หลายคนมองมาด้วยความอิจฉาและความริษยาต่อฉินหมิงฉินหมิงเพิกเฉยต่อความสนใจของทุกคน เขาสั่งเครื่องดื่ม อย่างน้ำพั้นซ์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก และผลไม้รวมสักถาด เพื่อนสาวและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสามยังเป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีใครสันทัดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ พวกเธอมาที่นี่เพียงเพราะอยากรู้อยากเห็น พวกเธอไม่ได้โต้แย้งที่เขาสั่งอาหารและเครื่องดื่มแบบนั้นมา ครืด!ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของฉินหมิงก็สั่น เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นสายจากซูซินเหยาเพลงในบาร์ดังเกินไปและทำให้เขาไม่สะดวกที่จะรับสายฉินหมิงแจ้งเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและเด็กสาวทั้งสาม จากนั้นจึงออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกเมื่อเห็นว่าหมาหวงก้างอย่างฉินหมิงไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับสามสาวอีกต่อไป ดวงตาของหลายคนก็เป็นประกายและพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้วในตอนนี้หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และหล่อเหลา อายุประมาณยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี เขาถือค็อกเทลในมือและรีบเดินเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว“สวัสดีครับสาว ๆ ผมสงสัยจังว่าพวกคุณจะรังเกียจไหมที่จะทำความรู้จักกับผม?”ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนาพร้อมแสดงรอยยิ้มที่เขาคิดว่าหล่อและมีเสน่ห์เซี่ยเสี่ยวเต
“ฉินจอมฉาว นี่นายจะทำอะไร!”“เผิงปิงคนนี้เป็นเพื่อนใหม่ของฉัน เราสองคนกำลังคุยกันเรื่องศิลปะการต่อสู้ นายอย่ามายุ่ง!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเอ่ยปากดุอย่างไม่พอใจ เธอใช้มือผลักฉินหมิงออกไปทันที แต่ก็ไม่อาจผลักฉินหมิงออกไปได้"ไม่ได้!"“เสี่ยวเตี๋ย หมอนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี อย่าถูกเขาหลอกเอาง่าย ๆ สิ!”ฉินหมิงรีบตอบในทันที“นายน่ะสิไม่ดี!”เผิงปิงโกรธมาก แต่เมื่อตระหนักได้ว่าฉินหมิงน่าจะเป็นเพื่อนของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย เขาก็ระงับความโกรธไว้ชั่วคราวและเอ่ยปาก "เสี่ยวเตี๋ย หมอนี่เป็นใคร เขาเป็นอะไรกับคุณเหรอ"“อ๋อ เขาเป็นคนรับใช้ของบ้านลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ช่างเขาเถอะ…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเยาะเย้ยและมองดูฉินหมิง“อ๋อก็แค่คนรับใช้นี่เอง!”เผิงปิงหัวเราะเยาะเย้ย ยกกำปั้นขึ้นแล้วพูดอย่างดูถูกว่า "เจ้าหนู ฉันขอเตือนนายนะ อย่าใจร้อนให้มันมากนัก ไม่อย่างนั้นนายเชื่อไหมว่าฉันจะอัดนายให้น่วม!""อย่างนายจะมีปัญญาเหรอ?"ฉินหมิงยิ้มพลังยุทธของเขาทะลวงผ่านขั้นต้นระดับแรกกำเนิดไปแล้ว ดังนั้นเขาจะแยแสกับคำขู่ของเผิงปิงไปทำไม“นายอยากตายสินะ!”เผิงปิงเกรี้ยวกราดและยกหมัดขึ้น พร้อมที่จะสอนบ
เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้!เมื่อเห็นเผิงปิงก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง ฉินหมิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะลงมือด้วยตัวเองชั่วคราว เขาปกป้องสาว ๆ สามคนเอาไว้ข้างหลังและก้าวถอยหลังเพื่อป้องกันไม่ให้สามสาวโดนลูกหลง“ไอ้บ้านี่ นายเป็นใครกัน”“อยากตายงั้นเหรอ”พี่จีโกรธมากและขยิบตาให้คนของเขาซึ่งล้อมรอบเผิงปิงทันทีเผิงปิงไม่รอช้า เขาโจมตีก่อนโดยเตะพี่จีเข้าที่หน้าอก ส่งพี่จีปลิวไปกระแทกกับบาร์ข้างหลัง เครื่องดื่มที่อยู่บนนั้นตกลงไปกองกับพื้น“กล้าดียังไงมาทำร้ายพี่จี!”“พี่น้องเรา มาช่วยกันฆ่าเด็กคนนี้เร็ว!”ลูกน้องคนหนึ่งของเขาตะโกนด้วยความโกรธและเรียกให้สมัครพรรคพวกคนอื่น ๆ รีบไปจัดการเผิงปิงอย่างดุเดือดพี่จีลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอาย เขาโมโหมากจึงหยิบขวดไวน์ที่แตกข้างตัวกระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้ปึง ปัง โครม!อย่างไรเสียเผิงปิงก็เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ พวกอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เกิดขึ้นดูไม่ต่างอะไรจากเสือที่วิ่งเข้าไปในฝูงแกะ ทั้งเตะต่อย ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ภายในไม่กี่นาที พี่จีและคนอื่น ๆ ต่างก็ล้มลงกับพื้นหมดแล้ว!ในเวลาน
เผิงปิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขายกยิ้มและไม่เกรงกลัวเขามักจะออกไปเที่ยวที่บาร์หรือคลับอื่น ๆ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามายังบลูมูน บาร์ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับประธานเว่ยมาก่อนยิ่งกว่านั้น เขาเพิ่งทำการแสดงครั้งใหญ่และทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกใจ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะยืดอกได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อของประธานเว่ย เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องห่วง!“ฉันไม่สนใจว่าใครจะลงมือก่อน!”“แต่บาร์ก็มีกฎของบาร์!”“เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจในส่วนของนาย ฉันจะให้โอกาสนายคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับสามครั้งเพื่อเป็นการขอโทษ นอกจากนี้ยังจะต้องชดเชยความเสียหายให้กับบาร์เป็นสองเท่าให้ฉันจะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!"“ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการกับนายตามกฎโลกใต้ดินและหักขาหรือแขนของพวกนายแทน!”“จะเอายังไงก็เลือกมาเลย!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ประธานเว่ย เรายินดีที่จะโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอโทษและชดเชยค่าเสียหายให้บาร์…”พี่จีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากับคนของเขาอีกหลายคนคุกเข่าลงบนพื้น คำนับสามครั้งติดต่อกัน ทั้งยังจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็นสองเท่าสำห
ผู้เห็นเหตุการณ์เอาแต่บ่นอุบและรู้สึกผิดหวังกับการคุยโว้อวดของเผิงปิง“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับคนอื่นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเผิงปิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ใครก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่คุยโว!"บ้าจริง!"“เขาก็เป็นแค่พวกขี้โม้ และฉันก็เกือบติดกับเขาเสียแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีต่อเผิงปิงก็มลายหายไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเคยถูกอีกฝ่ายล่อหลอกก่อนหน้านี้ แถมยังเกิดจะชื่นชมเขาอีก นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นและอยากจะพุ่งไปข้างหน้าและเตะเผิงปิงสักป้าบ!“ฉันเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะถูกเขาหลอก แต่เธอไม่ฟังฉันเอง!”“ทักษะภายนอกอันน้อยนิดของเขายังห่างชั้นจากการเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่แท้จริง!”“แล้วเขาจะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง!”ฉินหมิงหัวเราะเย้ยหยัน“นายพูดเหมือนกับนายมีพลังมากกว่าเขาอย่างนั้นแหละ!”“ถ้าเป็นนาย นายก็คงถูกคนอื่นตบจนติดพื้นไปแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเหลือบมอ
“จะก้มหัวขอโทษ หรือหักแขนหรือขาตัวเอง ก็อยู่ที่นายจะเลือกแล้ว!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชาฉินหมิงโกรธ "แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ!"“ฉินจอมฉาว นี่นาย…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองไปที่ฉินหมิงและรู้สึกประหลาดใจเธอไม่คาดคิดว่าฉินหมิงจะกล้าปฏิเสธขณะเผชิญหน้ากับชายผู้มีอำนาจอย่างประธานเว่ย อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญกว่าเผิงปิง!เธออดไม่ได้ที่จะมองดูฉินหมิงด้วยความชื่นชม"ดี ดีมาก!"ประธานเว่ยหัวเราะด้วยความโกรธ "เจ้าหนู เพราะเห็นแก่ความกล้าของนาย ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง!"“เด็กผู้หญิงทั้งสามคนนี้เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์เพียบพร้อมและหน้าตาสะสลวย ถ้าขาต้องหักไปสักข้างคงน่าเสียดายน่าดู!”“นายทนเจ็บเพื่อพวกเธอได้หรือเปล่า? ฉันจะหักขาทั้งสองข้างของนาย แล้วเราก็จะทำเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น!”"ได้สิ!""ถ้านายมีปัญญาที่จะทำแบบนั้นก็เอาเลย!"ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็น“ฉินจอมฉาวนี่นาย... นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเนื่องจากความเข้าใจผิดในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ เธอจึงหมายหัวฉินหมิงมาโดยตลอด แต่แทนที่จะเก็บความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ ฉินหมิงคิดที่จะต่อต้านท
ในขณะนี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผันผวนของพลังชี่จากร่างกายของฉินหมิง และเขาได้สรุปในใจไปแล้วว่าฉินหมิงก็คงไม่ต่างอะไรกับเผิงปิงที่พอมีฝีมือแค่เล็กน้อยเท่านั้นอีกทั้งฉินหมิงคงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของเขา ในสายตาเขาแล้วฉินหมิงก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง“ฉินจอมฉาวระวัง!!!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอุทาน ใบหน้าที่ดูประหม่าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาวความคิดของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับความคิดของคนอื่น ๆ เธอไม่คิดว่าฉินหมิงสามารถเอาชนะประธานเว่ย ผู้ทรงพลังได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!แต่ในสายตาเผิงปิงแล้ว เขากำลังมองด้วยความยินดีและหวังว่าฉินหมิงจะทำให้ตัวเองต้องขายหน้าเหมือนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องอับอายเพียงลำพัง!“ระดับการบ่มเพาะของนายก็ไม่ได้สูงส่งอะไรเลย ทำไมยังกล้ามาสอนคนอื่นอีก!”ฉินหมิงเยาะเย้ยและยืนอยู่เงียบ ๆ ราวกับเขากำลังหวาดกลัวในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาจะได้เห็นฉินหมิงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของประธานเว่ย เปลี่ยนมืออีกข้างเป็นหมัดและชกเข้าที่หน้าอกของประธานเว่ยปึก!ประธานเว่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปากและร่างอันใหญ่โตของเขาก็ลอยเคว้งกลับ
“สี่พยัคฆ์บนท้องถนนล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่าใครซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปี ไม่ว่าคนธรรมดาพวกนั้นจะเป็นใครพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกนั้นจากการครองโลกของเราได้!”“ถูกต้อง เด็กคนนี้ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นแถมยังไปยั่วยุพี่อู๋ พยัคฆ์ภูเขาอีก แม้ว่าเขาจะรู้กังฟูบ้าง แต่เขาไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ภูเขาผู้มีชื่อเสียงมายาวนานได้!”“เมื่อพี่อู๋ลงมาจากภูเขาในภายหลัง เขาจะตายแน่นอน!”……ทุกคนสูดลมหายใจเข้าและมองดูฉินหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความสงสารประธานเว่ยกลับมองฉินหมิงด้วยริมฝีปากเยาะเย้ย ดูมั่นใจและภาคภูมิใจเขาประเมินไปเองแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงเพิ่งได้เข้าสู่ระดับสวรรค์ประทาน ด้วยการฝึกฝนของพี่อู๋ที่อยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานแล้ว เขาต้องสามารถเล่นงานฉินหมิงได้อย่างง่ายดายแน่!“ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน”การแสดงออกของฉินหมิงเปลี่ยนไปแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าระดับสวรรค์ประทานในระยะแรก แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อต้องเทียบกับขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานหากเขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน เขาแทบจะไม่มีโอกาสชนะ
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ