนกระทั่งช่วงสาย ๆ จึงได้จูงมือกันออกไปข้างนอกคุณหญิงปริศนาเงี่ยหูฟังพยาบาลสาวที่เม้าท์กันอย่างเมามันก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวที่กำลังตั้งใจฟังอยู่ไม่แพ้กันแล้วก็ได้แต่พ้นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย“เรื่องชาวบ้านนี่ขยันจริง ๆ คนเรานี่”“นั่นสิคะ โอ๊ะ นั่นพี่เสือกับพี่แพรนี่คะ” ปรียาภัทรเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปเห็นคนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินไปยังลิฟต์จึงส่งเสียงเรียกทันที“พี่แพร พี่เสือ” เสียงร้องเรียกทำให้แพรวาริน
เสียงเครื่องยนต์ของรถที่คุ้นหูทำให้ปัญจวัตรรีบเดินออกมาหน้าบ้านด้วยความแปลกใจทันที เขาจำได้เสียงนี้เป็นเสียงรถพงศ์พยัคฆ์อย่างแน่นอน และก็เป็นไปตามคาดรถหรูของพงศ์พยัคฆ์จอดอยู่ตรงหน้าจริง ๆหลังจากนั้นไม่นานรถของปรียาภัทรก็ขับมาจอดใกล้ๆกัน ปัญจวัตรมองผู้มาเยือนที่ไม่ได้มีแต่พงศ์พยัคฆ์แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักอย่างแพรวารินทร์ด้วยความประหลาดใจ“มาได้ไงวะไอ้เสือ น้องแพร” ปัญจวัตรเอ่ยถามอย่างสงสัยทันทีที่เพื่อนรักและลูกพี่ลูกน้องสาวลงจากรถ“ปิ่นชวนเองแหละ เห็นว่าวันนี้ม้าทำแต่ของอร่อยเลยชวนมาแจมด้วย”“ชวนมาแจมเนี่ยนะ” ปัญจวัตรเอ่ยพึมพำหมอหนุ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไรแล้วน้องสาวเขาคิดจะทำอะไรนั้นคือสิ่งที่ปัญจวัตรกำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ส่วนพงศ์พยัคฆ์และแพรวารินทร์นั้นไม่ได้สนใจปัญจวัตรทั้งคู่เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับปรียาภัทรโดยไม่ต้องมีใครชวน คนนอกเห็นอาจคิดว่าเสียมารยาทแต่ไม่ใช่เลยเพราะทั้งสองเข้าออกบ้านหลังนี้จนเหมือนบ้านตัวเองไปแล้วทั้งคุณหญิงปริศนากับคุณศรันย์ผู้เป็นสามีเองก็เอ็นดูพงศ์พยัคฆ์เหมือนลูกแพ
โต๊ะอาหารหลังจากที่ทุกคนย้ายสถานที่จากห้องรับแขกมาเป็นห้องอาหารพงศ์พยัคฆ์ก็เลื่อนเก้าอี้ให้แพรวารินทร์นั่งโดยจงใจให้ที่นั่งของตนและภรรยาสาวอยู่ตรงข้ามกับฟ้ารดา แพรวารินทร์มองชายผู้เป็นสามีอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่เอ่ยอะไรด้านพงศ์พยัคฆ์ก็รู้ว่าภรรยาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่อธิบายได้แต่ตักปูมาแกะก่อนจะยื่นมาตรงหน้าแพรวารินทร์“อ้าปากสิครับ พี่จะป้อน” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกน้ำเสียงไม่เบานัก แพรวารินทร์มองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะขยับปากจะพูดแต่ถูกพงศ์พยัคฆ์ขัดขึ้นก่อน“ไม่อ้าปากพี่จูบนะ เลือกเอา” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขู่จนคนไม่อยากโดนจูบรีบอ้าปากงับเนื้อปูอย่างไม่รอช้า พงศ์พยัคฆ์ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะโน้นศีรษะไปใกล้หญิงสาวแล้วเอ่ยบางอย่างออกมา“น่ารักที่สุด แบบนี้ต้องให้รางวัล” พูดจบริมฝีปากหนาของพงศ์พยัคฆ์ก็ทาบลงจุ๊บที่แก้มเนียนของแพรวารินทร์โดยไม่เอียงอายต่อสายตาของผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ แพรวารินทร์ผงะไปอย่างตกตะลึงก่อนที่แก้มเนียนจะเปลี่ยนเป็นแดงซ่าน“ป้อนให้พี่บ้างสิครับ หนูแพร” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะโน้นศีรษะลงไปใกล้ใบหูของหญิงส
บทที่17 เหตุการณ์สร้างพระเอก“ยัยทรายร้ายกาจและใจร้ายที่สุด สงสารหมอฟ้าจัง” แพรวารินทร์เอ่ยต่อว่าเพื่อนก่อนจะเดินนำหน้าออกไป พงศ์พยัคฆ์รีบเดินตามไปอย่างช้า ๆก่อนที่ทั้งคู่จะต้องหยุดชะงักเมื่อเดินมาถึงหน้าสระน้ำพุภาพที่ปรากฏในสายตาของทั้งคู่คือปัญจวัตรและฟ้ารดา พงศ์พยัคฆ์หันมาสบตากับภรรยาก่อนคิดด่าตัวเองในใจ‘ไม่น่ารีบกลับเล้ยไอ้เสือ ถ้าจะไปที่รถก็ต้องผ่านหน้าสองคนนั้นทำลายบรรยากาศกันพอดี’“จะกลับแล้วเหรอ”ปัญจวัตรเอ่ยถามหลังจากมองเห็นและผละออกจากกุมารแพทย์สาวอย่างนุ่มนวล“ใช่พอดีหนูแพรมีงานพรุ่งนี้น่ะเลยไม่อยากกลับดึกไปนะครับหมอฟ้า ไปนะเพื่อนกอดหน่อย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักมากอดและกระซิบบางอย่าง“ถึงที่ฉันทำมันดูแรงไปแต่ก็เพราะหวังดีกับหมอฟ้าแล้วก็นาย ต่อไปก็จีบไปเรื่อยๆล่ะฉันว่าหมอฟ้าไม่ได้อคติกับนายเหมือนแต่ก่อนแล้ว พยายามให้เต็มที่เอามาเป็นสะใภ้ม้าให้ได้ล่ะ ฉันเองก็จะเป็นหลานเขยที่ดีของม้ากับพ่อนายให้ได้
กว่าชั่วโมงต่อมาและแล้วสิ่งที่พิมพ์พิชชาคาดไว้ก็เป็นจริงเมื่อมีข่าวลือดังกระฉ่อนไปทั่วโรงพยาบาลแถมไวยิ่งกว่า4Gเพราะข่าวนี้เกิดขึ้นหลังมีข่าวพงศ์พยัคฆ์แต่งงานแล้วไม่ถึงสองชั่วโมงแถมรู้กันเร็วกว่าข่าวแรกเสียอีก“พี่เสือครับแย่แล้วล่ะ มีคนปล่อยข่าวว่าหมอฟ้าเป็นเมียน้อยพี่อ่ะ” รามินที่ขออนุญาตออกจากห้องประชุมไปเข้าห้องน้ำรีบบอกทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องที่กำลังประชุมเรื่องแผนการผ่าตัดของพิมพ์พิชชาอยู่“ใครเล่นบ้าอะไรเนี่ย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นสายตาเยือกเย็นจนสัมผัสได้ถึงความกรุ่นโกรธที่กำลังจะปะทุ ที่ผ่านมาตลอดสองปีเขาทำทุกอย่างไม่ให้กุมารแพทย์สาวเสียหายแต่ดูเหมือนคนที่สร้างข่าวลือต่าง ๆจะไม่ยอมหยุดคนโกรธจนแทบปะทุก้าวออกจากห้องประชุมทันทีด้วยอารมณ์ที่พร้อมปะทะ ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ไปปะทะกับใครเสียงเรียกของปัญจวัตรก็ดังขึ้นเสียก่อน “เสือ”“นายได้ข่าวรึยัง” ปัญจวัตรที่โมโหไม่แพ้กันและอาจจะมากกว่าพงศ์พยัคฆ์ถามทันทีที่พบหน้าเพื่อนพงศ์พยัคฆ์พยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะถามถึงสถานการณ์ในโรงพยาบาลเพรา
เป็นอีกครั้งที่แพรวารินทร์ต้องมานั่งรอโดยไร้วี่แววการปรากฎตัวของลูกค้าคนพิเศษ หญิงสาวยังคงนิ่งสงบแต่ก็มั่นดูเวลาเป็นระยะ...หวังว่าคราวนี้เธอจะไม่ต้องรอเก้ออีกนะดวงตาคู่หวานละสายตาจากนาฬิกาข้อมือก่อนจะลอบถอนใจโล่งเมื่อเห็นร่างสูงก้าวลงมาจากบันได...ในที่สุดก็มาสักที“ขอโทษนะครับคุณมัณฑนากร พอดีนอนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย” ทัศนะผู้บริหารหนุ่มเจ้าของตำแหน่งลูกค้าวีไอพีเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชวนฝันหลังจากที่ตนปล่อยให้มัณฑนากรสาวนั่งรออยู่เกือบสามชั่วโมง แพรวารินทร์ควรให้อภัยกับคำขอโทษถ้าลูกค้าหนุ่มเอ่ยจากใจไม่ใช่ใบหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สึกผิด‘ชักจะทนไม่ไหวแล้วแฮะ คนอะไรกวนประสาทเหลือเกิน’ แพรวารินทร์คิดในใจอย่างสุดทน“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเราก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” แพรวารินทร์เอ่ยราวกับไม่ถือสาหาความ ใจจริงคือเธออยากจะออกไปจากบรรยากาศชวนโมโหนี่แล้วทัศนะยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่หญิงสาวต้องการ “
ในลิฟต์“พี่หมอ แพรถามอะไรหน่อยสิ ทำไมต้องจับมือแพรตลอดแพรมาหลายครั้งแล้วไม่หลงหรอก”แพรวารินทร์เอ่ยบอกเธออยากจะรู้ว่าเขาจะจับมือเธอทำไมนักหนาจะกลัวเธอหลงรึก็ไม่ใช่“พี่ไม่ได้กลัวหนูแพรหลงพี่แค่อยากจับไว้แบบนี้ จับไว้ตลอดชีวิตและไม่อยากจะปล่อยเลยแม้วินาทีเดียวลองฟังมันดูสิครับว่าหัวใจพี่มันเต้นอย่างไร”พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะยกมือซ้ายของหญิงสาวขึ้นมาทาบทับตรงอกกว้างซึ่งตรงกับตำแหน่งของหัวใจหญิงสาวหยุดมือนิ่งราวกับฟังอัตราการเต้นของหัวใจชายหนุ่ม หัวใจของเขาเต้นรัวจนเธอสัมผัสได้มันเพราะอะไรกันนั่นคือสิ่งที่หญิงสาวพยายามขบคิด“ตรงนี้มันเต้นไม่ปกติทุกครั้งที่เข้าใกล้หนูแพร ตรงนี้มันเต้นแรงทุกครั้งที่ได้จับมือหนูแพรแต่มันก็อบอุ่นและมีความสุขทุกครั้งและไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่รักหนูแพรไงครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกสายตาจ้องมองหน้าของภรรยาราวจะสื่อว่าพูดจริง“ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น ไม่มีทางที่เราจะรักใครสักคนได้ในเวลาแค่3-4วันหรอก”แพรวารินทร์เอ่ยบอกก่อนจะชักมือกลับแต่ชายหนุ่
“จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่ กลายเป็นคำตอบของใจฉันความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง...”เมื่อเสียงเพลงจบลงแพรวารินทร์ได้แต่เขินอายจนต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทั้งเขินทั้งเสียใจที่หมอหนุ่มยังคงนิ่งโดยไม่รู้เลยว่าคนที่คิดว่านิ่งนั้นแอบยิ้มและร้องไชโยในใจอยู่ถ้าไม่ติดที่ต้องเก๊กนิ่งนะเขาจะกระโดดเต้นแร้งเต้นกาเลยด้วยซ้ำ“สำเร็จ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยเบาๆอย่างดีใจเมื่อแพรวารินทร์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“สำเร็จแต่ยังไม่พอ ต้องบอกตรง ๆ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกตัวเองและทำหน้านิ่งตัวตรงอีกครั้งด้านคนในห้องน้ำยืนมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอายก่อนจะกรี๊ดลั่นแต่หมอหนุ่มก็ไม่มีทางได้ยินเพราะเป็นห้องเก็บเสียง ก่อนที่จะโทรศัพท์หาที่ปรึกษาตัวแสบอย่างพิมพ์พิชชาพร้อมเล่าทุกอย่างให้ฟัง“แก ฉันร้องเพลงบอกรักไปแล้วแต่พี่เสือยังนิ่งอีกเอาไงดีล่ะ”ด้านพิมพ์พิชชาอมยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่เธอไม่เชื่อว่าพี่ชายเธอยังนิ่งแค่ยัยเพื่อนรักไม่เห็นเท่านั้นแหละ“บอกรักผ่านเพลงอาจจะครุมเครือมั้งแก พี่เส
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วแต่คุณหมอหนุ่มยังไม่เลิกงานซึ่งนั้นก็หมายความว่าผู้ติดตามอย่างแพรวารินทร์ก็ยังไม่เลิกงานด้วยหญิงสาวมองญาติคนไข้ฉุกเฉินของพงศ์พยัคฆ์อย่างหงุดหงิดเธอพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตกใจเสียใจที่ญาติเข้าโรงพยาบาลแต่มีสิทธิ์อะไรมากอดสามีเธอไว้แบบนั้นแถมยังเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหาเขาอีกนั้นสามีของเธอนะภรรยาเขานั่งอยู่นี่ไม่เห็นรึไง‘ชิ แกนั่งอยู่นี่ทั้งคน นางยังเบียดนมเข้าแนบอกพี่เสืออีกยัยนมแตงโม’ แพรวารินทร์ได้แต่แยกเขี้ยวใส่พร้อมก่นด่าในใจตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนหึงแล้วโวยวายไม่ได้แล้วว่าเป็นยังไงและพอเข้าใจความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์ในวันนั้นแล้วด้วย แพรวารินทร์ได้แต่หงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของพงศ์พยัคฆ์เพราะทนภาพบาดตาไม่ไหวอยากจะกระชากออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด“พิมพ์พิชชาส่งคุณมาใช่มั้ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเมื่อแพรวารินทร์กลับห้องทำงานไปแล้ว เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่พยายามเอาหน้าอกมาเบียดเขาเนี่ยไม่ใช่ญาติของคนไข้แน่นอนและจะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะส่งมาถ้าไม่ใช่น้องสาวเขา“รู้ด้วย ฉลาดจังหมอขา&r
เดอะ ซัน คอนโดมิเนี่ยมคนที่ไม่ออกจากเรือนแสนรักมาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางเลือกจะมายังคอนโดมิเนียมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและเป็นที่พักในช่วงที่เขาไปทำงานที่นิติเวชร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเข้ามายังห้องนอนแล้วทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง เขาน้อยใจที่เธอว่าเขาไม่มีเหตุผลและมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นและเขาหึงที่เธออยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่นและที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของแพรวารินทร์แต่เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไปแถมเธอยังไม่มีใจให้กันอีกด้วย พงศ์พยัคฆ์ล้มลงนอนก่อนจะฝืนหลับตาลงอย่างยากลำบาก“พี่เสือคิดถึงหนูแพรนะครับ ขอแค่คิดถึงแต่จะไม่ไปกวนใจอีกแล้ว”2วันผ่านไปเรือนแสนรักเป็นเวลาสองวันแล้วหลังจากพงศ์พยัคฆ์ขับรถออกไปและหมอหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาอีกตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาช่างดูหดหู่ในความรู้สึกของแพรวารินทร์และทุกคนในบ้านที่ต่างเฝ้ารอการกลับมาของหมอหนุ่มโดยเฉพาะแพรวารินทร์ที่มีอาการเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องขอลางานอีกหนึ่งอาทิตย์“แพรจะไปตามพี่เสือกลับมา พี่เสือ
ร่างสูงสมบูรณ์แบบของพงศ์พยัคฆ์หันมองไปยังโต๊ะที่มีคนคุ้นเคยในหัวใจของเขานั่งอยู่อย่างหงุดหงิดและพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ไม่เดินเข้าไปกระชากผู้ชายคนนั้นขึ้นมาต่อยเพราะรู้ดีว่าตนทำผิดไว้มากและถ้าเดินเข้าไปต่อยลูกค้าของเธออีกมีหวังโอกาสของเขาคงหมดลงเป็นแน่แม้ว่าคำว่าสามีจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นแต่เขาไม่ใช่สามีที่เธอรักและยังอยู่ในสถานะที่รอการพิจารณาว่าจะรักหรือไม่เท่านั้นหมอหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจกลุ่มเพื่อนร่วมงานตรงหน้าที่ชวนเขามาทานอาหารเที่ยงแทน ทีมแพทย์ที่สนิทของชายหนุ่มซึ่งนำทีมโดยรามินเอ่ยชวนเขามาทานอาหารเที่ยงที่นี่พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกขค.ของเพื่อนรักกับกุมารแพทย์สาวจึงไม่คิดปฏิเสธการร่วมโต๊ะในครั้งนี้แต่เมื่อมาถึงที่นั่งของเขาดันบังเอิญมองไปเห็นอีกมุมนึงของร้านซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของหัวใจของเขานั่งอยู่นั้นเอง“พี่เสือเป็นไรเปล่า ผมว่าพี่ทำหน้าดูน่ากลัวไงไม่รู้”รามินเอ่ยถามหลังจากเห็นรุ่นพี่หนุ่มทำหร้าเหมือนจะหักคอคนได้“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ที่มากันครบทีมแบบนี้เนื่องในโอกาสอะไร” พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกอขอคอของเพื่อนรักเอ่ย
รุ่งอรุณแห่งวันเริ่มต้นการทำงานได้เริ่มขึ้นอย่างอึมครึมแต่ที่อึมครึมหาใช่สภาพอากาศไม่แต่หากเป็นความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์หลังจากกลับจากไร่พยัคฆาเมื่อเช้าวานซืนรณพีร์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าทัศนะต้องการจะดูแบบและคุยรายละเอียดกับแพรวารินทร์เพียงแค่หมอหนุ่มทราบเท่านั้นแหละถึงกับหน้าบึ้งตึงไปเฉยๆ“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ หนูแพร” คือถ้อยคำที่พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามเมื่อช่วงเช้าวานที่ผ่านมาหากแต่แพรวารินทร์กลับบอกว่าเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำจะปฏิเสธไม่ได้เพราะเคยรับปากรณพีร์ไว้แล้วแค่เพียงได้ยินเช่นนั้นหมอหนุ่มที่เคยยิ้มแย้มเอาอกเอาใจก็เงียบลงทันตาแถมพูดถามคำตอบคำจนแพรวารินทร์ได้แต่สงสัยพอเอ่ยถามหมอหนุ่มกลับบอกว่าไม่เป็นไรแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับจางหายไปตลอดหนึ่งวันมานี้ยิ่งรุ่งเช้าที่ผ่านมาหมอหนุ่มก็รีบออกไปทำงานแต่เช้าตรู่“พี่เสือหึงแกอยู่น่ะสิยัยแพร”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกขณะที่เดินมาส่งแพรวารินทร์ที่รถเพื่อไปทำงานเนื่องจากรณพีร์เกรงว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกชายหนุ่มจึงให้พักอีกหนึ่งอาทิตย์พิมพ์พิชชาจึงได้พักยาวๆจนถึงสิ้นเดือนนี้“พูดไปนั่นยัยทร
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสวันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกของพงศ์พยัคฆ์จะอยู่ที่ไร่พยัคฆารุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ทั้งหมดยกเว้นท่านสัตยะจะเดินทางกลับกรุงเทพฯความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์กับแพรวารินทร์และปัญจวัตรกับฟ้ารดาดีขึ้นมากพอสมควรส่วนรณพีร์และพิมพ์พิชชาก็ถือว่าดีแต่เมื่อใกล้จะกลับพิมพ์พิชชายิ่งต้องหาวิธีบอกว่าความจำเธอกลับมาแล้ว พิมพ์พิชชายืนมองคนอื่น ๆอย่างคิดหนักโอกาสเล่นละครว่าความทรงจำเพิ่งกลับมามีแค่วันนี้เท่านั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี‘เอาไงดีเนี่ย บอกไปตรง ๆไม่มีใครเชื่อแน่ บอกว่าจำได้ตั้งแต่สองวันแรกที่มาอีตาคุณพีร์คงโกรธแน่ เอาไงดีล่ะ ใช่แล้ว…ยัยแพร’ พิมพ์พิชชาครุ่นคิดในใจก่อนจะคิดอะไรได้หญิงสาวรีบเดินไปหาแพรวารินทร์“แพรมาทางนี้กับทรายหน่อยสิ”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักไปในมุมลับตาคน“มีอะไรจ๊ะยัยคนความจำเสื่อม” แพรวารินทร์เอ่ยแกล้งเพื่อนรักที่ทำเป็นจำอะไรไม่ได้“แกรู้?” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างตกใจไม่คิดว่าเพื่อนรักจะล่วงรู้ว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอแกล้งจำอะไรไม่ได้
ในวันที่9ของการมาเยือนไร่พยัคฆ์ของพงศ์พยัคฆ์และครอบครัวเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจรัส โปรมแกรมการฟื้นฟูความทรงจำของพิมพ์พิชชาที่แพรวารินทร์วางไว้คือการไปปิ๊กนิคที่ทุ่งหญ้าพักใจแต่เมื่อถึงถึงวันจริงพงศ์พยัคฆ์กลับมีอาการตัวร้อนแพรวารินทร์จึงอยู่คอยดูแล มีเพียงปัญจวัตร ฟ้ารดา รณพีร์ และพิมพ์พิชชาเท่านั้นที่ไปตามโปรแกรมส่วนปรียาภัทรนั้นต้องอยู่เคลียร์งานเพื่อส่งให้เจ้านายที่โทรศัพท์มาทวงงานจึงไม่ได้ไป“หนูแพรครับ พี่เสืออยากไปนั่งชิงช้าริมน้ำจังไปด้วยกันหน่อยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่แพรวารินทร์กลับจากเรือนใหญ่เพราะผู้เป็นพ่อแม่สามีเรียกให้ไปพบด้วยสาเหตุบางอย่าง“แต่ไข้ยังไม่ลดเลยนะคะ” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ไม่มีไข้แล้วครับ แตะดูสิตัวไม่ร้อนแล้วเห็นไหม”หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะจับมือขวาของหญิงสาวขึ้นสัมผัสหน้าผาก“จริงด้วย ก่อนแพรจะไปเรือนใหญ่ยังตัวร้อนจี๋อยู่เลย”แพรวารินทร์เอ่ยอย่างสงสัยหากแต่หมอหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวได้สงสัยนานไม่หมอหนุ่มลดมือหญิงสาวลงก่อนจ
“หมอปัญจ์ ฉันอยากได้ดอกไม้ตรงนั้นเอาให้หน่อย” ฟ้ารดาเอ่ยบอกขณะเดินตามทางเพื่อกลับไปที่จุดรวมพลพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ดอกของไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ปัญจวัตรมองดอกไม้ที่อยู่สูงพอสมควรก่อนจะเอ่ยขึ้น“จัดไปตามคำขอครับ คุณผู้หญิง” เมื่อจบหมอหนุ่มก็ถอดรองเท้าก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้“ระวังนะหมอปัญจ์”“รับทราบครับผม” ปัญจวัตรเอ่ยบอกและในที่สุดหมอหนุ่มก็มาถึงจุดที่มีดอกไม้ที่ฟ้ารดาต้องการหมอหนุ่มเด็ดมันก่อนจะหันไปเห็นดอกไม้อีกชนิดที่สวยงามไม่แพ้กัน หมอหนุ่มดึงมาทั้งเถาก่อนจะทำเป็นมงกุฏดอกไม้ป่าพร้อมยิ้มสายตาพลันเหลือบไปเห็นน้องสาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านล่างหมอหนุ่มจับตามองก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ...คงไม่ได้คุยกับไอ้บอสดี้นั่นอีกนะ“ได้รึยังหมอปัญจ์”เสียงของฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหมอหนุ่มเงียบไปนาน ปัญจวัตรละสายตาจากน้องสาวกลับมาสนใจดอกไม้ในมือก่อนจะปีนป่ายหาทางลงไป“นี่ครับดอกไม้ของคุณ ส่
เพราะความขบเมื่อยตรงบริเวณต้นคอปลุกให้คนแกล้งลืมต้องรู้สึกตัวขึ้นบรรยากาศรอบข้างไม่ได้น่ามองกว่าเจ้านายปากเสียของเธอเลยเพราะไหล่ขวาถูกเธอครอบครองไว้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเอาศีรษะพิงต้นไม้ใหญ่ข้างๆแทนเพื่อไม่ให้รบกวนเธอแม้จะหลับอยู่ชายตรงหน้าก็มีเสน่ห์อยู่มาก ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักเวลายิ้มก็น่ารัก‘อีตาคุณพีร์ขี้เก๊ะหลงให้เข้าใจว่าชอบยัยแพรอยู่ได้ตั้งหลายปี หึถ้าอธิบายแต่แรกฉันคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วอีตาคนซื่อบื้อ’ พิมพ์พิชชาได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเบาๆก่อนจะย่องลงไปในน้ำอย่างระวังไม่ทำให้เจ้านายขี้เซาตื่น หญิงสาวมองคนหลับอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะวิดน้ำใสใส่เต็มแรงความเย็นจากของเหลวบางอย่างทำให้รณพีร์สะดุ้งตื่นพร้อมหาที่มาของสิ่งนั้น พลันสายตาปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังสะบัดน้ำใส่เขาอย่างสนุกสนาน“คุณพีร์คะมาเล่นน้ำกัน”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางสงสัยได้แน่นอนจากการพูดที่แสนจะสุภาพ“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”รณพีร์เอ่ยถามอยากรู้ว่าพิมพ์พิชชาเวอร์ชั่นเสียความทรงจำจะทำอย่า