ในขณะนี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผันผวนของพลังชี่จากร่างกายของฉินหมิง และเขาได้สรุปในใจไปแล้วว่าฉินหมิงก็คงไม่ต่างอะไรกับเผิงปิงที่พอมีฝีมือแค่เล็กน้อยเท่านั้นอีกทั้งฉินหมิงคงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของเขา ในสายตาเขาแล้วฉินหมิงก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง“ฉินจอมฉาวระวัง!!!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอุทาน ใบหน้าที่ดูประหม่าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาวความคิดของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับความคิดของคนอื่น ๆ เธอไม่คิดว่าฉินหมิงสามารถเอาชนะประธานเว่ย ผู้ทรงพลังได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!แต่ในสายตาเผิงปิงแล้ว เขากำลังมองด้วยความยินดีและหวังว่าฉินหมิงจะทำให้ตัวเองต้องขายหน้าเหมือนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องอับอายเพียงลำพัง!“ระดับการบ่มเพาะของนายก็ไม่ได้สูงส่งอะไรเลย ทำไมยังกล้ามาสอนคนอื่นอีก!”ฉินหมิงเยาะเย้ยและยืนอยู่เงียบ ๆ ราวกับเขากำลังหวาดกลัวในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาจะได้เห็นฉินหมิงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของประธานเว่ย เปลี่ยนมืออีกข้างเป็นหมัดและชกเข้าที่หน้าอกของประธานเว่ยปึก!ประธานเว่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปากและร่างอันใหญ่โตของเขาก็ลอยเคว้งกลับ
“สี่พยัคฆ์บนท้องถนนล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่าใครซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปี ไม่ว่าคนธรรมดาพวกนั้นจะเป็นใครพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกนั้นจากการครองโลกของเราได้!”“ถูกต้อง เด็กคนนี้ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นแถมยังไปยั่วยุพี่อู๋ พยัคฆ์ภูเขาอีก แม้ว่าเขาจะรู้กังฟูบ้าง แต่เขาไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ภูเขาผู้มีชื่อเสียงมายาวนานได้!”“เมื่อพี่อู๋ลงมาจากภูเขาในภายหลัง เขาจะตายแน่นอน!”……ทุกคนสูดลมหายใจเข้าและมองดูฉินหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความสงสารประธานเว่ยกลับมองฉินหมิงด้วยริมฝีปากเยาะเย้ย ดูมั่นใจและภาคภูมิใจเขาประเมินไปเองแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงเพิ่งได้เข้าสู่ระดับสวรรค์ประทาน ด้วยการฝึกฝนของพี่อู๋ที่อยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานแล้ว เขาต้องสามารถเล่นงานฉินหมิงได้อย่างง่ายดายแน่!“ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน”การแสดงออกของฉินหมิงเปลี่ยนไปแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าระดับสวรรค์ประทานในระยะแรก แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อต้องเทียบกับขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานหากเขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นกลางระดับสวรรค์ประทาน เขาแทบจะไม่มีโอกาสชนะ
เดิมที พวกเขาทั้งหมดคิดว่าฉินหมิงจะต้องหวาดกลัวมากเสียจนต้องคุกเข่าลงและขอความเมตตาต่อหน้าพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาวันนี้แน่แต่ที่น่าประหลาดใจคือคนที่คุกเข่าลงไปไม่ใช่ฉินหมิง แต่เป็นพี่อู๋พยัคฆ์ภูเขา ชายผู้ไร้เทียมทานในโลกใต้ดิน!นี่เกิดอะไรขึ้น? พี่อู๋พยัคฆ์ภูเขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน และทุกคนต่างก็เห็นความตกใจในดวงตาของกันและกันด้วย!“พี่อู๋ เกิดอะไรขึ้น?”“เด็กคนนี้...”ประธานเว่ยดูไม่เชื่อและถูกขัดจังหวะโดยเนี่ยอู๋ก่อนที่เขาจะพูดอะไร"อวดดี!"เนี่ยอู๋โกรธมาก เขาลุกขึ้นยืนตบหน้าประธานเว่ยอย่างแรง และตะโกนด้วยความโกรธว่า "นายรู้ไหมว่าเขาคือใคร เขาคือคุณฉิน!"“นายกล้ามากนะที่มาดูหมิ่นคุณฉินแบบนี้ ทำไมนายไม่คุกเข่าและร้องขอให้คุณฉินยกโทษให้นายเสีย!”เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของเนี่ยอู๋ ประธานเว่ยก็ตัวสั่น ขาแข้งอ่อนคุกเข่าลงพร้อมกับก้มลงและขอโทษ "คุณ... คุณฉิน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณขุ่นเคือง... "ในเวลานี้ทุกคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเด็ก...เด็กนี่เป็นใครกัน เขาสามารถทำให้พยัคฆ์ภูเขา ซึ่งเป็นหัวหน้านักเลงในโลกใต้ดินหวาดกลัวได้ขนาด
เขาตระหนักดีว่านี่เป็นข้อขัดแย้งของโลกใต้ดิน เดิมทีเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโลกใต้ดินเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เนี่ยอู๋เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเขาไม่อาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้นอกจากนี้ระดับการฝึกฝนของเขาก็เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานแล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งของเนี่ยอู๋เพิ่มเข้ามาด้วย พวกเขาสองคนก็จะสามารถรวมพลังกันเพื่อจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ยังไม่ยากเย็นนัก"สุดยอดไปเลย!"เนี่ยอู๋มีความสุขมากเขาคิดมาโดยตลอดว่าฉินหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ เมื่อฉินหมิงพร้อมจะเป็นกำลังให้ ถึงแม้หลัวซื่อฉงจะเป็นพยัคฆ์บินก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร!“ว้าว มีเรื่องดี ๆ ให้ชมอีกแล้ว!”“ม่านม่าน เสี่ยวหรู เราไปดูกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูตื่นเต้น เธอไม่ได้สัมผัสความวุ่นวายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสสำคัญในวันนี้จากนั้นเธอก็คว้าตัวเหลียงม่านม่านด้วยมือข้างหนึ่งและคว้าจางหรูด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเดินตามฉินหมิงและเนี่ยอู๋ออกไปด้วยกันลูกค้าที่เหลือที่ดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกค้าที่ไม่อยากเข้ามาพัวพันบางคนก็รีบจ่ายเงินและก้าวออกไ
เนื่องจากอาณาเขตของเนี่ยอู๋ติดกับหลัวซื่อฉงทั้งสองจึงมีความขัดแย้งและต่อสู้กันเมื่อหลายปีก่อน โดยแข่งขันพื่อแย่งชิงดินแดนของกันและกันเดิมทีเนี่ยอู๋มีร้านอาหารแปดร้านภายใต้ชื่อของเขา แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากฝีมือหลัวซื่อฉงเมื่อหกปีที่แล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาจึงหยุดชะงักไปหลัวซื่อฉงคว้าโอกาสนี้และค่อย ๆ กินพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ เขาเหลือร้านอาหารเพียงสามแห่งภายใต้ชื่อของเขาเท่านั้นโชคยังดีที่เขาได้รับการคุ้มครองจากราชาแดนใต้อยู่เบื้องหลัง หลัวซื่อฉงจึงทำได้แค่แค่รุกล้ำเขาอย่างช้า ๆ และไม่กล้าทำลายเขาอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการถูกรุกคืบของดินแดนอย่างมีนัยสำคัญ ผลกำไรที่เขายกให้กับราชาแดนใต้ก็ลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยในช่วงหลายปีมานี้ และสถานะของเขาในความรู้สึกของราชาแดนใต้ก็ค่อย ๆ ห่างออกไปยิ่งกว่านั้นเขาเพียงแต่ก้มศีรษะให้ราชาแดนใต้และไม่ใช่ลูกน้องของราชาแดนใต้ ตอนนี้เขาทำรายได้ได้เพียงเล็กน้อยและกลายเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง!ถ้ายังไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้วหลัวซื่อฉงจะกระทำการอุกอาจเ
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพี่อู๋ถึงให้ความเคารพฉินหมิงมาก ปรากฎว่าอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย!มีก็แต่ประธานเว่ย ผู้เห็นเหตุการณ์และเหล่านักเลงทั่วไปบางคนต่างก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูกพวกเขาไม่ใช่นักสู้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์คืออะไรแม้จะฟังดูทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด!ในหมู่ของพวกเขา เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองดูฉินหมิงด้วยดวงตาเป็นประกาย ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเร่าร้อน!“เนี่ยอู๋ คิดว่าเด็กนี่เป็นคนที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์งั้นเหรอ?”หลัวซื่อฉงชี้ไปที่ฉินหมิงด้วยสีหน้าที่แปลก ๆ จากนั้นเขาก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หัวเราะจนฟันแทบหัก!เขาได้รับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับฉินหมิงจากตระกูลซุนมาก่อนแล้ว เขารู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีความสามารถอะไรเลย เขาคงไม่ใช่แม้แต่นักฝึกยุทธด้วยซ้ำ!ยิ่งไปกว่านั้นด้วยวัยของฉินหมิง หากเขาเป็นปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์จริง ๆ เขาย่อมต้องมีชื่อเสียงและกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นใหม่แห่งเจียงเฉิงอย่างแ
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดก็คือระดับการบ่มเพาะของเนี่ยอู๋จะทะลวงไปถึงขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานบ้างแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่ทันได้ล่วงรู้เลย!“เนี่ยอู๋ ไม่นึกเลยว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นายจะซุ่มเก็บตัวบ่มเพาะตนเองแบบนี้ แปลว่าถ้าฉันไม่ได้จัดการนายให้สิ้นซากเสียตั้งแต่วันนี้ วันหน้าคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”ใบหน้าของหลัวซื่อฉงมืดครึ้มลง และเจตนาสังหารของเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้น!ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเนี่ยอู๋ตามเขาทันแล้ว เขาจะต้องทำลายเนี่ยอู๋ให้ได้ในคราวนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มิฉะนั้นสถานการณ์จะกลับตาลปัตร และหากไม่กำจัดให้สิ้นซากเนี่ยอู๋ก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นหนามยอกอกของเขาอีกรอบ!“อาจารย์ฉิน ผมคงต้องปล่อยให้หลัวซื่อฉงไว้ในมือคุณ!”เนี่ยอู๋บังคับให้ชายสองคนในชุดสีดำถอยกลับด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เข้าหันมาพูดอะไรบางอย่างกับฉินหมิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาที่อยู่ในขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทาน ก็ดีเกินพอที่จะใช้จัดการกับชายสองคนตรงหน้าเขา ซึ่งอยู่ในขั้นต้นของระดับสวรรค์ประทานแล้ว!ตราบใดที่ฉินหมิงสามารถช่วยเขาจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ เขาก็จะสามารถ
“แต่นี่มันเป็นเรื่องของโลกใต้ดิน ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูของคุณ ดูจะไม่เหมาะสมที่คุณจะเข้ามายุ่งกับปัญหาของพวกเราสุ่มสี่สุ่มห้า!”ใบหน้าของหลัวซื่อฉงดูน่าเกลียดมากสี่ตระกูลหลักทั้งหมดอยู่ในแวดวงธุรกิจสีขาว และกองกำลังใต้ดินก็เชื่อมโยงกันอย่างดีมาโดยตลอดยิ่งไปกว่านั้นไม่มีสี่พยัคฆ์แห่งโลกใต้ดินที่เป็นคนโหดเหี้ยมและกบฏ หลัวซื่อฉงอยู่ในฐานะบุคคลระดับสูงในโลกใต้ดิน อีกทั้งยังได้รับการคุ้มครองจากราชาแดนเหนืออยู่เบื้องหลัง แม้ว่าเขาจะกลัวอำนาจของตระกูลซูมาก แต่เขาก็ไม่กลัวเด็กเมื่อวานซืนอย่างซูห่าว!“แล้วถ้าผมต้องเข้าไปยุ่งล่ะ?”"คุณจะทำอะไรผมได้?"ซูห่าวพูดอย่างเย็นชาและหยิ่งผยอง"คุณ...""ก็ได้ เยี่ยมมาก!"“เนี่ยอู๋ ฉินหมิง พวกนายสองคนโชคดี วันนี้เห็นแก่หน้าของนายน้อยซูฉันจะปล่อยนายสองคนไปก่อน!”"ไปกันเถอะ!"หลัวซื่อฉงรู้ว่าเขาไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลซูได้ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและอดทนต่อความโกรธ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้ชายชุดดำทั้งสองล่าถอยและเตรียมพร้อมที่จะจากไป"พวกคุณอยากจะไปงั้นเหรอ?"“ผมอนุญาตแล้วหรือไง?”ซูห่าวกล่าวอย่างเย็นชา“นายน้อยซู คุณยังต้องการอะไรอีก?”