เสียงเครื่องยนต์ของรถที่คุ้นหูทำให้ปัญจวัตรรีบเดินออกมาหน้าบ้านด้วยความแปลกใจทันที เขาจำได้เสียงนี้เป็นเสียงรถพงศ์พยัคฆ์อย่างแน่นอน และก็เป็นไปตามคาดรถหรูของพงศ์พยัคฆ์จอดอยู่ตรงหน้าจริง ๆหลังจากนั้นไม่นานรถของปรียาภัทรก็ขับมาจอดใกล้ๆกัน ปัญจวัตรมองผู้มาเยือนที่ไม่ได้มีแต่พงศ์พยัคฆ์แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักอย่างแพรวารินทร์ด้วยความประหลาดใจ
“มาได้ไงวะไอ้เสือ น้องแพร” ปัญจวัตรเอ่ยถามอย่างสงสัยทันทีที่เพื่อนรักและลูกพี่ลูกน้องสาวลงจากรถ
“ปิ่นชวนเองแหละ เห็นว่าวันนี้ม้าทำแต่ของอร่อยเลยชวนมาแจมด้วย”
“ชวนมาแจมเนี่ยนะ” ปัญจวัตรเอ่ยพึมพำหมอหนุ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไรแล้วน้องสาวเขาคิดจะทำอะไรนั้นคือสิ่งที่ปัญจวัตรกำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ส่วนพงศ์พยัคฆ์และแพรวารินทร์นั้นไม่ได้สนใจปัญจวัตรทั้งคู่เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับปรียาภัทรโดยไม่ต้องมีใครชวน คนนอกเห็นอาจคิดว่าเสียมารยาทแต่ไม่ใช่เลยเพราะทั้งสองเข้าออกบ้านหลังนี้จนเหมือนบ้านตัวเองไปแล้วทั้งคุณหญิงปริศนากับคุณศรันย์ผู้เป็นสามีเองก็เอ็นดูพงศ์พยัคฆ์เหมือนลูกแพรวารินทร์เองก็เป็นหลานสาวเจ้าของบ้าน
“สวัสดีครับม้า” พงศ์พยัคฆ์ยกมือขึ้นไหว้คุณหญิงปริศนาทันทีทีเดินมาถึงห้องรับแขกที่คุณหญิงปริศนานั่งคุยกับเหล่าหมออยู่ก่อนจะเดินมากอดคุณหญิงปริศนากอดตอบก่อนจะหันไปกอดแพรวารินทร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ป้าปริมเป็นไงบ้างคะสบายดีมั้ยพี่ปัญจ์ดูแลดีมั้ยเนี่ย” แพรวารินทร์แกล้งถามเพื่อหยอกเย้าญาติผู้พี่ก่อนจะขบขันเมื่อป้าสะใภ้รับมุก
“ก็ดูแลตามอัตภาพแหละลูกบางวันก็ละเลย”
“ไง๊งั้นอ่ะผมไม่เคยละเลยม้าสักหน่อย ไม่เหมือนหลานรักกับลูกชายคนโปรดของม้าหรอก” ปัญจวัตรร้องอ้าวแย้งขึ้นทันทีอย่างแง่งอน
“นายกำลังว่าฉันอยู่เหรอเพื่อน เดี๋ยวฉันก็ขโมยม้าไปไว้ที่เรือนแสนรักซะเลย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกพร้อมยิ้มยั่วการกระทำของชายหนุ่มทำให้บรรดาหมอทั้งหลายตกใจเป็นอย่างมากแม้แต่นายแพทย์รามินหรือหมอรามที่อยู่แผนกเดียวกันและเป็นหมอในทีมผ่าตัดของพงศ์พยัคฆ์ยังตกใจกับเหตุการณเมื่อครู่เกือบ5ปีที่ทำงานด้วยกันมานี่เป็นครั้งแรกที่พงศ์พยัคฆ์ยิ้มและหยอกล้อแบบนี้
“นี่พี่เสือที่ผมรู้จักจริงป่ะเนี่ย”
“นั่นสิ นานแล้วนะที่ไม่เห็นหมอเสือยิ้มจำได้ว่าครั้งล่าสุดตอนยังเรียนนิติเวชอยู่ล่ะมั้ง” แพทย์หญิงพลอยลดาหรือหมอพลอยสูตินารีแพทย์สาวที่เรียนที่เดียวกับปัญจวัตรและพงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกบ้าง
“พวกผมยังไม่เคยเห็นหมอเสือเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นแต่ขี้แกล้งนิด ๆ หวาน ๆ หน่อย ๆโรแมนติกนิด ๆ ตอนไม่ยิ้มว่าหล่อแล้วยิ่งยิ้มแบบนี้พวกผมชิดซ้ายเลย” นายแพทย์พลพิพัฒน์หรือหมอพลอายุรแพทย์หนุ่มเอ่ยแสดงความคิดเห็นบ้าง
“ไอ้เสือมันมีปัญหาครอบครัวนะครับเลยกลายเป็นเสือยิ้มยากเมื่อก่อนแจกรอยยิ้มให้กับทุกคนสาว ๆ เนี่ยหลงกันตรึม” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนจะโดนพงศ์พยัคฆ์กระแทกศอกใส่เต็มรัก
“มันกำลังจะไปได้ดีในระดับหนึ่งพอบอกว่าแจกยิ้มไปทั่วสาว ๆ หลงตรึมเนี่ยมีจุดประสงค์อะไรวะคะแนนนิยมอยู่ต่ำกว่าศูนย์ อย่าทำให้แย่ดิ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกแค่ที่ผ่านมา9ปีความนิยมของเขาในความรู้สึกแพรวารินทร์ก็ต่ำกว่าศูนย์อยู่แล้วปัญจวัตรยังพูดเหมือนเขาโปรยเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้ไอ้ลำพังแค่บอกว่าจีบเธอยังไม่เชื่อเจอคำพูดของปัญจวัตรเข้าไปคงทำให้เขาดูไม่จริงใจเข้าไปอีก
“แค่หยอกเล่นเอง น้องแพรยังไม่คิดอะไรใช่มั้ยถ้าคิดแล้วลืมมันซะพี่พูดเล่นแต่ตอนมัธยมน้องแพรก็คงเห็นใช่มั้ยว่าสาวตรึม” ปัญจวัตรวางระเบิดอีกลูกพร้อมยิ้มอย่างสะใจพงศ์พยัคฆ์มาทำอะไรเขาไม่รู้แต่มาไม่บอกแบบนี้ต้องเอาคืนถ้าจีบน้องเขาติดง่ายๆก็ง่ายเกินทำกับน้องเขาไว้เยอะอย่าหวังจะได้ง่ายๆ
“ไอ้ปัญจ์นายพูดอะไรเนี่ย ม้าครับปัญจ์แกล้งผมอีกแล้วแบบนี้ผมก็แย่นะสิไม่น่าคบเอาซะเลย” พงศ์พยัคฆ์ก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆคิดจะทำให้เขาดูแย่ในสายตา“หนูแพร” งั้นเหรอได้เจอเขาแน่คุณหญิงปริศนานี่แหละที่จะช่วยเขาคุณหญิงปริศนาต้องอยู่ข้างเขาแน่และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคุณหญิงปริศนาตีแขนปัญจวัตร
“ตาปัญจ์อย่ามาแกล้งลูกชายม้านะสาวตรึมอะไรกันแค่แฟนคลับวงดนตรีเท่านั้น” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอก สมัยมัธยมพงศ์พยัคฆ์และปัญจวัตรรวมกลุ่มกับเพื่อนอีกสามคนตั้งวงดนตรีชื่อวงฟ้าครามและมีแฟนคลับในโรงเรียนอยู่มากซ้ำยังเป็นที่รู้จักจากคนทั่วไปอยู่ไม่น้อยจากการเป็นวงดนตรีตัวแทนของโรงเรียนเข้าแข่งขันและได้เป็นแชมป์สามสมัยซ่อนกวาดรางวัลจากการแข่งขันมาหลายรายการจะมีแฟนคลับสาว ๆ ก็ไม่แปลกนี่นะ
“ชิ แตะไม่ได้เลยลูกชายม้าเนี่ย” ปัญจวัตรทำทีงอนแต่ก็ไม่จริงจังเท่าไรก่อนที่หนึ่งในบรรดาแขกเอ่ยขัดจังหวะขึ้น
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้ใครอ่ะพี่เสือน้องสาวเหรอน่ารักจัง ชอบอ่ะจีบได้ป่ะ” รามินเอ่ยขึ้นเพราะความที่อยู่ทีมเดียวกันทำให้รามินกล้าที่จะเอ่ยถามผิดกับหมอคนอื่นที่สงสัยแต่ก็เงียบเพราะปกติพงศ์พยัคฆ์เป็นคนเงียบๆทำให้ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่
“ไม่ใช่น้อง ทุกคนครับนี่แพรวารินทร์หรือแพรครับภรรยาของผม หนูแพรนี่หมอพลอยู่แผนกอายุรกรรม นี่หมอพลอยอยู่แผนกสูตินารีแพทย์ นี่หมออ้าย หมอรดา หมอธันวา หมอฟ้าอยู่แผนกกุมารเวช ส่วนคนนี่ชื่อรามไม่ต้องไปสนใจมากแค่หมอคนนึง” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกด้วยความโมโหนิดๆที่รามินคิดจะจีบเมียเขาก่อนจะแนะนำให้แพรวารินทร์รู้จักกับบรรดาหมอที่นั่งอึ้งไปตั้งแต่บอกว่าแพรวารินทร์เป็นภรรยาแล้ว
“เมียหมอเสือ/เมียพี่เสือ?” เมื่อหายจากอาการตกใจบรรดาหมอก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันราวกับต้องการจะทวนว่าพงศ์พยัคฆ์ได้พูดอะไรผิดไปหรือไม่ มีเพียงฟ้ารดาเท่านั้นที่แค่มองคู่หนุ่มสาวด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเบือนหน้าหนีปกปิดกิริยาอาการที่อาจทำให้ใครต่อใครรับรู้ความคิดไม่ซื่อของเธอ ทว่าแพรวารินทร์ได้เห็นสายตาที่เจ็บปวดนั้นเข้าพอดีในใจนึกสงสารกุมารแพทย์สาวคงรักพงศ์พยัคฆ์มากยิ่งเห็นแพรวารินทร์ยิ่งอยากจะถอยหลังกลับถ้าไม่ติดว่าพงศ์พยัคฆ์ยังกุมมือเธอไว้แน่นเมื่อทำอะไรไม่ได้เธอก็ได้แต่ก่นด่าเพื่อนรักในใจ
‘ยัยทรายนะยัยทรายคุณหมอน่าสงสารขนาดนี้แกยังจะให้ฉันแสดงตัวให้เค้าเสียใจอีกใจร้ายเกินไปแล้ว ยัยตัวแสบ’
“พี่อำผมเล่นป่ะเนี่ยผมทำงานกับพี่มา5ปีทำไมไม่เห็นรู้เลย” รามินเอ่ยขึ้นถึงแม้พงศ์พยัคฆ์จะค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวแต่มันก็ต้องมีบ้างที่เขาจะรู้
“นายจะรู้ได้ไงรามพี่ทำงานกับนายมา5ปีแต่พี่แต่งงานมา9ปีแล้ว” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกอย่างกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วไป
“9ปี?...เดี๋ยวนะตอนนั้นเราเพิ่งขึ้นปี4กันเองนะหมอเสือแล้วคุณแพรก็ดูเด็กกว่าหมอรามซะอีก ตอนนั้นคงประมาณ16-17เอง” พลอยลดาเอ่ยขึ้น เธอจำได้ว่า9ปีก่อนทั้งเธอ ปัญจวัตร และพงศ์พยัคฆ์ เพิ่งจะเป็นนักศึกษาแพทย์ปี4เองนะ
“ใช่ครับตอนนั้นหนูแพรอายุ17 แต่เราสองคนไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไรนะครับ การแต่งงานเกิดขึ้นจากความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ใช่แต่งเพื่อรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกและดักทางไว้ก่อนที่หลายคนจะคิดเลยเถิดแล้วมองแพรวารินทร์ในแง่ร้าย
“น่าอิจฉาอ่ะเมียพี่เสือส๊วย สวย น่ารักโคตร พี่รามนะครับน้องแพรถ้าวันไหนเบื่อพี่เสือแวะมาหาพี่ได้นะครับ” รามินเอ่ยบอกแก่แพรวารินทร์ก่อนจะหันไปเห็นสายตาดุของพงศ์พยัคฆ์
‘เพิ่งเคยเห็นพี่เสือใช่สายตาแบบนี้ แสดงว่าคนนี้รักจริงอะไรจริงแบบนี้ต้องขยายให้ทั่วจะได้เลิกโยงมั่วอีก’
“รอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะราม รึถ้าอยากไปรออยู่ที่ชาติหน้าพี่ก็ไม่ว่านะจะสนองให้” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกในใจรู้สึกหงุดหงิดและหึงเอามาก ๆจนไม่เหลือมาดนายแพทย์พงศ์พยัคฆ์ผู้สุขุมเอาซะเลย
“โอ้ยพี่เสืออ่ะ ผมรอที่ชาตินี้แหละไม่ไปรอที่ชาติหน้าหรอกเมียยังไม่มี” รามินเอ่ยบอกเขาเริ่มจะกลัว “พี่เสือ” คนนี้ซะแล้ว ทุกคนต่างอมยิ้มที่เห็นหมอหนุ่มผู้เงียบขรึมออกอาการหึงออกหน้าออกตา ผิดกับฟ้ารดาที่ยิ่งเจ็บจี๊ดถึงทรวงมันชัดเจนมากแล้วว่าหมอหนุ่มรักหญิงข้างกายมากแค่ไหนเธอคงสู้ไม่ได้เลย ความผิดปกติของฟ้ารดามีเพียงปัญจวัตร คุณหญิงปริศนา และแพรวารินทร์เท่านั้นที่เห็น หมอหนุ่มเริ่มจะเดาทางเพื่อนรักออกแล้วว่ามาด้วยสาเหตุอะไรและน้องกับมารดาของเขาก็รู้ด้วยมันอาจรวมถึงครอบครัวสัตยบดินทร์ด้วยชายหนุ่มได้แต่สงสารไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ส่วนคุณหญิงปริศนาและแพรวารินทร์มองหน้ากันแผนสำเร็จไปขั้นนึงแต่ฟ้ารดาจะตัดใจหรือไม่นั้นยังไม่แน่ชัด ส่วนปัญจวัตรจะรู้มั้ยว่าควรทำไงต่อ
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้วเราไปทานข้าวกันดีกว่าจ้ะ” เพื่อตัดบทก่อนที่ใครจะหันมาเห็นอาการผิดปกติของฟ้ารดาคุณหญิงปริศนาจึงรีบชวนแขกทั้งหลายไปรับประทานอาหารทันที
โต๊ะอาหารหลังจากที่ทุกคนย้ายสถานที่จากห้องรับแขกมาเป็นห้องอาหารพงศ์พยัคฆ์ก็เลื่อนเก้าอี้ให้แพรวารินทร์นั่งโดยจงใจให้ที่นั่งของตนและภรรยาสาวอยู่ตรงข้ามกับฟ้ารดา แพรวารินทร์มองชายผู้เป็นสามีอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่เอ่ยอะไรด้านพงศ์พยัคฆ์ก็รู้ว่าภรรยาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่อธิบายได้แต่ตักปูมาแกะก่อนจะยื่นมาตรงหน้าแพรวารินทร์“อ้าปากสิครับ พี่จะป้อน” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกน้ำเสียงไม่เบานัก แพรวารินทร์มองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะขยับปากจะพูดแต่ถูกพงศ์พยัคฆ์ขัดขึ้นก่อน“ไม่อ้าปากพี่จูบนะ เลือกเอา” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขู่จนคนไม่อยากโดนจูบรีบอ้าปากงับเนื้อปูอย่างไม่รอช้า พงศ์พยัคฆ์ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะโน้นศีรษะไปใกล้หญิงสาวแล้วเอ่ยบางอย่างออกมา“น่ารักที่สุด แบบนี้ต้องให้รางวัล” พูดจบริมฝีปากหนาของพงศ์พยัคฆ์ก็ทาบลงจุ๊บที่แก้มเนียนของแพรวารินทร์โดยไม่เอียงอายต่อสายตาของผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ แพรวารินทร์ผงะไปอย่างตกตะลึงก่อนที่แก้มเนียนจะเปลี่ยนเป็นแดงซ่าน“ป้อนให้พี่บ้างสิครับ หนูแพร” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะโน้นศีรษะลงไปใกล้ใบหูของหญิงส
บทที่17 เหตุการณ์สร้างพระเอก“ยัยทรายร้ายกาจและใจร้ายที่สุด สงสารหมอฟ้าจัง” แพรวารินทร์เอ่ยต่อว่าเพื่อนก่อนจะเดินนำหน้าออกไป พงศ์พยัคฆ์รีบเดินตามไปอย่างช้า ๆก่อนที่ทั้งคู่จะต้องหยุดชะงักเมื่อเดินมาถึงหน้าสระน้ำพุภาพที่ปรากฏในสายตาของทั้งคู่คือปัญจวัตรและฟ้ารดา พงศ์พยัคฆ์หันมาสบตากับภรรยาก่อนคิดด่าตัวเองในใจ‘ไม่น่ารีบกลับเล้ยไอ้เสือ ถ้าจะไปที่รถก็ต้องผ่านหน้าสองคนนั้นทำลายบรรยากาศกันพอดี’“จะกลับแล้วเหรอ”ปัญจวัตรเอ่ยถามหลังจากมองเห็นและผละออกจากกุมารแพทย์สาวอย่างนุ่มนวล“ใช่พอดีหนูแพรมีงานพรุ่งนี้น่ะเลยไม่อยากกลับดึกไปนะครับหมอฟ้า ไปนะเพื่อนกอดหน่อย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักมากอดและกระซิบบางอย่าง“ถึงที่ฉันทำมันดูแรงไปแต่ก็เพราะหวังดีกับหมอฟ้าแล้วก็นาย ต่อไปก็จีบไปเรื่อยๆล่ะฉันว่าหมอฟ้าไม่ได้อคติกับนายเหมือนแต่ก่อนแล้ว พยายามให้เต็มที่เอามาเป็นสะใภ้ม้าให้ได้ล่ะ ฉันเองก็จะเป็นหลานเขยที่ดีของม้ากับพ่อนายให้ได้
กว่าชั่วโมงต่อมาและแล้วสิ่งที่พิมพ์พิชชาคาดไว้ก็เป็นจริงเมื่อมีข่าวลือดังกระฉ่อนไปทั่วโรงพยาบาลแถมไวยิ่งกว่า4Gเพราะข่าวนี้เกิดขึ้นหลังมีข่าวพงศ์พยัคฆ์แต่งงานแล้วไม่ถึงสองชั่วโมงแถมรู้กันเร็วกว่าข่าวแรกเสียอีก“พี่เสือครับแย่แล้วล่ะ มีคนปล่อยข่าวว่าหมอฟ้าเป็นเมียน้อยพี่อ่ะ” รามินที่ขออนุญาตออกจากห้องประชุมไปเข้าห้องน้ำรีบบอกทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องที่กำลังประชุมเรื่องแผนการผ่าตัดของพิมพ์พิชชาอยู่“ใครเล่นบ้าอะไรเนี่ย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นสายตาเยือกเย็นจนสัมผัสได้ถึงความกรุ่นโกรธที่กำลังจะปะทุ ที่ผ่านมาตลอดสองปีเขาทำทุกอย่างไม่ให้กุมารแพทย์สาวเสียหายแต่ดูเหมือนคนที่สร้างข่าวลือต่าง ๆจะไม่ยอมหยุดคนโกรธจนแทบปะทุก้าวออกจากห้องประชุมทันทีด้วยอารมณ์ที่พร้อมปะทะ ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ไปปะทะกับใครเสียงเรียกของปัญจวัตรก็ดังขึ้นเสียก่อน “เสือ”“นายได้ข่าวรึยัง” ปัญจวัตรที่โมโหไม่แพ้กันและอาจจะมากกว่าพงศ์พยัคฆ์ถามทันทีที่พบหน้าเพื่อนพงศ์พยัคฆ์พยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะถามถึงสถานการณ์ในโรงพยาบาลเพรา
เป็นอีกครั้งที่แพรวารินทร์ต้องมานั่งรอโดยไร้วี่แววการปรากฎตัวของลูกค้าคนพิเศษ หญิงสาวยังคงนิ่งสงบแต่ก็มั่นดูเวลาเป็นระยะ...หวังว่าคราวนี้เธอจะไม่ต้องรอเก้ออีกนะดวงตาคู่หวานละสายตาจากนาฬิกาข้อมือก่อนจะลอบถอนใจโล่งเมื่อเห็นร่างสูงก้าวลงมาจากบันได...ในที่สุดก็มาสักที“ขอโทษนะครับคุณมัณฑนากร พอดีนอนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย” ทัศนะผู้บริหารหนุ่มเจ้าของตำแหน่งลูกค้าวีไอพีเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชวนฝันหลังจากที่ตนปล่อยให้มัณฑนากรสาวนั่งรออยู่เกือบสามชั่วโมง แพรวารินทร์ควรให้อภัยกับคำขอโทษถ้าลูกค้าหนุ่มเอ่ยจากใจไม่ใช่ใบหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สึกผิด‘ชักจะทนไม่ไหวแล้วแฮะ คนอะไรกวนประสาทเหลือเกิน’ แพรวารินทร์คิดในใจอย่างสุดทน“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเราก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” แพรวารินทร์เอ่ยราวกับไม่ถือสาหาความ ใจจริงคือเธออยากจะออกไปจากบรรยากาศชวนโมโหนี่แล้วทัศนะยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่หญิงสาวต้องการ “
ในลิฟต์“พี่หมอ แพรถามอะไรหน่อยสิ ทำไมต้องจับมือแพรตลอดแพรมาหลายครั้งแล้วไม่หลงหรอก”แพรวารินทร์เอ่ยบอกเธออยากจะรู้ว่าเขาจะจับมือเธอทำไมนักหนาจะกลัวเธอหลงรึก็ไม่ใช่“พี่ไม่ได้กลัวหนูแพรหลงพี่แค่อยากจับไว้แบบนี้ จับไว้ตลอดชีวิตและไม่อยากจะปล่อยเลยแม้วินาทีเดียวลองฟังมันดูสิครับว่าหัวใจพี่มันเต้นอย่างไร”พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะยกมือซ้ายของหญิงสาวขึ้นมาทาบทับตรงอกกว้างซึ่งตรงกับตำแหน่งของหัวใจหญิงสาวหยุดมือนิ่งราวกับฟังอัตราการเต้นของหัวใจชายหนุ่ม หัวใจของเขาเต้นรัวจนเธอสัมผัสได้มันเพราะอะไรกันนั่นคือสิ่งที่หญิงสาวพยายามขบคิด“ตรงนี้มันเต้นไม่ปกติทุกครั้งที่เข้าใกล้หนูแพร ตรงนี้มันเต้นแรงทุกครั้งที่ได้จับมือหนูแพรแต่มันก็อบอุ่นและมีความสุขทุกครั้งและไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่รักหนูแพรไงครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกสายตาจ้องมองหน้าของภรรยาราวจะสื่อว่าพูดจริง“ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น ไม่มีทางที่เราจะรักใครสักคนได้ในเวลาแค่3-4วันหรอก”แพรวารินทร์เอ่ยบอกก่อนจะชักมือกลับแต่ชายหนุ่
3วันต่อมาเรือนแสนรักดวงตาคู่คมมองร่างบางที่ควรจะหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าทว่ายังคงนั่งตาใสแจ๋ว แพรวารินทร์เพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เอง สภาพหญิงสาวดูอิดโรยไม่น้อยแต่พอขึ้นมาบนห้องอาบน้ำเปลี่ยนชุดและมานอนแล้วเธอกลับไม่หลับเสียอย่างนั้น“หลับรึยังครับ” เขาถามพร้อมกับเดินมานอนลงข้างๆแพรวารินทร์ก่อนจะซ้อนกอดจากด้านหลังและบอกตัวเองว่าเขาต้องการแค่นอนกอดไว้เท่านั้น“พี่ขอแค่กอดสัญญาจะทำแค่นี้ครับ” พงศ์พยัคฆ์กระซิบข้างหูอย่างอ่อนโยนก่อนจะเห็นว่าแพรวารินทร์นิ่งไปเหมือนขบคิดอะไรสักอย่าง“นอนไม่หลับหรือครับคนดี กังวลอะไรบอกพี่ได้มั้ย”“ห่วงเรื่องทรายน่ะค่ะพี่หมอ มันจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าแพรกังวลจนนอนไม่หลับเลย”แพรวารินทร์เอ่ยบอกตามสิ่งที่คิด...ใช่ว่าเธอไม่เชื่อฝีมือพงศ์พยัคฆ์แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่“ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีเชื่อพี่สิครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวอย่างแสนรัก“เ
ห้องพักพิมพ์พิชชา“ปู่เชื่อว่าหลานสาวของปู่จะต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างกังวลเลยหลานปู่”น้ำเสียงแหบชราของท่านสัตยะเอ่ยปลอบใจหลานสาวพร้อมกับลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่ ท่านเดินทางมาที่นี่เมื่อช่วงสายของเมื่อวานและถึงโรงพยาบาลในช่วงค่ำหลังจากที่พิมพ์พิชชาหลับไปไม่นานทำให้ปู่กับหลานได้คุยกันในช่วงเช้านี้“ทรายไม่กังวลเรื่องผ่าตัดหรอกค่ะแต่ทรายกลัวทุกคนจะทุกข์ใจ ถ้าหลังผ่าตัดทรายเป็นอัลไซเมอร์ระยะสั้นโดยเฉพาะยัยแพร”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกเธอไม้ได้กังวลเรื่องการผ่าคัดแม้แต่น้อยแต่กังวลว่าผลกระทบหลังการผ่าตัดจะเป็นอย่างไรมากกว่าเธอพอรู้ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดจากพงศ์พยัคฆ์มาบ้างทำให้นึกห่วงทุกคนจะทุกข์ใจโดยเฉพาะเพื่อนรักอย่างแพรวารินทร์“อย่ากลัวไปเลยลูกก็ไดอารี่ที่หนูทำไว้ไงล่ะถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่กับพ่อจะให้หนูดูจะได้เปิดอ่านจะได้จำได้” คุณหญิงพราวกะรัตเอ่ยบอกพรางลูบหลังลูกสาว“ใช่...ส่วนหนูแพรพวกเราก็จะทำให้ลืมความทุกข์ใจและมีแต่รอยยิ้มเพื่อนของหนูและพวกเราจะไม่ทุกข
ห้องพักของพิมพ์พิชชาร่างบางในชุดคนไข้ของพิมพ์พิชชาถูกพากลับมายังห้องพักโดยมีแพรวารินทร์นั่งอยู่ที่โซฟา หลังจากกลับมายังห้องพักได้ไม่นานแพรวารินทร์ก็ขออยู่เฝ้าพิมพ์พิชชาจนกว่าจะฟื้นเพื่อให้คุณสิงหาและคุณหญิงพราวกะรัตได้กลับไปพักที่บ้านและอีกเหตุผลคือหญิงสาวอยากเป็นคนแรกที่พิมพ์พิชชาเห็นเมื่อลืมตาในตอนแรกคุณหญิงพราวกะรัตไม่เห็นด้วยเพราะรู้ดีว่าแพรวารินทร์ไม่ค่อยชอบกลิ่นและบรรยากาศของโรงพยาบาลแต่เมื่อพงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกว่าเขาต้องเข้าเวรในวันนี้ทำให้ทั้งหมดคลายความกังวลลงได้เพราะรู้ดีว่าหมอหนุ่มคงจะเข้ามาดูน้องสาวและภรรยาเป็นพักๆเป็นแน่ ท่านสัตยะ คุณสิงหาและคุณหญิงพราวกะรัตจึงต้องจำใจกลับไปพักผ่อนเพราะเย็นมากแล้วภายในห้องเงียบไปหลายนาทีเมื่อพงศ์พยัคฆ์อาสาลงไปส่งพ่อแม่และปู่ที่รถ แพรวารินทร์หยิบไดอารี่ของเพื่อนสาวขึ้นมาอ่านเป็นการฆ่าเวลา ทว่าหลายเรื่องในสมุดไดอารี่ก็ทำให้หญิงสาวจมไปกับอดีตอยู่หลายครั้งทำให้หญิงสาวไม่รับรู้ถึงการมาของพงศ์พยัคฆ์แม้แต่นิดเดียว...กว่าจะรู้ตัวความเย็นจากแก้วน้ำกระเจี๊ยบก็ถูกนำมาแนบห
“จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่ กลายเป็นคำตอบของใจฉันความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง...”เมื่อเสียงเพลงจบลงแพรวารินทร์ได้แต่เขินอายจนต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทั้งเขินทั้งเสียใจที่หมอหนุ่มยังคงนิ่งโดยไม่รู้เลยว่าคนที่คิดว่านิ่งนั้นแอบยิ้มและร้องไชโยในใจอยู่ถ้าไม่ติดที่ต้องเก๊กนิ่งนะเขาจะกระโดดเต้นแร้งเต้นกาเลยด้วยซ้ำ“สำเร็จ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยเบาๆอย่างดีใจเมื่อแพรวารินทร์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“สำเร็จแต่ยังไม่พอ ต้องบอกตรง ๆ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกตัวเองและทำหน้านิ่งตัวตรงอีกครั้งด้านคนในห้องน้ำยืนมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอายก่อนจะกรี๊ดลั่นแต่หมอหนุ่มก็ไม่มีทางได้ยินเพราะเป็นห้องเก็บเสียง ก่อนที่จะโทรศัพท์หาที่ปรึกษาตัวแสบอย่างพิมพ์พิชชาพร้อมเล่าทุกอย่างให้ฟัง“แก ฉันร้องเพลงบอกรักไปแล้วแต่พี่เสือยังนิ่งอีกเอาไงดีล่ะ”ด้านพิมพ์พิชชาอมยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่เธอไม่เชื่อว่าพี่ชายเธอยังนิ่งแค่ยัยเพื่อนรักไม่เห็นเท่านั้นแหละ“บอกรักผ่านเพลงอาจจะครุมเครือมั้งแก พี่เส
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วแต่คุณหมอหนุ่มยังไม่เลิกงานซึ่งนั้นก็หมายความว่าผู้ติดตามอย่างแพรวารินทร์ก็ยังไม่เลิกงานด้วยหญิงสาวมองญาติคนไข้ฉุกเฉินของพงศ์พยัคฆ์อย่างหงุดหงิดเธอพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตกใจเสียใจที่ญาติเข้าโรงพยาบาลแต่มีสิทธิ์อะไรมากอดสามีเธอไว้แบบนั้นแถมยังเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหาเขาอีกนั้นสามีของเธอนะภรรยาเขานั่งอยู่นี่ไม่เห็นรึไง‘ชิ แกนั่งอยู่นี่ทั้งคน นางยังเบียดนมเข้าแนบอกพี่เสืออีกยัยนมแตงโม’ แพรวารินทร์ได้แต่แยกเขี้ยวใส่พร้อมก่นด่าในใจตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนหึงแล้วโวยวายไม่ได้แล้วว่าเป็นยังไงและพอเข้าใจความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์ในวันนั้นแล้วด้วย แพรวารินทร์ได้แต่หงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของพงศ์พยัคฆ์เพราะทนภาพบาดตาไม่ไหวอยากจะกระชากออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด“พิมพ์พิชชาส่งคุณมาใช่มั้ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเมื่อแพรวารินทร์กลับห้องทำงานไปแล้ว เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่พยายามเอาหน้าอกมาเบียดเขาเนี่ยไม่ใช่ญาติของคนไข้แน่นอนและจะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะส่งมาถ้าไม่ใช่น้องสาวเขา“รู้ด้วย ฉลาดจังหมอขา&r
เดอะ ซัน คอนโดมิเนี่ยมคนที่ไม่ออกจากเรือนแสนรักมาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางเลือกจะมายังคอนโดมิเนียมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและเป็นที่พักในช่วงที่เขาไปทำงานที่นิติเวชร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเข้ามายังห้องนอนแล้วทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง เขาน้อยใจที่เธอว่าเขาไม่มีเหตุผลและมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นและเขาหึงที่เธออยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่นและที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของแพรวารินทร์แต่เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไปแถมเธอยังไม่มีใจให้กันอีกด้วย พงศ์พยัคฆ์ล้มลงนอนก่อนจะฝืนหลับตาลงอย่างยากลำบาก“พี่เสือคิดถึงหนูแพรนะครับ ขอแค่คิดถึงแต่จะไม่ไปกวนใจอีกแล้ว”2วันผ่านไปเรือนแสนรักเป็นเวลาสองวันแล้วหลังจากพงศ์พยัคฆ์ขับรถออกไปและหมอหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาอีกตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาช่างดูหดหู่ในความรู้สึกของแพรวารินทร์และทุกคนในบ้านที่ต่างเฝ้ารอการกลับมาของหมอหนุ่มโดยเฉพาะแพรวารินทร์ที่มีอาการเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องขอลางานอีกหนึ่งอาทิตย์“แพรจะไปตามพี่เสือกลับมา พี่เสือ
ร่างสูงสมบูรณ์แบบของพงศ์พยัคฆ์หันมองไปยังโต๊ะที่มีคนคุ้นเคยในหัวใจของเขานั่งอยู่อย่างหงุดหงิดและพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ไม่เดินเข้าไปกระชากผู้ชายคนนั้นขึ้นมาต่อยเพราะรู้ดีว่าตนทำผิดไว้มากและถ้าเดินเข้าไปต่อยลูกค้าของเธออีกมีหวังโอกาสของเขาคงหมดลงเป็นแน่แม้ว่าคำว่าสามีจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นแต่เขาไม่ใช่สามีที่เธอรักและยังอยู่ในสถานะที่รอการพิจารณาว่าจะรักหรือไม่เท่านั้นหมอหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจกลุ่มเพื่อนร่วมงานตรงหน้าที่ชวนเขามาทานอาหารเที่ยงแทน ทีมแพทย์ที่สนิทของชายหนุ่มซึ่งนำทีมโดยรามินเอ่ยชวนเขามาทานอาหารเที่ยงที่นี่พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกขค.ของเพื่อนรักกับกุมารแพทย์สาวจึงไม่คิดปฏิเสธการร่วมโต๊ะในครั้งนี้แต่เมื่อมาถึงที่นั่งของเขาดันบังเอิญมองไปเห็นอีกมุมนึงของร้านซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของหัวใจของเขานั่งอยู่นั้นเอง“พี่เสือเป็นไรเปล่า ผมว่าพี่ทำหน้าดูน่ากลัวไงไม่รู้”รามินเอ่ยถามหลังจากเห็นรุ่นพี่หนุ่มทำหร้าเหมือนจะหักคอคนได้“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ที่มากันครบทีมแบบนี้เนื่องในโอกาสอะไร” พงศ์พยัคฆ์ที่ไม่อยากเป็นกอขอคอของเพื่อนรักเอ่ย
รุ่งอรุณแห่งวันเริ่มต้นการทำงานได้เริ่มขึ้นอย่างอึมครึมแต่ที่อึมครึมหาใช่สภาพอากาศไม่แต่หากเป็นความรู้สึกของพงศ์พยัคฆ์หลังจากกลับจากไร่พยัคฆาเมื่อเช้าวานซืนรณพีร์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าทัศนะต้องการจะดูแบบและคุยรายละเอียดกับแพรวารินทร์เพียงแค่หมอหนุ่มทราบเท่านั้นแหละถึงกับหน้าบึ้งตึงไปเฉยๆ“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ หนูแพร” คือถ้อยคำที่พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามเมื่อช่วงเช้าวานที่ผ่านมาหากแต่แพรวารินทร์กลับบอกว่าเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำจะปฏิเสธไม่ได้เพราะเคยรับปากรณพีร์ไว้แล้วแค่เพียงได้ยินเช่นนั้นหมอหนุ่มที่เคยยิ้มแย้มเอาอกเอาใจก็เงียบลงทันตาแถมพูดถามคำตอบคำจนแพรวารินทร์ได้แต่สงสัยพอเอ่ยถามหมอหนุ่มกลับบอกว่าไม่เป็นไรแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับจางหายไปตลอดหนึ่งวันมานี้ยิ่งรุ่งเช้าที่ผ่านมาหมอหนุ่มก็รีบออกไปทำงานแต่เช้าตรู่“พี่เสือหึงแกอยู่น่ะสิยัยแพร”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกขณะที่เดินมาส่งแพรวารินทร์ที่รถเพื่อไปทำงานเนื่องจากรณพีร์เกรงว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกชายหนุ่มจึงให้พักอีกหนึ่งอาทิตย์พิมพ์พิชชาจึงได้พักยาวๆจนถึงสิ้นเดือนนี้“พูดไปนั่นยัยทร
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสวันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกของพงศ์พยัคฆ์จะอยู่ที่ไร่พยัคฆารุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ทั้งหมดยกเว้นท่านสัตยะจะเดินทางกลับกรุงเทพฯความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์กับแพรวารินทร์และปัญจวัตรกับฟ้ารดาดีขึ้นมากพอสมควรส่วนรณพีร์และพิมพ์พิชชาก็ถือว่าดีแต่เมื่อใกล้จะกลับพิมพ์พิชชายิ่งต้องหาวิธีบอกว่าความจำเธอกลับมาแล้ว พิมพ์พิชชายืนมองคนอื่น ๆอย่างคิดหนักโอกาสเล่นละครว่าความทรงจำเพิ่งกลับมามีแค่วันนี้เท่านั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี‘เอาไงดีเนี่ย บอกไปตรง ๆไม่มีใครเชื่อแน่ บอกว่าจำได้ตั้งแต่สองวันแรกที่มาอีตาคุณพีร์คงโกรธแน่ เอาไงดีล่ะ ใช่แล้ว…ยัยแพร’ พิมพ์พิชชาครุ่นคิดในใจก่อนจะคิดอะไรได้หญิงสาวรีบเดินไปหาแพรวารินทร์“แพรมาทางนี้กับทรายหน่อยสิ”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะดึงเพื่อนรักไปในมุมลับตาคน“มีอะไรจ๊ะยัยคนความจำเสื่อม” แพรวารินทร์เอ่ยแกล้งเพื่อนรักที่ทำเป็นจำอะไรไม่ได้“แกรู้?” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างตกใจไม่คิดว่าเพื่อนรักจะล่วงรู้ว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอแกล้งจำอะไรไม่ได้
ในวันที่9ของการมาเยือนไร่พยัคฆ์ของพงศ์พยัคฆ์และครอบครัวเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจรัส โปรมแกรมการฟื้นฟูความทรงจำของพิมพ์พิชชาที่แพรวารินทร์วางไว้คือการไปปิ๊กนิคที่ทุ่งหญ้าพักใจแต่เมื่อถึงถึงวันจริงพงศ์พยัคฆ์กลับมีอาการตัวร้อนแพรวารินทร์จึงอยู่คอยดูแล มีเพียงปัญจวัตร ฟ้ารดา รณพีร์ และพิมพ์พิชชาเท่านั้นที่ไปตามโปรแกรมส่วนปรียาภัทรนั้นต้องอยู่เคลียร์งานเพื่อส่งให้เจ้านายที่โทรศัพท์มาทวงงานจึงไม่ได้ไป“หนูแพรครับ พี่เสืออยากไปนั่งชิงช้าริมน้ำจังไปด้วยกันหน่อยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่แพรวารินทร์กลับจากเรือนใหญ่เพราะผู้เป็นพ่อแม่สามีเรียกให้ไปพบด้วยสาเหตุบางอย่าง“แต่ไข้ยังไม่ลดเลยนะคะ” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ไม่มีไข้แล้วครับ แตะดูสิตัวไม่ร้อนแล้วเห็นไหม”หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะจับมือขวาของหญิงสาวขึ้นสัมผัสหน้าผาก“จริงด้วย ก่อนแพรจะไปเรือนใหญ่ยังตัวร้อนจี๋อยู่เลย”แพรวารินทร์เอ่ยอย่างสงสัยหากแต่หมอหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวได้สงสัยนานไม่หมอหนุ่มลดมือหญิงสาวลงก่อนจ
“หมอปัญจ์ ฉันอยากได้ดอกไม้ตรงนั้นเอาให้หน่อย” ฟ้ารดาเอ่ยบอกขณะเดินตามทางเพื่อกลับไปที่จุดรวมพลพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ดอกของไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ปัญจวัตรมองดอกไม้ที่อยู่สูงพอสมควรก่อนจะเอ่ยขึ้น“จัดไปตามคำขอครับ คุณผู้หญิง” เมื่อจบหมอหนุ่มก็ถอดรองเท้าก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้“ระวังนะหมอปัญจ์”“รับทราบครับผม” ปัญจวัตรเอ่ยบอกและในที่สุดหมอหนุ่มก็มาถึงจุดที่มีดอกไม้ที่ฟ้ารดาต้องการหมอหนุ่มเด็ดมันก่อนจะหันไปเห็นดอกไม้อีกชนิดที่สวยงามไม่แพ้กัน หมอหนุ่มดึงมาทั้งเถาก่อนจะทำเป็นมงกุฏดอกไม้ป่าพร้อมยิ้มสายตาพลันเหลือบไปเห็นน้องสาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านล่างหมอหนุ่มจับตามองก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ...คงไม่ได้คุยกับไอ้บอสดี้นั่นอีกนะ“ได้รึยังหมอปัญจ์”เสียงของฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหมอหนุ่มเงียบไปนาน ปัญจวัตรละสายตาจากน้องสาวกลับมาสนใจดอกไม้ในมือก่อนจะปีนป่ายหาทางลงไป“นี่ครับดอกไม้ของคุณ ส่
เพราะความขบเมื่อยตรงบริเวณต้นคอปลุกให้คนแกล้งลืมต้องรู้สึกตัวขึ้นบรรยากาศรอบข้างไม่ได้น่ามองกว่าเจ้านายปากเสียของเธอเลยเพราะไหล่ขวาถูกเธอครอบครองไว้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเอาศีรษะพิงต้นไม้ใหญ่ข้างๆแทนเพื่อไม่ให้รบกวนเธอแม้จะหลับอยู่ชายตรงหน้าก็มีเสน่ห์อยู่มาก ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักเวลายิ้มก็น่ารัก‘อีตาคุณพีร์ขี้เก๊ะหลงให้เข้าใจว่าชอบยัยแพรอยู่ได้ตั้งหลายปี หึถ้าอธิบายแต่แรกฉันคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วอีตาคนซื่อบื้อ’ พิมพ์พิชชาได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเบาๆก่อนจะย่องลงไปในน้ำอย่างระวังไม่ทำให้เจ้านายขี้เซาตื่น หญิงสาวมองคนหลับอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะวิดน้ำใสใส่เต็มแรงความเย็นจากของเหลวบางอย่างทำให้รณพีร์สะดุ้งตื่นพร้อมหาที่มาของสิ่งนั้น พลันสายตาปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังสะบัดน้ำใส่เขาอย่างสนุกสนาน“คุณพีร์คะมาเล่นน้ำกัน”พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางสงสัยได้แน่นอนจากการพูดที่แสนจะสุภาพ“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”รณพีร์เอ่ยถามอยากรู้ว่าพิมพ์พิชชาเวอร์ชั่นเสียความทรงจำจะทำอย่า