เขาตระหนักดีว่านี่เป็นข้อขัดแย้งของโลกใต้ดิน เดิมทีเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโลกใต้ดินเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เนี่ยอู๋เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเขาไม่อาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้นอกจากนี้ระดับการฝึกฝนของเขาก็เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานแล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งของเนี่ยอู๋เพิ่มเข้ามาด้วย พวกเขาสองคนก็จะสามารถรวมพลังกันเพื่อจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ยังไม่ยากเย็นนัก"สุดยอดไปเลย!"เนี่ยอู๋มีความสุขมากเขาคิดมาโดยตลอดว่าฉินหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ เมื่อฉินหมิงพร้อมจะเป็นกำลังให้ ถึงแม้หลัวซื่อฉงจะเป็นพยัคฆ์บินก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร!“ว้าว มีเรื่องดี ๆ ให้ชมอีกแล้ว!”“ม่านม่าน เสี่ยวหรู เราไปดูกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูตื่นเต้น เธอไม่ได้สัมผัสความวุ่นวายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสสำคัญในวันนี้จากนั้นเธอก็คว้าตัวเหลียงม่านม่านด้วยมือข้างหนึ่งและคว้าจางหรูด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเดินตามฉินหมิงและเนี่ยอู๋ออกไปด้วยกันลูกค้าที่เหลือที่ดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกค้าที่ไม่อยากเข้ามาพัวพันบางคนก็รีบจ่ายเงินและก้าวออกไ
เนื่องจากอาณาเขตของเนี่ยอู๋ติดกับหลัวซื่อฉงทั้งสองจึงมีความขัดแย้งและต่อสู้กันเมื่อหลายปีก่อน โดยแข่งขันพื่อแย่งชิงดินแดนของกันและกันเดิมทีเนี่ยอู๋มีร้านอาหารแปดร้านภายใต้ชื่อของเขา แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากฝีมือหลัวซื่อฉงเมื่อหกปีที่แล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาจึงหยุดชะงักไปหลัวซื่อฉงคว้าโอกาสนี้และค่อย ๆ กินพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ เขาเหลือร้านอาหารเพียงสามแห่งภายใต้ชื่อของเขาเท่านั้นโชคยังดีที่เขาได้รับการคุ้มครองจากราชาแดนใต้อยู่เบื้องหลัง หลัวซื่อฉงจึงทำได้แค่แค่รุกล้ำเขาอย่างช้า ๆ และไม่กล้าทำลายเขาอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการถูกรุกคืบของดินแดนอย่างมีนัยสำคัญ ผลกำไรที่เขายกให้กับราชาแดนใต้ก็ลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยในช่วงหลายปีมานี้ และสถานะของเขาในความรู้สึกของราชาแดนใต้ก็ค่อย ๆ ห่างออกไปยิ่งกว่านั้นเขาเพียงแต่ก้มศีรษะให้ราชาแดนใต้และไม่ใช่ลูกน้องของราชาแดนใต้ ตอนนี้เขาทำรายได้ได้เพียงเล็กน้อยและกลายเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง!ถ้ายังไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้วหลัวซื่อฉงจะกระทำการอุกอาจเ
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพี่อู๋ถึงให้ความเคารพฉินหมิงมาก ปรากฎว่าอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย!มีก็แต่ประธานเว่ย ผู้เห็นเหตุการณ์และเหล่านักเลงทั่วไปบางคนต่างก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูกพวกเขาไม่ใช่นักสู้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์คืออะไรแม้จะฟังดูทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด!ในหมู่ของพวกเขา เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองดูฉินหมิงด้วยดวงตาเป็นประกาย ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเร่าร้อน!“เนี่ยอู๋ คิดว่าเด็กนี่เป็นคนที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์งั้นเหรอ?”หลัวซื่อฉงชี้ไปที่ฉินหมิงด้วยสีหน้าที่แปลก ๆ จากนั้นเขาก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หัวเราะจนฟันแทบหัก!เขาได้รับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับฉินหมิงจากตระกูลซุนมาก่อนแล้ว เขารู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีความสามารถอะไรเลย เขาคงไม่ใช่แม้แต่นักฝึกยุทธด้วยซ้ำ!ยิ่งไปกว่านั้นด้วยวัยของฉินหมิง หากเขาเป็นปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์จริง ๆ เขาย่อมต้องมีชื่อเสียงและกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นใหม่แห่งเจียงเฉิงอย่างแ
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดก็คือระดับการบ่มเพาะของเนี่ยอู๋จะทะลวงไปถึงขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทานบ้างแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่ทันได้ล่วงรู้เลย!“เนี่ยอู๋ ไม่นึกเลยว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นายจะซุ่มเก็บตัวบ่มเพาะตนเองแบบนี้ แปลว่าถ้าฉันไม่ได้จัดการนายให้สิ้นซากเสียตั้งแต่วันนี้ วันหน้าคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”ใบหน้าของหลัวซื่อฉงมืดครึ้มลง และเจตนาสังหารของเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้น!ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเนี่ยอู๋ตามเขาทันแล้ว เขาจะต้องทำลายเนี่ยอู๋ให้ได้ในคราวนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มิฉะนั้นสถานการณ์จะกลับตาลปัตร และหากไม่กำจัดให้สิ้นซากเนี่ยอู๋ก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นหนามยอกอกของเขาอีกรอบ!“อาจารย์ฉิน ผมคงต้องปล่อยให้หลัวซื่อฉงไว้ในมือคุณ!”เนี่ยอู๋บังคับให้ชายสองคนในชุดสีดำถอยกลับด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เข้าหันมาพูดอะไรบางอย่างกับฉินหมิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาที่อยู่ในขั้นกลางของระดับสวรรค์ประทาน ก็ดีเกินพอที่จะใช้จัดการกับชายสองคนตรงหน้าเขา ซึ่งอยู่ในขั้นต้นของระดับสวรรค์ประทานแล้ว!ตราบใดที่ฉินหมิงสามารถช่วยเขาจัดการกับหลัวซื่อฉงได้ เขาก็จะสามารถ
“แต่นี่มันเป็นเรื่องของโลกใต้ดิน ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูของคุณ ดูจะไม่เหมาะสมที่คุณจะเข้ามายุ่งกับปัญหาของพวกเราสุ่มสี่สุ่มห้า!”ใบหน้าของหลัวซื่อฉงดูน่าเกลียดมากสี่ตระกูลหลักทั้งหมดอยู่ในแวดวงธุรกิจสีขาว และกองกำลังใต้ดินก็เชื่อมโยงกันอย่างดีมาโดยตลอดยิ่งไปกว่านั้นไม่มีสี่พยัคฆ์แห่งโลกใต้ดินที่เป็นคนโหดเหี้ยมและกบฏ หลัวซื่อฉงอยู่ในฐานะบุคคลระดับสูงในโลกใต้ดิน อีกทั้งยังได้รับการคุ้มครองจากราชาแดนเหนืออยู่เบื้องหลัง แม้ว่าเขาจะกลัวอำนาจของตระกูลซูมาก แต่เขาก็ไม่กลัวเด็กเมื่อวานซืนอย่างซูห่าว!“แล้วถ้าผมต้องเข้าไปยุ่งล่ะ?”"คุณจะทำอะไรผมได้?"ซูห่าวพูดอย่างเย็นชาและหยิ่งผยอง"คุณ...""ก็ได้ เยี่ยมมาก!"“เนี่ยอู๋ ฉินหมิง พวกนายสองคนโชคดี วันนี้เห็นแก่หน้าของนายน้อยซูฉันจะปล่อยนายสองคนไปก่อน!”"ไปกันเถอะ!"หลัวซื่อฉงรู้ว่าเขาไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลซูได้ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและอดทนต่อความโกรธ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้ชายชุดดำทั้งสองล่าถอยและเตรียมพร้อมที่จะจากไป"พวกคุณอยากจะไปงั้นเหรอ?"“ผมอนุญาตแล้วหรือไง?”ซูห่าวกล่าวอย่างเย็นชา“นายน้อยซู คุณยังต้องการอะไรอีก?”
“และอีกอย่างเด็กที่ชื่อฉินหมิงเป็นใครมาจากไหนกัน? ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องลึกซึ้งกับซูห่าว เขาเป็นคนตระกูลซูด้วยหรือเปล่า”ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตากับความงามของซูซินเหยา พวกเขาก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉินหมิงและแอบคาดเดาว่าแม้ว่าฉินหมิงจะไม่ได้มาจากตระกูลซู แต่เขาก็คงต้องเป็นคนที่มีอำนาจมาก!เนี่ยอู๋ก็คิดแบบนี้เช่นกันเดิมทีเขาเต็มใจที่จะรับใช้ฉินหมิงในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น เพราะเขารู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เขาไม่เคยฝันถึงก็คือฉินหมิงไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์เท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลซูซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักอีกด้วย!นี่ไม่ต่างอะไรกับการพบสมบัติล้ำค่าเลย!ในอนาคต ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของฉินหมิง อนาคตก็อาจจะยึดดินแดนจากมือของหลัวซื่อฉงคืนได้อย่างไม่ยากเย็น!เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แทบไม่หายไป!ตรงกันข้ามกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเนี่ยอู๋ ใบหน้าของเผิงปิงดูบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีเขาวางแผนที่จะหาโอกาสเข้าใกล้เซี่ยเสี่ยวเตี
ฉินหมิงติดตามซูห่าวและพรรคพวกของเขาไปที่ห้องนั่งเล่นและพบกับนายท่านซูหลังจากที่ฉินหมิงกลั่นยาอายุวัฒนะในครั้งที่แล้ว นายท่านซูได้เสนอแนวคิดในการร่วมมือกับฉินหมิงเพื่อขายยาอายุวัฒนะดังกล่าวทุกวันนี้เขาได้เตรียมการเกือบทุกอย่างไว้แล้ว และการเชิญฉินหมิงมาก็เพียงเพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดบางอย่างเท่านั้นทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนคำทักทายเล็ก ๆ น้อย ๆ และนั่งลงในฐานะผู้ทรงเกียรติ“ฉินหมิง เรื่องความร่วมมือผลิตยาอายุวัฒนะ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ฉันได้ซื้อบริษัทยาแล้ว และกำลังเตรียมที่จะลงทุนเงินก้อนแรกหนึ่งพันล้าน ซินเหยาจะเป็นตัวแทนตระกูลซูของเราเพื่อร่วมมือกับคุณ”"เมื่อถึงเวลานั้น บริษัทจะดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยาต่าง ๆ เป็นหลัก และคุณจะต้องรับผิดชอบในการกลั่นยาคุณภาพสูง..."นายท่านซูแสดงความคิดของเขาตระกูลซูเป็นผู้ผลิตสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิงและเมืองรอบ ๆ หลายแห่ง แต่ไม่เคยมีความสำเร็จใด ๆ ในด้านเภสัชกรรมทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงนั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก เมื่อมีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ยาต่าง ๆ เป็นอย่างดี นั่นจะสามารถช่วยให้ตระกูลซูเข้าสู่วงการเภสัชกรรมและขยายอิทธิ
"ดังนั้นผมจึงยังไม่อาจทุ่มเทแรงกายแรงใจมากเกินไปให้กับในบริษัทยาได้ในตอนนี้..."ฉินหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวเขาไม่ต้องการออกจากอาร์ทิสทรีกรุ๊ปเพราะเห็นแก่หลินหว่านชิงแม้ว่าเขาอยากจะมีอาชีพการงานที่ดี แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าตำแหน่งของหลินหว่านชิงในใจของเขานั้น สำคัญมากกว่าอาชีพของเขา!"นั่นมัน..."นายท่านซูและซูห่าวตกตะลึงกับคำขอของฉินหมิงขณะที่พวกเขามองหน้ากันปัจจุบัน ฉินหมิงถือหุ้นในบริษัทยาจำนวนหกสิบเปอร์เซ็นต์และได้เป็นถึงประธานบริษัทในฐานะประธาน เขาไม่คิดจะมาทำงานในบริษัทของตัวเองและยืนกรานที่จะทำงานเป็นเลขาให้คนอื่นคำขอนี้ไม่แปลกประหลาดเกินไปหน่อยหรือ!ฉินหมิงเองก็รู้ดีว่าคำขอของเขานั้นไม่สมเหตุสมผล เขาหน้าแดงและพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า "แต่อย่ากังวลไป ผมจะเขียนใบสั่งยาวิเศษบางชนิดที่ใช้ได้ผลดีขึ้นมา แล้วผมจะมอบให้กับบริษัทเพื่อทำการผลิต""อีกอย่าง ในแง่ของการกลั่นยา ตราบใดที่บริษัทมีความต้องการ ผมก็สามารถทุ่มเทเวลาในการจัดการให้เรียบร้อยและจะไม่ทำให้งานล่าช้าได้ด้วย..."“อืม... ถ้ามีใบสั่งยาวิเศษได้ ก็นับว่าดีมาก!”ใบหน้าของนายท่านซูเปล่งประกายด้วยความดี