เผิงปิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขายกยิ้มและไม่เกรงกลัวเขามักจะออกไปเที่ยวที่บาร์หรือคลับอื่น ๆ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามายังบลูมูน บาร์ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับประธานเว่ยมาก่อนยิ่งกว่านั้น เขาเพิ่งทำการแสดงครั้งใหญ่และทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกใจ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะยืดอกได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อของประธานเว่ย เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องห่วง!“ฉันไม่สนใจว่าใครจะลงมือก่อน!”“แต่บาร์ก็มีกฎของบาร์!”“เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจในส่วนของนาย ฉันจะให้โอกาสนายคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับสามครั้งเพื่อเป็นการขอโทษ นอกจากนี้ยังจะต้องชดเชยความเสียหายให้กับบาร์เป็นสองเท่าให้ฉันจะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!"“ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการกับนายตามกฎโลกใต้ดินและหักขาหรือแขนของพวกนายแทน!”“จะเอายังไงก็เลือกมาเลย!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ประธานเว่ย เรายินดีที่จะโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอโทษและชดเชยค่าเสียหายให้บาร์…”พี่จีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากับคนของเขาอีกหลายคนคุกเข่าลงบนพื้น คำนับสามครั้งติดต่อกัน ทั้งยังจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็นสองเท่าสำห
ผู้เห็นเหตุการณ์เอาแต่บ่นอุบและรู้สึกผิดหวังกับการคุยโว้อวดของเผิงปิง“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับคนอื่นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเผิงปิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ใครก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่คุยโว!"บ้าจริง!"“เขาก็เป็นแค่พวกขี้โม้ และฉันก็เกือบติดกับเขาเสียแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีต่อเผิงปิงก็มลายหายไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเคยถูกอีกฝ่ายล่อหลอกก่อนหน้านี้ แถมยังเกิดจะชื่นชมเขาอีก นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นและอยากจะพุ่งไปข้างหน้าและเตะเผิงปิงสักป้าบ!“ฉันเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะถูกเขาหลอก แต่เธอไม่ฟังฉันเอง!”“ทักษะภายนอกอันน้อยนิดของเขายังห่างชั้นจากการเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่แท้จริง!”“แล้วเขาจะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง!”ฉินหมิงหัวเราะเย้ยหยัน“นายพูดเหมือนกับนายมีพลังมากกว่าเขาอย่างนั้นแหละ!”“ถ้าเป็นนาย นายก็คงถูกคนอื่นตบจนติดพื้นไปแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเหลือบมอ
“จะก้มหัวขอโทษ หรือหักแขนหรือขาตัวเอง ก็อยู่ที่นายจะเลือกแล้ว!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชาฉินหมิงโกรธ "แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ!"“ฉินจอมฉาว นี่นาย…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองไปที่ฉินหมิงและรู้สึกประหลาดใจเธอไม่คาดคิดว่าฉินหมิงจะกล้าปฏิเสธขณะเผชิญหน้ากับชายผู้มีอำนาจอย่างประธานเว่ย อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญกว่าเผิงปิง!เธออดไม่ได้ที่จะมองดูฉินหมิงด้วยความชื่นชม"ดี ดีมาก!"ประธานเว่ยหัวเราะด้วยความโกรธ "เจ้าหนู เพราะเห็นแก่ความกล้าของนาย ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง!"“เด็กผู้หญิงทั้งสามคนนี้เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์เพียบพร้อมและหน้าตาสะสลวย ถ้าขาต้องหักไปสักข้างคงน่าเสียดายน่าดู!”“นายทนเจ็บเพื่อพวกเธอได้หรือเปล่า? ฉันจะหักขาทั้งสองข้างของนาย แล้วเราก็จะทำเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น!”"ได้สิ!""ถ้านายมีปัญญาที่จะทำแบบนั้นก็เอาเลย!"ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็น“ฉินจอมฉาวนี่นาย... นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเนื่องจากความเข้าใจผิดในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ เธอจึงหมายหัวฉินหมิงมาโดยตลอด แต่แทนที่จะเก็บความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ ฉินหมิงคิดที่จะต่อต้านท
ในขณะนี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผันผวนของพลังชี่จากร่างกายของฉินหมิง และเขาได้สรุปในใจไปแล้วว่าฉินหมิงก็คงไม่ต่างอะไรกับเผิงปิงที่พอมีฝีมือแค่เล็กน้อยเท่านั้นอีกทั้งฉินหมิงคงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของเขา ในสายตาเขาแล้วฉินหมิงก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง“ฉินจอมฉาวระวัง!!!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอุทาน ใบหน้าที่ดูประหม่าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาวความคิดของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับความคิดของคนอื่น ๆ เธอไม่คิดว่าฉินหมิงสามารถเอาชนะประธานเว่ย ผู้ทรงพลังได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!แต่ในสายตาเผิงปิงแล้ว เขากำลังมองด้วยความยินดีและหวังว่าฉินหมิงจะทำให้ตัวเองต้องขายหน้าเหมือนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องอับอายเพียงลำพัง!“ระดับการบ่มเพาะของนายก็ไม่ได้สูงส่งอะไรเลย ทำไมยังกล้ามาสอนคนอื่นอีก!”ฉินหมิงเยาะเย้ยและยืนอยู่เงียบ ๆ ราวกับเขากำลังหวาดกลัวในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาจะได้เห็นฉินหมิงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของประธานเว่ย เปลี่ยนมืออีกข้างเป็นหมัดและชกเข้าที่หน้าอกของประธานเว่ยปึก!ประธานเว่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปากและร่างอันใหญ่โตของเขาก็ลอยเคว้งกลับ
“สี่พยัคฆ์บนท้องถนนล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่าใครซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปี ไม่ว่าคนธรรมดาพวกนั้นจะเป็นใครพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกนั้นจากการครองโลกของเราได้!”“ถูกต้อง เด็กคนนี้ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นแถมยังไปยั่วยุพี่อู๋ พยัคฆ์ภูเขาอีก แม้ว่าเขาจะรู้กังฟูบ้าง แต่เขาไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ภูเขาผู้มีชื่อเสียงมายาวนานได้!”“เมื่อพี่อู๋ลงมาจากภูเขาในภายหลัง เขาจะตายแน่นอน!”……ทุกคนสูดลมหายใจเข้าและมองดูฉินหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความสงสารประธานเว่ยกลับมองฉินหมิงด้วยริมฝีปากเยาะเย้ย ดูมั่นใจและภาคภูมิใจเขาประเมินไปเองแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงเพิ่งได้เข้าสู่ระดับสวรรค์ประทาน ด้วยการฝึกฝนของพี่อู๋ที่อยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานแล้ว เขาต้องสามารถเล่นงานฉินหมิงได้อย่างง่ายดายแน่!“ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน”การแสดงออกของฉินหมิงเปลี่ยนไปแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าระดับสวรรค์ประทานในระยะแรก แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อต้องเทียบกับขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานหากเขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน เขาแทบจะไม่มีโอกาสชนะ
เดิมที พวกเขาทั้งหมดคิดว่าฉินหมิงจะต้องหวาดกลัวมากเสียจนต้องคุกเข่าลงและขอความเมตตาต่อหน้าพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาวันนี้แน่แต่ที่น่าประหลาดใจคือคนที่คุกเข่าลงไปไม่ใช่ฉินหมิง แต่เป็นพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขา ชายผู้ไร้เทียมทานในโลกใต้ดิน!นี่เกิดอะไรขึ้น? พี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน และทุกคนต่างก็เห็นความตกใจในดวงตาของกันและกันด้วย!“พี่อู๋ เกิดอะไรขึ้น?”“เด็กคนนี้...”ประธานเว่ยดูไม่เชื่อและถูกขัดจังหวะโดยเนี่ยอู๋ก่อนที่เขาจะพูดอะไร"อวดดี!"เนี่ยอู๋โกรธมาก เขาลุกขึ้นยืนตบหน้าประธานเว่ยอย่างแรง และตะโกนด้วยความโกรธว่า "นายรู้ไหมว่าเขาคือใคร เขาคือคุณฉิน!"“นายกล้ามากนะที่มาดูหมิ่นคุณฉินแบบนี้ ทำไมนายไม่คุกเข่าและร้องขอให้คุณฉินยกโทษให้นายเสีย!”เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของเนี่ยอู๋ ประธานเว่ยก็ตัวสั่น ขาแข้งอ่อนคุกเข่าลงพร้อมกับก้มลงและขอโทษ "คุณ... คุณฉิน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณขุ่นเคือง... "ในเวลานี้ทุกคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเด็ก...เด็กนี่เป็นใครกัน เขาสามารถทำให้พยัคฆ์ภูเขา ซึ่งเป็นหัวหน้านักเลงในโลกใต้ดินหวาดกลัวได้ขนาด
เขาตระหนักดีว่านี่เป็นข้อขัดแย้งของโลกใต้ดิน เดิมทีเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโลกใต้ดินเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เนี่ยอู๋เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเขาไม่อาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้นอกจากนี้ระดับการฝึกฝนของเขาก็เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานแล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งของเนี่ยอู๋เพิ่มเข้ามาด้วย พวกเขาสองคนก็จะสามารถรวมพลังกันเพื่อจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ยังไม่ยากเย็นนัก"สุดยอดไปเลย!"เนี่ยอู๋มีความสุขมากเขาคิดมาโดยตลอดว่าฉินหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ เมื่อฉินหมิงพร้อมจะเป็นกำลังให้ ถึงแม้หลัวซื่อฉงจะเป็นพยัคฆ์บินก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร!“ว้าว มีเรื่องดี ๆ ให้ชมอีกแล้ว!”“ม่านม่าน เสี่ยวหรู เราไปดูกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูตื่นเต้น เธอไม่ได้สัมผัสความวุ่นวายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสสำคัญในวันนี้จากนั้นเธอก็คว้าตัวเหลียงม่านม่านด้วยมือข้างหนึ่งและคว้าจางหรูด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเดินตามฉินหมิงและเนี่ยอู๋ออกไปด้วยกันลูกค้าที่เหลือที่ดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกค้าที่ไม่อยากเข้ามาพัวพันบางคนก็รีบจ่ายเงินและก้าวออกไ
เนื่องจากอาณาเขตของเนี่ยอู๋ติดกับหลัวซื่อฉงทั้งสองจึงมีความขัดแย้งและต่อสู้กันเมื่อหลายปีก่อน โดยแข่งขันพื่อแย่งชิงดินแดนของกันและกันเดิมทีเนี่ยอู๋มีร้านอาหารแปดร้านภายใต้ชื่อของเขา แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากฝีมือหลัวซื่อฉงเมื่อหกปีที่แล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาจึงหยุดชะงักไปหลัวซื่อฉงคว้าโอกาสนี้และค่อย ๆ กินพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ เขาเหลือร้านอาหารเพียงสามแห่งภายใต้ชื่อของเขาเท่านั้นโชคยังดีที่เขาได้รับการคุ้มครองจากราชาแดนใต้อยู่เบื้องหลัง หลัวซื่อฉงจึงทำได้แค่แค่รุกล้ำเขาอย่างช้า ๆ และไม่กล้าทำลายเขาอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการถูกรุกคืบของดินแดนอย่างมีนัยสำคัญ ผลกำไรที่เขายกให้กับราชาแดนใต้ก็ลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยในช่วงหลายปีมานี้ และสถานะของเขาในความรู้สึกของราชาแดนใต้ก็ค่อย ๆ ห่างออกไปยิ่งกว่านั้นเขาเพียงแต่ก้มศีรษะให้ราชาแดนใต้และไม่ใช่ลูกน้องของราชาแดนใต้ ตอนนี้เขาทำรายได้ได้เพียงเล็กน้อยและกลายเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง!ถ้ายังไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้วหลัวซื่อฉงจะกระทำการอุกอาจเ