"ดังนั้นผมจึงยังไม่อาจทุ่มเทแรงกายแรงใจมากเกินไปให้กับในบริษัทยาได้ในตอนนี้..."ฉินหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวเขาไม่ต้องการออกจากอาร์ทิสทรีกรุ๊ปเพราะเห็นแก่หลินหว่านชิงแม้ว่าเขาอยากจะมีอาชีพการงานที่ดี แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าตำแหน่งของหลินหว่านชิงในใจของเขานั้น สำคัญมากกว่าอาชีพของเขา!"นั่นมัน..."นายท่านซูและซูห่าวตกตะลึงกับคำขอของฉินหมิงขณะที่พวกเขามองหน้ากันปัจจุบัน ฉินหมิงถือหุ้นในบริษัทยาจำนวนหกสิบเปอร์เซ็นต์และได้เป็นถึงประธานบริษัทในฐานะประธาน เขาไม่คิดจะมาทำงานในบริษัทของตัวเองและยืนกรานที่จะทำงานเป็นเลขาให้คนอื่นคำขอนี้ไม่แปลกประหลาดเกินไปหน่อยหรือ!ฉินหมิงเองก็รู้ดีว่าคำขอของเขานั้นไม่สมเหตุสมผล เขาหน้าแดงและพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า "แต่อย่ากังวลไป ผมจะเขียนใบสั่งยาวิเศษบางชนิดที่ใช้ได้ผลดีขึ้นมา แล้วผมจะมอบให้กับบริษัทเพื่อทำการผลิต""อีกอย่าง ในแง่ของการกลั่นยา ตราบใดที่บริษัทมีความต้องการ ผมก็สามารถทุ่มเทเวลาในการจัดการให้เรียบร้อยและจะไม่ทำให้งานล่าช้าได้ด้วย..."“อืม... ถ้ามีใบสั่งยาวิเศษได้ ก็นับว่าดีมาก!”ใบหน้าของนายท่านซูเปล่งประกายด้วยความดี
การใช้ยาบำรุงผิวพรรณในระยะยาวสามารถชะลอความชราได้ยาเพิ่มอายุขัยและยาบำรุงสุขภาพมีประสิทธิภาพช่วยในการยืดอายุและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาห้ามเลือดมีผลน่าอัศจรรย์ต่อการบาดเจ็บภายนอก ในขณะที่ยากระตุ้นการไหลเวียนเลือดสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้“พวกนี้พอได้ไหมครับ?”ฉินหมิงถามคัมภีร์ทางการแพทย์ที่อยุ่ในหัวของเขาบันทึกตำรับยาไว้มากมาย แต่เนื่องจากยังขาดการฝึกฝนที่มากพอ เขาจึงสามารถกลั่นยาธรรมดาได้เพียงบางส่วนเท่านั้นในปัจจุบันนี้ เขายังไม่สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะขั้นสูงได้มากมายอะไร“ยาเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพดีก็จริง แต่ก็ยังไม่สะดุดตาพอ…”นายท่านซูขมวดคิ้วและกล่าวเขารู้ดีว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงก้าวหน้าแค่ไหน ยาเหล่านี้สกัดโดยฉินหมิงมีประสิทธิภาพมากกว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและยาบางชนิดมากกว่าร้อยเท่าอย่างแน่นอน ในอนาคตจะมีความต้องการสูงแน่นอน!อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ช้าเกินไป และไม่มีทางจะสร้างชื่อเสียงของบริษัทได้ตั้งแต่เปิดตัว!ฉินหมิงรำพึงรำพันกับตัวเอง "เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้พบกับยอดฝีมือด้านศิลปยุทธมาหลายคน ผมสามารถกลั่นยาหลอมลมปราณได้ ซึ่งให้ประสิทธิภาพแสน
ฉินหมิงกล่าว“ทลายจุดคอขวดของการบ่มเพาะตน?”"คุณฉิน ที่คุณกำลังหมายความว่าผมจะสามารถทะลวงผ่านขั้นขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานที่ตัวเองมีไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้งั้นเหรอ”เสียงของซูห่าวสั่นไหวและดวงตาของเขาสว่างขึ้นในแต่ละระดับการบ่มเพาะตนของผู้ฝึกยุทธมีเส้นแบ่งขนาดใหญ่อยู่ ไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยพรสวรรค์และประสบการณ์ทางด้านศิลปยุทธที่สูงมากอีกด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานมานานกว่าสองปีแล้ว เขาได้แต่ใฝ่ฝันที่จะทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์อยู่ทุกวันคืน!มีเพียงคนที่อยู่ในระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!"ยอดฝีมือย่อมสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่เพียงใด!"ฉินหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า"เอาล่ะ เยี่ยมมาก!"ซูห่าวรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แต่เมื่อเขาตระหนักได้ถึงโสมป่าหรือเหอโส่วอูที่ต้องมีอายุมากกว่าห้าร้อยปี เขาก็ดูมีท่าทีผิดหวังราวกับโลกทั้งใบพังทลายลงท้ายที่สุดแล้ว สมุนไพรจีนที่ดีที่สุดที่ตระกูลซูมีในครอบครองเป็นเพียงโสมป่าที่มีอายุสามร้
นั่นไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย!ฉินหมิงตกตะลึงและเอ่ยปากอย่างกล้าหาญว่า "จริง ๆ แล้วคุณก็ดูสวยพอ ๆ กันเลยนะ สวยไม่แพ้กันเลยล่ะ"“ชิ คุณมันปากไม่ตรงกับใจสักนิด ไม่จริงใจเอาเสียเลย!”ซูซินเหยาเหลือบมองฉินหมิงพลางรู้สึกพอใจกับคำตอบที่ได้รับในขณะนี้ ทั้งสองได้เดินไปถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์แล้ว ซูซินเหยาส่งสัญญาณมือเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูที่อยู่ใกล้ ๆ ให้เข้ามาหา "กัปตันหลี่ วันนี้ฉินหมิงไม่ได้ขับรถมา คุณส่งเขากลับที!"กัปตันหลี่รับคำแล้วพาฉินหมิงออกไป…… วิลล่าอ่าวหลงหูเมื่อฉินหมิงกลับถึงบ้าน เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็กลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอและหลินหว่านชิงเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ“ฉินหมิง วันนี้ฉันขอให้คุณพาเสี่ยวเตี๋ยไปมหาวิทยาลัยแทนฉัน ทำไมคุณถึงหายไปกลางคันล่ะ?”หลินหว่านชิงจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยความโกรธ“เอ่อ... ผมมีเรื่องสำคัญกะทันหัน ผมก็เลยต้องขอตัวก่อน”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆ รู้สึกไม่สบายใจและกล้า ๆ กลัว ๆ เล็กน้อยเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของหลินหว่านชิง ดูเหมือนว่าเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยจะไม่ได้บอกหลินหว่านชิงว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ ซึ่งนับว่าค่อนข้างแปลกแต่ทว่าเมื
“ชิ นายไม่ใช่แฟนของลูกพี่ลูกน้องฉันเสียหน่อย กลัวเธอจะเข้าใจผิดเรื่องอะไร”“ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก นายคิดไม่ดีกับลูกพี่ลูกน้องของฉันจริง ๆ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาถมึงทึง“คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อหว่านชิงเสียหน่อย”ฉินหมิงรู้สึกผิดและไม่กล้ามองสบตาของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตรง ๆ“ปากแข็งอย่างกับหิน!”“นายมีความสามารถและมีทักษะมาก แต่นายกับยอมทำงานเป็นเลขาตัวเล็ก ๆ ในบริษัทของลูกพี่ลูกน้องแถมยังมาอาศัยอยู่บ้านของเธออีก!”“ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเธอแล้วจะเป็นอะไรได้อีก”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา"เรื่องนั้น..."ฉินหมิงพูดไม่ออก ในแง่ทักษะยั่วโมโหคน เขาไม่สามารถเทียบได้กับแม่มดน้อยเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยได้ เขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง"ฉินจอมฉาวพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ นายชอบลูกพี่ลูกน้องของฉันใช่ไหม”มุมปากของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโค้งอย่างเหนือกว่า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยท่าทีหยอกล้อ"ผม..."ฉินหมิงมีอาการปวดหัว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วซูซินเหยาเพิ่งถามคำถามนี้กับเขา ตอนนั้นเขาเอาตัวเองให้หลุดพ้นจากคำถามนั้นมาได้ ตอน
แน่นอนว่าเธอรู้จักนิสัยใจคอของลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นอย่างดี เนื่องจากลูกพี่ลูกน้องของเธอเต็มใจยอมให้ฉินหมิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านและไม่ได้ไล่ให้เขาไปหาที่อยู่เองมาตั้งนานสองนานแล้วด้วย อาจจะเป็นเพราะเธอคงมีความรู้สึกที่ดีต่อฉินหมิงเช่นกันทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีใจ และเธอก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะสามารถคบหากันจนถึงขั้นแต่งงานและเธอก็ได้เรียนรู้กังฟูไปด้วย นี่ก็ถือว่าได้ประโยชน์สมประสงค์กันทั้งสองฝ่าย!“แต่ผมไม่ได้...”ฉินหมิงกำลังคิดจะชี้แจงว่าเขาไม่ใช่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์ แต่ในทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่ายังไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องนั้นในตอนนี้ หากเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้ความจริงนั่นไม่ได้เท่ากับคำสัญญาที่เธอรับปากว่าจะช่วยเขาตามจีบหลินหว่านชิงจะต้องสิ้นสุดลงหรอกหรือ?"ใช่แล้ว ผมเป็นนักศิลปะยุทธในระดับปรมาจารย์!"ฉินหมิงพูดอย่างไร้ยางอาย มือทั้งสองข้างไพล่หลังราวกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ หัวใจของเขาเต้นรัวไม่ต่างอะไรกับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย!หากเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรับปากจะช่วย เขาก็จะประหยัดแรงในการไล่ตามจีบหลินหว่านชิงขึ้นเป็นเท่าตัวและคงจะได้เธอมาไว้ในครอบครอง
เขาเพียงแค่ต้องสุ่มเลือกคัมภีร์ศิลปยุทธที่เหมาะจะให้ผู้หญิงใช้ฝึกฝน จากนั้นจึงใช้ทักษะดังกล่าวสอนให้กับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยสิ่งเดียวที่เขาปวดหัวก็คือตัวเขาเองไม่ใช่นักรบ การมอบคำแนะนำด้านการบ่มเพาะตนให้แก่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยในอนาคตต้องเป็นความท้าทายอย่างมากแน่นอน!"ยอดเยี่ยม!"“ฉินจอมฉาว ฉันรักนายมากจริง ๆ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตื่นเต้นอย่างมาก เธอกระโดดกอดฉินหมิงและหัวเราะด้วยความดีใจ ราวกับเด็กได้ของเล่น "คุณ..."ความนุ่มนิ่มและความอบอุ่นจากก้อนเนื้อทั้งสองที่บดเบียดอยู่บริเวณอ้อมแขน สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉินหมิงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยนับว่าประหลาดคน บางครั้งก็ทำให้เขาปวดหัว แต่บางครั้งเธอก็อ่อนหวานและมีเสน่ห์จนแทบจะละลายหัวใจผู้ชายทุกคนได้เธอเป็นแม่มดตัวน้อยที่ร้ายมากจริง ๆ!"เอาล่ะ รีบสอนศิลปยุทธให้ฉันเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยระงับความปิติในใจของเธออย่างแข็งขันและพูดอย่างตื่นเต้น"รอก่อนแล้วกัน ผมขอคิดหาทางก่อน"ฉินหมิงหลับตาและเตรียมเลือกทักษะศิลปยุทธลับก๊อก ก๊อก!ในทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เสียงนั้นทำให้ฉินหมิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ในห้อ
แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เธอก็รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอน่าจะเดินเข้ามาในห้องแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามมิฉะนั้น ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเธอพบว่าเธอกำลังนอนอยู่กับฉินหมิงแล้วล่ะก็ ต่อให้แก้ตัวอย่างไรก็คงไม่พ้นมลทิน!หลินหว่านชิงเดินเข้าไปในห้องนอนและส่ายสายตาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะได้เห็นฉินหมิงนอนอยู่บนเตียงเพียงผู้เดียว ไม่มีร่างของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอยู่ในห้องด้วยเลย“โอ้ เสี่ยวเตี๋ยไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?”“แต่ฉันหาจนทั่ว ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ แล้วเธอจะไปไหนได้อีก?”หลินหว่านชิงรู้สึกสับสนอย่างหนัก“เธออาจจะไปเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ?”ฉินหมิงหัวเราะเบา ๆ สองสามครั้ง ร่างกายของเขาแข็งทื่อและความประมาททำให้ฝ่ามือของเขามีเหงื่อออกชุ่ม“ไม่ ฉันค้นหาทั้งห้องน้ำ ระเบียง และห้องครัวทั้งชั้นบนและชั้นล่างแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเธอเลย”หลินหว่านชิงขมวดคิ้ว และสัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของผู้หญิงได้บอกเธอว่ากริยาท่าทางของฉินหมิงดูคล้ายจะแปลกไปเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันผิดปกติตรงไหนกันแน่“บางทีระหว่างที่คุณตามหาเธออยู่นี่ เธออาจกลับถึงห้องไปแล้ว แค่บังเอิญคลาดกันไปมาเท่