“พ่อ…”พี่น้องเฝิงรั่วซวงและเฝิงหลุนไม่พอใจอย่างมากฉินหมิงก็เป็นแขกของพวกเขาเช่นกัน เฝิงเจิ้นไม่เพียงใช้กำลังกับฉินหมิงเท่านั้น แต่ยังเอ่ยปากไล่เขาออกไปด้วย นี่มันมากเกินไปแล้ว!“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ส่งแขก!”ดวงตาที่เฉียบคมของเฝิงเจิ้นมองไปทางเฝิงรั่วซวงและเฝิงหลุนทางเฝิงรั่วซวงไม่กลัว แต่เฝิงหลุนนั้นกลัวอำนาจของพ่อมาตั้งแต่เด็ก เขาตัวสั่นและไม่กล้าโต้แย้งพ่อของเขาอีกมีเจตนาดีแต่กลับถูกเข้าใจผิด!ไม่ว่าฉินหมิงจะอารมณ์ดีแค่ไหนเขาก็โกรธมากหากเขาไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ เขาคงจะออกไปนานแล้ว คงไม่อยู่ที่นี่เพื่อทำให้ตัวเองลำบากใจ!แต่เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เขาก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เฝิงเจิ้นปฏิเสธที่จะฟังคำห้ามของเขา เขาก็คงทำอะไรไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัว!”ฉินหมิงตะคอกอย่างเย็นชา หันหลังสะบัดแขนเสื้อจากไป“คุณชายฉิน เดี๋ยวผมไปส่ง…”เฝิงหลุนถอนหายใจพลางรีบไล่ตามเขาไป“เอาล่ะหมอชุย ตอนนี้เงียบแล้ว”“คุณรีบช่วยภรรยาของผมเร็ว ๆ เถอะ!”เฝิงเจิ้นเร่งเร้าโดยมองไปยังภรรยาของเขาที่อยู่บนเตียง ดวงตาที่เฉียบคมเดิมของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก“ครับ”
หมอชุยกล่าวอย่างใจเย็น โดยพยายามปัดความรับผิดชอบ“ส่งไปโรงพยาบาลเหรอ พูดง่ายจังนะ!”“ตอนนี้แม่ของฉันอยู่ในสภาพนี้ แล้วจะทนกับแรงกระแทกจากเคลื่อนย้ายได้ยังไง!”“กว่าจะพาไปถึงโรงพยาบาล แม่คงตายก่อน!”เฝิงรั่วซวงต่อว่าอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล“เอ่อ…”หมอชุยพูดไม่ออกเขารู้ว่าเฝิงรั่วซวงพูดถูก ด้วยสภาพร่างกายของคุณผู้หญิงเฝิงในตอนนี้ หากเธอถูกส่งไปโรงพยาบาลก็อาจจะตายระหว่างทาง!“รั่วซวง ไม่ต้องกังวล ฉันจะคิดหาทางได้แน่นอน ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดและจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของแก!”เฝิงเจิ้นพูดปลอบ แต่เขารู้สึกหนักอึ้งมากจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร“พ่อคิดวิธีอะไรออกบ้างไหมล่ะ?”“สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นความผิดของพ่อทั้งหมด ฉินหมิงอุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่าฉีดยาให้แม่สุ่มสี่สุ่มห้า แต่พ่อก็ไม่ยอมฟังแถมยังไล่เขาไปอีก!”“จนทำให้แม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!”“ถ้าแม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเรื่องนี้จริง ๆ หนูจะเกลียดพ่อไปตลอดชีวิตแน่!”เฝิงรั่วซวงคำรามด้วยความโกรธขณะที่เธอพูด เธอก็ทนความเศร้าในใจไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวก
คุณฉีสัมผัสได้ถึงความกังวลและความจริงใจในน้ำเสียงของเฝิงเจิ้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบรับคำขอของเฝิงเจิ้น “ชีวิตมนุษย์ตกอยู่ในความเสี่ยง การช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องที่ผมทำไม่ได้”“แต่คุณก็ทราบดีว่าผมเคยวินิจฉัยและรักษาคุณผู้หญิงมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาการของเธอนั้นแปลกมาก สิ่งที่ผมทำได้มากที่สุดคือสั่งยาบำรุงสองสามอย่างเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายของเธอเท่านั้น”“ส่วนอื่น ๆ ผมไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”เมื่อก่อนตอนที่เฝิงเจิ้นพาภรรยาไปพบแพทย์ชื่อดัง ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยได้รับรักษาจากคุณฉี คุณฉีทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ไม่สามารถรักษาได้ตรงจุด“ผมรู้ แต่เมื่อครู่ภรรยาของผมเพิ่งได้รับการฉีดยากระตุ้นให้ตื่น จู่ ๆ เธอก็อาเจียนเป็นเลือด และสลบไปจนโคม่า อาการของเธอตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤติมาก ๆ ”“ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณรักษาเธอให้หายขาด แค่ขอให้คุณทำให้เธอฟื้นได้ก็พอ”เฝิงเจิ้นถอนหายใจและอธิบายสถานการณ์คร่าว ๆ“อะไรนะ?”“ฉีดยากระตุ้นให้ตื่น?”คุณฉีรู้สึกตกใจ“ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”เฝิงเจิ้นถือโอกาสถามหลังจากที่ภรรยาของเขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาก็เดาไปแล้วว่าอาจเป็นเพ
“ว่ายังไงนะ…”เฝิงเจิ้นเดินโซเซ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังแต่เขาและภรรยาต่างมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง เขาจึงปฏิเสธที่จะยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย เขายังคงอ้อนวอนต่อไปว่า “คุณฉี ถือว่าผมขอร้อง คุณลองคิดหาทางดูอีกที ขอแค่ช่วยภรรยาของผมได้ ไม่ว่าเท่าไรผมก็ยอมจ่าย”“คุณเฝิง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่ทักษะทางการแพทย์ของผมก็มีขีดจำกัด ผมทำอะไรไม่ได้จริง ๆ …”ขณะที่คุณฉีกำลังพูด จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของเขา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลาก็ปรากฏขึ้น เขาจึงได้สติขึ้นมาทันทีพลางพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ผมหาวิธีได้แล้ว!”เฝิงเจิ้นดีใจมาก “วิธีไหนครับ?”"มีคนในเมืองเจียงเฉิงที่มีทักษะทางการแพทย์ดีกว่าผม!”“หากคุณขอให้เขาช่วยได้ บางทีเขาอาจจะสามารถช่วยคุณผู้หญิงได้!”คุณฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย!”“คนคนนั้นคือใคร? เขาอาศัยอยู่ที่ไหน?”“ผมจะส่งคนไปเชิญเขาเดี๋ยวนี้!”เฝิงเจิ้นตื่นเต้นมาก เขาหมดหวังแล้ว แต่แววตาแห่งความหวังกลับจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง!เขารู้ดีว่าคุณฉีได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในแวดวงการแพทย์ในเจียงเฉิง แม้เขาไม่คิดว่าจะมีใครเ
แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาให้รู้สึกสบายใจ ประโยคถัดไปของคุณฉีทำให้อารมณ์ของเขาดิ่งฮวบเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งทันที!“คุณเฝิง ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งฉินหมิงเคยไปรักษาคุณหญิงใหญ่สวีแห่งตระกูลสวี คุณลองไปสอบถามทางนั้นดู พวกเขาน่าจะรู้ที่อยู่ของฉินหมิง”คุณฉีกล่าวเสริม“เอ่อ…”เฝิงเจิ้นรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขายืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้นคุณฉีทำให้รู้อย่างชัดแจ้งว่าแม้ตัวเขาจะใช้เท้าคิดก็เดาได้ว่าฉินหมิงที่คุณฉีกำลังพูดถึงนั้นต้องเป็นฉินหมิงที่เขาเพิ่งไล่ออกไปอย่างแน่นอน!ขณะนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ไม่แปลกใจที่ฉินหมิงกล้าพูดว่าตัวเองรักษาภรรยาของเขาได้ นี่ไม่ใช่การคุยโว เพราะสิ่งที่ฉินหมิงพูดนั้นคือเรื่องจริง!เขาโง่เขลาเกินบรรยาย อีกทั้งยังตำหนิฉินหมิงอย่างผิด ๆ !“คุณเฝิง ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?”เมื่อเห็นเฝิงเจิ้นที่อยู่ปลายสายตกอยู่ในความเงียบ คุณฉีก็ถามขึ้น“ขอบคุณคุณฉีมาก…”“ผมรู้แล้วว่าฉินหมิงที่คุณพูดถึงคือใครผมจะรีบไปเชิญเขามารักษาภรรยาของผมทันที!”สีหน้าของเฝิงเจิ้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ลืมขอบคุณคุณฉีก่อนจะวางสายเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อเธอดูแย่มาก เฝิงรั่วซวงก็ระงั
ฉินหมิงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของเฝิงหลุน เขายืนรอที่เดิมอยู่ครู่หนึ่ง ในไม่ช้าก็เห็นเฝิงหลุนขับรถสปอร์ตเปิดประทุนระดับไฮเอนด์สีขาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา“คุณชายฉิน ขึ้นรถมาเลยครับ”เฝิงหลุนยิ้มทักทายฉินหมิงเปิดประตูข้างคนขับและกำลังจะขึ้นรถ“เดี๋ยว!”"คุณฉินอย่าเพิ่งไป!"ขณะนั้นก็มีเสียงร้องอย่างวิตกกังวลดังออกมา เฝิงเจิ้นใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อกระตุ้นพลังปราณที่แท้จริงไล่ตามมาจากด้านหลังราวกับสายฟ้าเขาเร็วมากราวกับทิ้งภาพติดตาไว้ เขาก้าวไปไม่กี่ก้าวจนมาปรากฏตัวต่อหน้าฉินหมิงในพริบตา“คุณเฝิง ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอ?”ฉินหมิงขมวดคิ้วพลางพูดเสียงเย็นชาแม้เขาจะไม่ได้อยากจะโต้เถียงกับเฝิงเจิ้น แต่ทัศนคติของอีกฝ่ายในตอนนี้แย่มาก และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองฝ่ายนั้นในแง่ดี“ผม…”เฝิงเจิ้นอ้าปากค้าง ดูเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อครู่เขาเข้าใจฉินหมิงผิด แถมยังไล่ฉินหมิงออกมาเป็นการตอบแทนเสียอย่างนั้นเขารู้ว่าตัวเองผิดจึงอยากจะขอโทษฉินหมิง แต่ด้วยความที่เขาเป็นถึงราชาแดนใต้และเคยชินกับการทำตัวสูงส่งการที่จะให้เขาก้มหัวขอโทษคนที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างฉินหมิง นั่นคงจะทำให้เขารู้ส
เฝิงเจิ้นมีสีหน้าตกตะลึงและสับสน เขาเดาไม่ถูกว่าที่ฉินหมิงอยากจะทำการรักษาให้เป็นเพราะความขุ่นเคืองหรือเพราะว่าทำไม่ได้จริง ๆ !“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้!”“พูดตามตรง หากให้ผมรักษาคุณผู้หญิงตั้งแต่แรก ผมคงมั่นใจมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะรักษาเธอได้”“แต่ตอนนี้ ยานั่นได้กระตุ้นพลังงานทางกายภาพของเธอและทำให้อาการแย่ลง ความหนาวเย็นที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายได้ลามไปยังหัวใจแล้ว จนแม้แต่สิบเปอร์เซนต์ผมก็ยังไม่มั่นใจ…”ฉินหมิงส่ายหัวด้วยความเสียใจ“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง…”“ความผิดของผมเอง ผมดึงดันจนทำให้หลานจือต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เป็นผมเองที่ทำร้ายเธอ!”ใบหน้าของเฝิงเจิ้นซีดลง อยากจะตีตัวเองสักหลาย ๆ ที และเขารู้สึกเสียใจเกินจะบรรยายน่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจขาย ไม่ว่าเขาจะเสียใจกี่ครั้ง มันก็ไม่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้!“คุณชายฉิน คุณบอกแค่ว่าแม้แต่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังไม่มั่นใจ แต่คุณไม่ได้บอกว่าไม่มีทางรักษานี่”“พอมีวิธีไหนที่จะรักษาแม่ของผมได้บ้าง?”เฝิงหลุนถามอย่างร้อนใจ“ก็พอมีอยู่ทางหนึ่ง แต่โอกาสสำเร็จยังต่ำเกินไป…”ฉินหมิงกำลังจะพูดแต่ก็หยุดชะงั
“คุณฉิน สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ล้วนมาจากความผิดพลาดของผม ผมรู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้คุณไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น”“แต่ตอนนี้นอกจากคุณก็ไม่มีใครสามารถช่วยภรรยาของผมได้แล้ว”“ถือว่าผมขอร้อง โปรดเมตตาลองเสี่ยงดู…”เฝิงเจิ้นคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อภรรยาแล้ว เขาถึงกับละทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นราชาแดนใต้คุกเข่าขอร้องใครสักคน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขารักภรรยามากแค่ไหน!“คุณเฝิง คุณลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่ผมก็พูดไปแล้วว่าโอกาสสำเร็จมีน้อยเกินไป”“ต่อให้คุณขอร้องมากแค่ไหน ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้...”ฉินหมิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“ไม่ว่าโอกาสสำเร็จจะน้อยแค่ไหน ผมแค่หวังว่าคุณจะพยายามทำให้ดีที่สุด”“ไม่ต้องกังวล หากรากฐานวรยุทธ์ของคุณเสียหายจริง ๆ แม้ตระกูลเฝิงของเราจะต้องทุ่มทรัพย์สมบัติทั้งหมด เราก็จะหายาอายุวัฒนะมาช่วยฟื้นฟูรากฐานที่เสียหายของคุณอย่างแน่นอน”เฝิงเจิ้นกล่าวอย่างจริงใจเขารู้ว่าฉินหมิงไม่อยากเสี่ยงเพราะกังวลว่าตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วย หากเขาสามารถแก้ปัญหาความกังวลใจของฉินหมิงในเรื่องรากฐานวรยุทธ์ที่อาจถูกทำลายได้ บางทีฉินหมิงอาจจะยอมลองเสี่ยงดู“เอ่อ…”ฉินหมิงตกอยู่ในความเงียบเฝิงเจิ้นพูด