เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้!เมื่อเห็นเผิงปิงก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง ฉินหมิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะลงมือด้วยตัวเองชั่วคราว เขาปกป้องสาว ๆ สามคนเอาไว้ข้างหลังและก้าวถอยหลังเพื่อป้องกันไม่ให้สามสาวโดนลูกหลง“ไอ้บ้านี่ นายเป็นใครกัน”“อยากตายงั้นเหรอ”พี่จีโกรธมากและขยิบตาให้คนของเขาซึ่งล้อมรอบเผิงปิงทันทีเผิงปิงไม่รอช้า เขาโจมตีก่อนโดยเตะพี่จีเข้าที่หน้าอก ส่งพี่จีปลิวไปกระแทกกับบาร์ข้างหลัง เครื่องดื่มที่อยู่บนนั้นตกลงไปกองกับพื้น“กล้าดียังไงมาทำร้ายพี่จี!”“พี่น้องเรา มาช่วยกันฆ่าเด็กคนนี้เร็ว!”ลูกน้องคนหนึ่งของเขาตะโกนด้วยความโกรธและเรียกให้สมัครพรรคพวกคนอื่น ๆ รีบไปจัดการเผิงปิงอย่างดุเดือดพี่จีลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอาย เขาโมโหมากจึงหยิบขวดไวน์ที่แตกข้างตัวกระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้ปึง ปัง โครม!อย่างไรเสียเผิงปิงก็เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ พวกอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เกิดขึ้นดูไม่ต่างอะไรจากเสือที่วิ่งเข้าไปในฝูงแกะ ทั้งเตะต่อย ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ภายในไม่กี่นาที พี่จีและคนอื่น ๆ ต่างก็ล้มลงกับพื้นหมดแล้ว!ในเวลาน
เผิงปิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขายกยิ้มและไม่เกรงกลัวเขามักจะออกไปเที่ยวที่บาร์หรือคลับอื่น ๆ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามายังบลูมูน บาร์ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับประธานเว่ยมาก่อนยิ่งกว่านั้น เขาเพิ่งทำการแสดงครั้งใหญ่และทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกใจ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะยืดอกได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อของประธานเว่ย เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องห่วง!“ฉันไม่สนใจว่าใครจะลงมือก่อน!”“แต่บาร์ก็มีกฎของบาร์!”“เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจในส่วนของนาย ฉันจะให้โอกาสนายคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับสามครั้งเพื่อเป็นการขอโทษ นอกจากนี้ยังจะต้องชดเชยความเสียหายให้กับบาร์เป็นสองเท่าให้ฉันจะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!"“ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการกับนายตามกฎโลกใต้ดินและหักขาหรือแขนของพวกนายแทน!”“จะเอายังไงก็เลือกมาเลย!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ประธานเว่ย เรายินดีที่จะโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอโทษและชดเชยค่าเสียหายให้บาร์…”พี่จีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากับคนของเขาอีกหลายคนคุกเข่าลงบนพื้น คำนับสามครั้งติดต่อกัน ทั้งยังจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็นสองเท่าสำห
ผู้เห็นเหตุการณ์เอาแต่บ่นอุบและรู้สึกผิดหวังกับการคุยโว้อวดของเผิงปิง“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับคนอื่นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเผิงปิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ใครก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่คุยโว!"บ้าจริง!"“เขาก็เป็นแค่พวกขี้โม้ และฉันก็เกือบติดกับเขาเสียแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีต่อเผิงปิงก็มลายหายไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเคยถูกอีกฝ่ายล่อหลอกก่อนหน้านี้ แถมยังเกิดจะชื่นชมเขาอีก นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นและอยากจะพุ่งไปข้างหน้าและเตะเผิงปิงสักป้าบ!“ฉันเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะถูกเขาหลอก แต่เธอไม่ฟังฉันเอง!”“ทักษะภายนอกอันน้อยนิดของเขายังห่างชั้นจากการเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่แท้จริง!”“แล้วเขาจะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง!”ฉินหมิงหัวเราะเย้ยหยัน“นายพูดเหมือนกับนายมีพลังมากกว่าเขาอย่างนั้นแหละ!”“ถ้าเป็นนาย นายก็คงถูกคนอื่นตบจนติดพื้นไปแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเหลือบมอ
“จะก้มหัวขอโทษ หรือหักแขนหรือขาตัวเอง ก็อยู่ที่นายจะเลือกแล้ว!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชาฉินหมิงโกรธ "แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ!"“ฉินจอมฉาว นี่นาย…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองไปที่ฉินหมิงและรู้สึกประหลาดใจเธอไม่คาดคิดว่าฉินหมิงจะกล้าปฏิเสธขณะเผชิญหน้ากับชายผู้มีอำนาจอย่างประธานเว่ย อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญกว่าเผิงปิง!เธออดไม่ได้ที่จะมองดูฉินหมิงด้วยความชื่นชม"ดี ดีมาก!"ประธานเว่ยหัวเราะด้วยความโกรธ "เจ้าหนู เพราะเห็นแก่ความกล้าของนาย ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง!"“เด็กผู้หญิงทั้งสามคนนี้เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์เพียบพร้อมและหน้าตาสะสลวย ถ้าขาต้องหักไปสักข้างคงน่าเสียดายน่าดู!”“นายทนเจ็บเพื่อพวกเธอได้หรือเปล่า? ฉันจะหักขาทั้งสองข้างของนาย แล้วเราก็จะทำเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น!”"ได้สิ!""ถ้านายมีปัญญาที่จะทำแบบนั้นก็เอาเลย!"ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็น“ฉินจอมฉาวนี่นาย... นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเนื่องจากความเข้าใจผิดในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ เธอจึงหมายหัวฉินหมิงมาโดยตลอด แต่แทนที่จะเก็บความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ ฉินหมิงคิดที่จะต่อต้านท
ในขณะนี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผันผวนของพลังชี่จากร่างกายของฉินหมิง และเขาได้สรุปในใจไปแล้วว่าฉินหมิงก็คงไม่ต่างอะไรกับเผิงปิงที่พอมีฝีมือแค่เล็กน้อยเท่านั้นอีกทั้งฉินหมิงคงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของเขา ในสายตาเขาแล้วฉินหมิงก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง“ฉินจอมฉาวระวัง!!!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอุทาน ใบหน้าที่ดูประหม่าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาวความคิดของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับความคิดของคนอื่น ๆ เธอไม่คิดว่าฉินหมิงสามารถเอาชนะประธานเว่ย ผู้ทรงพลังได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!แต่ในสายตาเผิงปิงแล้ว เขากำลังมองด้วยความยินดีและหวังว่าฉินหมิงจะทำให้ตัวเองต้องขายหน้าเหมือนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องอับอายเพียงลำพัง!“ระดับการบ่มเพาะของนายก็ไม่ได้สูงส่งอะไรเลย ทำไมยังกล้ามาสอนคนอื่นอีก!”ฉินหมิงเยาะเย้ยและยืนอยู่เงียบ ๆ ราวกับเขากำลังหวาดกลัวในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาจะได้เห็นฉินหมิงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของประธานเว่ย เปลี่ยนมืออีกข้างเป็นหมัดและชกเข้าที่หน้าอกของประธานเว่ยปึก!ประธานเว่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปากและร่างอันใหญ่โตของเขาก็ลอยเคว้งกลับ
“สี่พยัคฆ์บนท้องถนนล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่าใครซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปี ไม่ว่าคนธรรมดาพวกนั้นจะเป็นใครพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกนั้นจากการครองโลกของเราได้!”“ถูกต้อง เด็กคนนี้ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นแถมยังไปยั่วยุพี่อู๋ พยัคฆ์ภูเขาอีก แม้ว่าเขาจะรู้กังฟูบ้าง แต่เขาไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ภูเขาผู้มีชื่อเสียงมายาวนานได้!”“เมื่อพี่อู๋ลงมาจากภูเขาในภายหลัง เขาจะตายแน่นอน!”……ทุกคนสูดลมหายใจเข้าและมองดูฉินหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความสงสารประธานเว่ยกลับมองฉินหมิงด้วยริมฝีปากเยาะเย้ย ดูมั่นใจและภาคภูมิใจเขาประเมินไปเองแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงเพิ่งได้เข้าสู่ระดับสวรรค์ประทาน ด้วยการฝึกฝนของพี่อู๋ที่อยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานแล้ว เขาต้องสามารถเล่นงานฉินหมิงได้อย่างง่ายดายแน่!“ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน”การแสดงออกของฉินหมิงเปลี่ยนไปแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าระดับสวรรค์ประทานในระยะแรก แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อต้องเทียบกับขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานหากเขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน เขาแทบจะไม่มีโอกาสชนะ
เดิมที พวกเขาทั้งหมดคิดว่าฉินหมิงจะต้องหวาดกลัวมากเสียจนต้องคุกเข่าลงและขอความเมตตาต่อหน้าพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาวันนี้แน่แต่ที่น่าประหลาดใจคือคนที่คุกเข่าลงไปไม่ใช่ฉินหมิง แต่เป็นพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขา ชายผู้ไร้เทียมทานในโลกใต้ดิน!นี่เกิดอะไรขึ้น? พี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน และทุกคนต่างก็เห็นความตกใจในดวงตาของกันและกันด้วย!“พี่อู๋ เกิดอะไรขึ้น?”“เด็กคนนี้...”ประธานเว่ยดูไม่เชื่อและถูกขัดจังหวะโดยเนี่ยอู๋ก่อนที่เขาจะพูดอะไร"อวดดี!"เนี่ยอู๋โกรธมาก เขาลุกขึ้นยืนตบหน้าประธานเว่ยอย่างแรง และตะโกนด้วยความโกรธว่า "นายรู้ไหมว่าเขาคือใคร เขาคือคุณฉิน!"“นายกล้ามากนะที่มาดูหมิ่นคุณฉินแบบนี้ ทำไมนายไม่คุกเข่าและร้องขอให้คุณฉินยกโทษให้นายเสีย!”เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของเนี่ยอู๋ ประธานเว่ยก็ตัวสั่น ขาแข้งอ่อนคุกเข่าลงพร้อมกับก้มลงและขอโทษ "คุณ... คุณฉิน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณขุ่นเคือง... "ในเวลานี้ทุกคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเด็ก...เด็กนี่เป็นใครกัน เขาสามารถทำให้พยัคฆ์ภูเขา ซึ่งเป็นหัวหน้านักเลงในโลกใต้ดินหวาดกลัวได้ขนาด
เขาตระหนักดีว่านี่เป็นข้อขัดแย้งของโลกใต้ดิน เดิมทีเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโลกใต้ดินเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เนี่ยอู๋เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเขาไม่อาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้นอกจากนี้ระดับการฝึกฝนของเขาก็เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานแล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งของเนี่ยอู๋เพิ่มเข้ามาด้วย พวกเขาสองคนก็จะสามารถรวมพลังกันเพื่อจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ยังไม่ยากเย็นนัก"สุดยอดไปเลย!"เนี่ยอู๋มีความสุขมากเขาคิดมาโดยตลอดว่าฉินหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ เมื่อฉินหมิงพร้อมจะเป็นกำลังให้ ถึงแม้หลัวซื่อฉงจะเป็นพยัคฆ์บินก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร!“ว้าว มีเรื่องดี ๆ ให้ชมอีกแล้ว!”“ม่านม่าน เสี่ยวหรู เราไปดูกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูตื่นเต้น เธอไม่ได้สัมผัสความวุ่นวายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสสำคัญในวันนี้จากนั้นเธอก็คว้าตัวเหลียงม่านม่านด้วยมือข้างหนึ่งและคว้าจางหรูด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเดินตามฉินหมิงและเนี่ยอู๋ออกไปด้วยกันลูกค้าที่เหลือที่ดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกค้าที่ไม่อยากเข้ามาพัวพันบางคนก็รีบจ่ายเงินและก้าวออกไ